กระทืบธรณี เหยียบนรก พลิกสวรรค์

7.7

เขียนโดย ใต้แผ่นฟ้า

วันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 11.18 น.

  16 ตอน
  0 วิจารณ์
  16.75K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 กันยายน พ.ศ. 2559 01.03 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) สัตว์อสูรหยวยโหม่ว

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 3 สัตว์อสูรหยวนโหม่ว

“จิ้นเหอ ข้าขอจับศรีษะเจ้าหน่อย มันน่าตบซัก ป๊าบจริงๆ” หมิงลู่กล่าวมือลูบไล้อยู่บนหัวจิ้นเหอ

“ท่านอา! ท่านจะทำอะไร ข้าจะฟ้องท่านอาจารย์” จิ้นเหอถลึงตามองกลับไป

“ข้าย่อมมิกล้า ฮ่าฮ่า” หมิงลู่หัวเราะผิวปากเดินทางต่อ

ผ่านไปหลายวันตอนนี้จิ้นเหอได้ย้ายมาอยู่กับหมิงลู่เป็นที่เรียบร้อย เนื่องด้วยมันท่องคาถา เกือบทุกคืนจนเจิ้งหลี่หมดความอดทน ไล่มันออกจากห้องจริงๆ ยามนี้ทั้งสองกำลังเดินลงเขาเพื่อจะไปยังหมู่บ้านตีนเขา

พอถึงหมู่บ้านเห็นผู้คนรวมตัวอยู่กันเป็นกลุ่ม มองแล้วชุดที่สวมใส่น่าจะเป็นคนของทางการร่วมอยู่ด้วย เสียงคุยเสียงสั่งงานช่างดูวุ่นวาย

“เราจะป้องกันมันได้หรือท่านผู้ช่วย” เสียงกล่าวของชาวบ้านคนหนึ่ง กล่าวขึ้นในขณะที่ยืนรวมกันอยู่

“เราต้องช่วยตัวเองก่อน ท่านนายอำเภอส่งเรื่องไปแล้ว” ชายที่ถูกเรียกว่าผู้ช่วยกล่าวตอบ ผู้คนยังคงปรึกษาหารือกันต่อ

“เถ้าแก่..ข้าขอซื้อยาแก้หวัดหน่อย พอดีเจ้าอาวาสท่านไม่สบาย” หมิงลู่กล่าวกับชายที่น่าจะเป็นเจ้าของร้าน

“เอานี่ได้แล้วอาหาน” เถ้าแก่ร้านยื่นห่อยาส่งให้ พลางกวาดตามาที่มันทั้งสองคน หมิงลู่รับห่อยามาแล้วจ่ายเงิน

“เถ้าแก่ ตรงนั้นเค้าชุมนุมอะไรกัน?” หมิงลู่กล่าวถามพลางมองไปที่เจ้าของร้านรอคำตอบ

“คืออย่างงี้ เมื่อคืนนี้สัตว์เลี้ยงของอาหวังที่เลี้ยงไว้โดนฆ่าตายเรียบ รวมทั้งของคนอื่น มันเหี้ยมโหดมาก ซากสัตว์กระจัดกระจายกลาดเกลื่อน แผลเหวอะหวะ” เถ้าแก่ทำท่าทางครุ่นคิดแล้วกล่าวต่อ

“ท่านผู้ช่วยท่านบอกว่าน่าจะเป็นฝีมือของสัตว์ป่าแอบมากิน แต่พวกข้ากลัวมันจะกินพวกข้าด้วยนี่ซิ ขนาดม้าในจวนนายอำเภอพวกันยังแอบเข้าไปกิน พวกนั้นกำลังหารือกันอยู่ว่าจักแก้ปัญากันอย่างไรดี” เถ้าแก่แสดงสีหน้าหวั่นวิตกทอดถอนใจออกมา

“มันฆ่าสัตว์ไปเยี่ยงนี้ ไม่น่าจะมาแค่ตัวเดียวไม่มีใครเห็นตัวมันเลยหรือเถ้าแก่?” หมิ่งลู่เอ่ยถาม

“ไม่มีใครเห็นตัวมันนะซิ พวกข้าเองก็สงสัยมันจะเป็นตัวอะไรที่ทำแบบนี้” เถ้าแก่คิดซักพักกล่าวต่อ

“มันทิ้งไว้แต่รอยเท้า น่าจะมาไม่ต่ำกว่าสิบตัวเจ้าลองไปดูซิ บ้านอาหวังไปทางนี้อยู่ท้ายหมู่บ้าน” เถ้าแก่กล่าวพลางชี้นิ้วบอกทาง

“งั้นพวกข้าคงต้องไปดูหน่อย” หมิงลู่กล่าวคว้ามือจิ้นเหอเดินจากไป

“เออนี่...อาหาน พวกเจ้าควรต้องระวังตัวกันไว้บ้าง” เถ้าแก่กล่าวด้วยความเป็นห่วงเป็นใย

“ขอบคุณเถ้าแก่ ข้าเองก็ขอให้ท่านปลอดภัย” หมิงลู่กล่าวจบเดินจากมา

พอผ่านหน้าร้านขายสุรา มันรีบเดินเข้าร้านไป ไม่ลืมต้องแวะซื้อสุราติดมือมา จิ้นเหอยืนรออยู่หน้าร้าน พอมันเห็นหมิงลู่ซื้อสุราเสร็จ

“ท่านอา ข้าอยากกินพุทธาตรงนั้น ถ้าท่านไม่ซื้อให้ข้า ข้าคงต้องรบกวนท่านเจ้าอาวาสซื้อให้แล้ว” มันกล่าวด้วยสีหน้าเบิกบาน

“เจ้า!...” หมิงลู่ต้องจำยอม เห็นเงินพอเหลือจึงซื้อให้มัน

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุ กลิ่นคาวเลือดโชยมากระทบจมูก เล้าไก่พังยับเยิน ทั้งสองหาดูรอยเท้า มันเป็นรอยจมลึกลงไปในดินขนาดสองชุ่น รอยเท้าอสูรมีขนาดใหญ่กว่ามนุษษ์ปกติเท่าครึ่งถึงสองเท่า หมิงลู่เอาสองมือกอดอกจ้องมองรอยเท้า พินิจพิจารณาอยู่ชักครู่ เดินไปหาจิ้นเหอเพื่อชวนกันกลับ

“กลับกันได้เถอะ เดียวท่านเจ้าอาวาสท่านจะรอนาน” หมิงลู่มันกล่าวจบเดินนำหน้าไป

“ท่านอา ท่านทราบหรือว่ามันเป็นตัวอะไร?” จิ้มเหอเดินมาขนาบข้างกล่าวถาม

“หยวนโหม่ว ข้าเคยพบมัน ปกติมันจะอยู่ตามป่าตามถ้ำ” หมิงลู่ตอบ

ระหว่างทางเดินกลับทั้งคู่ยังคงนึกถึงเหตุการณ์ในหมู่บ้าน

“ท่านอา ถ้าพวกมันบุกมาที่วัดแล้วมันจะมากินข้า จะทำยังไงดี” จิ้นเหอกล่าวสีหน้าหวาดกลัว

“เจ้าอย่าเพิ่งกังวลไป เดี๋ยวพวกกลับไปค่อยไปปรึกษาท่านเจ้าอาวาส กับท่านไต้ซือเฉิงเจี๋ยดู”

เมื่อกลับมาถึงวัด หลังจากส่งมอบยาเรียบร้อย ทั้งสองเข้าพบท่านเจ้าอาวาส และ ไต้ซือเฉิงเจี๋ย ปรึกษาเรื่อง หยวนโหม่ว เป็นพวกสัตว์อสูรระดับต่ำ ดุร้ายหน้าคล้ายมนุษย์ผสมลิง เขี้ยวแหลมคม ตัวใหญ่ล่ำเตี้ย เดินหลังค่อม กินสิ่งมีชีวิตทุกชนิด หลังจากปรึกษาหารือกันเสร็จ หมิงลู่อาสาเฝ้าเวรกลางคืน ทั้งหมดจึงแยกย้ายไปพักผ่อน

รัตติกาลมาเยือนอีกครั้ง เสียงหวีดหวิวแผ่วเบาล่องลอยอยู่ในอากาศ ฟังคล้ายเสียงภูตร่ำไห้คร่ำครวญ จิ้นเหอลืมตาขึ้น กวาดตารอบห้องไม่เห็นหมิงลู่ รู้สึกฉงนใจ ลนลานหวาดกลัวด้วยความเป็นห่วงเป็นใย มองลอดช่องหน้าต่างไป ยังภายนอก เห็นเปลวไฟสุมกองลุกโชน เสียงพริ้วไหวแผ่วทุ้ม จึงก้าวเท้าเดินตามเสียง

เห็นหมิงลู่นั่งอยู่บนก้อนหินตรงข้ามกองไฟ มือหนึ่งประคองซอวางอยู่บนหน้าขาในแนวตั้ง อีกมือหนึ่งถืออยู่ในแนวนอน ปาดแขนโยกซ้ายย้ายขวา เสียงเสียดสีล่องลอยมาดังออกมาเป็นท่วงทำนองเสียงดนตรี

‘อืม...ทำไมช่าง...ไม่รู้จะกล่าวคำไหนดี วิเศษเหลือเกิน’ จิ้นเหอพร่พเพ้อภายในใจมิอาจสรรหาคำเปรียบเปรยเสียงที่พึงได้ยินออกมา รู้สึกเคลิบเคลิ้มเพลิดเพลินตกอยู่ในภวังค์

พลันเสียงเงียบ... สงบลงจึงตื่นจากอาการการหลงไหล หลังจากทบทวนให้ดีเสียงนี้ เป็นเสียงที่มันเคยหวาดกลัว เสียงที่ทำให้มันต้องท่องบ่นคาถากันผีมาโดยตลอด จิ้นเหอกระแทกนั่งลงตรงข้ามหมิงลู่ หน้าตาเบื่อหน่าย

“เจ้าตื่นมาทำไม จะอยู่ยามแทนข้างั้นหรือ?” หมิงลู่กล่าวเหลือบตาดูมัน

“เพราะท่าน!!. ที่ข้าโดนศิษย์พี่ไล่ก็เพราะเสียงของท่าน” จิ้นเหอกล่าวแบบไม่ค่อยพอใจ

“เจ้าจะโทษข้าอันใด ตัวเจ้าเองมโนขึ้นมาเองมิใช่หรือ ฝนตกฟ้าร้องเจ้าก็กลัว ฮาฮ่า” หมิงลู่หัวเราะสะใจที่หลอกลวงจิ้นเหอได้

“ไม่รู้ละ!..ท่านอาต้องรับผิดชอบ ทั้งไฟสีแดง ทั้งเสียงซอ แล้วข้าก็ไม่เคยได้ยินเสียงแบบนี้มาก่อนด้วย ยังไงก็ความผิดท่านอา” จิ้นเหอมันยังคงยืนกราน

“ฮ่า ฮ่าเจ้ากินปลาเผาไหมสุกแล้วนี่ ฮ่าฮ่า อร่อยนะเจ้าสนใจบ้างไหม ?” หมิงลู่หยอกล้อกลับไป

“ไม่ ข้าไม่หิว ท่านอาทราบว่าข้ากินไม่ได้ยังชวน” จิ้นเหอเหลือบมองปลาที่อยู่เหนือกองไฟ ก่อนสะบัดหันเชิดหน้าไปทางอื่น

“ไหนเจ้าลองบอกมา จะให้ท่านอาคนนี้รับผิดชอบเช่นไรดี” หมิงลู่กล่าวพลางยกป้านสุราขึ้นดื่ม หลังจากรำคาญท่างอนของจิ้นเหอ

“ท่านอา จิ้นเหออยากเล่นซอแบบท่าน ท่านสอนข้าด้วยนะ...นะครับ ท่านอา” มันกล่าวอ้อนวอน พลันขยับลุกขึ้นเดินมานั่งลงข้างหมิงลู่ สองมือนวดเฟ้นบีบนวด

“ฮ่า ฮ่า ย่อมได้ไว้ข้าจะสอนให้”หมิงลู่กล่าวลูบหัวจิ้นเหออย่างเอ็นดู

“พรุ่งนี้เลยนะ ข้าอยากเรียนไวๆ” จิ้นเหอกล่าวอย่างกระตือลือล้น

“ท่านอา ท่านบรรเลงได้ไพเราะมากเลย แต่...ข้าว่ามันหงอยเหงาเศร้าสร้อยจัง”

หมิงลู่เงียบไปครู่หนึ่ง พลางถอดถอนลมหายใจออกมา ยกสุราขึ้นดื่มอึกใหญ่ ทอดสายตามองไกล ยกสุรามาถือกำไว้มิได้ดื่มลงคอ

“ข้าคิดถึงบ้าน” หมิงลู่กล่าวดวงตาเผยความโศกศัลย์

“หากท่านอาคิดถึงบ้านแล้วใยมิกลับบ้าน?” มันมองไปที่ดวงตาอันแสนอ้างว้างเปล่าเปลี่ยวของหมิงลู่

“ข้าเองก็อยากกลับ...ข้าไม่ใช่คนของอาณาจักรนี้ ข้าเกิดที่อาณาจักรฟูนัน เมืองสุวรรณภูมิ ข้าเป็นทหารของอาณาจักรนั้น จักรพรรดินีไร้ซึ่งอำนาจ นิกายตันตระเรืองอำนาจสาวกมันเต็มบ้านเต็มเมือง ปลุกปั่นให้ผู้คนหลงผิด กระทำการชั่วช้า มันต้องการเด็กสาวเพื่อบูชายัญ ข้ากับเพื่อนเข้าขัดขวาง นิกายมันจึงทำร้ายครอบครัวข้า สังหารบิดา มารดา ย่ำยีภรรยาข้า” หมิงลู่กล่าวจบ ก้มหน้าจ้องไปในกองไฟ หวนรำลึกถึงอดีต

“ข้าตามไปฆ่าพวกมันเพื่อล้างแค้น ข้าสังหารมันได้เพียงไม่กี่คน สาวกมันเนืองแน่น ข้ารอดมาได้ ส่วนเพื่อนข้า...ล้วนสิ้นชีพ เพื่อให้ข้าหนีออกมา” หมิ่งลู่ยกเหล้าขึ้นดื่ม ซักพักกล่าวเสียงหนักแน่นขึ้น

“ถ้ายังมีชีวิตอยู่ ข้าจะกลับไป ข้าจะสังหารมันให้สิ้น” หลังระบายความในใจเสร็จ บรรยากาศช่างเงียบหดหู่ มีแต่เสียงของไม้ปะทุไฟ มันยังคงยกสุราขึ้นดื่ม

“ท่านอา...ท่านยังมีข้า ข้ายังต้องการท่าน ท่านอย่าเศร้าเสียใจนักเลย ไว้ข้ามีวิทยายุทธเมื่อไหร่ พวกมันนิสัยไม่ดีข้าจะจัดการมันเองใครจะกล้ารังแกท่าน เราจะไปด้วยกันข้าสัญญา” มันจ้องมองตาหมิงลู่สองมือยังบีบนวดต่อไป

หมิงลูมองดวงตาใสซื่อของจิ้นเหอ เด็กน้อยเพิ่งจะอายุแปดปี กลับแสดงออกถึงความจริงใจความมีน้ำใจได้ถึงเพียงนี้ มันเอามือรวบตัวจิ้งเหอมาชิดด้านข้างมัน ลูบไล้ไปบนศรีษะด้วยความเอ็นดู

จิ้นเหอมันรู้ถึงสัมผัสจากหมิงลู่ มันรู้สึกถึงความอบอุ่น ที่ญาติผู้มีใหญ่พึงมีให้บุตรหลาน

ในฉับพลัน!!! ทันใดนั้นเอง...

ป้าบ!!!..เสียงดังเน้นๆชัดๆดังขึ้นมา

มันไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด...มันหันมองหน้าหมิงลู่

“ท่าน!!! ตบหัวข้าทำไม...?”

“ฮาฮ่า ข้าลืมตัวไป”

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา