short time ผ่านมาให้จำ

8.0

วันที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2559 เวลา 08.33 น.

  9 ตอน
  1 วิจารณ์
  9,708 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 กันยายน พ.ศ. 2559 18.39 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) ...

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

                                   ตอนที่ 8

 

     13 ตุลาคม 2516

วันนี้การเดินขบวนเริ่มขึ้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เดินไปตามถนนพระราชดำเนิน สู่ลานพระบรมรูปทรงม้า กับฝูงชนราวห้าแสนคน พวกเขาตะโกนกึกก้อง

     ...สู้มัน!!!...

ทั้งๆที่ฝูงชนเหล่านั้นไม่มีอาวุธใดๆในมือ มีเพียงป้ายประท้วงและโทรโข่งของแกนนำเท่านั้น

 

ฉันกับหน่วยพยาบาลก็ต้องมาคอยปฐมพยาบาลให้นักเรียนนักศึกษาที่เป็นลมจากแดดหรือความอ่อนเพลียจากการชุมนุมติดต่อกันยาวนาน ส่วนธนินต้องไปพบกับคณะตำรวจชั้นผู้ใหญ่กับแกนนำ(เพราะเขาเก่งกฎหมายมาก)

 

ท้องฟ้าวันนี้มันดูโปร่งใสไร้เมฆ เหมือนมันเป็นสัญญาณว่าพายุกำลังจะมา

     วันมหาวิปโยคคือพรุ่งนี้แล้วสินะ.....

     ....ทุกอย่างกำลังจะจบแล้ว

 

จนเวลาผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า ในที่สุดเหล่าแกนนำก็กลับมาพร้อมประกาศผลการเจรจา

“พวกเราทั้ง 13 คน จะถูกปล่อยตัว และร่างรัฐธรรมนูญจะเสร็จภายในเดือนตุลาคมปีหน้า พรุ่งนี้ขอให้ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้านอย่างสงบ”

 

....แต่ว่า...ฉันไม่เห็นเขาอีกแล้ว....

     ธนินหายไปไหน????

ฉันพยายามตามหาเขาโดยการถามจากแกนนำไม่มีใครรู้ จนมาถึงแกนนำอีกคน

“เขาบอกให้พวกเรากลับมาก่อน เห็นว่าพ่อที่เป็นตำรวจเรียกไปพบ”

“แล้วฉันจะไปหาเขาได้ที่ไหนคะ”

“...”

เขาไม่ตอบแล้วเดินหนีไปซะดื้อๆ

     แบบนี้ก็ได้เหรอ???

ฉันจะไปตามหาเขายังไง เงินก็ไม่มี เขาอยู่ไหนยังไม่รู้เลย

หรือว่าพ่อเขาจะจับตัวเขากลับบ้านไปแล้ว เรื่องมันจบแล้วเขาจะกลับมาที่นี่อีกไหม แล้วฉันจะทำยังไงต่อไปดี เริ่มมีคำถามวกวนอยู่ในสมองฉัน 

.

.

.

.

.

.

.

14 ตุลาคม 2516

.

.

ผู้คนเริ่มแยกย้ายกันออกจากมหาลัยเพื่อกลับบ้าน ฉันเองก็อยากจะกลับเหมือนกัน

     แต่...ไม่มีบ้านให้กลับนี่ดิU-U

ที่พึ่งเดียวของฉันก็ไม่รู้ว่าหายไปไหน ตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง โดนพ่อต่อยรึเปล่า แล้วเขาจะกลับมาหาฉันไหม

ยอมรับตรงๆว่าฉันกลัว ประวัติศาสตร์มันถูกบันทึกไว้แล้ว และทุกอย่างก็เป็นไปตามที่มันถูกบันทึกไว้จริงๆ และวันนี้ก็คงจะเป็นไปตามที่มันถูกบันทึกไว้เหมือนกัน ฉันรู้ดีว่าฉันไม่ควรไปเปลี่ยนหน้าประวัติศาสตร์ จะให้ฉันเข้าไปบอกแกนนำว่าจะเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นก็คงไม่ได้ เอาตรงๆอีกแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง สิ่งที่ฉันกลัวก็จะเริ่มขึ้น แต่เหนือความกลัวอื่นใด ฉันกลัวว่าฉันจะตายโดยไม่มีใครรู้ อย่างน้อยถ้าเขาอยู่ตรงนี้ฉันคงจะรู้สึกดีกว่า

 

      แล้วมัน ก็เริ่มขึ้น...

เหล่านักศึกษาที่พากันสลายตัวไปกลับมารวมตัวกันอีกครั้ง ความโกรธแค้นคุ กรุ่นไปทั่วทั้งบริเวณ ทุกคนเริ่มจะตอบโต้ โดยการหาอาวุธทั้งไม้ ระเบิดขวด และปืน....

 

และเมื่อเสียงลั่นไกปืนดังสนั่นขึ้น พวกเราก็พากันลุกฮือเข้าสู้ จนคนแล้วคนเล่าบาดเจ็บ บ้างก็ถูกยิงบ้างก็ถูกระเบิด ทุกอย่างโกลาหลและน่ากลัว จนฉันอยากจะวิ่งหนีไป  แต่ฉันยังมีหน้าที่ที่ต้องทำ

“ช่วยด้วย”

เสียงร้องขอความช่วยเหลือของคนที่โดนยิงเรียกให้ฉันต้องเข้าไป

     พั่บๆๆๆๆๆๆๆๆ

     ปังๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

     ตู้มมมมม

เฮลิคอปเตอร์บินผ่านหัวฉันไป เสียงกระสุนสาดรัวลงมาจากฟ้าดังสนั่นทั่วทั้งพื้นที่

“อดทนหน่อยนะคะ”

ฉันกดห้ามเลือดให้คนเจ็บ เลือดเขาไหลไม่หยุด ถ้าฉันปล่อยมือเขาแย่แน่ แต่ถ้าอยู่อย่างนี้เขาก็ไม่ดีขึ้น  ต้องรีบย้ายเขาไปโรงพยายบาล ในตอนที่ฉันกำลังจะหันไปเรียกคนอื่นมาช่วย ก็เห็นร่างสูงของเขาคนนั้นยืนอยู่ใบหน้าเขามีรอยฟกช้ำแต่เขาก็ยังยิ้มให้ฉันอย่างที่เคย ก่อนที่เขาจะรีบมานั่งลงฝั่งตรงข้ามฉัน

“ฉันจะช่วยกดเลือดไว้เองเธอรีบพันแผลเถอะ”

“อืม...” 

ฉันรีบเอาผ้ามาพันรอบๆแผลคนเจ็บไว้แน่น

แล้วเราก็ช่วยกันย้ายคนเจ็บไปทางหน่วยพยาบาล พวกเขาจะส่งคนเจ็บไปโรงบาล พอเราเอาคนเจ็บไปส่ง และกลับมารักษาคนอีกหลายๆคน

ฉันก็เริ่มเข้าใจว่าทำไมตอนเด็กๆฉันถึงอยากเป็นหมอ...ทำไมฉันถึงยอมเดินทางสายนี้ และทำไมฉันถึงมาที่นี่

บางทีอาจเป็นโชคชะตาที่กำหนดให้ฉันย้อนกลับมาเจอกับเขา และได้ทำหน้าที่ของหมอจริงๆ

.

.

.

“นายยอดอดทนหน่อยนะ ตั้งสติไว้นะ” ฉันบอกคนเจ็บที่ถูกยิงเข้าที่หน้าอก เขาคือนายยอดจิ้กโก๋เจ้าเก่า ที่ตอนนี้กำลังหายใจรวยริน ใบหน้าเริ่มซีดเผือด ลูกน้องหนึ่งคนถูกยิงตายไปแล้วข้างๆเขา ส่วนอีกคนถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล

“หมอ...ผมชื่อจอร์จ”  เขาว่าแล้วหันหน้าไปมองลูกน้องที่นอนนิ่งอยู่ข้างๆ “หมอไปรักษาคนอื่นเถอะ ผมจะอยู่เป็นเพื่อนมันเอง จนกว่าเขาจะมาพาผมไปส่งโรงบาล ไปเถอะ”

“...อดทนไว้นะ”

ฉันยิ้มให้เขาแล้วรีบไปช่วยคนเจ็บคนอื่นต่อ ท่ามกลางความวุ่นวายที่ยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง มันน่ากลัว แต่คงไม่น่ากลัวเท่ากับคนที่กำลังจะเผชิญกับความตาย และความเจ็บปวดแสนสาหัส

 

     ฉัน...ยังหนีตอนนี้ไม่ได้

     ฉันบอกใจตัวเองแบบนั้น...

 

ในตอนที่ฉันทำแผลจากการโดนสะเก็ดระเบิดให้นักศึกษาหญิงเสร็จ

“ปิ่น!!!มาช่วยทางนี้หน่อย” ธนินวิ่งพลางเรียกฉัน

     ปัง!!!

แล้วเสียงปืนก็ดังขึ้นต่อหน้า ห่างจากตรงที่ฉันอยู่ออกไปภาพที่ทำให้ฉันแทบจะหยุดหายใจได้เกิดขึ้น ร่างของธนินเซจากแรงกระสุนเสียหลักร่วงลงไปในน้ำ

“ธนิน!!!!!”

ฉันตะโกนเรียกชื่อเขาเสียงดังลั่นแล้ววิ่งไปอย่างไม่คิดชีวิต สมองมันเริ่มตื้อไปหมด ฉันไม่รับรู้อะไรทั้งสิ้นแม้กระทั่งเสียงปืนที่ดังอยู่ไม่ไกล

         

     ตู้ม!

เมื่อกระโดดลงไปในน้ำ ฉันก็เห็นร่างของเขากำลังจมลงไป สองแขนรีบกวาดไปข้างๆเพื่อว่ายเข้าไปหาเขา ฉันคว้าตัวเขาได้จึงรีบประกบริมฝีปากลงไปที่ปากเขาเพื่อแบ่งอากาศให้ 

 

     ฉันอยากจะหยุดเวลาตรงนี้ไว้เหลือเกิน

เวลาที่มีแค่เราสองคน ถ้าหากว่าเขาไม่ถูกยิงก็คงจะดีกว่านี้สักร้อยเท่า

   ห้ามตายนะ ธนิน!!!

.

.

.

.

.

แล้วจู่ๆ อุณหภูมิของน้ำก็เย็นยะเยือก ทุกอย่างดูมืดไป ฉันพยายามคว้าหาตัวธนินแต่ก็ไม่ได้อะไร อากาศหายใจกำลังจะหมดฉันจึงต้องรีบตะเกียกตะกายขึ้นไปเหนือน้ำ 

      ฝนตก???

.

.

.

“คุณ”

แรงตบที่หน้าทำให้ฉันเริ่มรู้สึกตัว รู้สึกหนักร่างไปหมด และเหนื่อยจนไม่อยากจะลืมตาตื่น

“เฮ้ คุณครับ”

เสียงนั้นเรียกฉันอีกครั้ง แรงตบที่หน้าเริ่มชัดขึ้น ฉันจึงได้สติกลับมา จึงลืมตาภาพตรงหน้ามันเบลออยู่สักพักจนมันเริ่มปรับชัดขึ้น ใบหน้าของคนที่ปลุกให้ฉันตื่นเด่นชัดขึ้นมาแววตาคู่นั้นที่จับจ้องมาที่ฉัน ใบหน้าและริมฝีปากนั่นฉันจำมันได้ดี เขาไม่เป็นอะไรแล้วใช่ไหม?

     ดีจริงๆ...

“ธนิน....”

ฉันเรียกแล้วเอื้อมมือไปคว้าแขนเขาไว้ ก่อนที่ฉันจะหมดแรง

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา