I am wife เมื่อผมเป็นเจ้าสาว [YAOI]

9.2

เขียนโดย อันธพาล

วันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 เวลา 15.47 น.

  6 chapter
  2 วิจารณ์
  9,856 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2559 15.49 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) เกลี้ยกล่อม?

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Episode 1 เกลี้ยกล่อม?

 

ในยุคสมัยที่ยังมีอัศวินปกป้องเจ้าหญิง

มีเจ้าชาย มีกษัตริย์ปกครองแผ่นดิน

มีพ่อมดแม่มด มีปีศาจ มีมังกร

และเวทมนตร์ไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด

ยังมีดินแดนแห่งหนึ่ง ที่ถูกปกครองโดยราชาปีศาจ...

ราฟเทล มหานครใจกลางทวีปอาร์คเด หรือก็คือเมืองหลวง

ปกครองโดยราชาปีศาจเมเธนอส ทรงมีเจ้าชายสี่พระองค์

ได้แก่.....

ซามาเอล แอสทารอธ โฟร์คาลอร์ และดันทาเลี่ยน

         

 

ชายป่ากรีนฟอเรส เขียวชอุ่มเต็มไปด้วยหมู่แมกไม้สีเขียวขจี ดอกไม้ป่าแข่งกันชูช่อข้างลำธารน้ำใสที่ไหลเอื่อยๆ ผ่านบ้านไม้เก่าๆ หลังหนึ่ง ห่างออกไปไม่ไกลนัก มีหมู่บ้านเล็กๆ ของมนุษย์ปลูกอยู่ไม่กี่หลังคาเรือน

          “ท่านน้า!!” เสียงหวานใสเอ่ยเรียกอยู่หน้าบ้านไม้หลังเก่า ในมือถือส้มป่าไว้หลายลูก เขาสาวเท้าขึ้นบันไดไปเปิดประตู แลเห็นหญิงวัยกลางคนที่ดูยังสาวหากมองเพียงผิวเผินนั่งอยู่ แต่วันนี้กลับไม่ได้อยู่เพียงลำพัง ตรงข้ามกลับมีชายหนุ่มสามคนนั่งอยู่ ดูจากชุดที่สวม คงเป็นทหารของเมืองหลวง

          “ลาเนีย เจ้ามาพอดี เข้ามานั่งข้างๆ น้านี่” ท่านน้าคนสวยเรียกเขา เขาขมวดคิ้ว เดินเข้าไปนั่งใกล้ๆ แล้ววางส้มป่าไว้ข้างกาย

          “พวกเขาเป็นใครหรือท่านน้า” เสียงหวานเอ่ยกระซิบ แต่คนเป็นน้ายังไม่ทันจะได้ตอบ ผู้มาเยือนก็เอ่ยขึ้นแก้ข้อสงสัย

          “ข้ามีนามว่าอคิน เป็นอัศวินประจำพระองค์ของเจ้าชายดันทาเลี่ยน ได้รับภารกิจจากองค์ราชาให้มาเชิญท่านเข้าวัง” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ผู้นั่งหน้าสุดเอ่ยด้วยน้ำเสียงกังวานฟังชัด

          “ข้า!?” ร่างบางชี้นิ้วใส่อกตัวเองแล้วทวนเสียงสูง ผู้มาเยือนพยักศีรษะ ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบ

          “เป็นท่าน”

          “ทำไม ท่านช่วยบอกเหตุผลมาได้หรือไม่?” เสียงหวานถามพลางขมวดคิ้ว

          “องค์ราชามีรับสั่งให้ท่านอภิเษกกับเจ้าชายดันทาเลี่ยน นั่นเป็นเหตุผลให้ท่านต้องเข้าวัง”

          “อภิเษกกับเจ้าชาย!!!!O_____________O” ร่างบางตาโตหลังจากที่ได้ฟังคนตรงหน้าพูด

          “อภิเษกกับเจ้าชาย” อคินพยักหน้าพร้อมเอ่ยยืนยัน ร่างบางอ้าปากค้างก่อนจะหัวเราะแหะๆ แล้วว่า

          “ข้ารู้สึกว่าหมู่นี้ท้องไส้ไม่ค่อยดี ขอตัวก่อน” เอ่ยจบก็เผ่นแนบออกจากบ้านไป ทิ้งให้คนสี่คนนั่งมองตากันปริบๆ แม้คนเป็นน้าร้องเรียกก็ยังไม่ทัน

          “เดี๋ยวข้าจะคุยกับเขา เชิญท่านกลับไปก่อนเถิด” เทียร่า น้าที่ยังดูสาวเอ่ย ก่อนท่านราชองครักษ์จะพยักหน้าแล้วลุกเดินออกจากบ้านไป

 

          ทางฝ่ายของคนที่รีบวิ่งออกมาก่อน เขาเคาะประตูบ้านของเพื่อนสนิทอย่างรีบร้อน พอประตูเปิดออกเห็นว่าเป็นเพื่อนตัวโตที่อายุมากกว่าที่รีบมุดตัวแทรกเข้าไปด้านในทันที

          “เจ้าเพิ่งกลับบ้านไปไม่ใช่เหรอ ลาเนีย?” เลวี่ หนุ่มผมแดงท่าทางแข็งแรงกว่าร่างบางๆ ของลาเนียหลายเท่านักเอ่ยถามด้วยสีหน้าสงสัย

          “ก็เพิ่งกลับ แล้วก็เพิ่งหนีออกมา” เขาตอบพลางถอนหายใจอย่างหนักอกหนักใจ ไม่อยากให้เพื่อนตัวดีรู้ว่าเขาไปเจออะไรมาถึงได้รีบแจ้นมาที่นี้ หากได้ยินมันคงหัวเราะเขาแน่ๆ พอมาตอนนี้เขาก็เพิ่งคิดได้ ว่าเขาจะมาให้มันถามเพื่อ?

          “ทำไม” แต่คนเป็นเพื่อนก็ยังอุตส่าห์ถาม เขามองค้อนทีหนึ่งอย่างหงุดหงิดใจ

          “ไม่มีอะไรหรอก ข้าหิวน้ำจริงๆ สิพับผ่า เจ้าปฏิบัติกับแขกแบบนี้เสมอรึไง เลวี่!!” แล้วก็โดนฝ่ามือจากเพื่อนรักไปหนึ่งทีก่อนจะได้ดื่มน้ำตามที่เอ่ยเปลี่ยนเรื่อง

          ลาเนียดื่มน้ำเสร็จแล้วก็ถอนหายใจอีกเฮือก เขากำลังจะได้แต่งงานกับเจ้าชาย ตำแหน่งพระชายาที่ใครหลายคนฝันถึง แม้เจ้าชายที่ว่าจะเป็นเจ้าชายปีศาจก็เถอะ ถามว่าดีใจมั้ย มันก็ควรจะดีใจหากว่าเขาเป็นหญิง หากแต่เขาไม่ดีใจเลยสักนิดเพราะเขาเป็นชาย

          แล้วก็จะดีใจกว่านี้ หากเจ้าชายจะกลายเป็นเจ้าหญิงโฉมงามพอให้ได้ไปอวดชาวบ้านชาวช่อง อวดเพื่อนด้วยกันว่าได้เมียสวยแถมพ่วงตำแหน่งเจ้าหญิงแห่งทวีปอาร์คเด ลูกสาวคนงามของราชาเมเธนอสผู้ครองทวีป หรือทั้งยี่สิบสี่ประเทศในดินแดนทางตะวันตก แต่มันไม่ใช่ไงเขาเลยต้องรีบหลบฉากมาที่นี่

          ข่าวว่าเจ้าชายดันทาเลี่ยนก็ดันเป็นชายร่างสูง แข็งแรงกำยำ ไม่มีท่าทีว่าตัวเล็กๆ เอวบางๆ แบบเขาจะสามารถกดร่างถึกๆ ของเจ้าชายลงได้เลยแม้แต่น้อย

          เหอๆ หากแต่งไป เขาคงจะได้กลายเป็นเจ้าชายพระชายา ใครมันจะไปยอมฟะ!!

          แล้วราชาเมเธนอสก็ไม่รู้จักมีเจ้าหญิงสักองค์สององค์เลยจริงๆ สิ แล้วเอาสมองส่วนไหนคิด ถึงมีรับสั่งให้เขาเข้าวังไปแต่งกับเจ้าชาย

          ท่าจะเพี้ยนหนัก!!!

          จึ้ก

          แล้วนิ้วชี้ของเพื่อนตัวดีก็จิ้มจึ้กเข้าที่หว่างคิ้ว

          “ท่าจะเครียดหนัก เจ้ารู้ตัวไหม คิ้วเจ้าพันกันยุ่งไปหมด” เลวี่กล่าว ส่งให้คนคิ้วยุ่งยกยิ้มแล้วว่า

          “บ้าแล้ว ฮ่าๆๆๆ คนอารมณ์ดีแบบข้าจะมีเรื่องไรให้เครียด!!”

          “ใช่!! เรื่องอะไรกันนะที่ทำให้คนบ้าแบบเจ้าเครียดได้ขนาดนี้?” คนฟังจากที่หัวเราะเอิ้กอ้ากกลบเกลื่อนต้องถลึงตาใส่เมื่อโดนเพื่อนแอบกัดเบาๆ ให้พอแสบๆ คันๆ

          “เจ้าสิบ้า!”

          “หึหึ ไหนเล่ามาซิ ว่าเจ้ามีเรื่องอะไรให้หนักอกหนักใจ จนต้องนั่งถอนหายเฮือกๆ ให้ข้าพลอยหดหู่ไปด้วยเนี่ย?”

          “ข้าบอกไม่มีอะไรก็คือไม่มีอะไร เดี๋ยวข้าก็กลับแล้วเจ้ามีอะไรไปทำก็ไปไม่ต้องสนใจข้า”

          “บังเอิญว่าข้าว่างมาก!! มีเวลาสนใจเจ้าจนกว่าเจ้าจะย้ายก้นกลับบ้านไปนั่นแหละ”

          “เจ้า...จิ๊ จะสนใจก็เรื่องของเจ้า ข้าไม่สนเจ้าเองก็ได้!!” ว่าแล้วก็ย้ายตัวเองเข้าไปอยู่ในครัวไม่สนใจเจ้าของบ้าน เหมือนกับว่าเป็นบ้านของตนเองก็ไม่ปาน

          “หึหึหึหึ” แต่ก็ไม่วายได้ยินเสียงหัวเราะดังแว่วๆ ให้ต้องหงุดหงิด

 

          หลายวันต่อจากนั้น องครักษ์ทั้งสามก็แวะมาบ้านเขาทุกวี่วัน ไม่มีเหน็ดเหนื่อย แม้เขาจะหนีได้ทุกครั้งและก็ย่องกลับเอาตอนที่ท่านน้านอนหลับไปแล้ว ซึ่งวันนี้ก็ไม่ต่างจากหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา แต่สิ่งที่ไม่เหมือนก็คือ ร่างบางไม่ได้ยินที่ท่านอัศวินกล่าวว่า

‘องค์ราชาตรัสว่า หากวันนี้ท่านลาเนียยังไม่ไปกับข้า พรุ่งนี้จะทรงเสด็จมาด้วยองค์เอง’

          ร่างบางมองซ้ายมองขวา ก่อนผลักบานประตูเบาๆ โผล่หัวเข้าไปสอดแนมด้านใน ไฟในบ้านดับสนิทเช่นทุกวัน หากแต่ไม่เหมือนก็ตรงที่เสียงเอ่ยเรียบๆ จากผู้เป็นน้าที่ดังขึ้นทันทีที่เขาย่องเข้าไปเกือบถึงที่นอน

          “เจ้านี่มุมานะเสียจริงนะ มานี่ มานั่งตรงนี้” ว่าพลางแสงไฟจากตะเกียงก็สว่างขึ้นจากเวทมนตร์ของแม่มดแห่งป่ากรีนฟอเรส ร่างบางกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนเดินตัวลีบมานั่งตรงหน้าท่านน้าคนสวย

          “ไหนเจ้าบอกน้าซิ ว่าจะหนีไปได้ถึงเมื่อไหร่?” เสียงหวานกังหวานของเทียร่าถามหลานชาย ลาเนียถอนหายใจก่อนว่า

          “ก็ข้าไม่อยากแต่งนี่นา นี่มันเรื่องบ้าบอที่สุด ข้าเป็นผู้ชายนะ” ลาเนียกระเง้ากระงอด หน้างอเมื่อนึกถึงเรื่องที่ต้องแต่งงาน

          “แต่เจ้าไม่ควรหนีปัญหา”

          “ไม่หนีไหวเหรอ ก็ท่านน้าเล่นสนับสนุนออกอย่างนั้น ไหนท่านช่วยบอกข้าหน่อย ว่ามีเหตุผลอะไรที่ท่านต้องไปสนับสนุนพระราชาด้วย!?” ถามพลางกอดอกขมวดคิ้ว

          “น้าไม่ได้สนับสนุน...”

          “ก็เห็นๆ กันอยู่ ยังจะไม่ยอมรับ” ว่าพลางก็ทำแก้มป่องๆ

          “คิดว่าทำแก้มป่องแล้วจะน่ารักรึ?”

          “โธ่ ท่านน้าก็”

          “นี่มันเป็นสัญญาของพ่อเจ้าที่มีต่อราชา ไม่ใช่ว่าน้าจะสนับสนุนพระองค์เสียหน่อย”

          “สัญญา? สัญญาอะไร ข้าไม่เห็นรู้เรื่อง แล้วท่านพ่อไปรู้จักมักจี่กับท่านจ้าวปีศาจแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?” เทียร่าส่ายหน้าไปมาก่อนจะว่า

          “จ้าวปีศาจแบบนั้นอะไรของเจ้า ผืนดินที่เจ้าอาศัยอยู่นี่อยู่ในการปกครองของพระองค์ เดี๋ยวเถอะ”

          “ช่างข้าเถอะ ไหนท่านน้าช่วยบอกข้าซิ ว่าท่านพ่อไปทำสัญญาอะไรกับราชา?”

          “ก็สัญญาว่าจะให้ลูกของพ่อเจ้าแต่งกับเจ้าชายของราชาไง แล้วลูกของพ่อเจ้าก็คือเจ้า”

          “พ่อข้าตายไปนานแล้ว สัญญาถือเป็นโมฆะ!”

          “เจ้าเด็กดื้อ ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็ต้องแต่ง”

          “ไม่แต่ง”

          “ลาเนีย น้าไม่สามารถปกป้องเจ้าไปได้ตลอดหรอกนะ” คนเป็นน้าพูดเสียงเหนื่อยใจเจือแววกังวล

          “ปกป้องข้า? จากอะไร? เรื่องนี้ไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ข้าต้องแต่งงานกับเจ้าชายเลยสักนิด!”

          “ก็ได้ น้าจะบอกความจริงเจ้า หากเจ้าตอบตกลงจะแต่งงาน” เทียร่ายื่นข้อเสนอ

          “งั้นท่านน้าก็ปิดบังข้าต่อไปเถอะ”

          “ลาเนีย”

          “โธ่ ก็ถ้าเปลี่ยนเจ้าชายเป็นเจ้าหญิงแทนข้าจะไม่โวยวายแล้วรีบรับข้อเสนอแต่งไปเป็นราชบุตรเขยโดยไม่ลังเลเลยสักนิด!”

          “เจ้านี่ดื้อเหมือนแม่เจ้าไม่มีผิด”

          “ก็ข้าเป็นลูกท่านแม่นี่นา เหมือนกันแล้วผิดตรงไหน?”

          “เฮ่อ เข้าใจแล้ว ลาเนีย เจ้าว่าพ่อของเจ้าเป็นใคร”

          “เป็นพ่อของข้า”

          “-______-^”

          “ก็แล้วพ่อข้าเป็นใครล่ะ?”

          “เจ้ารู้หรือไม่ ว่าพ่อเจ้ารู้จักท่านจ้าวได้ยังไง?” คนฟังส่ายหัวไปมา

          “พ่อเจ้า เมื่อก่อนเคยเป็นหัวหน้าอัศวินขององค์ราชา ก่อนจะลาออกมาตามง้อแม่เจ้า แล้วถูกแม่เจ้าจิกหัวเป็นคนใช้”

          “O________O หัวหน้าอัสวิน!? สมกับเป็นพ่อข้าที่สยบนักล่ามังกรอย่างท่านแม่ได้จริงๆ ข้าล่ะนับถือ!!” คนเป็นน้ายกมือกุมขมับกับหลานชายคนเดียว

          “พระราชาเป็นใคร?” เทียร่าถามอีกคนฟังยกยิ้มแล้วว่า

          “โธ่ ก็เป็น....”

          “ห้ามตอบว่าเป็นพระราชา” เทียร่าเบรก ส่งให้เจ้าตัวดีอ้าปากค้างก่อนจะหุบ ยกมือเกาแก้มแกรกๆ

          “ถ้าพระราชาไม่ใช่พระราชาแล้วจะเป็นอะไรล่ะ?” เทียร่าถอนหายใจ

          “เจ้านี่นอกจากหน้าตาจะเหมือนแม่เจ้าอย่างกับแฝดแล้ว สมองก็ยังเหมือนกันอีก!! พระราชาก็เป็นจ้าวปีศาจไงล่ะเจ้าเด็กโง่” คนฟังยกกำปั้นทุบลงบนฝ่ามือแล้วร้อง

          “เออ ใช่!! แล้วยังไงล่ะ?”

          “พ่อเจ้าเป็นหัวหน้าอัศวินของราชาปีศาจ แล้วเจ้าคิดว่าพ่อเจ้าจะยังเป็นมนุษย์อยู่ไหม?”

          “..............................” คราวนี้เด็กโง่ถึงกับเงียบ ใบ้กินไปชั่วขณะ

          “พ่อเจ้าเป็นหมาป่า ยศในสภาขุนนางเป็นถึงมาควิส ส่วนแม้เจ้าเป็นมนุษย์ เพราะฉะนั้น เจ้าจึงเป็นลูกครึ่งไงล่ะ!!!”

          “ท่านน้านี่ชอบล้อเล่น!”

          “หน้าข้าเหมือนคนกำลังล้อเล่นรึไงกันเจ้าเด็กดื้อ!”

          “..........ตะ แต่เรื่องนี้ก็ไม่เห็นเกี่ยวกับเรื่องที่ข้าจะต้องแต่งกับเจ้าชายเลยนี่” เสียงหวานเอ่ยอ้อมแอ้ม

          “น้าก็บอกเจ้าแล้วว่าเป็นสัญญาของพ่อเจ้า”

          “แค่นั้นเอง”

          “เฮ่อ น้าก็บอกเจ้าแล้วอีกเหมือนกันว่าเจ้าเป็นลูกสผม”

          “กะ ก็แค่นั้นเองเหมือนกัน”

“แล้วน้าบอกเจ้าหรือยังว่าตั้งแต่เจ้าอายุสิบสาม ทุกวันเพ็ญเจ้าจะกลายร่าง?”

          “O____O ท่านไม่ได้บอก!!!!” คนฟังตาโต

          “ถ้าอย่างนั้น น้าบอกเจ้าไปแล้วหรือยังว่าหัวใจของลูกเลือดผสมเป็นวัตถุดิบสร้างยาอมตะ?”

          “อันนั้นท่านก็ไม่ได้บอก!!!!”

          “แล้วเจ้าคิดไหมว่าทุกคืนวันเพ็ญน้าจะต้องคอยควบคุมพลังของเจ้า พลังเจ้าแข็งแกร่งขึ้นทุกวัน จนตอนนี้ น้าแทบจะสะกดมันไว้ไม่อยู่ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไป เจ้าคงฆ่าน้าสักวัน” คนพูด พูดพลางเหลือบมองสีหน้าหลานชายที่นิ่ง กัดปากหน้าเริ่มซีด

          “ขะ ข้าไม่ทำเช่นนั้นหรอก!”

          “เจ้าจะรู้ได้อย่างไร ขนาดเจ้าเองยังไม่ได้สติยามที่กลายร่าง แล้วเจ้าคิดอีกหรือไม่ ว่าหากมีคนต้องการหัวใจของเจ้า เจ้าจะทำเช่นไร เจ้าบอบบางเกินกว่าจะสู้กับมนต์ดำ”

          “ถ้าจะว่าข้าบอบบาง บอกว่าข้าอ่อนแอยังจะน่าฟังกว่าอีก” หลานชายกล่าวเซ็งๆ

          “ก็ได้ เจ้าอ่อนแอเกินกว่าจะสู้กับมนต์ดำ”

          “...............”

          “เจ้าเข้าใจน้าไหมลาเนีย”

          “ละ แล้วท่านน้าจะมั่นใจได้ยังไงว่าเจ้าชายดันทาเลี่ยนจะไม่ควักหัวใจข้าออกมากิน!!!”

          “เจ้าชายอายุยืนยาวอยู่แล้วไม่มีเหตุผลจะต้องทำเช่นนั้น”

          “อายุยืนไม่ได้หมายความว่าเป็นอมตะนี่”

          “เจ้าไม่ต้องห่วงนะลาเนีย หากเขาทำเช่นนั้น เรียกน้า น้าจะไปช่วยเจ้าทันที” เทียร่าว่าพลางลูบหัวหลานชายอย่างรักใคร่ จากเด็กทารกตัวเล็ก นางก็เลี้ยงมาคนเดียวจนโตมาดื้อได้ขนาดนี้

          “จะไปยังไง?”

          “น้าจะเขียนยันต์ให้เจ้าไว้หลายๆ แผ่น เอาไว้เวลาฉุกเฉิน น้าจะไปหาเจ้าทันที เจ้าอย่าลืมสิว่าน้าเป็นใคร”

          “ท่านน้านี่หาวิธีมากล่อมข้าจนได้ ที่ข้ายอมเพราะข้ารักท่านหรอก!!!”

          “หึหึ เจ้าเด็กดื้อ แม่เจ้าคงจะดีใจที่เห็นเจ้าปลอดภัย”

          “แม่ข้าคงเสียใจหากรู้ว่าข้าแต่งงานกับผู้ชาย!!!”

          “เจ้าเด็กดื้อ พูดอย่างกับพ่อเจ้าเป็นผู้หญิง”

          “เพราะท่านพ่อปล้ำท่านแม่หรอก! แถมไม่ได้แต่งด้วย ท่านพ่อหนีตามท่านแม่!!” เสียงหวานเอ่ยประชด เทียร่าดึงเอาหลานชายเข้ามากอดแนบอกแล้วลูบหัว

          “พรุ่งนี้พระราชาจะมารับเจ้า เข้านอนเถอะ” ทันทีที่ได้ฟัง ร่างบางก็เด้งพรวดก่อนจะเอ่ยตาโต

          “พระราชา!!!! ได้ไง!!?”

          “ก็เจ้าไม่ยอมเข้าวังไปเสียที พระองค์ก็เลยตรัสว่าจะมารับเจ้าเอง”

          “ตายๆๆ งั้นวันนี้ข้าจะนอนกับท่าน”

          “ได้สิเด็กดื้อ”

 

************************************************

 

To be continued

 

NextEpisode 2 แรกพบก็ไม่ถูกชะตา

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา