short time ผ่านมาให้จำ

8.0

วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 08.33 น.

  9 ตอน
  1 วิจารณ์
  9,718 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 กันยายน พ.ศ. 2559 18.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) สับสน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

ตอนที่2

 

ฉันเดินออกจากห้องหัวหน้ามุ่งมายังห้องทำงานที่มีบรรดาหมอๆกำลังนั่งทำงานของตัวเองอยู่ พอเห็นฉันทุกคนก็หยุดชะงักแล้วเข้ามาล้อมฉัน

“ทำไมมันกะทันหันแบบนี้ครับพี่ซู” หมอA

“แค่พักงานก็ไม่สมเหตุสมผลแล้วทำไมถึงขั้นโดนสั่งย้ายล่ะ แล้วฉันจะมีเพื่อนผู้หญิงป่ะเนี่ย”  หมอB หมอที่สนิทกับฉันที่สุดในที่ทำงาน(เพราะหมอศัลย์ในแผนกเรามีผู้หญิงแค่สองคน)

“นี่เธอคิดว่ายัยซูเป็นเพื่อนผู้หญิงเหรอ ฉันคิดมาตลอกว่าแผนกเรามีหมอผู้หญิงเป็นเธอคนเดียว”  หมอCรุ่นพี่แก่สุดในแผนก

“ฉันก็เรียบร้อยอ่อนหวานอยู่นะ!!!”

“ไม่จริง...”

     ฉึก...แทงใจดำ

“เพราะนักการเมืองคนนั้นแน่ๆเลยค่ะ” พยาบาลDที่อยู่ในเหตุการณ์เมื่อวานพูดขึ้น

“ไหนๆก็จะไปแล้ว เรามาเลี้ยงส่งกันเถอะครับ”หมอA

“เฮ้ยความคิดดี” หมอC  “เอาเป็นเย็นนี้เลยเป็นไงเดี๋ยวซูก็จะไม่ได้มาทำงานตั้งแต่พรุ่งนี้แล้ว”

“พี่ซูครับ ไปอยู่ไหนก็รีบหาแฟนนะเดี๋ยวขึ้นคาน ถ้าผมจะสารภาพรักพี่ตอนนี้ผมก็กลัวแพ้ความห่างไกล” หมอA

“งั้น นายก็ไปกับยัยซูเลยสิ ฮ่าๆ พิสูจน์รักแท้หน่อย”หมอC

.......แซวดีจริงวุ๊ย.........

มิตรภาพของบรรดาหมอๆที่มักจะไม่ค่อยได้แสดงออกนัก มาชัดเจนก็วันนี้แหละ

.

.

.

.

.

.

  1.     22.33 น.

     เฮ.....

“แก้วนี้แด่หมอซู ขอให้ที่ทำงานใหม่น่าอยู่นะครับ” หมอA

“อย่าลืมติดต่อหาฉันนะยัยซู ฮืออออ” หมอBเพื่อนร้ากกกก

“เอาล่ะๆ อย่าเศร้าเหมือนยัยซูจะตายสิ ไปมาหาสู่กันเอาก็ได้แค่ในประเทศไทยไม่ได้ไปดาวศุกร์สักหน่อย” หมอC

“เออ นั่นสิชนแก้วดีกว่า”  ฉันว่าแล้วยกแก้วขึ้นชนกับเพื่อนๆ

..........เฮ ฮา...........

.

.

เหตุการณ์หลังจากนั้นคือทุกคนเมาเละ และคนที่เมาน้อยที่สุดคือฉันที่ดื่มน้อยกับหมอC ที่ช่ำชองในการดื่มต้องทำหน้าที่ไปส่งทุกคน

“ขอบใจที่มาส่งน๊า....เอิ๊กกกกก”

พอฉันขับรถออกมาจากบ้านคนเมาคนสุดท้ายฝนก็เทลงมาอย่างหนัก

อ่อ....พายุอีป้าเข้าวันนี้นี่นะ

.

.

.

ขณะที่ฉันกำลังขับรถไปตามทางเรียบคลองที่ตอนนี้ไม่ค่อยมีรถแล่นเพราะฝนตกหนัก ชั่วพริบตาก็มีแสงสว่างวาบขึ้นมาตรงหน้า

   เปรี้ยง!!!!

ฉันตกใจมากจนหักรถหลบสายฟ้าที่ฟาดลงมา ทุกอย่างเกิดขึ้นในเวลาไม่ถึงนาที รถของฉันกำลังเสียหลักพุ่งชนราวกั้นคลอง แล้วพุ่งลงไปในน้ำ สติสุดท้ายคือฉันเปิดกระจกรถได้ทัน แต่พอรถร่วงลงน้ำฉันก็เริ่มขาดสติ

.

.

.

.

.

.

ฉันจำได้ว่าฉันกำลังจมดิ่งในความมืดมิดและหนาวเย็น

.

.

แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาก็พบกับแสงสว่างใต้น้ำ และเงาเรือนรางของใครบางคนที่ช่วยฉันขึ้นไป

....

หรือนี่จะเป็นแม่น้ำแห่งความตายในยอมโลกกัน....-0-

“เธอ...”

เสียงทุ้มเรียกฉัน เสียงยมทูต???

“อย่าเพิ่งตายนะ เฮ้ย!”

สัมผัสแปะๆแสบเบาๆที่หนังหน้าทำให้ฉันกลับสู่ความจริง เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาก็ได้พบกับใบหน้าของชายคนหนึ่งคิ้วของเขาที่กำลังขมวดพอเห็นฉันลืมตาก็เริ่มคลายลง

“จะทำอะไรคิดดีๆซะก่อน!!!”

อะไรคือเขาขึ้นเสียงใส่ฉัน...ที่เพิ่งตื่นมาไม่รู้อิโหน่อิเหน่

“หา?”

“จะฆ่าตัวตายก็น่าจะไปที่อื่นไม่ใช่บ่อเลี้ยงปลาตื้นๆนี่"

“หือ???” ใครฆ่าตัวตายวะคะ

“รีบกลับบ้านไปสงบสติอารมณ์ก่อนเถอะ แล้วอย่าคิดฆ่าตัวตายอีกนะ”

เขาพูดเองเออเองเสร็จสรรพแล้วลุกพรวดเดินออกไป

 

ชุดเขานี่ดูย้อนยุคแปลกๆนะ ทรงผมแสกกลางนั่นก็ด้วย

ถ้าไม่ติดเรื่องแฟชั่นเห่ยๆเขาจัดว่าหล่อมากเลยทีเดียว รูปร่างสูงโปร่ง แววตาดูสุขุม จมูกโด่ง ผิวเนียน ริมฝีปากหยักได้รูป สเปคชะนี้ไทยชัดๆ

 

ในตอนที่ฉันกำลังนั่งนิ่งมองตามแผ่นหลังเขาไปอยู่ๆเขาก็หยุดชะงักแล้วเดินกลับมา

“รีบลุกเถอะ ฉันไม่อยากทิ้งไว้นี่คนเดียว”

เขาคนเดิมมาดึงให้ฉันลุกขึ้น

          มือของเขาอุ่นดีจัง...

     เฮ้อ...จับแต่มีดมาหลายปีได้มาจับมือผู้ชายแล้วมันรู้สึกดีจริงๆ

..ถ้านี่เป็นความฝันฉันก็ฝันดีสุดๆละ หรือถ้าเป็นยมโลกฉันว่าก็น่าอยู่ดีนะ...

“เธอเรียนหมอหรอ”

“รู้ได้ไงคะ”

“เห็นใส่เสื้อกราวน์”

โอ้ นี่ฉันใส่เสื้อกราวน์ไปดื่มเลยเหรอ เสียสถาบันหมอหมด แม่เจ้า...

“ทำไมคิดฆ่าตัวตาย”

“ฉันไม่ได้คิดจะฆ่าตัวตาย...สักนิด”

“แล้วลงไปในบ่อปลาทำไม”

“อ่อ อากาศมันร้อนล่ะมั้งคะ แหะๆ”

     นี่เรากำลังสืบสวนคดีอยู่ใช่ป่ะ

“เฮอะ....” ทำหน้าแบบนั้นแล้วถอนหายใจแบบนั้นนี้คือเชื่อรึเปล่า???

“ขอถามอะไรอย่างนึงสิ.........ที่นี่ไม่ใช่ยมโลกใช่มั้ย”

“สงสัยเธอจะกลืนน้ำในสระลงไปเยอะเกินนะ เซลล์สมองถึงเริ่มตาย”

          มันเกี่ยวเหรอยะ-0-++

     เออ อาจจะเกี่ยวสงสัยน้ำเข้าสมอง

 

ฉันเพิ่งสังเกตเห็นว่าในมือของเขาหอบเอกสารอะไรสักอย่างตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว มันเขียนว่า   เอาประชาธิปไตยของเราคืนมา  

และพอเดินตามเขามาสักพักก็พบกับนักศึกษากำลังถือป้ายเรียกร้องประชาธิปไตยรวมตัวกันอยู่

“เราต้องรีบไปแล้วล่ะเขาเริ่มชุมนุมแล้ว”  เขาหันมาบอกฉันที่กำลังดูเหตุการณ์รอบตัวอยู่ ทุกคนแต่งตัวเหมือนภาพถ่ายพ่อกับแม่ตอนเป็นวัยรุ่น ทั้งทรงผมและเสื้อผ้า แถมสิ่งก่อสร้างก็ยังดูเหมือนในอดีตมาก  

 

แต่เรายังไปไม่ถึงกลุ่มคนที่นั่งชุมนุม ตำรวจก็บุกมากะทันหัน เครื่องแบบตำรวจก็ยังดูย้อนยุค

แล้วเหตุการณ์ก็วุ่นวาย เมื่อตำรวจเข้าจับกุมแกนนำการชุมนุมที่พูดอยู่บนเวที

เหตุการณ์นี้มันคุ้นๆแฮะ....

“นี่!!วันนี้วันที่เท่าไหร่เหรอ?” ฉันถามคนที่ยืนอยู่ข้างๆ

“ตอนนี้ใช่เวลามาถามมั้ย สถานการณ์วุ่นวายหมดแล้ว รีบเข้าไปกันเถอะ”

 เขาอาจตกใจ จนทำเสียงขุ่นใส่ ฉันจึงได้แต่เงียบปล่อยให้เขาลากฉันเข้าไปในความโกลาหล

 

แต่จู่ๆเขาก็หยุดกึก แล้วปล่อยมือฉัน สาเหตุมาจากตำรวจยศสูงที่เดินมาทางนี้

     ผัวะ!!!

หมัดของตำรวจคนนั้นต่อยเข้าที่หน้าของคนข้างๆฉันจนเขาหน้าหัน แต่เขาก็ไม่ได้ตอบโต้อะไร

“ทำไมแกถึงมาอยู่ที่นี่ เรียนกฎหมายดีๆไม่ชอบรึไง!!!”

ลุงคะตอนนี้มหาลัยมันถูกปิดประท้วงอยู่เนี่ย เขาจะไปเรียนยังไงมิทราบคะ(คิดในใจ)

 “.........”คนที่ยืนข้างฉันได้แต่กำมือแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นมา

     แต่ที่น่ากลัวกว่านั้นคือแววตาแข็งกร้าวของเขาที่กำลังจ้องหน้าตำรวจคนนั้นเขม็ง

“แกมองหน้าพ่อแบบนั้นทำไม กลับไปบ้านเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!”

“ผมไม่กลับ”

     ผัวะ!!!

นายตำรวจพุ่งหมัดใส่หน้าลูกชายเขาอีกครั้งจนคนที่โดนต่อยปล่อยมือฉันเพื่อปาดเลือดที่ไหลซึมออกจากจมูก

ตำรวจจะพุ่งหมัดมาอีกรอบฉันเลยยื่นมือเข้าไปยุ่งโดยการปัดหมัดตาลุงทิ้ง  ด้วยประสบการณ์ต่อสู้ที่พ่อฉันสอนมา (คือพ่อฉันเป็นนักมวยน่ะ ตอนที่พ่อยังมีชีวิตอยู่ท่านเลยสอนฉันไว้) ไม่คิดว่าต้องเอาความรู้มาช่วย(สอด)เรื่องของชาวบ้าน

“พอเถอะค่ะลุง!!!”

“เธอเป็นใคร มายุ่งเรื่องครองครัวคนอื่น”

“อย่าชกเค้าอีกเลยนะคะ คุยกันดีๆก็ได้”

     หมับ!

เหมือนมีมือของคนข้างหลังมาฉุดฉันให้ถอยกลับไป เขามองหน้าฉันด้วยแววตาโมโหแล้วพูดเสียงขุ่น

“เธอไม่ต้องยุ่ง”

แล้วสองพ่อลูกก็มองหน้ากันนิ่ง ก่อนที่พ่อจะเดินหัวเสียกลับไปส่วนเขาก็เดินไปอีกทาง

          จะบ้าเหรอทิ้งฉันได้ไง!!!

ฉันคิดได้อย่างนั้นเลยหน้าด้านเดินตามเขาไป

“นี่ ฉันทำแผลให้มั้ย”

“ไม่ ขอบใจ”

“แต่คุณมีแผล”

“เธอกลับบ้านไปเถอะ” เขาพูดเหมือนรำคาญ

“...” 

     ฉันอุตส่าห์หวังดีแต่กลับโดนไล่แบบนี้เนี่ยมันใช่แล้วเหรอ....

               ฉันก็รู้ตัวอยู่ว่าไม่ควรยุ่ง 

ถ้าจะขอโทษเขาก็ดูไม่สนใจฉันเลย เขาเดินห่างฉันไปเรื่อยๆ จริงสิ เราไม่ใช่คนรู้จักกันนี่ แม้แต่ชื่อยังไม่รู้เลย เขาดูจะโกรธมากที่ฉันไปยุ่ง ฉันคงต้องกลับไปนั่งหรือทำอะไรสักอย่างรอเงียบๆ จนกว่าจะมีคนมาปลุกให้ฉันตื่นจากความฝันนี้

แล้วฉันก็เดินไปนั่งใต้ต้นไม้ ฮื่อ.....ตอนนี้สถานการณ์ของฉันมันคืออะไร ไม่รู้อะไรสักอย่าง วันที่ เวลา หรือแม้กระทั่งสถานที่ที่อยู่ ก็ขอให้ฉันตื่นขึ้นมาเร็วๆเถอะ

.

.

.

.

1 ชั่วโมงผ่านไป

     (--*)

ฉันเผลอหลับไปตื่นหนึ่งแล้ว เมื่อตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองยังอยู่ที่เดิม ใต้ต้นไม้ต้นเดิม มีเพียงเงาของต้นไม้ที่เปลี่ยนทิศทางไป ฉันอยากจะรู้จริงๆนะว่าวันนี้วันที่เท่าไหร่ เพื่อจะได้รู้ว่าที่ฉันคิดน่ะถูกมั้ย

     จ๊อกกกกกกก....

ตื่นมาท้องก็หิว ฮื่ออออออ

พอหิวแล้วมันโมโห หงุดหงิด คิดอะไรไม่ออกสักอย่าง

ฉันถึงกับก้มหน้าร้องไห้กับหัวเข่า ฮือออออ อยากตื่นแล้ว อยากกลับไปแล้ว

     น้ำตาเข็ดหัวเข่ามันเป็นแบบนี้นี่เอง

 พอเงยหน้าขึ้นมาฉันก็เห็นเขายืนอยู่ตรงนี้ ตรงหน้าฉัน แววตาของเขาดูสงบลงมาก เขามองมาที่ฉันนิ่ง ก่อนจะขยับปากพูด

“ทำไมยังนั่งอยู่ตรงนี้อีก”

“ฉันไม่มีที่ไป!!!จะถามอะไรนักหนาวะ”

ตอนนี้ฉันชักจะโมโห(หิว)คืนบ้างแล้วล่ะ เข้าใจความรู้สึกซะบ้างสิ อย่าเพิ่งมายุ่งกับฉันตอนนี้เลย

“ขอโทษที”

“....”

ทำไมรู้สึกไม่อยากพูดอะไรเลย เหมือนคนรักทะเลาะกันอย่างนั้นแหละ ทั้งๆที่ฉันแค่กำลังโมโหกับความหิวเท่านั้นเอง แต่พอเห็นท่าทางสำนึกผิดนั่นแล้วก็เลยพูดกับเขาไป

"ที่จริงฉันควรจะขอโทษคุณมากกว่า"

"..."

“นี่...วันนี้วันที่เท่าไหร่”

“6 ตุลา”

“พ.ศ.ล่ะ”

เขาทำหน้างง ก่อนตอบ

“2516”

แต่คนที่งงมากกว่าเขาก็ฉันนี่แหละ!!!!

ถึงจะเดาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว แต่ฉันก็ยังงงอยู่ดีว่าฉันย้อนมา 40 ปีที่แล้วได้ยังไง

ถ้าทุกอย่างมันคือความจริง แล้วฉันควรทำไงต่อดี 40 ปีที่แล้วฉันไม่มีตัวตน เงินก็ใช้ไม่ได้ แถมไม่มีที่อยู่ด้วยฉันควรทำยังไงดี ทั้งตัวมีสร้อยทองอยู่เส้นเดียว

     หรือว่าฉันจะเอาไปขาย....

โฮ่  เสียดายอ้ะ ซื้อมาตั้งหลายหมื่นมาขายในยุคนี้คงได้แค่ 500 ToT

.

.

.

  โครกกกครากกกก

.

.

อุ๊ย .... เสือในท้องคำรามอีกแล้ว

ฉันมองหน้าเขา แล้วหลุดยิ้มออกไป เขินเลยครับงานนี้ดีแล้วที่เป็นแค่เสียงท้องร้อง ไม่ใช่เสียงตด

.

.

.

.

.

.

แล้วเราก็มาที่ร้านก๋วยเตี๋ยว พอเขาบอกว่าจะเลี้ยงฉันก็เดินตามตูดมาทันที

"ไม่ใช่ 40 บาทหรอคะ?"ฉันถามราคาก๋วยเตี๋ยวกับอาแปะ

"ถ้าอั๊วะขายแพงขนาดนั้นคงเป็นเศรษฐีไปแล้วอาหนู"

"เลิกเล่นมุกแล้วไปนั่งกินเถอะ" นายนั่นเดินมาจ่ายตังค์ด้วยธนบัตร 1 บาท เกิดมาเพิ่งเคยสัมผัสคำว่าของถูกเนี่ยแหละ แม่เคยเล่าให้ฟังอยู่นะว่าสมัยแม่สาวๆก๋วยเตี๋ยวราคาไม่ถึงบาท ฉันว่าฉันไม่ได้ฝันไปจริงๆนั่นแหละ เพราะทุกอย่างมันเหมือนจริงมาก

      เพราะก๋วยเตี๋ยวมันอร่อย แถมยังลวกลิ้นด้วย!!!

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา