ราชินี แพนทัสเนีย

7.7

เขียนโดย LittleBlue

วันที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 เวลา 01.44 น.

  9 ตอน
  0 วิจารณ์
  9,313 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559 14.30 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) อ่อนแอ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตั้งแต่เธอมายังโลกแห่งนี้เวลาก็ได้ผ่านไปเกือบจะหนึ่งปีเต็ม ‘เอ็ะ หรือว่าครบปีไปแล้วนะ?’ หญิงสาวคิดอย่างไม่มั่นใจ จะให้ทำยังไงได้ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนข้างนอกก็ยังคงเป็นสีขาวโพลนของหิมะไม่เปลี่ยนแปลงจนราวกับว่าเวลาหยุดอยู่กับที่ หญิงสาวเดินไปฮำเพลงไปอยู่ในปราสาทอย่างเบื่อหน่าย การอยู่แต่ในปราสาท พร้อมทั้งข้างนอกเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บจะไม่เบื่อก็คงแปลก วันนี้เนโรไม่อยู่ เขาบอกเธอว่ามีธุระต้องไปทำ คงเพราะครั้งที่แล้วไม่ได้บอกเธอแล้วเกิดเรื่องครั้งนี้ถึงได้บอกว่าจะไม่อยู่ หญิงสาวขอร้องให้พาเธอไปด้วยแต่เนโรปฏิเสธเธอเสียงแข็ง

“นี่ท่านทุกสิ่ง ท่านรู้หรือไม่ว่าเนโรไปไหน?” หญิงสาวเบื่อหน่ายจนต้องหาเรื่องคุย

“ย่อมต้องรู้” เสียงคุณทุกสิ่งวันนี้เป็นเสียงหวานนุ่มของอิสตรี

“แล้ว...” ชีว่าเอ่ยเพื่อให้พูดต่อ

“เมื่อถึงเวลา เจ้าย่อมต้องรู้” เป็นคำตอบของคำถามส่วนใหญ่เมื่อเกี่ยวข้องกับชายหนุ่ม หญฺงสาวได้แต่พ่นลมหายใจออกอย่างเซ็งๆ ก่อนจะมองท้องฟ้าที่เริ่มดำลง ‘มืดแล้วทำไมเนโรยังไม่กลับอีก’ หญิงสาวคิดในใจ ตอนนี้เธออยู่ชั้นสอง เธอตัดสินใจจะไปรอชายหนุ่มข้างล่าง หญิงสาวกระโดดตัวจากชั้นสองสู่ชั้นหนึ่งโดยไม่ใช้บันได แม้ชั้นสองกับชั้นหนึ่งจะมีระยะที่ห่างกันอย่างมากแต่ด้วยเวทมนท์แล้วเธอก็ไม่มีอะไรต้องกลัว หญิงสาวค่อยๆลอยตัวลงไปชั้นล่างอย่างนุ่มนวล หญิงสาวนั่งรออยู่ตรงโซฟาเก่าแก่พลางคุยกับคุณทุกสิ่งไปด้วย แต่แล้วเธอก็สัมผัสได้ว่าฝนตก หญิงสาวหน้าซีดเผือกลงอย่างช่วยไม่ได้

“เด็กน้อยเจ้ากลัวฟ้าผ่าฟ้าร้องหรอกหรือ” คุณทุกสิ่งทุกอย่างเอ่ยถามเมื่อสามารถอ่านใจหญิงสาวได้ หญิงสาวส่ายหน้า “แค่เพียงเล็กน้อย ข้าเคยมีเหตุการไม่ค่อยดีสมัยเด็กในเวลาแบบนี้” พูดไม่ทันขาดคำเสียงดังกระหน่ำจากฟ้าร้องก็ทำเอาหญิงสาวเกร็งไปทั้งตัวแต่ดูเหมือนเธอจะควบคุมตัวเองได้อยู่ หญิงสาวพยายามเพ่งสมาธิไปที่เสียงลมหายใจของตัวเองเพื่อทำให้ใจสงบ

ทันใดนั้นประดูก็เปิดออกพร้อมกับเงาดำมากมายที่พุ่งเข้ามา หญิงสาวเบิกตาตกใจ เพราะความกลัวต่อเสียงทำให้ปฏิกิริยาโต้ตอบที่เป็นเลิศของหญิงสาวด้อยลง ‘ไม่ทันแล้ว’ หญิงสาวคิดอย่างเคร่งเครียดพยายามนึกหาวิธี แต่แล้วก็เกิดแสงสีขาวเจิดจ้าขึ้นตรงหน้าทำให้พวกเงาดำถอยห่าง

“เด็กน้อยไม่เป็นไรนะ” เสียงของท่านทุกสิ่งเอ่ย ทำให้เธอรู้ทันทีว่าแสงที่ช่วยเธอนั้นเป็นของคุณทุกสิ่ง ‘ขอบคุณท่าน’ หญิงสาวคิดไปก็หลบการจู่โจม หญิงสาวรู้ว่าการที่จะโจมตีพวกมันได้จำเป็นต้องใช้เวทมนท์ หญิงสาวร่ายเวทแห่งแสงใส่พวกมันพร้อมกับวิ่งไปหลบห้องอื่น แม้ตอนนี้หญิงสาวจะสามารถสู้พวกมันได้แล้ว แต่พวกมันก็มีมาก แถมเสียงฟ้าร้องยังทำให้เธอไม่สามารถสู้ได้อย่างเต็มที่ หลังเรื่องนี้จบเธอคงจะต้องหาทางทำให้ความกลัวนี้หายไป ประตูห้องสั่นเพราะแรงกระแทกจากด้านนอก ชีว่าไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่แต่ดูเหมือนมันจะไม่สามารถทะรุผ่านประตูได้ หญิงสาวมองประตูที่ถูกกระแทกด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เธอคิดหาวิธีเอาตัวรอดมากมาย ทันใดนั้นภาพของชายหนุ่มเส้นผมดำก็ผุดขึ้นมาในหัว เธอกำลังคิดถึงเนโร ทำไมเธอถึงคิดถึงเขาในเวลาแบบนี้ เธอไม่เคยต้องพึ่งพาใครมาก่อนเพราะเธอมีความสามารถที่จะทำได้ทุกอย่างได้ด้วยตัวเอง แต่ครั้งนี้เธอคิดถึงเขา อยากให้เขามาช่วย ไม่สิคิดว่าเขาจะต้องช่วยเธอ เธอไม่รู้มาก่อนว่าชายหนุ่มมีความสำคัญกับเธอขนาดนี้ หญิงสาวส่ายหัว หญิงสาวรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังทำตัวอ่อนแอและนั่นคงจะเป็นเพราะความกลัวที่เธอมีต่อเสียงฟ้าร้อง หญิงสาวสูดหายใจยาว เธอรวบรวมความรู้เกี่ยวกับเวทมนท์ หญิงสาวสามารถใช้เวทแห่งแสงออกมาโดยไม่ร่ายได้แต่พลังทำรายคงทำได้เพียงทีละตัว และก่อนที่เธอจะสามารถฆ่าได้ทุกตัวเธอคงจะเหนื่อยตายก่อนถึงแม้เธอจะสามารถใช้เวทนอกกายได้แต่ร่างกายของเธอคงเหนื่อยก่อนแม้พลังเวทจะไม่หมด เพราะฉะนั้นเธอต้องร่ายเวท ไม่ก็วาดวงเวท ไม่สิเพียงเธอนึกภาพวงเวทออกก็คงได้ หญิงสาวมีอ่านหนังสืออยู่แต่เธอก็ไม่ได้อ่านเกี่ยวกับเวทมนท์ขั้นสูงเยอะเท่าไหร่เพราะเธอพึ่งเริ่มเรียน แต่เธอเรียนรู้พื้นฐานจนชำนาญแล้วจนเธอสามารถสร้างเวทมนท์ขั้นสูงด้วยตัวเองได้ หญิงสาวนึกถึงเวทต่างๆที่รู้และทำการประสมประสานกันจนกลายเป็นวงเวทซับซ้อนในหัวของเธอ สายตาของหญิงสาวจับจ้องไปที่ประตูบานนั้นซึ่งอีกไม่นานก็คงถูกพังลง ทุกอย่างในหัวของเธอเกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาที ประตูถูกพังลงภาพในหัวหญิงสาวสมบูรณ์ เวทมนท์สำริดผลแสงสว่างเจิดจ้าครอบครุมทั้งปราสาท เงาดำต่างค่อยๆสลายไป หญิงสาวยืนนิ่งมองดูผลงาน

เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังเข้ามาใกล้ หญิงสาวรู้ทันทีว่าเป็นใคร หญิงสาวเห็นชายหนุ่มยืนมองเธอด้วยสายตาเป็นห่วง เธอเดินก้าวไปหาชายหนุ่มช้าๆก่อนจะโผล่เข้าสู้อกแกร่งร่างกายสั่นเทิ้มอย่างต้องการที่ยึดเหนี่ยว เธอปลดปล่อยความอ่อนแอทั้งหมดออกต่อหน้าชายหนุ่ม

เนโรมองร่างบางตรงหน้าด้วยสายตาอ่อนโยนก่อนที่จะค่อยดึงร่างบางเข้ามากำชับอ้อมแขน “ขอโทษที่มาช้า” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแผ่วเบาแต่หนักแน่น มือหนาค่อยๆลูบหัวคนตัวเล็กในอ้อมก่อนอย่างปลอบประโลม

“ท่านมาสายจริงๆด้วย” เสียงหวานพร้อมเสียงสะอื้นน้อยๆตอบกลับมา ทำให้ชายหนุ่มทำสีหน้าเคร่งขรึมกว่าเติม เข้ากำชับร่างบางเบา ก่อนจะค่อยๆอุ้มหญิงสาวขึ้นอย่างนุ่มนวล การกระทำอ่อนโยนอย่างมาก หญิงสาวไม่ได้ว่าอะไรมือบางโอบรอบคอของคนตัวโตและสบหัวกับอกแกร่งอย่างใกล้ชิดราวกับกลัวว่าชายหนุ่มจะหายไป ชายหนุ่มพาหญิงสาวไปที่เตียง โน้มตัวเพื่อปล่อยเธอลง แต่มือบางไม่ปล่อย ชายหนุ่มมองใบหน้านวล เห็นเพียงดวงตาสีทองที่หลบตำ่ “เจ้าปล่อยเถอะ” เสียงทุ้มกล่าวกับหญิงสาว หญิงสาวส่ายหน้าไปมา ชายหนุ่มขมวดคิ้วรู้สึกจนปัญญาแต่ก็เอ็นดูไปพร้อมๆกัน “ถ้าเจ้าไม่ปล่อยจะให้ข้านอนกับเจ้าอย่างนั้นหรือ” ชายหนุ่มถามถัยดวงตาเป็นประกาย หญิงสาวเบิกตากว้างมีสีหน้าตกใจ ทำให้คนตัวโตหัวเราะเสียงตำ่ “ข้าล้อเจ้าเล่น เอาหละได้ยินอย่างนี้เจ้าก็ปล่อยมือเถอะ” ชายหนุ่มมั่นใจว่าพูดแบบนี้ร่างบางคงต้องปล่อยมือ แต่ไม่เป็นดั่งคาด หญิงสาวกำชับมือรอบคอชายหนุ่ม ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา “นอนด้วยกันอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร คืนนี้ท่านอยู่กันข้า” คราวนี้เป็นชายหนุ่มที่ตกใจ ชายหนุ่มนิ่งไม่พูดจนหญิงสาวเงยหน้ามองใบหน้าคมเข้ม สิ่งที่เห็นคือดวงตาเปล่งประกายเข้มของชายหนุ่มที่มองมา มุมปากยกขึ้นอย่างไม่ปิดบัง นั่นทำให้หญิงสาวรู้สึกถึงอัตรายอย่างไรไม่รู้ มือบางรอบคอหนาคลายออกแต่มือหนากลับจับเอาไว้ “เอางั้นนอนกันเถอะ” ชายหนุ่มเอ่ยในขณะที่มือหน้าออบรอบเอวบางแล้วค่อยๆย่อนกายลง แขนแกร่งตรึงร่างบางไว้อย่างใกล้ชิด หญิงสาวอ้าปากจะเอ่ยว่าไม่จำเป็นต้องใกล้ขนาดนี้ แต่สัมผัสอ่อนนุ่มที่หัวทำให้หญิงสาวชะงัก ‘เขาจูบหัวเธอ!’ หญิงสาวตกใจจนเกร็ง และดูเหมือนชายหนุ่มจะรู้สึกได้ถึงเอ่ยกับหญิงสาว “นอนเถอะ ข้าก็จะนอนแล้ว” มือหนาพูดพร้อบกับไร่มือเป็นจังหวะบนหลังของหญิงสาว ตอนแรกหญิงสาวยังตื่นกลัวแต่จังหวะจากสัมผัสอบอุ่นก็ทำให้หญิงสาวเคลิ้มหลับลงในที่สุด

ชายหนุ่มได้ยินเสียงหายใจอย่างสม่ำเสมอของหญิงสาวก็เปิดตามองคนในอ้อมกอด เขากดจมูกลงบนแก้มเนียนสูดเอากลิ่มหอมหวาบเฉพาะตัวของหญิงสาวอย่างห้ามไม่ได้ เขามีความสุขที่มีเธอในอ้อมกอด ชายหนุ่มยิ้มออกมาเสียไม่ได้ แต่แล้วรอยยิ้มก็หุบลงดวงตานั้นเคร่งขรึม แต่เธอจะอยู่กับได้อีกนานเท่าไหร่กัน ‘จนถึงเมื่อฤดูใบไม้ผลิมาเยือน’ ชายหนุ่มคิด สีหน้าปวดร้าว เขาได้แต่หวังว่าฤดูหนาวจะคงยืนยาวต่อไป ชายหนุ่มกระชับอ้อมกอดและเข้าสู่ห้วงนิทราตามหญิงสาวไป

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา