บัลลังก์ฉิมพลี

8.2

เขียนโดย กรุงสยาม

วันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 เวลา 12.26 น.

  59 ตอน
  1 วิจารณ์
  49.00K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2559 15.36 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

20) คนแพ้

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          เวลาช่วงบ่ายของวัน.....

 


เพชรเกล้านั่งเบื่อๆอยู่บนเตียงมือข้างหนึ่งดึงผืนผ้าห่มเล่นไปมาอย่างเซ็งๆ

ถอนหายเบาๆเป็นระยะๆเนื่องจากสภาพร่างกายที่เริ่มฟื้นตัว

และขยับเรือนร่างได้คล่องแคล่วเป็นปกติ จึงทำให้เธออยากออกไปเดินเล่น

สูดอากาศสดชื่นด้านนอกบ้าง จิตใจยังคงทรงตัวไม่ได้ดีคงที

แต่ก็ไม่ถึงกับจมปลักอยู่กับความทุกข์มากจนเกินไป หลังจากที่ได้ผ่านในช่วง

ทนระทมมาหลายวันเมื่อจะเริ่มลืมๆเรื่องราวลงไปบ้าง..

คนต้นเหตุผู้ก่อความหมองหม่นของจิตใจก็มักจะมาให้เจออยู่ร่ำไป…

 

 


" ก๊อกๆ! "

 

ระหว่างที่เพชรเกล้ากำลังนั่งเหม่อลอยนิดๆเสียงจากการเคาะประตูก็ดังขึ้น

ใบหน้าเรียวหันมองหยุดคิดสักครู่ไม่แน่ใจว่าใครกันที่เป็นผู้เรียก

ร่างบางจึงค่อยๆก้าวเท้าลงจากเตียงเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูลังเลใจที่จะเปิด

 

" ใครคะ.. "

 

เพชรเกล้าถามออกไปเบาๆเพราะหากด้านนอกเงียบ

หรือเสียงที่ตอบกลับมาเป็นตรีทิพย์เธอก็จะไม่เปิดประตูแน่

 


" หนูเองค่ะคุณคนสวย "


เสียงสดใสร่าเริงตอบกลับมาร่างบางจึงโล่งอก

เมื่อคนด้านนอกนั้นเป็นใบตองเด็กน้อยจอมแก่นนั่นเอง

 

มือเรียวจึงเอื้อมเปิดประตูออกเบาๆ..ไปเจอกับเด็กสาวยืนยิ้มโชว์ฟันขาวดูอารมณ์ดีเหมือนเคย


" มีอะไรเหรอ " ร่างบางเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

" คุณเต้ให้หนูเอาผ้าพันคอมาให้คุณพราวค่ะ "

 

ใบตองกล่าวเสียงใสพร้อมยื่นผ้าพันคอผืนสวยให้กับเพชรเกล้า


ดวงตาคู่เสน่ห์ลดลงมองสิ่งของในมือเด็กสาวเรียบเฉย

 

" คุณเต้บอกว่าตัวคุณพราวเย็นเฉียบ อยากให้คลุมผ้าพันคอเอาไว้เดี๋ยวจะไม่สบายนะคะจุ๊บๆ "

 


เพชรเกล้ายิ้มหวานในคำพูดน่ารักๆของใบตองก่อนจะเอื้อมมือรับผ้าผืนหนามาถือไว้


" ไปเก็บสตรอว์เบอร์รีในไร่กันดีกว่านะคะ "


ใบตองยิ้มกว้างเอ่ยบอกน้ำเสียงตื่นเต้น ใบหน้าเรียวเงยขึ้นมองด้วยความสนใจ


" ฉันไปได้ด้วยเหรอ "

" ได้สิคะ คุณเต้บอกว่าถ้าคุณพราวคลุมผ้าพันคอปุ๊บก็ออกไปเดินเล่นได้ปั๊บเลย "


ร่างบางคลี่ยิ้มเล็กน้อยด้วยความที่อยากออกไปจากความอุดอู้

เธอจึงค่อยๆนำผ้าสีน้ำตาลที่ตกแต่งลวดลายประดับขึ้นพันรอบคอ

ความยาวห้อยลงปกคลุมประมาณครึ่งตัวสีสันช่วยขับผิวขาวๆให้ดูมีออร่าขึ้นไปอีกมากมาย

 

" เหมาะกับคุณพราวที่สุดเลยค่ะ ไปกันเลยนะคะ "


เด็กน้อยเอ่ยบอกก่อนจะเข้ามาคว้าข้อมือของเพชรเกล้าเพื่อชักชวนเดินออกจากห้อง


" เดี๋ยวใบตอง.. "

" คะ? "

 

ร่างบางรั้งมือตัวเองหยุดเดินส่งเสียงเรียกเบาๆเด็กสาวจึงหันถาม


" แล้ว..เจ้านายเธอเขาอยู่ไหนล่ะ "

 

เพชรเกล้าไถ่ถามให้แน่ใจเพราะหากลงไปด้านล่างเธออาจถูกดึงตัวจากตรีทิพย์อีกครั้ง

 

" คุณเต้ไปไหนไม่ทราบค่ะ "

 

ร่างบางพยักหน้าโล่งอก เธอไม่อยากเจอตรีทิพย์

ไม่อยากให้อีกคนคร่ำครวญอะไรใส่เธอทั้งนั้น..

เพราะในบางครั้งจิตใจของเธอก็เริ่มหวั่นไหว

อ่อนลงกับคำพูดที่พยายามงอนง้อขออภัยไม่หยุดหย่อน

เธอไม่อยากกลายเป็นผู้หญิงใจง่ายอย่างที่นางแบบสาวเคยต่อว่าไว้อีกแล้ว…

 


" ไปกันดีกว่านะคะ " เด็กสาวเอ่ยเสียงแจ้ว


ใบตองเห็นแววตาของเพชรเกล้าเริ่มเศร้าหมอง

เธอไม่รู้ว่าคุณคนสวยกำลังคิดอะไร แต่เธออยากช่วยบรรเทาอาการเบื่อหน่าย

ของเพชรเกล้าที่ยังคงต้องทนอยู่ที่นี่ต่อไป

 

ร่างบางยิ้มพยักหน้าเบาๆทั้งคู่จึงเดินออกไปด้วยกันทันที

โดยมีใบตองคอยพูดนั่นพูดนี่เพื่อสร้างรอยยิ้มให้กับเพชรเกล้าไปเรื่อยๆ…..

 

 

 

 

เพชรเกล้ากลับเข้ามายังบ้านไม้สักหลังโต

ของเจ้าของไร่สตรอว์เบอร์รีอีกครั้งในช่วงเย็น

พร้อมๆกับใบตอง..ทั้งสองเดินคู่กันมาในมือถือตะกร้าบรรจุผลไม้สีแดงสด

ที่เก็บออกจากต้นมามาดๆ ใบหน้าเรียวอมยิ้ม

ปลายนิ้วแตะสัมผัสต่อลูกผลจิ๋วน่ารับประทานตรงหน้าให้กลิ้งไปมาเล่นๆ

 

 

" ชอบใช่มั้ย.. "


เสียงหวานเอ่ยขึ้นทำให้ร่างบางต้องหยุดฝีเท้าก้าวเดิน

เงยหน้าขึ้นไปเจอกับนางแบบซุปตาร์ตรีทิพย์ที่ดักรออยู่

 

ริมฝีปากบางค่อยๆหุบยิ้มลงไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

ตรีทิพย์ส่งสัญญาณให้ใบตองออกไปจากตรงนี้

เพื่อที่เธอจะได้สนทนากับสาวน้อยกันสองต่อสอง

โดยที่เด็กใบก็ยอมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย

 

" พี่ช่วยถือนะคะ "


ร่างสูงนำตะกร้าที่เพชรเกล้าใช้สองมือประคองไว้นั้น

มาถือให้ส่งยิ้มหวานกับร่างน้อยเบาๆ

 

เพชรเกล้าเบี่ยงหน้าหนีพร้อมเดินสวนทางออกไปทันทีด้วยกิริยาเรียบเฉย

ตรีทิพย์หันมองตามรีบนำตะกร้าใบน้อยวางไว้กับมุมหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ

ก่อนจะเดินตามและเอื้อมจับมือสาวน้อยไว้..ความจริงเธอไม่เคยปล่อยให้เพชรเกล้าคาดสายตา

ตอนอยู่ในไร่ก็คอยเดินตามอยู่ห่างๆตลอด

เพียงแต่ระวังไม่ให้เจ้าหล่อนรู้ตัวก็เท่านั้นก็เพราะอยากได้ใกล้ชิดแค่เพียงนิดก็ยังดี

 

" พราวจะไปไหนล่ะคะ "

" กลับห้องค่ะ " ร่างบางตอบบางเบาพร้อมดึงมือออกเดินต่อไม่สนใจ

 

 

" เย็นนี้เราทานข้าวด้วยกันนะ "


นางแบบร่างเพรียวรีบวิ่งมาขวางทางอยากยื้อเวลาที่ได้พบหน้าไว้ให้นานที่สุด

 

" ไม่ค่ะ "

 

สาวน้อยตอบเสร็จจึงเดินเลี่ยงออกไปอีกครั้ง

ตรีทิพย์ถอนหายใจเบาๆสองมือยกเคว้งคว้างเล็กน้อย

ด้วยความท้อใจที่พยายามอ้อนวอนงอนง้อเท่าไหร่

แต่อีกคนก็ไม่มีทีท่าว่าจะให้อภัยเธอเสียที

 


" ทำไมพราวไม่ฟังพี่บ้าง ทำไมต้องคอยหลบหน้า
คอยเดินหนี ปฏิเสธทุกอย่างที่พี่ขอร้อง "

 

ร่างสูงหันถามตามหลัง เพชรเกล้าหยุดเดินนิ่งคิดในคำพูด

 

มาลัยและใบตองหลานรักแอบชะโงกหน้าออกมาจากมุมหนึ่งเพื่อรอดูสถานการณ์

 

" พราวไม่เห็นใจพี่บ้างเหรอไม่สงสารพี่เลยหรือไง " ตรีทิพย์ตัดพ้อดวงตาละห้อย

 


ร่างบางค่อยๆหันมาหาและสบตากับตรีทิพย์โดยตรง

 


" ตอนที่พราวขอร้อง พี่เต้เคยฟังบ้างหรือเปล่าคะ " เสียงนิ่มพูดขึ้นเรียบๆ

 

 

" พี่เคยเห็นใจและสงสารใครบ้างหรือเปล่า พี่ไม่ได้ถูกต่อว่า
ไม่ได้ถูกเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาด้วยซ้ำ แล้วพี่เต้ต้องการความสงสารหรือเห็นใจไปทำไมกัน "

 

ตรีทิพย์ยืนนิ่งคำพูดของสาวน้อยช่างบางเบาแต่เจ็บลึกไปถึงหัวใจของเธอจริงๆ

 


" พี่อยากให้พราวอยู่ที่นี่พราวก็อยู่แล้วไงคะ..แล้วพี่ยังจะต้องการอะไรอีก "


ใบหน้าเรียวหันกลับพร้อมจะเดินต่อ


" พี่อยากให้พราวหายโกรธ.. " ตรีทิพย์ดวงตาละห้อยมองแผ่นหลัง

“ หยุดพูดเรื่องพวกนี้ซะทีค่ะ พราวไม่ต้องการได้ยิน ” เพชรเกล้าบอกเสร็จพลางจะเดินต่อ

 

ร่างสูงรนรานวิ่งเข้ากอดสาวน้อยจากด้านหลังไม่ต้องการให้อีกคนหนีหน้าเธอไปไหน

 

“ ทำไมต้องปฏิเสธคำขอโทษของพี่ด้วย ”


ใบหน้าเรียวเอนหนีเรียวปากที่ขยับพูดไต่ถาม จนทำให้เสียดสีอยู่กับเนื้อผิวของเธอ

เนื่องจากเจ้าของได้ซุกหน้าเข้ากับซอกคอกอดรัดแน่นเอาการ

 


“ ปล่อยนะ! ” เพชรเกล้ารีบงัดแงะแกะมือที่กำลังกอดรัดดีดดิ้นหวงเรือนร่าง

 

“ หายโกรธพี่เต้นะคะ/ฮื่อ!! ”

 

เสียงหวานกระซิบบอกพร้อมจูบลงเข้าที่เนื้อนิ่มเบาๆ

จึงทำให้สาวน้อยท้วงติงหยิกจิกลำแขนขาวจนแดงกร่ำ

แต่ยังไม่วายที่ตรีทิพย์ยังคงกระทำต่ออยู่เช่นนั้น

 

“ พี่เต้!! พราวจะโกรธมากกว่านี้ถ้าพี่ยังชอบทำอะไรตามใจตัวเองแบบนี้อยู่!!! ”

 

นางแบบสาวจับตัวร่างบางให้หันมาหาดวงตาจ้องมองทำสลด

แต่ก็เต็มไปด้วยความพึงใจในความงดงามตรงหน้า

 


“ พี่คิดถึงพราวมากนะ... ”

 


ตรีทิพย์ทำสายตาออเซาะโน้มใบหน้าเข้าสัมผัสผิวแก้ม

กลิ่นกายจากเนื้อตัวสาวน้อยช่างทำให้เธอเผลอไผลและลืมตัว

แอบยิ้มเล็กๆยามมือนิ่มออกแรงดันเรือนร่างของเธออย่างนั้นอย่างนี้เพื่อให้ปลดปล่อย

 


“ เมื่อไหร่จะยกโทษให้พี่ล่ะคะ...~ ”


เสียงหวานคลอเคลียอยู่ข้างใบหูจนเจ้าของร่างเริ่มร้อนๆหนาวๆเสียแล้ว

 

“ หายโกรธได้มั้ย..~ ”

 

ตรีทิพย์พร่ำถามต่อเรือนร่างที่ดีดดิ้นอยู่ในอ้อมกอด

แต่ตอนนี้เพชรเกล้าไม่ได้สนใจอะไรทั้งสิ้น พยายามผลักดันคนตรงหน้า

ที่เริ่มกอดรัดและรุกลามเธอมากขึ้นเรื่อยๆคล้ายกำลังหมันเขี้ยวในอะไรบางอย่าง

 

 


“ ปล่อยนะ! อย่าทำแบบนี้!! ”


เสียงนิ่มเอ่ยขึ้นเมื่อนางแบบสาวเริ่มวนเวียนเข้ามาหารูปหน้าของเธอ


“ ฮืม…~ทำไมอ่ะ/อื้อ!!! ”

 

ตรีทิพย์คล้ายคนเมาที่ไร้สติเมื่อเธอคลอเคลียเนื้อตัวสาวน้อยมาเรื่อยๆ

สายตาเหลือบไปเห็นจุดแห่งความอมชมพูที่เคยลิ้มรส

ร่างสูงจึงทำการจุมพิตลงกับริมฝีปากบางทันที!!

เพราะความโหยหาที่ผสมกับความคิดถึง ปลายลิ้นร้อนลุ่มพุ่งเข้าแทรกแซง

ดูดดุดความนุ่มละมุนจากแผ่นลิ้นเล็กด้านในอย่างรวดเร็ว

 

 

ใบตองเบิกตากว้างไปพร้อมๆกับน้าของเธอ

เป็นครั้งที่สองของความตื่นเต้นตื่นตาที่ได้เห็นในระยะประชิดเช่นนี้

 

 

เพชรเกล้าทุบตีนางแบบสาวทันควันน้ำตาจากความโมโห

ล่วงหล่นลงท่วมใบหน้าของเธออย่างไม่อาจห้ามได้

พยายามบอกแล้วแต่อีกคนนั้นไม่คิดฟังกัน.....สองมือรวบรวมกำลัง

จนสามารถผลักดันตรีทิพย์ออกห่างได้สำเร็จ!

 

 

" เพี๊ยะ!!! " มือเรียวฟาดเข้าไปที่ใบหน้าสวยเต็มแรงด้วยความสุดทน

 


" ทำไมต้องทำกับพราวแบบนี้ด้วย...!! "


เพชรเกล้าร้องบอกจนเสียงแหบแห้งน้ำตาไหลพรากท่วมท้น

ถอดผ้าคลุมพันคอโยนใส่คนตรงหน้าทันที ใบหน้าเรียวก้มลง

สะอื้นออกมาอย่างไม่กักเก็บอะไรอีกต่อไปทั้งอายทั้งเสียใจ

จนไม่อยากอยู่เห็นหน้าใครอีกต่อไปแล้ว ตรีทิพย์นิ่งสงัดค่อยๆหันหน้ากลับมา

เมื่อเห็นความอ่อนแรงของเจ้าหญิงร่างน้อยแล้วก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกผิดเหลือเกิน

เอื้อมมือเข้าเกลี่ยหยดน้ำข้างแก้มเบาๆจ้องมองดวงหน้าสะอึกสะอื้น

ที่ไม่มีกระจิตกระใจจะห้ามปรามในกิริยาของเธออีกต่อไป

 


เพชรเกล้าเสียน้ำตาอีกตามเคยความเข้มแข็งของเธอนั้นมี

แต่เรื่องพวกนี้เธอไม่เคยได้พบเจอมาก่อนจึงยากที่จะทำใจจริงๆ

 

 


“ คิดไม่มีผิดว่าต้องมาหลบอยู่ที่นี่!! ”


ใบหน้าสวยหันเบี่ยงข้างหยุดคิดเพียงชั่วอึดใจ

ก่อนจะส่งเสียงจิ๊จ๊ะที่ริมฝีปากคล้ายรำคาญใจนิดๆ

เมื่อวาจาคุ้นหูพูดใส่เข้ามาจากด้านหลังจึงทำให้เธอรับรู้ทันที

ว่าได้มีคนตามมาถึงที่นี่เสียแล้ว ร่างสูงค่อยๆเคลื่อนกายหันมาหาชักสีหน้าเซ็งจิต

 


“ มาได้ยังไง.. ”

ตรีทิพย์ตั้งคำถามทันทีต่อผู้จัดการจอมจุ้นนั่นก็คือทอปัดพี่สาวของเธอนั่นเอง

 

“ ขับรถมาดิ! ”


“ รู้ได้ยังไงว่าเต้อยู่ที่นี่ ”

“ ถ้าฉันไม่รู้จักเธอดีพอเนี่ย ฉันเป็นพี่สาวและผู้จัดการส่วนตัวของเธอไม่ได้หรอกย่ะ! ”


ทอปัดท้าวสะเอวเอ่ยบอกเสียงแข็ง

ซุปเปอร์โมเดลคนเก่งเบี่ยงหน้าหนีอย่างไม่พอใจแต่ก็ไม่อาจต่อว่าอะไรได้

 

“ แล้วก็อยากจะรู้ด้วยว่าเธอพาใครมาที่นี่..ไหน! ขอดูหน้าหน่อยสิ!! ”

 

ทอปัดเดินเข้าไปใกล้น้องสาวของเธอด้วยความร้อนรนใจ

ต้องการพบหน้าหญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ด้านหลังของตรีทิพย์

และพร้อมที่จะไล่ออกไปจากที่นี่ทันที..สำคัญขนาดไหนกันเชียวถึงได้พามาอยู่ด้วยที่นี่

 

 

ทอปัดดันร่างน้องสาวให้กระเถิบออกไปเล็กน้อย.....ผู้จัดคนเก่งอึ้งตึง

เมื่อบุคคลที่อยู่ตรงหน้านั้นคือคนที่เธอคุ้นตาและรู้จักเป็นอย่างดี

สิ่งที่ทำให้น่าตกใจเป็นอย่างมากนั้นเห็นจะเป็นดวงตาที่กำลังแดงกร่ำ

ด้วยหยาดน้ำใสๆที่กำลังล้นเอ่อจนท่วมใบหน้า

 


“ น้องพราว.... ”

สาวสวยหน้าตาดีเอ่ยเรียกบางเบาด้วยความใจหายกับเรือนร่างที่ดูอ่อนเปลี้ยเพลียกาย

 

เพชรเกล้าสะอื้นออกมาจนเต็มที่เมื่อเธอได้เห็นทอปัด

ที่ส่งเสียงเรียกเบาๆพร้อมกับเดินเข้ากอดร่างกายพี่สาวของตรีทิพย์

คล้ายต้องการไออุ่นจากใครคนหนึ่งให้ช่วยปลอบโปลมจิตใจของเธอในตอนนี้

 


ทอปัดสงสัยมึนงงไปหมดที่จู่ๆเธอก็ได้มาเจอกับเพชรเกล้าที่นี่

สองมือลูบแผ่นหลังผู้อ่อนแอเบาๆ สายตาเหล่มองนางแบบสาวที่ยืนนิ่งเงียบ..

ตรีทิพย์คงจะเป็นตัวการสำคัญแน่เพชรเกล้าถึงได้ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้

 

 

 


ภายในห้องขนาดกลางรายล้อมด้วยบรรยากาศรอบด้าน

ที่สามารถมองเห็นท้องฟ้าอันกว้างใหญ่สดใสไปทั่วสารทิศ

แต่หากจะน่าสนใจสักเพียงใดความสวยงามทั้งหลาย

ก็ไม่สามารถปลอบใจสาวน้อยในตอนนี้ให้หายเศร้าหมองลงได้

 

ทอปัดไถ่ถามทุกเรื่องที่เธออยากรู้เพราะขณะนี้นั้น

เธอได้อยู่กับเพชรเกล้าในห้องตามลำพังและสนทนากันแบบส่วนตัว..

จนทำให้ผู้จัดการนางแบบซุปตาร์คลายความสงสัยไปเสียหลายข้อ

 


" พี่สงสัยอยู่แล้วว่าเต้กับพราวดูเหมือนเคยเจอกันมาก่อน "


ทอปัดกล่าวขึ้นเรียบๆมองดูเรียวหน้าแดงกร่ำก็แสนจะเห็นใจ

 

" พี่เต้เขาเกลียดพราว พราวก็พยายามอดทนแล้ว
กับคำพูดของเขาทนทุกสิ่งทุกอย่างมาตลอด
แต่ตอนนี้มันไหวแล้วค่ะ.. " สาวน้อยเสียงเบาน้ำตาซึม

 

" ไม่ไหวแล้วจริงๆ..พราวอยากกลับบ้านแต่เขาไม่ให้ไปเคยหนีแต่ก็ไม่รอด…~ "

 

ทอปัดถอนหายใจนิดหน่อยก่อนจะวางฝ่ามือของเธอ

ลงบนเรียวมือของร่างบางที่อยู่ตรงบริเวณหน้าขา

 


" นอกจากคำพูดร้ายๆที่พราวได้รับ...เต้ทำอะไรพราวอีกหรือเปล่า "

 


เพชรเกล้าลดสายตาลงเบาๆแทนคำตอบทุกอย่าง

ที่สามารถสื่อสารให้ทอปัดรับรู้ได้ทั้งหมดว่าตรีทิพย์นั้น

ได้ทำอะไรเกินเลยต่อเพชรเกล้าไปแล้วเป็นแน่ พี่สาวส่ายหัวเบื่อหน่าย

ในความอำเภอใจของตรีทิพย์จนเริ่มสร้างเรื่องมากมายให้กับผู้ที่ต้องทนรองรับอารมณ์

 

 

" พี่ไม่เคยเกลียดน้องพราวนะคะ แล้วพี่ก็เคารพอาปิ่นมากด้วย
พี่จะไม่ยอมให้เต้มาพูดจาเสียๆหายๆกับพราวอีก "

 

" แล้วพี่ก็เชื่อว่าความจริงแล้วเต้เขาไม่ได้เกลียดพราวแล้วก็อาปิ่นเลย
เขาไม่ใช่คนแบบนี้ ใจร้อนก็จริงแต่ก็ไม่เคยใจร้ายกับใคร...
มันอาจจะมีเหตุผลบางอย่างที่อยู่ในใจของเขา "

 


ทอปัดอยากจะสื่อให้รู้แต่ก็อ้ำๆอึ้งๆพูดไม่เต็มเสียงเท่าไหร่นัก

เพราะคิดว่าตรีทิพย์ต้องเป็นคนอธิบายทุกอย่างด้วยตนเองถึงจะถูก

เพชรเกล้าฟังดูแล้วเธอกับนึกภาพไม่ออกเลยจริงๆ

ถึงสิ่งที่ทอปัดกล่าวและเธอก็ไม่อยากจะสนใจด้วย

 


" พี่ต้าพาพราวกลับกรุงเทพได้มั้ยคะ "


" แน่นอนค่ะ น้องพราวต้องได้กลับแน่แต่ตอนนี้
พี่ต้องจัดการกับคนสร้างเรื่องก่อน ไปค่ะ!
ไปเคล้นหาความจริงกัน พี่อยากจะรู้นักว่าตรีทิพย์ต้องการอะไรกันแน่!! "

 

ทอปัดยืนขึ้นพร้อมดึงมือเพชรเกล้าตามมาด้วยแต่สาวน้อยรั้งแขนไว้และยังคงนั่งอยู่เช่นเดิม


" ไม่ค่ะ..ไม่ พราวไม่อยากเห็นหน้าเขา ไม่อยากได้ยินเสียงเขาไม่อยากรับรู้อะไรทั้งนั้น "

เสียงสะอื้นนิดหน่อยเอ่ยบอกส่ายหน้าปฏิเสธ

 


" ก็ได้ค่ะ ถ้าอย่างนั้นน้องพราวพักผ่อนก่อนก็ได้ พี่ขอไปเคลียร์ธุระสักครู่ "


ทอปัดยอมปล่อยมือร่างบางที่กำลังอ่อนแอก่อนจะเดินออกจากห้องไป

เปิดโอกาสให้เพชรเกล้าได้ปรับตัวกับจิตใจที่กำลังทุกข์ระทมในตอนนี้

 

 

 


ถัดมายังห้องนั่งเล่นตรีทิพย์กำลังยืนชะเง้อคอมองไปยังชั้นสองอย่างลุ้นๆในสถานการณ์

บริเวณริมประตู ความจริงเธอก็ไม่ได้เกรงกลัวอะไรพี่สาวคนนี้ของตัวเองนัก

เนื่องจากสนิทสนมชิดเชื้อกันมากอยู่แล้วเพราะต้องพูดคุยกันอยู่ตลอดเวลา

แต่ตอนนี้กับรู้สึกหวั่นใจอย่างไรชอบกลอาจเป็นเพราะตนเองนั้นมีสิ่งให้น่าจับผิดอยู่หลายกรณี

 

 

ไม่นานนักดวงตาของนางแบบสาวจึงเหลือบไปเห็นผู้การส่วนตัวของเธอ

กำลังเดินลงมาจากบันไดเช่นนั้นร่างสูงจึงรีบเดินไปนั่งลงกับโซฟาด้านใน

แสร้งท่าทางทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งสิ้นเพราะมั่นใจว่าทอปัดจะต้องมาหาเธอแน่

 


เป็นไปตามการคาดเดาหญิงชุดลำลองเดินตรงเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้าน้องสาวของเธอ

พร้อมกับยกมือขึ้นกอดอกมองดูนางแบบขายาวนั่งไขว่ห้างไม่เป็นเดือดเป็นร้อนอะไร

ตรีทิพย์เชยสายตาขึ้นมองเล็กน้อยก่อนจะย้ายไปทางประตูอีกครั้งเผื่อจะได้เห็นใครอีกคน

 


“ เขาไม่ลงมาหรอกบอกว่าไม่อยากเห็นหน้าเธอ ”

 

ทอปัดพูดออกไปตรงๆทำให้ตรีทิพย์ชะงักนิดๆ

ใบหน้าสวยหันหนีไปอีกทางทำทีไม่สนใจ

พลางรวบผมหนานำมาไว้ด้านข้างพร้อมกับใช้มือยีทำสะบัดสะบิ้งนิดหน่อย

 


“ ทำไมคุณพราวถึงมาอยู่ที่นี่ ” พี่สาวเริ่มถามหน้าตาเคร่งขรึม

 

“ ก็พามา ”


นางแบบสาวตอบกลับเรียบๆสายตามองอะไรไปเรื่อย

ผ่านกระจกใสที่สามารถเผยให้เห็นบรรยากาศด้านนอก

 


“ พามาทำไม ”

 

ตรีทิพย์ไม่ตอบอะไรทั้งสิ้นลุกขึ้นยืนพลางจะออกไปจากห้องนี้

 


“ อย่าเดินหนีเต้! ”

 


ร่างสูงถอนหายใจอย่างรำคาญๆหยุดยืนสองมือล้วงกระเป๋า...

 

 

“ พี่ถามว่าพาคุณพราวมาที่นี่ทำไม ”


“ แก้แค้นไง!! ” ใบหน้าสวยหันตอบเสียงเข้ม

“ แน่ใจเหรอว่าที่ทำไปทั้งหมดเป็นเพราะว่าความแค้น! ”

“ ก็แน่สิ!! แล้วเต้ก็สะใจมากด้วย! ”

“ สะใจหรือว่ากำลังเสียใจอยู่กันแน่!! ”

 

 


“ อย่ามาคิดแทนเต้ได้มั้ยพี่ต้า! เต้บอกสะใจก็คือสะใจ!..พี่ฟังไม่รู้เรื่องหรือไง!! ”

 

สองพี่น้องโต้เถียงกันอย่างไม่มีใครยอมใคร

 

“ แล้วทำไมเต้ถึงไม่พาคุณพราวไปที่ภูเก็ตไปเจอกับพี่ต้อม!
คนที่พร้อมจะทำลายทุกอย่างของของผู้หญิงที่ชื่อปิ่นรักจริงๆ
ไปคอยรับคำสั่งจากเขา ว่าเขาจะสั่งให้เต้ทำอะไร!! ทำไมล่ะห่ะ!
ทำไมถึงได้พาคุณพราวมาที่นี่ เป็นห่วงเขาใช่มั้ย
แล้วที่ไปดึงตัวเขามาจากคุณชินกรก็เพราะว่าหวงใช่มั้ยหึงใช่มั้ย!
ทนไม่ได้ใช่มั้ยที่จะปล่อยให้เขาไปแม่ฮ่องสอนด้วยกันสองต่อสอง!!! ”


ทอปัดต่อว่าออกไปด้วยความโมโหในความเอาแต่ใจและปากแข็งของน้องสาวเธอ

 

ร่างสูงยืนเงียบไปสักพักหายใจคลุมเครือ..

 

“ พี่เคยเตือนเต้แล้วใช่มั้ยว่าจะทำอะไรให้มีสติ! แล้วตอนนี้เป็นยังไง
ง้อเขามากี่วันแล้วล่ะ! สมใจเธอแล้วใช่มั้ยตรีทิพย์!!! ”

 

 

“ เต้ไม่เคยห่วงไม่เคยง้ออะไรทั้งนั้น.. ”

“ ใช่เหรอ ” ทอปัดถามกลับถึงวาจาการหลอกตัวเองของตรีทิพย์

 


ตรีทิพย์ทิ้งร่างนั่งลงกับโซฟาอีกตัวที่อยู่ใกล้ๆด้วยความอ่อนใจ

ก้มศีรษะลงสองมือยกขึ้นปิดหน้าตัวเองพร้อมกับถอนหายใจออกมาเบาๆ

ด้วยความตึงเครียดและสับสนของจิตใจ ทอปัดเห็นเช่นนี้เธอจึงรู้ทันที

ว่าน้องสาวกำลังว้าวุ่นและโอนอ่อนลงจึงเดินเข้าไปนั่งลงข้างๆ

 

 


“ เต้แพ้... ”

 

เสียงหวานพูดออกมาเบาๆเธอรู้สึกหมดเรี่ยวแรงอย่างไรบอกไม่ถูก

 

“ ไหนบอกพี่มาสิ ”


พี่สาววางมือลงบนบ่าคลี่ยิ้มบางๆอยากให้ตรีทิพย์ผ่อนคลายจากความอัดอั้นตันใจทั้งหมด

 

ใบหน้าสวยค่อยๆเงยขึ้นนิ่งตั้งสติสักครู่

 


" พราวเป็นคนเดียวที่ทำให้เต้อยากอยู่ใกล้และคิดถึงตลอดเวลา
ทำให้..เต้ลืม...ว่าเขาเป็นลูกของคนที่เต้เกลียดที่สุด
รวมทั้งตัวเขาเองด้วยที่เต้ควรจะเกลียด "

 

 

 


" แต่เต้กับไม่มีความรู้สึกแบบนั้น มีแต่อยากเข้าใกล้..อยากกอด
อยากแสดงความรู้สึกที่จริงใจแต่ก็ต้องฝืนใจเพราะหัวข้อที่ท่องมาทั้งชีวิต "

 


" เต้อึดอัดจนไม่อยากจำมันอีกแล้ว..! "


ริมฝีปากสวยกัดฟันอัดอั้นตันใจพร้อมแสดงสีหน้าที่มาจากความเก็บกด

 

“ ไม่มีอะไรยากเลยเต้ เราก็แค่โยนมันทิ้งไป
แล้วปล่อยให้ใจตัวเองได้เป็นอิสระ พี่อยากเห็นเต้มีความสุขจริงๆเสียที ”


“ มันไม่มีอะไรผิดต่อครอบครัวของเราใช่มั้ยคะ ”


“ ไม่มีเลยเต้...พี่ได้ยินแบบนี้ก็รู้แล้วว่าความจริง
เต้ไม่เคยเกลียดและแค้นเคืองใคร..เต้ก็แค่รู้สึกโกรธ
ในตอนแรกๆเหมือนพี่ ซึ่งมันก็ไม่แปลก
แต่ความโกรธของเรามันค่อยๆลดลงไปตามเวลา
สิ่งที่เต้พยายามทำมาทั้งหมดมันก็เป็นแค่ความจำเป็น
เพื่อสนองให้กับความความต้องการของใครบางคน ”

 


ตรีทิพย์หยุดคิดในคำพูดของพี่สาวหันมองเห็นทอปัดชูสองนิ้วและยักคิ้วให้

เป็นการเรียกพลังริมฝีปากสวยฉีกยิ้มออกมาพร้อมกับพยักหน้าด้วยความมั่นใจ

ว่าต่อจากนี้ไปเธอจะไม่ปิดกันความรู้สึกของตัวเองอีกแล้ว..หัวใจเหมือนถูกปลดปล่อย

ทิ้งพันธนาการทั้งหมดลงไว้กับพื้น เพชรเกล้าเท่านั้นคือสิ่งที่เธอคิดถึงมากที่สุดตอนนี้

 


“ เอาหล่ะ! พูดง่ายๆแบบนี้ก็ดีแล้ว รีบง้อน้องพราวซะอย่าปล่อยไว้นานเข้าใจมั้ย ”


“ เต้ง้อตลอดแต่พราวใจแข็งไม่ยอมหายโกรธเสียที ”

ตรีทิพย์ชักสีหน้าเคร่งเครียดอีกครั้งเพราะนี่คือปัญหาใหญ่มากของเธอ

 

“ ง้อยังไงไม่ทราบถึงได้ปล่อยให้ร้องไห้เสียอกเสียใจขนาดนั้น ”

 


“ ก็ตอนนั้นคนมันอยากจูบนิ พราวก็เลยงอนใหญ่เลย ”

“ โอ๊ย! ง้อด้วยจูบ ฉันจะบ้าตาย! ”

ทอปัดส่ายหัวในความไม่ได้เรื่องของน้องสาวเธอ

 


“ แต่ยังไงเต้ก็ต้องง้อพราวให้ได้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนก็ตาม! ”

 

 

นางแบบสาวยิ้มมั่นใจทำเอาผู้จัดการส่วนตัวเบ้ปากหมันไส้

ใส่เพราะทีเมื่อสักครู่ยังนั่งหงอยอ่อนเปลี้ยเพลียกายอยู่เลย………

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา