สวิงกิ้งปิ๊งรัก

4.5

เขียนโดย Annakan

วันที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560 เวลา 11.45 น.

  1 ตอน
  0 วิจารณ์
  9,065 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 15 มีนาคม พ.ศ. 2560 13.33 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) ตอน 1 - 7

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

บทนำ

            “#” แฮชแท็ก สัญลักษณ์ที่ใช้อย่างแพร่หลายในโซเชี่ยลมีเดียต่างๆ นิยมใส่ไว้ข้างหน้าคำหรือข้อความเพื่อให้คนที่สนใจในสิ่งเดียวกันได้รับข้อมูลอันหลากหลายจากผู้ใช้งานทั่วทุกมุมโลก

            “#เสื้อผ้า #ตุ้มหู #รองเท้า #กระเป๋า#ทะเล #ภูเขา #ขนม” แฮชแท็กตัวอย่างที่สาวๆ ทั่วไปน่าจะใช้เวลาโพสรูปต่างๆ แต่ไม่ใช่สำหรับผู้หญิงคนนึง

 

            “แรงกว่านี้ไม่ได้หรอ” หญิงสาวบอกอย่างขัดใจเมื่อชายหนุ่มที่นอนทาบอยู่บนตัวออกแรงสะโพกเบาเหลือเกิน

            “สุดสวยไม่เจ็บหรอ” ชายหนุ่มถามด้วยความเป็นห่วงก็ร่างเพรียวบางของเธอทำให้เขาไม่กล้าออกแรงมากเกินไปคนเพิ่งเจอกันครั้งแรกนิสัยใจคอเป็นยังไงก็ไม่รู้ เผลอๆ จะซวยเอาถ้าเจอผู้หญิงเจ้าเล่ห์

            “โอ๊ย ไม่ได้เรื่องเลย” หญิงสาวผลักหน้าอกผู้ชายคนนั้นอย่างแรงแล้วขึ้นไปอยู่ด้านบน ร่างอ้อนแอ้นขย่มโยกลงไปอย่างเอาเป็นเอาตายหน้าอกกลมกลึงกระเพื่อมไหวไปตามแรง

            ในเมื่อเธอมาอยู่ข้างบนแบบนี้ก็ปลอดภัยแถมวิวยังดีเป็นบ้า ในกลุ่มพูดกันปากต่อปากว่าหน้าอกสวยๆ ของเธอคนนี้คือของจริงหลังจากได้จับและขยำด้วยมือตัวเองมันก็ใช่ของแท้ล้านเปอร์เซ็นต์เพราะเวลานอนหงายหน้าอกมันก็ไหลไปตามแรงโน้มถ่วงไม่ใช่ตั้งเต้ากลมบ๊อกแบบที่ยัดซิลิโคน

            ที่ว่าปลอดภัยเพราะเขาไม่กล้าออกแรงกับคนแปลกหน้ามันเคยมีกรณีที่สาวเจ้าบอกให้ทำหนักๆ แต่กลับแหกปากโวยวายว่าโดนข่มขืนและแม่สาวเจ้าเล่ห์จะไม่เงียบจนกว่าจะได้เงินปิดปากครั้งนี้ก็เช่นกันที่เขาระแวงว่าสาวน้อยคนสวยจะมีแผนอะไรในใจ

            “ซี๊ดดด ใหญ่เป็นบ้า” เธอครางด้วยความพอใจหลังจากได้แรงๆ แบบที่ต้องการ ใบหน้าขาวๆ ขึ้นจ้ำแดงระเรื่อไปทั่วและมีเหงื่อผุดแถวหน้าผาก รูปร่าง หน้าตา สัดส่วนแบบเธอเป็นพริตตี้ได้สบายแต่เธอไม่ใช่พริตตี้ไม่มีใครรู้ว่าหญิงสาวคนนี้ทำงานอะไรพักอยู่ที่ไหน

 

            “#ยสตน #สวิงกิ้ง #แตกใน #เลียห #อมค” คือแฮชแท็กที่แยมโปรดปราน

 

  

ตอนที่ 1

 

สามปีก่อน

          “เนย รอนานไหม” แยมทักทายพี่สาวตอนเที่ยงกว่าทั้งคู่ทำงานคนละบริษัทแต่อยู่ตึกเดียวกัน

            “ไม่นาน ไปกันดีกว่าหิวไส้จะขาดแล้ว” เนยควงแขนน้องสาวเดินไปทางศูนย์อาหาร ผู้คนก็ยังล้นหลามเหมือนทุกวันและทั้งคู่ก็ยังตกเป็นเป้าสายตาของหนุ่มๆ เสมอ

            “เพชรพลอย วสุธานนท์” มีชื่อเล่นว่าเนย

            “พลอยเพชร วสุธานนท์” มีชื่อเล่นว่าแยม  

          ทั้งคู่คือฝาแฝดที่เกิดห่างกันประมาณห้านาที วันที่คลอดคุณแม่ลุ้นแทบขาดใจว่าทำไมแยมไม่ยอมออกมาจากครรภ์สักทีคุณหมอก็ได้แต่บอกให้ใจเย็นๆ บางคู่เกิดห่างกันเกือบชั่วโมงก็ยังมี เด็กสาวสองคนเติบโตมาในครอบครัวมีอันจะกินแต่พ่อแม่ก็ไม่ได้เลี้ยงดูตามใจจนเหลิงเสียคน

            ตอนเด็กๆ ไม่ว่าจะพาไปที่ไหนก็จะมีคนมาขอกอดขอจับแก้มยุ้ยๆ ตลอด ทารกน้อยมีแก้มใหญ่เหมือนซาลาเปาสีแดงระเรื่อและริมฝีปากก็เช่นกันเส้นผมก็ดกดำคิ้วเข้มหนาโดยไม่ต้องพึ่งดอกอัญชันแม้แต่นิด ขาสั้นป้อมตามประสาเด็กแต่ก็มีแววจะสูงยาวแน่ๆ ตามคำที่ผู้เฒ่าผู้แก่บอก

            ช่วงประถมทั้งสองคนเป็นเป้าหมายของคุณครูเพราะหน้าตาที่น่ารักหมดจด ทั้งคู่ได้ทำทั้งกิจกรรมแทบจะทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นเต้นแบบสมัยใหม่ รำไทย ดรัมเมเยอร์ แสดงละคร ถือป้ายโรงเรียนตามงานต่างๆ เนยกับแยมก็ทำตามที่คุณครูเห็นว่าดีแต่ทั้งสองกลับไม่ชอบกิจกรรมแบบนี้เลย

            เมื่ออยู่ในช่วงมัธยมปลายทั้งคู่ก็ได้ตั้งหน้าตั้งตาเรียนแบบจริงจังโดยไม่มีกิจกรรมอื่นๆ มาคั่นเพราะโรงเรียนใหญ่ขึ้น นักเรียนก็เยอะขึ้นทำให้เธอไมได้เป็นตัวเลือกแรกๆ ในงานต่างๆ ของโรงเรียนซึ่งทั้งคู่ดีใจมากแต่ถึงแม้จะไม่ได้ร่วมงานของโรงเรียนก็มีอย่างอื่นมารบกวนก็พวกหนุ่มๆ ที่มาตามจีบตามตื้อได้ทุกวัน

            วัยสิบเจ็ดปีคือช่วงที่ความสาวผลิบาน เหล่าผีเสื้อพากันมาบินโฉบอยากลิ้มรสน้ำหวานแสนอร่อยแต่เนยกับแยมก็ไม่เคยคบใครทั้งคู่ไม่ต้องการใครเพราะแค่มีกันและกันมันก็เพียงพอแล้ว

            เนยสนใจด้านตัวเลขเธอจึงจบมาเป็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ส่วนแยมถึงจะคะแนนค่อนข้างดีในวิชาเลขแต่เธอก็ไม่ได้อยากเรียนเหมือนเนย แยมชอบเสื้อผ้าความสวยความงามเธอจึงเลือกเรียนด้านมัณฑนศิลป์ทั้งคู่แยกกันตอนมหาวิทยาลัยแต่ก็ไม่มีอะไรมาเปลี่ยนแปลงความรักความผูกพัน

            “ทำเป็นก้มไปเก็บของนะแล้วดูผู้ชายที่ผูกไทด์สีน้ำเงิน” เนยกินไปพูดไป

            “คนเดิมไงจำไม่ได้หรอ” แยมแกล้งปัดพวงกุญแจให้หล่นลงพื้นแล้วก้มไปเก็บผู้ชายคนที่เนยว่าคือเพื่อนร่วมตึกและมักจะลงมากินข้าวเวลาเดียวกันเสมอเขาเอาแต่มองแต่ไม่เคยมาคุยด้วยสักคำ

            “อ้าวหรอ หลายคนจัดจำไมได้” เนยแซวน้องสาว

            “แหม่ ตัวเองนี่ไม่มีใครมาชอบเลยเนอะ โน่น” แยมชี้ตะเกียบไปทางโต๊ะด้านหลัง ผู้ชายห้าคนล้วนมองมาที่เธอทั้งคู่อย่างโหยหา

            “ไอ้แยม ไปชี้แบบนั้นได้ไง” เนยเอ็ดน้องสาว

            “ก็จ้องซะขนาดนั้นใครไม่รู้ตัวก็บ้าแล้ว” แยมยักไหล่ไม่สนใจแล้วกินก๋วยเตี๋ยวต่อ

            “ว่าแต่เขาชอบแกหรือชอบฉัน” เนยถาม

            “เออ นั่นสิ” แล้วทั้งคู่ก็หัวเราะชอบใจ

            “เย็นนี้ไปกินเค้กกันม่ะ” แยมถามพี่สาวเมื่อกินข้าวกลางวันเสร็จ

            “ไปสิ จะได้แวะซื้อกาแฟด้วยเมื่อเช้าในกระปุกเหลืออยู่นิดเดียวแล้ว” เนยตอบน้องสาว เธอชอบดื่มกาแฟมากทุกเช้าพ่อแม่ลูกทั้งสามคนจะชงกาแฟหอมกรุ่นและกินมื้อเช้าด้วยกันมีก็แต่แยมที่ชอบดื่มชาร้อน

            “เจอกันตอนเย็นนะ” เนยออกจากลิฟท์ไปก่อนแล้วโบกมือให้น้องสาว ส่วนแยมต้องขึ้นไปอีกห้าชั้น

 

            “คุณแม่คะหนูกับน้องจะไปห้างจะให้ซื้อข้าวเย็นไปฝากไหม” เนยโทรไปถามแม่ระหว่างรอรถไฟฟ้า

            “ไม่ต้องหรอกลูกวันนี้พ่อกับแม่มีกินเลี้ยงเกษียณกับเพื่อนที่โรงเรียนกลับดึกหน่อยนะ”

            “แล้วพ่อเขาฝากบอกว่าอย่ากลับดึก”

            “ค่า” สองสาวประสานเสียงตอบแล้ววางสายไป คุณพ่อกับคุณแม่ของเธอเป็นคุณครูอยู่ที่โรงเรียนเล็กๆ แห่งนึง ถึงเธอทั้งสองคนจะอายุยี่สิบสี่ปีมีงานมีการทำแล้วแต่พ่อกับแม่โดยเฉพาะพ่อก็ยังมองเธอเป็นเด็กเหมือนเดิมและคุณพ่อก็ยังหวงเธอทั้งคู่ไม่เปลี่ยน

            อาจจะหวงยิ่งกว่าตอนเด็กๆ ด้วยซ้ำ

            “คุณพระ ฝาแฝดหรอเนี่ย” หลังวางสายจากแม่ ผู้ชายมาดนุ่มนิ่มก็มายืนตรงหน้าเธอพร้อมเอามือทาบอก

            “ค่ะ” ทั้งคู่ตอบ

            “คุณพระเหมือนกันยังกับโคลนนิ่งออกมา” คุณผู้ชายยังคงร้องหาพระพร้อมด้วยตาโตเบิกโพลง

            “ค่ะ” ทั้งคู่ไม่รู้จะพูดอะไรที่ดีกว่านี้

            “สนใจไปถ่ายแบบไหม” หนุ่มนุ่มนิ่มพูดแล้วยื่นนามบัตรให้

            “ไม่ค่ะ” แฝดสาวตอบพร้อมกัน

            “โอ๊ย ลังเลสักนิดก็ได้” แมวมองพูดอย่างขัดใจ

            “คือเราไม่ชอบงานด้านนั้นค่ะขอโทษนะคะ” เนยบอก

            “ขอตัวนะคะ” แยมบอกแล้วรถไฟฟ้าก็มาช่วยชีวิตไว้พอดี

            “เผื่อเปลี่ยนใจ” พ่อแมวมองยังอุตส่าห์วิ่งมายัดนามบัตรใส่มือ

            “เฮ้อ” แฝดสาวถอนหายใจพร้อมกันเมื่อขึ้นมาอยู่บนขบวนรถ ทั้งคู่โดนแมวมองทาบทามแบบนี้บ่อยๆ บ่อยจนเบื่อ หน้าตาของพวกเธอน่ารักจิ้มลิ้มตามพิมพ์นิยมสาวสมัยใหม่คือปากแดงระเรื่อบางกระจับ ตาโต จมูกโด่งและผิวกายขาวราวไข่ปอก

            บวกกับเสื้อผ้าเครื่องแต่งตัวจึงทำให้ทั้งคู่ดูดีสมบูรณ์แบบไปทุกส่วน ไหนจะช่วงขาเรียวยาวสัดส่วนอ้อนอ้อนและหน้าอกขนาดกำลังดี

            “เบื่อเนอะ” อีกครั้งที่ทั้งคู่พูดพร้อมกัน มันมีบางอย่างที่เนยกับแยมก็ไม่รู้จะเรียกมันว่าอะไรจะเรียกจิตสัมผัสก็ดูจะลี้ลับเกินไปแต่มันก็คล้ายๆ แบบนั้น ทั้งคู่มักจะพูดอะไรเหมือนกันและพร้อมกันวันละหลายๆ ครั้ง บางทีแค่มองตาก็รู้แล้วว่าอีกคนคิดอะไร

            “เอาเค้กราสเบอร์รี่ค่ะ” แฝดสาวพูดพร้อมกัน

            “เลียนแบบนะ” เนยหยิกแก้มน้องสาวเบาๆ

            “ตัวเองก็เลียนแบบเขา” แยมว่าให้แล้วหยิกกลับ

            “น่ารักจังเลยค่ะ” พนักงานทักทายและยิ้มให้ลูกค้าที่สวยยังกะนางเอกเกาหลี สองคนก็ได้แต่ยิ้มแก้มปริเนยกับแยมจะมีความสุขมากกว่าเวลาโดนผู้หญิงด้วยกันชมว่าน่ารักแต่เวลาพวกผู้ชายมาชมเธอจะรู้สึกไม่ปลื้มเท่าไหร่เพราะในใจพวกนั้นก็คงไม่ได้คิดอะไรมากไปกว่าอยากได้พวกเธอไปนอนด้วยสักคืนสองคืน

            ถึงจะอายุยี่สิบกว่าแล้วแต่สองแฝดสาวก็ยังครองความซิงมาได้อย่างไม่น่าเชื่อแต่มันก็คงไม่แปลกอะไรเพราะโตมาจนป่านนี้ยังไม่เคยมีแฟนสักคนก็อย่างที่บอกไม่มีใครมาเติมเต็มชีวิตทั้งคู่ได้ดีไปกว่าฝาแฝดที่คลานตามกันมาจะมีใครรู้ใจเข้าใจพวกเธอได้ดีกว่าคู่แฝดหรือ

                                                                             

 

ตอนที่ 2

          “วันนี้พี่ที่แผนกงี่เง่ามาก” เนยบ่นขึ้นมาระหว่างที่นอนอยู่บนเตียง

            “ทำไมหรอ” แยมถาม

            “แกวิเคราะห์ตัวเลขผิดแบบไม่น่าให้อภัยแต่ก็แถไปเรื่อยถือว่าอายุงานมากกว่า” เนยเบื่อกับระบบอาวุโสในที่ทำงานมากต่อให้คนที่แก่กว่าจะทำตัวบ้าบอแค่ไหนคนในบริษัทก็ต้องให้ความเคารพเพราะอยู่มาก่อน

            “เปลี่ยนที่ทำงานไหม” แยมถามพี่สาวอีกครั้งเธอเองก็รู้ว่าพี่เบื่อกับสภาพแวดล้อมและคนในบริษัท

            “ไม่อ่ะไม่อยากอยู่ไกลน้อง”

            “ยังไงเราก็อยู่บ้านเดียวกันนะ” แยมลองสนับสนุนดูเผื่อพี่สาวจะเปลี่ยนใจ

            “ก็บ่นไปงั้นแหละ” เนยบอกแบบไม่ใส่ใจแล้วเล่นมือถือต่อ

            “โห๊ะ ไอ้เราก็เป็นห่วงจริงจัง” แล้วแฝดคนน้องก็หันไปสนใจมือถือเช่นกัน

            “เนยๆ ดูนี่สิ” ถึงจะนับถือว่าเนยเป็นพี่แต่แยมก็ไม่เคยเรียกเนยว่าพี่สักครั้ง

            “ไร” เนยยังคงไม่ละสายตาจากหน้าจอเธอกำลังอ่านบทวิเคราะห์เศรษฐกิจ

            “โหย ไม่สนใจน้องเลย” แยมทำหน้างอ

            “โอ๋ๆ จะให้พี่เนยดูอะไรคะน้องแยม” เนยวางมือถือแล้วหันมาง้อน้องสาว

            “ไม่ต้องแล้ว” แยมกอดหมอนข้างหลับตาปี๋

            “คนหลับถ้าโดนจั๊กจี้ก็คงไม่รู้สึกตัวเนอะ”

            “ฮ่าๆๆๆ เนยไม่เอาแล้ว พอๆ” แยมทั้งดิ้นทั้งหัวเราะจนหน้าแดง

            “นี่ไง” แยมเอามือถือให้พี่สาวดู

            “โห น่ากินมากพรุ่งนี้ไปกินกันนะ” มีร้านราเมนเปิดใหม่อยู่ตรงข้ามตึกที่ทำงานจากในรูปอาหารน่ากินทุกอย่างแถมราคาก็ไม่แพงด้วย

            “น่ากินเนอะ” แยมเอามือถือกลับไปจ้องตาหวานเชื่อม

            สองสาวชอบอาหารญี่ปุ่นมากแล้วก็ไปญี่ปุ่นมาสี่รอบแล้วครั้งแรกไปกับพ่อแม่ส่วนสามครั้งหลังไปกันเองสองคนครั้งแรกไปตอนฤดูใบไม้ผลิไปดูดอกไม้บาน ครั้งต่อมาคือฤดูร้อนต้นไม้ใบหญ้าสดใสเขียวขจีและอากาศดีมากๆ ครั้งสุดท้ายคือฤดูใบไม้ร่วงใบไม้ผลัดใบเป็นสีเหลืองส้มมองไปทางไหนก็สวยงามไปหมด

            และปลายปีนี้เนยกับแยมก็จะไปสัมผัสฤดูหนาวบุกตะลุยไปท่ามกลางหิมะทั้งคู่ซื้อเสื้อผ้าและของใช้เตรียมไว้แบบเต็มพิกัดทั้งบู๊ท เสื้อแจ็คเกต เลกกิ้ง หมวกไหมพรมและอีกสารพัดไอเทมแฝดสาวกะว่าจะไปเปิดรันเวย์วินเทอร์แฟชั่นที่นั่นเลยทีเดียว

            “นอนกันดีกว่าสี่ทุ่มแล้ว” สองสาวปิดไฟที่หัวเตียงของแต่ละคนแล้วหลับสนิทในเวลาไม่นาน ทั้งคู่ยังนอนอยู่ห้องเดิมตั้งแต่เกิดมีแค่เฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งห้องที่เปลี่ยนไปตามวัย

            ส่วนนึงที่แฝดสาวมีใบหน้าเกลี้ยงเกลาไร้ริ้วรอยก็คงเพราะทั้งคู่ไม่สูบไม่ดื่มออกกำลังกายเป็นประจำและไม่ค่อยจะนอนดึกถ้าไม่มีเหตุจำเป็นเช่น ปั่นงาน เขียนโปรเจคและถึงจะรักการกินขนมมากแค่ไหนแต่ทั้งคู่ก็ไม่เคยหม่ำเกินสัปดาห์ละสองครั้งเพื่อสุขภาพและทรวดทรงที่ดี

 

            “มาเร็ว” แยมเร่งพี่สาวตอนพักกลางวัน เนยจับมือแยมแล้วพาข้ามไปอีกฝั่ง

            “โห เนยดูสิๆ” แยมกวาดตาดูอาหารของคนที่นั่งมาตั้งแต่หน้าร้านทุกจานหน้าตาน่ากิน ในร้านหอมฉุยไปด้วยกลิ่นราเมนกลิ่นน้ำซุปท้องไส้ของสองสาวปั่นป่วนไปหมด

            “เย็นนี้ค่อยไปใช้กรรม” เนยจับเมนูไว้มั่นแล้วสั่งอาหารมาชุดใหญ่แถมตบท้ายด้วยของหวานอีกถ้วยโตและแฝดน้องก็ไม่ต่างกัน ทั้งคู่ถึงกับต้องปลดตะขอกระโปรงเพราะกินเข้าไปเยอะมาก

            “โอ๊ย อร่อยมากอิ่มมาก” แฝดสาวพูดขึ้นมาพร้อมกันแล้วลูบพุงที่ยื่นออกมาหน่อยๆ

            “เดินไม่ไหวแล้ว” แยมลากขาเดินตามพี่สาวออกไปเมื่อจ่ายเงินเรียบร้อย

            “มาแยม เดินดีๆ” เนยจับมือน้องไว้เหมือนทุกครั้งเวลาข้ามถนน ที่หน้าตึกเป็นถนนสามเลนและการจราจรคับคั่งอยู่ตลอดเพราะเป็นย่านธุรกิจยิ่งช่วงพักกลางวันรถก็ยิ่งเยอะ

            “ใจดีจัง” เนยก้มหัวขอบคุณให้คนขับรถ สองเลนแรกหยุดให้คนเดินข้ามและก็มีอีกหลายคนที่เดินตามมาข้างหลัง

            “กรี๊ดดดด” เนยให้น้องเดินตามมาข้างหลังเธอเดินนำไปสองก้าวเพื่อดูว่าเลนที่สามว่างตอนแรกเธอแน่ใจว่าปลอดภัยเพราะไม่เห็นรถอยู่ใกล้ๆ แต่ทุกอย่างก็ดับวูบลง

            “เนย เนย ช่วยด้วยค่ะเรียกรถพยาบาลให้ที” รถกระบะจากเลนขวาสุดขับพุ่งมาด้วยความเร็วสูงแล้วพุ่งชนร่างของเนยเต็มแรง ร่างเล็กๆ อาบโชกไปด้วยเลือดสีแดงสด

            ช่วงเสี้ยววินาทีแยมไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงล้มลง เนยผลักให้แยมถอยกลับไปเธอแน่ใจว่าน้องจะได้แค่แผลนิดหน่อยเพราะข้างหลังมีคนเดินตามมาอีกหลายคนรถสองเลนแรกยังไม่เคลื่อนแน่ๆ เพราะถ้าแยมยังเดินตามมาน้องก็จะต้องตายเหมือนเธอ

          เนยสิ้นใจก่อนที่รถพยาบาลจะมาถึง

 

            “แยมกินอะไรหน่อยสิลูก” พ่อกับแม่เดินเข้ามาหาในห้องพร้อมถ้วยข้าวต้ม

            “หนูไม่หิว” แยมเบือนหน้าหนีไปอีกทางนัยน์ตาของเด็กสาวแทบไม่เคยแห้งเหือดจากน้ำตา ร่างของแฝดผู้พี่ทำการฌาปนกิจไปหลายวันแล้วแต่ความเศร้ายังไม่ลดน้อยลงแม้แต่นิด ภาพร่างไร้วิญญาณของพี่สาวยังคงอยู่ในความทรงจำของเธอ

            “ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด”

            “แยมมือถืออยู่ไหนลูก” พ่อกับแม่ถามลูกสาวอยู่หลายรอบกว่าเธอจะรู้สึกตัว

            “อะไรนะคะ”

            “มือถือดังหนูไม่ได้ยินหรอ”

            “อ้อ ค่ะ”

            “อยู่ไหนลูกแม่ไม่เห็นได้ยินแต่เสียง”

            “แถวๆ นี้แหละค่ะ” เนยชี้ไปที่กองเสื้อผ้าที่ซอกเตียง

            “พี่ยศโทรมาโทรกลับไปสิลูก”

            “ค่ะ พี่ยศ” แยมกดโทรกลับไปหาหัวหน้า

            “แยมงานล่าสุดที่ส่งมาคือมันผิดแทบจะทั้งหมดเลย” ยิ่งยศบอกด้วยความลำบากใจเขารู้ว่าลูกน้องได้รับความกระทบกระเทือนใจอย่างแสนสาหัสจึงทำให้งานผิดพลาดปกติแยมเป็นคนทำงานละเอียดรอบคอบที่สุด

            “หนูขอโทษค่ะพี่ยศ”

            “แยมลาพักร้อนดีกว่าไหม” ยิ่งยศเสนอหนทาง

            “หนูขอลาออกค่ะ”

            “แยม” ยิ่งยศและพ่อกับแม่พูดพร้อมกัน

            “ลาพักร้อนสิบห้าวันหนูก็ยังไม่ดีขึ้นพี่ยศก็น่าจะรู้”                                        

            “แล้วจะมาเซ็นเอกสารวันไหน” ยิ่งยศถามลูกน้อง

            “ส่งมาทางอีเมลได้ไหมคะหนูไม่มีแรงจะไปไหนทั้งนั้น”

            “ได้แล้วพี่จะส่งให้ดูแลตัวเองนะแยม”             

            “แยมทำไมทำแบบนี้ลูก” มารดาถามด้วยความเป็นห่วงการไปทำงานน่าจะช่วยลูกสาวที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวได้กลับมามีชีวิตปกติอีกครั้ง

            “ไว้หนูพร้อมหนูจะหางานใหม่ค่ะ” แยมบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบพอๆ กับใบหน้าที่เฉยชาไร้อารมณ์

            “ทำไมไม่เป็นหนูที่ตาย” แล้วจู่ๆ เธอก็ร้องไห้สะอึกสะอื้น อารมณ์ของแยมเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาดั่งกดสวิทซ์นาทีนึงเธอนั่งนิ่งเฉยเหมือนไม่รู้สึกอะไรนาทีต่อมากลับร้องไห้ฟูมฟายกรีดร้องเหมือนคนไร้สติ

            “โธ่ ลูก” ภัสสรและพิชิตกอดลูกสาวแล้วร้องไห้ปริ่มจะขาดใจ คนเป็นพ่อเป็นแม่ต้องมาร่วมงานเผาศพลูกมันก็รวดร้าวพอแล้วแต่ลูกอีกคนที่เหลืออยู่ก็ไม่ต่างอะไรกับร่างกายที่ไร้วิญญาณ

  

ตอนที่ 3

          ผ่านมาครึ่งปีแล้วที่เนยจากไปแยมยังคงเก็บตัวเองอยู่แต่ในห้องข้าวปลาอาหารถ้าพ่อหรือแม่ไม่ยกมาให้เธอก็ไม่กิน ภัสสรกับพิชิตได้แต่มองดูลูกสาวซูบผอมลงเรื่อยๆ โดยไม่สามารถทำอะไรได้เลย พอบอกให้ไปปรึกษาหมอแยมก็จะกรีดร้องและชักดิ้นชักงอหัวอกพ่อแม่ก็ยิ่งจะขาดรอนๆ ทั้งคู่จึงทำได้แค่เพียงคอยป้อนข้าวป้อนน้ำให้ลูกสาวยังมีลมหายใจต่อไป

            “แยมอยากไปห้างไหมลูกไปกินเค้กเหมือน…” พิชิตพยายามหลอกล่อลูกสาวให้ออกจากบ้าน

            “เหมือนที่เคยไปกับเนยใช่ไหมคะ” น้ำเสียงและสีหน้าของลูกไร้ซึ่งความรู้สึกใดๆ

            “พ่ออย่ามาหลอกหนูเลยพ่อจะพาหนูไปโรงพยาบาลบ้า”

            “ออกไป ไป” แยมปาหมอนใส่พ่อแล้วกรี๊ดลั่นห้อง

            “คุณเราจะทำยังไงดี” พิชิตทรุดนั่งบนโซฟาด้วยความอ่อนล้าปล่อยไว้แบบนี้ก็เหมือนลูกกำลังตายแบบผ่อนส่ง

            “อย่าไปขัดใจอะไรแกเลยค่ะมันเพิ่งผ่านมาแค่ไม่กี่เดือน แยมมีเนยอยู่ข้างๆ มายี่สิบสี่ปีนะคุณ” ภัสสรเข้าใจลูกแต่ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่กังวลกับสิ่งที่ลูกเป็น

            “เราก็คอยหาอาหารบำรุงกำลังไปให้แกกิน ภัสเชื่อว่าลูกจะทำใจได้สักวัน” ภัสสรจับมือสามีมาบีบทั้งคู่กอดกันแน่นเพื่อให้กำลังใจกันและกัน

 

            “Got me looking, got me looking so crazy in love” เพลงในจอโทรทัศน์ดังขึ้นจนดึงให้แยมหลุดออกจากภวังค์

            “Crazy in head นะฉันเลย” แยมส่ายหัวให้เพลงที่มีจังหวะตึงตังเธอไม่ค่อยชอบเพลงเร็วๆ จังหวะหนักๆ เธอชอบฟังแจ๊ส ป็อปหรือไม่ก็เพลงบรรเลง

            เมื่อเพลงจบลงรายการก็แนะนำเจ้าของผลงานแน่นอนอยู่แล้วว่าต้องเป็นบียอนเซ่ เธอเคยคิดว่าถ้าต้องเป็นสาวผิวสีก็ขอให้สวยแบบควีนบีนี่แหละผู้หญิงอะไรเซ็กซี่เป็นบ้า หน้าจอโชว์ข้อความจากทวิตเตอร์ที่ควีนบีทวีตเป็นครั้งแรกที่แยมตั้งใจดูรายการโทรทัศน์

            แยมมีแค่ไลน์เพียงอย่างเดียวที่เป็นสื่อทางโซเชี่ยลนอกนั้นไม่ได้ใช้เลยเพราะชีวิตเธอไม่เคยต้องการใครนอกจากเนยแล้วก็พ่อแม่เธอมีเพื่อนแต่ก็ไม่ได้สนิทอะไรมากมายนักพอรายการจบเธอก็โหลดแอพพลิเคชั่นทวิตเตอร์ลงเครื่องทันที

            “โอ๊ย แซ่บ” แยมกดดูแฮชแท็กต่างๆ ที่เกี่ยวกับแฟชั่นด้วยความเพลิดเพลิน

            “แยม ทำอะไรลูก” เกือบสองทุ่มพ่อกับแม่ก็ยกข้าวขึ้นมาให้เหมือนทุกวันแต่วันนี้พิชิตกับภัสสรต้องขยี้ตาซ้ำอยู่หลายรอบทุกทีเวลาเดินเข้ามาลูกสาวจะนั่งอิงหมอนแล้วเหม่อมองไปนอกหน้าต่างหรือไม่ก็มองที่ว่างข้างๆ ตัวที่เมื่อก่อนเคยมีพี่สาวนอนอยู่

            “อ่านข่าวในทวิตเตอร์ค่ะ” แยมหันมาตอบพ่อกับแม่

            “หรอลูก” ภัสสรนั่งลงข้างๆ เธอเดาไม่ถูกว่าลูกอารมณ์ดีจริงๆ รึเปล่าเพราะเห็นก็ยิ้มแย้มกับมือถือดีอยู่    

            “ไหนขอพ่อดูบ้างสิ” พิชิตพยายามเรียกความไว้ใจคืนจากลูก

            “นี่ค่ะ ฝรั่งเวลาเขาเถียงกันจริงจังกว่าคนไทยอีกนะคะ” แยมเอามือถือให้พ่อแล้วรับถ้วยข้าวต้มจากแม่มาตักกิน

            “อร่อยจังเลยค่ะแม่”

            “อร่อยก็กินเยอะๆ นะ” ภัสสรลูบหัวลูกสาว

            “อ่านไม่ค่อยรู้เรื่องภาษาพ่อไม่ดี”

            “ก็หนูบอกให้พ่อฟังเพลงเปิดคลิปมาตั้งกี่ปีแล้วพ่อไม่ยอมทำ”           

            “ก็ไม่รู้จะหายังไง” พิชิตเกาหัวแกรกๆ เขามันคนรุ่นเก่าเรื่องเทคโนโลยีเลยไม่เก่ง

            “เดี๋ยวหนูทำลิสต์ให้แล้วพ่อไปเปิดฟังนะ” แยมตักข้าวต้มกินตุ้ยๆ เธอได้กลิ่นหอมเจียว กลิ่นผักชี เธอรู้สึกถึงไอร้อนๆ จากถ้วยที่แผ่ซ่านอยู่บนฝ่ามือข้าวต้มถ้วยนี้มันคือข้าวที่ต้มด้วยความรักจากหัวใจของพ่อกับแม่

            “ขอบคุณนะคะ” ท่านทั้งสองหน้าตาซูบซีดอิดโรยใต้ตาดำคล้ำไม่ต่างจากเธอ แยมโผเข้าไปกอดพ่อแม่แล้วสัญญากับตัวเองว่าจะกลับมาเป็นลูกสาวคนเดิมของท่านให้ได้ในเร็ววัน

            “อย่าทิ้งพ่อกับแม่ไปนะลูก” ภัสสรจูบผมลูกสาวแล้วน้ำตาแห่งความปลื้มใจก็ไหลออกมา

            “พ่อกับแม่ไปอาบน้ำพักผ่อนเถอะค่ะมากันเหนื่อยๆ เดี๋ยวพรุ่งนี้หนูจะลงไปกินข้าวเช้าด้วยนะคะ” แยมหอมแก้มท่านทั้งสองคนละทีแล้วเดินมาส่งที่หน้าประตู

            “ต้องขอบคุณบียอนเซ่ใช่ไหมเนี่ย” แยมยิ้มให้ตัวเองอย่างอารมณ์ดี

            แยมจัดการข้าวต้มจนหมดถ้วยระหว่างที่กินก็รูดอ่านข่าวในทวิตเตอร์ไปพลางทำไมถึงไม่รู้จักใช้ก่อนหน้านี้นะมัวแต่โลกแคบอยู่ในกะลา มือถือเธอมีแค่ไลน์เท่านั้นและก็มีแค่กลุ่มครอบครัวที่มีกันอยู่สี่คนพ่อแม่ลูก

            “#สวิงกิ้ง #รังสิต” รูปภาพของสงวนเพศชายโชว์ขึ้นมาที่ลำดับบนสุดแยมตกใจจนเกือบทำมือถือร่วงใส่ชามข้าวต้ม

            “#เมียชอบ #ตั้งกล้อง #รุม” กายสาวที่ไม่เคยผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อนถึงกับร้อนรุ่มก็พอกดเข้าไปดูมันไม่ใช่แค่ภาพนิ่งแล้วมันเป็นคลิปการร่วมเพศความยาวสองนาทีกว่าที่แสนหนักหน่วง

            “#นัดยิ้ม” เมื่อกดเข้าไปดูแฮชแท็กนี้ทุกอย่างก็ยิ่งร้อนแรง แต่ละคนที่ทวีตข้อความล้วนใช้รูปโปรไฟล์ที่แสนวาบหวิวผู้ชายทุกคนถอดเสื้อผู้หญิงก็โชว์เนินอกแต่ที่เด็ดกว่านั้นคือการเอาของสงวนมาตั้งเป็นรูปประจำตัวแถมบอกขนาดไว้เสร็จสรรพ

            “คุณพระ” แยมเอามือทาบอกด้วยความตกใจเกิดมายี่สิบกว่าปีเธอไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีอะไรแบบนี้อยู่บนโลก

            “อู๊ว” แยมกำลังดูคลิปแบบหนึ่งหญิงสามชาย เธอคนนั้นร้องระงมแต่ก็ไม่ดังเท่าเสียงบดอัดจากชายฉกรรจ์ทั้งสามคนที่ทิ่มแทงท่อนเนื้อขนาดใหญ่เข้าไปตามส่วนต่างๆ ของร่างกายหญิงสาว

            “โอ๊วว แรงๆ เลย อ๊า” ผู้หญิงในคลิปครางระส่ำแล้วก็ฟุบตัวลงไปบนร่างของผู้ชาย

            เรียวขายาวๆ ของแยมหนีบแน่นเข้าหากันเธอรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วตัวเหมือนคนไม่สบาย มือเล็กๆ อันสั่นเทาล้วงเข้าไปที่จุดสงวนของตัวเองก็พบกับน้ำเหนียวๆ เอ่ออยู่เต็มรอยแยกเธอจิ้มนิ้วกลางเข้าไปในข้างในมันทั้งลื่นและอุ่น

            “อึ๋ย” หญิงสาวขนลุกเกรียวเมื่อนิ้วไปสะกิดที่ติ่งเล็กๆ ร่างบางสั่นสะท้านจากสัมผัสที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน แยมดึงนิ้วออกมาแล้วรีบไปอาบน้ำเพื่อสลัดเรื่องบ้าๆ ออกไปจากหัว

 

            “อรุณสวัสดิ์ค่ะ” แยมเดินลงไปที่ห้องอาหารพ่อกับแม่กำลังง่วนอยู่

            “ทำไมหน้าตาไม่สดใสเลย” ภัสสรจับหน้าลูกสาว

            “นอนดึกไปหน่อยค่ะมัวแต่ดูหนัง”

            “อ้อ มาลูกนั่งเลยๆ วันนี้พ่อลงมือทอดไข่เองเลยนะ”

            “ไข่ดาวไข่แดงสุกๆ” พิชิตเสิร์ฟอาหารเช้าให้ลูกสาวในจานมีไข่ดาว ไส้กรอก ขนมปังปิ้งแล้วก็แฮม

            “ขอบคุณค่ะพ่อ” แยมหอมแก้มคุณพ่อหนึ่งที

            “ชาพีชผสมเบอร์รี่จ้ะ” ภัสสรวางแก้วชาข้างๆ จานอาหาร

            “ขอบคุณค่ะแม่” แยมหันไปหอมแม่แล้วสามคนพ่อแม่ลูกก็ทานอาหารเช้าด้วยกันเป็นครั้งแรกตั้งแต่เนยจากไป

            “ไปทำงานเลยค่ะเดี๋ยวหนูล้างให้เอง ขับรถดีๆ นะคะ” แยมจูงมือท่านทั้งสองมาส่งที่รถเมื่อพ่อกับแม่ไปแล้วเธอก็กลับมาล้างจานชามแล้วขึ้นไปทำความสะอาดห้องนอน

 

เพลง Crazy in Love ศิลปิน Beyonce

 

 

ตอนที่ 4

            “หาคนว่างวันนี้สามทุ่มสองหนึ่ง” ข้อความขึ้นกำกับที่รูปของผู้ชายคนนึงในทวิตเตอร์

            “แถวไหน” ผู้หญิงคนนึงถาม

            “พระรามสอง” เจ้าของรูปตอบกลับ การสนทนาบอกแค่จุดนัดพบกว้างๆ ไม่ได้เจาะจงสถานที่แน่นอนและการสอบถามก็จบอยู่แค่นั้น แยมสงสัยว่าแล้วคนพวกนี้เขาจะนัดเจอกันจริงๆ ได้ยังไงเธอตั้งหน้าตั้งตาอ่านทุกข้อความตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่เห็นเบาะแสอะไรเลย

            “นัดสวิง DM หรือแอดไลน์ ID: XXX69” พอกดเข้าไปดูโปรไฟล์ของแต่ละคนทุกอย่างก็กระจ่างส่วนมากที่ข้อมูลบนหัวโปรไฟล์จะลงไอดีของไลน์ไว้หรือไม่ก็ให้ DM มันคือการส่งข้อความแบบส่วนตัวบนทวิตเตอร์ สรุปว่าเธอมีแอพลิเคชั่นพร้อมแล้วสำหรับการสวิงกิ้ง

            “ห๊ะ” แยมตกใจความคิดตัวเองแต่ก็ต้องยอมรับอย่างหน้าไม่อายว่าเธอมีอารมณ์กับการร่วมเพศแบบนั้นเหลือเกิน ภาพที่ผู้หญิงในคลิปร้องครางโหยหวนมันยังติดตาเธออยู่

            “แยม ไม่เจอตั้งนานจะไปไหนลูก” ป้าร้านอาหารตามสั่งร้องทักลูกค้าเจ้าประจำที่เห็นกันมาตั้งแต่เด็กๆ

            “ไป 7-11 จ้ะป้า”

            “ไม่มากินข้าวร้านป้าเลยคิดถึงจะแย่แล้วเนี่ย”

            “หนูจะกลับมากินแล้วจ้ะ” แยมโบกมือให้ป้าแล้วเดินต่อ กว่าจะไปถึงร้านสะดวกซื้อที่ปากซอยเธอก็ต้องหยุดทักทายสารพัดร้านไปตอลดทางทุกคนถามไถ่ว่าเธอเป็นยังไงบ้างทำใจได้รึยังและขอให้เธอเข้มแข็งผ่านมันไปให้ได้

            “ซื้อซิมแบบเติมเงินค่ะ” หลังเลือกขนมจนเต็มตะกร้าแยมก็เอามาคิดเงิน

            “แฮปปี้หรือวันทูคอลดีคะ” พนักงานถาม

            “เอ่อ แฮปปี้แล้วกันค่ะ” ในเมื่อเบอร์นี้จะใช้ในภารกิจเร่าร้อนก็ควรจะเลือกสีแดง พอกลับมาถึงบ้านแยมก็จัดขนมใส่ตู้เหนืออ่างล้างจานส่วนน้ำหวานและพวกเยลลี่ก็เอาใส่ตู้เย็น

            “แช๊ะ” แยมถ่ายรูปเนินอกของตัวเอง

            “อ่อยไปไหมเนี่ย”

            “แช๊ะ แช๊ะ แช๊ะ แช๊ะ” กว่าจะได้รูปถูกใจก็ปาไปเกือบชั่วโมงสุดท้ายเธอก็ใจไม่กล้าพอจะใช้รูปเนินอกเธอเลือกรูปเรียวขาขาวๆ แทน

            “ขอนะเนย” เธอหยิบมือถือของพี่สาวออกมาจากลิ้นชักแล้วเปลี่ยนซิม ง่วนอยู่ไม่กี่อึดใจเธอก็ลงแอพพลิเคชั่นทวิตเตอร์และไลน์เรียบร้อย

            “jammy” คือชื่อที่แยมใช้ เธอกดหาเป้าหมายในทวิตเตอร์ไปเรื่อยๆ แล้วก็มาสะดุดตากับรูปผู้ชายคนนึง

            “หมู่หรือเดี่ยวได้หมด” แยมลองส่งข้อความไปหาแล้วก็ได้แต่กล้าๆ กลัวๆ ว่าผลมันจะออกมาเป็นยังไงเขาจะอ่านไหมแต่รอแค่ไม่กี่อึดใจเขาก็ตอบกลับมา

           

jammy: สวัสดีค่ะ

            swing life: ดีครับ ขาสวยจัง

            jammy: ขอบคุณค่ะ

            swing life: ทักมาแค่สวัสดีเฉยๆ หรอ        

            jammy: เราถนัดแบบหนึ่งต่อหนึ่ง

            swing life: ผมได้หมด ว่างวันไหน

            jammy: คงอาทิตย์หน้า

            swing life: แลกไลน์กันจะได้ติดต่อสะดวก

            แล้วเธอกับผู้ชายแปลกหน้าคนนั้นก็มาคุยกันต่อในไลน์อยู่เกือบชั่วโมงแยมพยายามเก็บข้อมูลให้มากที่สุดว่าการนัดยิ้มเขาทำยังไงกันบ้างและที่สำคัญมากๆ คือห้ามให้เขารู้เด็ดขาดว่าเธอไม่เคยสวิงและยังซิงอยู่

            “ไปไหนมาหรอลูก” ภัสสรเปิดตู้เย็นแล้วถามลูกสาว

            “ไป 7-11หนูอยากกินขนมหนูซื้อเยลลี่ที่แม่ชอบมาด้วยของพ่อมีสาหร่ายแผ่นในตู้จ้ะ”

            “หนูทำข้าวผัดทะเลไว้พ่อกับแม่อยากกินไหมคะ”

            “อยากกินสิลูก” ภัสสรกับพิชิตมีความสุขเหลือเกินที่ได้ลูกสาวคนเดิมกลับมา

            “พ่อคะแม่คะวันจันทร์หน้าหนูว่าจะออกไปหางาน”

            “ไปสิให้พ่อพาไปไหม”

            “ไม่เป็นไรค่ะ หนูว่าจะนั่งรถไฟฟ้าไปลงแถวสีลมหนูดูในเว็บหางานแล้วแถวนั้นมีรับพนักงานหลายบริษัทเลย”

           

            เช้าวันจันทร์แยมตื่นมาทานอาหารเช้ากับพ่อแม่แล้วกลับขึ้นไปแต่งตัววันนี้แล้วที่เธอจะได้เจอกับพ่อหนุ่ม swing life ตัวเป็นๆ เธอเป็นคนเลือกโรงแรมเองเพื่อความชัวร์ว่าจะไม่โดนตั้งกล้องแอบถ่าย

            แยมนั่งแท็กซี่ไปที่จุดนัดหมายเวลาอยู่ต่อหน้าพ่อแม่เธอพยายามอย่างเต็มความสามารถที่จะปิดบังความหม่นเศร้าเอาไว้แต่เมื่ออยู่คนเดียวความเหงา ความเศร้า ความปวดร้าวก็ยังคงเกาะกินหัวใจเธอเหมือนวันแรกที่เนยจากไปเนยไม่ใช่แค่พี่สาวแต่เนยคือหัวใจอีกครึ่งดวงของเธอ

ตั้งแต่จำความได้ไม่มีวันไหนที่เธอกับเนยแยกจากกันถึงช่วงมหาวิทยาลัยจะเรียนคนละที่แต่เมื่อกลับมาบ้านสองพี่น้องก็จะพูดคุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวระหว่างวันให้อีกฝ่ายฟังเสมอ

“คุณ คุณครับถึงแล้วครับ” คนขับเรียกหญิงสาวหน้าตาสวยหวานที่สวมชุดดำอยู่หลายครั้งกว่าเธอจะรู้สึกตัว

“คะ ค่ะ” แยมหลุดออกจากภวังค์แล้วมองหน้าคนขับแบบงงๆ

“โรงแรมนี้ใช่ไหมครับ” โชเฟอร์ถามแบบไม่แน่ใจ

“อ้อ ค่ะ ใช่ค่ะ ขอบคุณนะคะ” แยมดูราคาบนมิเตอร์แล้วยื่นเงินให้

“สวัสดีค่ะ” แยมเดินเข้าไปหาชายหนุ่มคนนึง

“สวัสดีครับ บาสครับ” ชายหนุ่มทักทายหญิงสาวที่สวยยังกับพริตตี้ เธอใส่ชุดเดรสสีดำแขนสั้นยาวเลยหัวเข่ามานิดหน่อยผมยาวสีน้ำตาลถูกรวบไว้ครึ่งนึงแบบหลวมๆ ใบหน้าสวยหวานแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางนิดหน่อย

“ไปกันเลยไหมครับ” บาสลุกขึ้นยืนเมื่อเธอพยักหน้าเขาจึงโอบเอวหญิงสาวแล้วเดินไปที่เคาน์เตอร์ของโรงแรม แยมสะดุ้งจากสัมผัสที่เอวเธอเดินตัวแข็งทื่อตามเขาไปด้วยหัวใจที่เต้นรัวเร็ว                                   

“เช็คอินน์ครับ” บาสยื่นบัตรประชาชนให้พนักงาน

“ที่รักเอาบัตรให้เขาสิครับ” แยมส่งให้โดยเอามือบังข้อมูลไว้ทุกอย่างเมื่อพนักงานคีย์ข้อมูลเรียบร้อยเธอก็รีบเก็บลงกระเป๋าทันที

 

“คุณสวยมากเลยแยม” เมื่อปิดประตูห้องมือใหญ่ก็ไล้ไปตามแก้มสีชมพูระเรื่อของหญิงสาว บาสไม่คิดเลยว่าวันนี้จะได้กินของดีของอร่อยเกรดเอ

“ขะ ขอบคุณค่ะ” แยมกลั้นหายใจยืนพิงประตูไม่กล้าขยับเขยื้อนไปไหนเลย

“ผมก็หอมแต่แก้มหอมกว่า” ชายหนุ่มหยิบปอยผมแล้วสูดดมกลิ่นเข้าไปเต็มปอดแล้วจมูกก็เลยไปซุกที่แก้ม

“ชอบท่ายืนหรอ”

“ปะ เปล่าค่ะ”

“งั้นไปที่เตียงดีกว่า” บาสอุ้มหญิงสาวไปวางที่เตียงแล้วขึ้นไปนอนคร่อม ความเป็นชายที่กลางตัวมันร่ำร้องอยากลิ้มลองแยมหวานๆ จนปวดหนึบไปทั้งแท่ง

“แฟนไม่ว่าหรอหรือแฟนทำไม่เก่ง”

“ไม่มีแฟนฉันแค่ชอบนอนกับคนแปลกหน้า” นี่คือบทพูดที่เธอซ้อมมาอยู่หลายวัน

“ผมจะให้สิ่งที่คุณต้องการ” บาสถอดชุดเดรสสีดำออกเรือนร่างของแยมสวยสมบูรณ์แบไปทุกส่วน ช่วงขาเรียวยาวขาวเนียนนุ่มมือ เอวคอดกิ่ว สะโพกผาย จุดสงวนมีเส้นไหมบางๆ ปกปิดปากทางแห่งความเย้ายวนเอาไว้     

“ซี๊ดด” บาสจูบพรมไปตามลำตัวเพรียวบางของหญิงสาวแล้วก็ครางออกมาด้วยความเสียว ผู้หญิงคนนี้ตัวหอมกรุ่นเหมือนผิวเนื้อพรมไปด้วยน้ำหอม

“คะ คุณ” แยมกำผ้าปูที่นอนแน่น ร่างกายของเธอกำลังโดนจูบและเลียไปทั่วและมันเสียวจนเกร็งไปหมดทุกส่วนทุกนาทีที่อยู่กับผู้ชายคนนี้มันทำให้เธอเหมือนเป็นคนพิการเพราะไม่สามารถขยับร่างกายได้เลยและที่เธอต้องเรียกเพราะเขากำลังจูบไปบนของลับ

“อืมมม” บาสมองพูเนื้อของหญิงสาวด้วยสายตาวาวฉ่ำ กลีบเนื้อทั้งสองปิดสนิทเหมือนไม่เคยผ่านการรุกล้ำมาก่อนเขาแซะนิ้วไปบนรอยแยกแล้วก็พบกับน้ำหวานใสๆ บาสก้มลงไปเลียมันแล้วครางด้วยความพอใจ

“อ๊ะ อ๊ายยย” แค่ลิ้นสากๆ สัมผัสลงมาเบาๆ เธอก็ล่องลอยไปไกลแสนไกล แผ่นหลังนวลเนียนลอยพ้นจากที่นอน

“บาส หยุด หยุดก่อน” ตรงนั้นของเธอมันปวดเกร็งไปหมดเธอพยายามจะดึงหน้าเขาออกมาแต่ไม่สำเร็จ แยมลุกขึ้นมานั่งหลังพิงไว้กับหัวเตียงแต่ก็ยังไม่สามารถดึงหัวของชายหนุ่มออกมาได้

“ว๊ายย” บาสแบะขาเธอให้ถ่างมากกว่าเดิมแล้วเขาก็ยิ่งเลียมันหนักขึ้น เธอหายใจหอบกระเส่าศีรษะยีไปกับหัวเตียงด้วยความทรมาน

“กรี๊ดดด” ความอัดอั้นที่สะสมมาตลอดห้านาทีระเบิดออกมาเป็นน้ำใสๆ กลางกายของเธอสั่นกระตุกใบหน้ามีเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นมา

“อือออ อืมม” บาสประกบปากแล้วสอดลิ้นเข้ามา รสและกลิ่นที่เธอลิ้มลองอยู่ตอนนี้มาจากตรงนั้นของตัวเองใช่ไหม

“ซี๊ดดด แยม ไม่ไหวแล้ว” บาสปลดกางเกงด้วยความร้อนรนเขาคว้าถุงยามมาสวมแล้วเสียบแกนกายเข้าไป

“โอ๊ยยยย” แยมร้องเสียงหลงกับแรงกระแทกที่ได้รับมันเจ็บจนน้ำตาเล็ดเลยทีเดียว

“เฮ้ย ยังซิงหรอ”

“ซิงบ้าอะไรล่ะไปยกเครื่องใหม่เมื่ออาทิตย์ก่อนทะลวงจนด้ายหลุดแล้วมั้ง”

“ซี๊ดดด สุดยอด คับยิ่งกว่าสาวเวอร์จิ้นอีก อ๊า” บาสตั้งหน้าตั้งตากอบโกยความคับแน่นอย่างลืมตาย นานแล้วที่ไม่ได้ใช้ของเหมือนใหม่แบบนี้ถึงจะเป็นแค่ของเทียมก็เถอะทั้งคู่ฟาดกันไปหลายยกจนหมดแรง

“คุณกลับก่อนเลยฉันอยากอาบน้ำให้สบายตัว” เมื่อหมดเรี่ยวแรงแยมจึงนุ่งผ้าขนหนูไปส่งเขาที่หน้าห้องพอกลับมาอยู่คนเดียวความเศร้าก็ถาโถมกลับมาเหมือนเคยและตอนนี้มีอีกสิ่งที่เพิ่มเข้ามานั่นคือความขยะแขยงตัวเอง เธอเสียซิงให้คนแปลกหน้าโดยไม่รู้สึกเสียใจสักนิดในทางตรงข้ามเธอชอบและสะใจกับมัน

  

ตอนที่ 5

            “เป็นไง้บางแยม” พ่อถามเมื่อตอนทานมื้อเย็นด้วยกัน

            “หนูแค่ไปดูเฉยๆ จ้ะ ยังไม่ได้สมัครมีหลายที่น่าสนใจหนูค่อยไปยื่นใบสมัครทีเดียววันมะรืน พรุ่งนี้ขอพักวันนึงเดินจนเมื่อยขาเลยค่ะวันนี้” แยมพูดปดกับพ่อแม่ จริงๆ เธอไม่ได้เมื่อยแค่ขาแต่เธอเมื่อยไปทั้งตัวและแทบจะก้าวขาเดินไม่ได้ด้วยซ้ำ

            “ไปลูกไปอาบน้ำพักผ่อนเดี๋ยวแม่ล้างให้เอง”

            “ขอบคุณค่ะแม่” แยมลุกขึ้นยืนแล้วลากขาเดินไปช้าๆ เธอไม่รู้จะทำยังไงให้พ่อแม่ไม่ผิดสังเกต

            “เมื่อยขนาดนั้นเลยหรอลูก” พิชิตถามด้วยความสงสัย

            “จ้ะพ่อพรุ่งนี้ไม่ต้องรอหนูกินข้าวนะคะหนูขอตื่นสายหน่อย”

            “อูยยย เจ็บเป็นบ้า” แยมนั่งบนเตียงแล้วบ่นอุบอิบ เธอทำใจกล้าถอดกางเกงในแล้วถลกกระโปรงก้มไปดูกลางกายของตัวเอง

            “ซี๊ดดด” แค่สัมผัสเบาๆ ขนก็ลุกเกรียวเธอหลับตาลงแล้วนึกถึงตอนที่บาสใช้ลิ้นกับนิ้วให้ แยมรูดนิ้วกลางไปตามรอยแยกที่ฉ่ำเยิ้มขึ้นเรื่อยๆ

            “อ๊า” แค่สะกิดที่ติ่งเนื้อเล็กๆ ร่างกายก็สั่นเหมือนเจ้าเข้า เธอส่งนิ้วกลางเข้าไปในหลืบอุ่นแล้วชักเข้าชักออกเพื่อปลดปล่อยความอัดอั้น

            “อืมมม” นิ้วกลางเรียวยาวอาบไล้ไปด้วยน้ำใสๆ แยมเลียน้ำรักของตัวเองแล้วก็ล้มตัวลงนอน

 

            “สวัสดีค่ะพี่ยศ” เกือบปีแล้วที่เธอไม่ได้คุยกับเขาเลยครั้งสุดท้ายก็ตอนที่พี่ยศเสนอให้พักร้อนนั่นแหละแล้วเธอก็ตัดสินใจลาออก

            “เป็นไงบ้างแยม” ยิ่งยศทักทายอดีตลูกน้อง

            “ดีขึ้นมากแล้วค่ะ แยมอยากกลับไปทำงานค่ะ”

            “เอ่อ ไม่ได้แล้วนะสิแยมเรารับคนมาแทนแล้วแต่เพื่อนพี่เพิ่งเปิดบริษัทออร์แกไนเซอร์นะแยมสนใจไหม”

            “สนใจค่ะพี่ยศบริษัทอยู่ที่ไหนคะ”

            “แถวสุขุมวิทเดี๋ยวพี่ไลน์ไปให้นะ”

            “ขอบคุณค่ะพี่ยศ” วางสายไม่กี่นาทีข้อมูลของบริษัทใหม่ก็ส่งเข้ามาในไลน์เธออ่านคร่าวๆ แล้วเข้าไปดูเว็บไซต์ของบริษัทเพื่อหาข้อมูลเพิ่มเติม

            “สวัสดีค่ะมาสมัครงานค่ะ” แยมมาถึงบริษัทของเพื่อนพี่ยศตอนเก้าโมงตรง เธอยังคงใส่ชุดเดรสสีดำเหมือนเดิมแต่วันนี้มีเสื้อสูทสวมทับอีกชั้นเพื่อความเป็นทางการตั้งแต่เนยจากไปเธอไม่เคยสวมเสื้อผ้าสีสันสดใสอีกเลย

            “สวัสดีครับน้องแยมใช่ไหม” ผู้ชายท่าทางภูมิฐานทักทายเธออย่างเป็นกันเอง

            “เดี๋ยวผมดูแลต่อเอง” เขาบอกพนักงานต้อนรับแล้วพยักหน้าให้เธอเดินตามไป

            “สวัสดีครับน้องแยมพี่ชื่อโกศลเป็นผู้จัดการแล้วก็เจ้าของบริษัท ไอ้ยศ เอ๊ย ! ยิ่งยศมันเล่าให้ฟังแล้วว่าน้องแยมทำงานเก่งมาก”

            “ค่ะ”

            “ไม่ต้องเกร็งครับ พี่กับยิ่งยศสนิทกันมันบอกว่าถ้าไม่รับน้องแยมพี่ต้องเป็นคนที่โง่มาก”

            “มันว่าน้องแยมมีความรับผิดชอบสูงตั้งใจทำงานและไม่เคยมีปัญหากับใครแถมการพูดจาก็เป็นแบบพวกมีอีคิวซึ่งมันสำคัญกับงานที่นี่เพราะน้องแยมจะต้องประสานงานกับหลายฝ่าย”

            “พี่ก็ต้องทำตามฝ่ายบุคคลแหละนะคือต้องมีช่วงทดลองงานสามเดือนผ่านโปรก็ปรับเงินเดือนขึ้น”

            “เอ่อ แยมยังไม่ได้กรอกใบสมัครเลยค่ะ”

            “กรอกเลยพี่จะได้พาเดินดูรอบๆ” โกศลยื่นกระดาษให้พนักงานคนใหม่

            “เงินเดือนช่วงทดลองงานสองหมื่นห้า น้องแยมโอเคไหมครับ”

            “โอเคค่ะ ขอบคุณค่ะ”

            “ทุกคนๆ ขอเวลาหน่อย นี่น้องพลอยเพชรหรือน้องแยมนะครับจะมาเริ่มงานสัปดาห์หน้าฝ่ายประสานงาน มีอะไรก็แนะนำน้องใหม่ด้วยนะครับ”

            “เจอกันสัปดาห์หน้านะครับน้องแยม” โกศลมองตามร่างเพรียวบางแล้วเลียริมฝีปากด้วยความกระหายถ้าได้ลองสักครั้งจะไม่ลืมพระคุณเลย ไอ้ยศนี่โง่จริงๆ มีลูกน้องสวยขนาดนี้ปล่อยหลุดมือได้ยังไง

 

            แยมผ่านการทดลองงานที่ใหม่แบบไม่ต้องสงสัย พี่ๆ ทุกคนในบริษัทเอ็นดูเธอมากเพราะรู้ว่าเพิ่งผ่านเรื่องราวที่แสนทุกข์ใจมา เธอสังเกตว่าเจ้านายหรือพี่โกศลจะเอ็นดูและห่วงใยเธอเป็นพิเศษเขาจะแวะเวียนมาทักทายถามไถ่ที่โต๊ะทุกวัน บางครั้งเขาก็จะชวนน้องๆ ในแผนกไปกินกลางวันด้วยกันแล้วเขาก็จะใช้โอกาสนี้เทคแคร์เธออย่างออกหน้าออกตา

            “พี่โกศลเขายังไม่มีครอบครัวหรอคะ” แยมถามพี่พรรุ่นพี่ในแผนก

            “ยัง รายนี้เจ้าชู้จะตายไม่หยุดที่ใครง่ายๆ หรอก” พรตอบรุ่นน้อง เธอเองก็เห็นว่าเจ้านายเอ็นดูเด็กใหม่ออกหน้าออกตาเหลือเกินและมันก็ไม่ใช่ธุระอะไรของเธอด้วยที่จะไปก้าวก่าย น้องยังโสดเจ้านายก็ยังไม่มีครอบครัวถ้าทั้งคู่จะกิ๊กกั๊กปิ๊งปั๊งกันก็เป็นเรื่องปกติเพราะบริษัทก็ไม่มีนโยบายห้ามมีรักในที่ทำงาน

            “แล้วแยมไม่มีแฟนหรอ”

            “ไม่มีค่ะพี่ แยมอยู่กับเนยมาทั้งชีวิต” เมื่อคิดถึงพี่สาวจิตใจของเธอก็กระตุกวูบขึ้นมาทันที ปีกว่าแล้วที่เนยจากไปถึงเธอจะไม่เศร้าเสียใจเท่าวันแรกๆ แต่ไม่มีวันไหนที่เธอไม่คิดถึงพี่สาวไม่มีครั้งใดบนรถที่เธอจะไม่เหม่อมองไปนอกหน้าต่างแล้วคิดถึงวันเก่าๆ ที่ยังมีเนยอยู่ข้างๆ

            “พี่เขารักแยมมากนะถึงเสียสละให้ขนาดนั้นแยมต้องใช้ชีวิตให้คุ้มกับที่พี่เขายอมเสียสละนะ” พรลูบหลังรุ่นน้องด้วยความเอ็นดู

            “ค่ะพี่พร ไปดีกว่าค่ะหายกันมานานแล้ว” สองสาวเดินออกจากห้องน้ำแล้วกลับไปทำงาน

            “อ้าวมาพอดีเลย แยมมาที่ห้องพี่หน่อย” โกศลเรียกพนักงานคนโปรดให้ไปพบเป็นการส่วนตัว

            “ไม่ต้องทำหน้าแบบนั้นพี่แค่จะขอไอเดียงานครั้งหน้า” โกศลบอกเด็กสาวที่หน้าซีดเป็นไก่ต้มคงคิดว่าจะเรียกมาดุแน่ๆ

            “อ้อ ค่ะ” แยมเป่าปากด้วยความโล่งใจเพิ่งผ่านโปรได้ไม่กี่วันจะมาโดนตำหนิคงไม่ดีเท่าไหร่

            “งานแต่งของลูกค้าเขาขอธีมชมพูกับฟ้าแล้วเจ้าสาวชอบดอกกุหลาบมากแยมคิดออกไหมว่าเราจะสั่งดอกกุหลาบสีฟ้าได้ที่ไหน” โกศลถามแต่สายตากลับโลมเลียไปทั่วร่างสูงโปร่งของลูกน้อง

            “เดี๋ยวนะคะ แยมจำได้ว่าเคยอ่านจากที่ไหนสักที่เรื่องกุหลาบสีฟ้า” แยมกดมือถือหาข้อมูลจากกูเกิ้ล

            “ต้องสั่งจากญี่ปุ่นค่ะ ลูกค้ามีงบขนาดไหนคะ”

            “ไม่อั้น แยมจัดมาได้เลย”

            “ได้เลยค่ะพี่โกศลแยมจะลองหาข้อมูลจากร้านดอกไม้ในไทยก่อนว่าเขาพอจะช่วยอะไรได้บ้างขอตัวนะคะ” ลูกน้องสาวผู้แสนกระตือรือร้นรีบลุกขึ้น

            “เดี๋ยวก่อนแยม” โกศลจับแขนเธอไว้

            “คะ พี่โกศลมีอะไรเพิ่มอีกหรอคะ”

            “ถ้าว่างๆ เราไปดูหนังกันไหม”

            “ค่ะ ไว้ถ้าแยมสะดวกแยมจะบอกนะคะ” เธอตอบแบบรักษาน้ำใจเพราะจะให้บอกปัดไปตรงๆ มันคงไม่ดีกับอนาคตการทำงานของเธอแน่ๆ

            แยมเริ่มทำงานที่ใหม่พร้อมกับพาตัวเองเข้าไปสู่วังวนของการสวิงกิ้งเธอยังคงเข้าไปแชทพูดคุยในกลุ่มลับทุกคืนเพื่อเสาะหาผู้ชายที่ถูกตาต้องใจ เดือนละครั้งหรือสองครั้งเธอก็จะนัดเจอกับผู้ชายแปลกหน้าเพื่อฟาดฟันกันบนเตียงมันเป็นการปลดปล่อยความเศร้าและความอ้างว้างที่ดีเหลือเกิน ทุกครั้งที่ไปสวิงกิ้งเธอจะกลับมาถึงบ้านแล้วหลับเป็นตายโดยไม่ฝันร้ายหรือสะดุ้งตื่นกลางดึก

 

ตอนที่ 6

ปัจจุบัน

            “ไม่เปลี่ยนใจแน่หรอแยมไปกับแม่แล้วหนูก็มาทำงานเช้าวันจันทร์ไง” ภัสสรกับพิชิตเกลี้ยกล่อมลูกสาวให้ไปฮ่องกงด้วยกันมันเป็นทริปสั้นๆ แค่สองวันเท่านั้น

            “ไม่เปลี่ยนค่ะ พ่อกับแม่ไปกันเลยวันเสาร์นี้แยมต้องไปหาซื้อของให้ลูกค้า”     

          “งั้นก็ตามใจแล้วจะซื้อของมาฝากนะ”

            “ไปนอนกันได้แล้วค่ะ พรุ่งนี้บินแต่เช้า”

 

            “เที่ยวให้สนุกนะคะ” แยมขับรถมาส่งพ่อกับแม่ที่สนามบิน ช่วงเช้าเธอจะไปซื้อของตามที่บอกไว้ส่วนตอนบ่ายเธอมีนัดกับผู้ชายคนนึงเธอไม่ได้โกหกซะทีเดียวนะ

            “แยมค่ะ” เธอทักทายผู้ชายที่นั่งรออยู่ตรงล็อบบี้ ประสบการณ์กว่าสองปีทำให้ความเคอะเขินไม่มีเหลืออยู่อีกแล้ว

            “หล่อกว่าในรูปอีกนะคะ” เธอกระซิบที่ข้างหูชายหนุ่มตอนอยู่ในลิฟท์

            “คุณก็เหมือนกันครับ” พีทพ่อหนุ่มกล้ามปูกระซิบตอบแล้วโอบเอวสาวน้อยมาแนบกายแค่ได้กลิ่นแชมพูจากเส้นผมก็พาให้เจ้าลูกชายตื่นตัว

            “อ๊า” ปิดประตูเสร็จ พีทก็จับแขนหญิงสาวตรึงไว้กับผนังจมูกซุกไซ้ไปทั่วลำคอลิ้นสากเลียต่ำลงมาจนถึงเนินอก

            “ซี๊ดดด” พีทคราง ถึงมือของแม่สาวร่างบางจะโดนพันธนการแต่เธอก็ไม่ละความพยายามเรียวขาขาวๆ ยกขึ้นแล้วบดเข่ามาที่เจ้าลูกชาย

            “ร้ายนักนะ” พีทคำรามอย่างมันเขี้ยวเขารูดกางเกงในตัวจิ๋วออกมาแล้วมัดมือของเธอไว้

            “อ๊า ลึกๆ เลย” เธอพาดขาข้างนึงไปบนไหล่ล่ำสันของคู่ขารายครั้ง หน้าอกอวบแอ่นชี้เพราะมือโดนมัดไพล่ไปด้านหลัง

            “ซี๊ดดด สวยมาก” ไม่ว่าผู้ชายคนไหนต่างพร่ำเพ้อว่าจุดสงวนของเธอช่างสวยงาม

            “สวยก็เลียเยอะๆ เลียหนักๆ นะคะ” แยมแยกขาให้กว้างขึ้นเพื่อรอรับความเสียว สะโพกกลมกลึงส่ายวนบดบี้ไปกับใบหน้าหล่อเหลาเพื่อเพิ่มระดับความสยิวให้ตัวเอง

            “อ๊ะ อ๊า” พูเนื้อสาวสั่นระริกและขับน้ำใสๆ ออกมามากมาย พีทสุดหล่อห่อลิ้นแยงเข้าไปเพื่อซับน้ำรักของหญิงสาวที่สวยยังกะนางแบบ

            “แกะสิคะ ไม่อยากให้ทำหรอ” แยมส่งสายตาออดอ้อนแล้วส่ายหน้าอกไปมา

            “อยากสิครับคนสวย” พีทปลดพันธนาการให้เธอ

            “โอ๊วววว” พีทร้องลั่นร้องเมื่อท่อนเนื้อหายเข้าไปทั้งลำในปากเล็กๆ ลีลาลิ้นบวกกับหน้าตาที่แสนเพอร์เฟคมันทำให้เสียน้ำได้ไม่ยากเลย

            “อึ๊ก อึ๊ก อึ๊ก” แยมกระแทกท่อนเนื้อเข้าๆ ออกๆ อย่างรุนแรง เธอห่างจากการสวิงมาเกือบสิบวันแล้ว เธอหิว เธอกระหาย เธอต้องการเกมสวาทมาเติมเต็มช่องว่างในหัวใจ

            “แตกสิ” แยมเร่งเร้าด้วยปากส่วนมือก็กระถอกเจ้าท่อนเนื้อแดงๆ จนเจ้าตัวหน้าตาบิดเบี้ยว

            “อ๊า ไม่ไหวแล้ว” พีทเสียน้ำให้หญิงแปลกหน้าในที่สุดเขายืนหอบมือทาบไปบนประตูแต่แม่สาวคนสวยกลับเลียไปทั่วคอ แผ่นหลังล่ำสันโดนลากอย่างแผ่วเบาด้วยปลายเล็บ

            “หมดแรงแล้วหรอคะ” แยมกระซิบถาม

            “ขอพักแบบนี้แล้วกัน” พีทนั่งคุกเข่าฝังหน้าลงไปที่กลีบเนื้ออูมอีกครั้ง

            “อู๊ววว พักแบบนี้ก็แย่สิ” แยมเกาะไหล่ล่ำบึกของพ่อรูปหล่อไว้           

            “ซี๊ดดด อยากได้อะไรที่ใหญ่กว่า ละ ลิ้น” เมื่อเขาจัดแจงสวมอาวุธป้องกันแยมก็พักหน้าอกไว้กับชั้นวางทีวี พีทหันมาก็เจอกับก้นขาวๆ ที่ส่ายรอเจ้าลูกชาย

            “ฟอด จ๊วบๆๆ” พีทยั้งใจไม่ไหวเขาทั้งจูบทั้งหอมไปบนก้นที่ขาวเนียนไม่แพ้กับใบหน้าของแม่สาวคนสวย

            “อ๊ะ อู๊ว คุณ” ก้นงอนงามยิ่งส่ายวนเร็วขึ้นเพราะพ่อล่ำบึกแบะอ้าแก้มก้นแล้วแยงลิ้นลงไป

            “ซี๊ดดด” แยมจิกเล็บแน่นไปบนโต๊ะไม้เธอไม่รู้เลยว่าการโดนเล้าโลมที่ประตูหลังมันจะเสียวขนาดนี้

            “พร่วบ” ท่อนเนื้ออันเขื่องเสียบมิดลำเข้ามาที่โพรงเนื้อสาว พีทกระแทกมันเข้าออกรัวเร็วจนเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังลั่นไปทั้งห้อง

            “อ๊า แรงอีก” แยมสั่งพ่อหนุ่ม

            “พั่บๆๆๆๆๆ” พีทรัวสะโพกจนก้นงอนงามขึ้นรอยจ้ำแดงๆ แต่แม่สาวคนสวยกลับร้องว่าขอแรงกว่านั้น

            “แรงอีกจะเสร็จแล้ว อ๊ายยย” สุดหล่อสาดกระหน่ำตัณหาใส่เธอตามคำบัญชา พีทซบหน้าไปบนแผ่นหลังนวลเนียนมือเอื้อมไปขยำเต้านมเขาพักอยู่ท่านั้นสักครู่แล้วจึงอุ้มเธอไปที่เตียงเพื่อเริ่มเกมต่อไป

 

            “อย่าลืมมารับพ่อกับแม่นะ” ภัสสรต่อสายหาลูกสาวระหว่างที่รอขึ้นเครื่อง

            “ใครจะลืมได้คะ แยมกำลังจะออกไปแล้วค่ะ”

            เธอขับรถไปเรื่อยๆ ด้วยจิตใจที่ปลอดโปร่งเพราะเมื่อวานไปเปิดศึกสวิงกิ้งตอนกลางคืนจึงหลับสบายและไม่ผวาตื่นมากรีดร้องหาเนยผ่านมาสามปีแล้วแต่เธอยังคงฝันร้ายและละเมอถึงพี่สาวอยู่บ่อยๆ

            “ในที่สุด” แยมถอยรถเข้าช่องจอดหลังจากวนหามากว่าสิบนาที เธอเดินเข้าไปในตัวอาคารฝั่งผู้โดยสารขาเข้าแล้วแวะซื้อน้ำดื่มอีกเกือบชั่วโมงกว่าเครื่องจะลงเธอมีเวลาเดินเล่นอีกถมเถ

            “หิวซะงั้น” เจ้าท้องอยู่ดีๆ ก็ร้องโครกครากขึ้นมาเธอจึงเดินไปที่ศูนย์อาหาร

            “ขอบคุณค่ะ” แยมรับชุดไก่ทอดกับมันบดแล้วไปหาที่นั่งระหว่างที่กินก็รูดดูทวิตเตอร์เพื่อหาชายหนุ่มสำหรับศึกครั้งต่อไป

            “เฮ้ย แกเครื่องบินตกหรอ” เด็กวัยรุ่นกลุ่มนึงเดินผ่านเธอแล้วชี้มือไปที่โทรทัศน์

            “ข่าวด่วนสายการบิน xxx บินจากฮ่องกงสู่กรุงเทพระบบไฟฟ้าขัดข้องจนเป็นเหตุให้เครื่องระเบิดขณะนี้ยังไม่ทราบความคืบหน้า”

            “พ่อแม่” แยมนั่งตัวชาอยู่บนเก้าอี้น้ำตาไหลเอ่อออกมาตัวบางๆ สั่นเทา และจู่ๆ เธอก็หนาวขึ้นมาจับใจ

            “คุณ คุณคะ” พนักงานในศูนย์อาหารเขย่าแขนเธอเบาๆ

            “พ่อกับแม่ฉันอยู่ในไฟลท์นั้น”

            “มาค่ะ เดี๋ยวดิฉันจะพาไปที่เคาน์เตอร์ของสายการบินเพื่อสอบถามความคืบหน้า”

            “ขะ ขอบ...” แยมลุกขึ้นยืนแล้วก็เป็นลม

            “นามสกุลเดียวกัน , ต้องใช่แน่ , จะบอกว่าไง , เธอจะช็อกไหม” แยมลืมตาขึ้นมาแล้วก็พบกับแสงไฟสีขาวสว่างจ้ากับภาพเลือนรางของผู้คนที่ยืนอยู่ไม่ไกล เธอจับเสียงการพูดคุยได้แต่ไม่เต็มประโยคเขาพูดเรื่องนามสกุลแล้วอะไรอีกนะ

            “ฉันหนาว”

            “นี่ค่ะ” ผู้หญิงใส่ชุดสีขาวคลุมผ้าผืนหนาลงมาบนตัว ปกติคนที่ใส่ชุดแบบนี้เขาเรียกว่าอะไรนะทำไมเธอจำไม่ได้

            “คุณชื่อเพชรพลอย วสุธานนท์ ใช่ไหมคะ” ผู้หญิงคนนั้นถาม

            “ชะ ใช่ค่ะ”

            “แล้วพ่อกับแม่ชื่ออะไรคะ”

            “ชื่อ ชื่อ” แยมพยายามนึก

            “ภัสสรกับพิชิตค่ะ นามสกุลเดียวกัน ใช่แล้วฉันมารับพ่อกับแม่ขอตัวก่อนนะคะป่านนี้เครื่องลงแล้ว” แยมพรวดพราดลุกขึ้นนั่งแต่ผู้หญิงคนนั้นก็รั้งให้กลับไปนอนเหมือนเดิม

            “ปล่อยฉัน ฉันจะไปหาพ่อกับแม่” แยมแกะมือของเธอคนนั้นออก

            “คุณจะมาห้ามฉันทำไมเนี่ย”

            “เราเสียใจด้วยนะคะพ่อแม่ของคุณเสียชีวิตแล้วเพราะเครื่องบินตก”

            “ไม่จริง ไม่ ไม่ กรี๊ดดดดดดด”

   

ตอนที่ 7

            “แยม กินข้าวกัน” พี่พรมาอยู่เป็นเพื่อนและช่วยจัดการเรื่องงานศพ เธอขอให้สวดแค่สามวันเท่านั้นเพราะเป็นความประสงค์ของพ่อแม่ที่บอกไว้นานแล้ว

            “หนูไม่หิวเลยค่ะพี่พร” เธอเบือนหน้าหนีแล้วเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง ต้นสนที่อยู่อีกฝั่งของถนนโตขึ้นกว่าสามปีที่แล้วเยอะเลยเธอกลับมามองวิวเดิมอีกครั้งด้วยจิตใจที่หม่นหมองเหมือนคราวก่อนไม่มีผิด

            “งั้นกินนมสักกล่องแล้วกันนะ” พรเจาะนมกล่องแล้วยื่นให้เด็กสาว    

            “ค่ะ” แยมรับไปดูดได้ครึ่งกล่องแล้ววางไว้ที่โต๊ะข้างเตียงให้ฝืนกินมากกว่านั้นเธอต้องอาเจียนแน่ๆ

            “พี่พรคะหนูทำบาปกรรมอะไรไว้ถึงต้องมาเจอเรื่องร้ายๆ แบบนี้” เด็กสาวถามด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่น้ำตากลับไหลไม่ขาดสาย

            “พี่ก็ไม่รู้แต่ที่พี่รู้ก็คือคนบนฟ้าเขาเลือกให้หนูอยู่เพราะเหตุผลบางอย่างเขาอาจจะส่งใครมาดูแลแยมแทนครอบครัวก็ได้” พรลูบผมเด็กสาวแล้วก็สงสารจับใจจริงอย่างที่แยมถาม เวรกรรมอะไรหนอที่เธอทำไว้ถึงต้องมาเจอเหตุการณ์สะเทือนใจแบบนี้           

          “เจ้านายบอกว่าถ้าพรุ่งนี้แยมไปทำงานไม่ไหวก็ให้หยุดได้นะเขาโทรบอกพี่เมื่อเช้า” เธอเป็นแม่งานจัดการทุกอย่างแทนเด็กสาวส่วนพิธีลอยอังคารก็รออีกร้อยวัน

            “หนูไหวค่ะ นอนกันดีกว่านะคะ” พี่พรห่มผ้าให้เธอแล้วปิดไฟส่วนเธอนอนลืมตามองเพดานพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด

            “อ้าว ตื่นแล้วหรอแยม” พรเปิดกระเป๋าหยิบเสื้อผ้าแล้วแยมก็ตื่นพอดีเธอกะว่าถ้าเด็กสาวไม่ตื่นก็จะปล่อยให้พักไปอีกวัน

            “ค่ะ แยมไปอาบน้ำก่อนนะคะ” ร่างเพรียวบางกลับมาซูบผอมอิดโรยอีกครั้งเธอเดินเหมือนหุ่นยนต์ไปทางห้องน้ำแล้วยืนนิ่งๆ ใต้ฝักบัวอยู่หลายนาที

            “แยม” พรเรียกเพราะไม่ได้ยินเสียงปิดน้ำเลย

            “จะเสร็จแล้วค่ะพี่พร” สามปีแล้วที่แยมไม่เคยใส่เสื้อผ้าสีไหนเลยนอกจากสีดำและเธอคิดว่าชีวิตนี้คงไม่ใส่สีอื่นอีกแล้ว พอเริ่มจะทำใจเรื่องเนยได้พ่อกับแม่ก็มาจากไปอีก

            “แยมพี่เสียใจด้วย” โกศลบอกลูกน้องอีกครั้งเขาเองไปร่วมงานสวดทุกคืนร่วมถึงพนักงานในบริษัทด้วย เขาทั้งสงสารทั้งเป็นห่วงเพราะแยมดูอ่อนล้ามากๆ ดวงตาคู่สวยที่เคยเปล่งประกายสดใสมีแต่ความกระตือรือร้นกลับหม่นเศร้าอย่างน่าเวทนา

            “ขอบคุณค่ะพี่โกศล” เธอฝืนยิ้มออกมาน้อยๆ แล้วขอตัวไปทำงาน

            “แยมเป็นไงบ้างพร” โกศลถามเมื่อลูกน้องเดินคล้อยหลังไป

            “ไม่ดีขึ้นเลยค่ะเจ้านายไม่รู้อีกกี่ปีแยมถึงจะทำใจได้”

 

            “พี่พรคะขอบคุณมากนะคะที่มาอยู่เป็นเพื่อนหนูไม่อยากรบกวนพี่แล้วค่ะพี่เองก็มีครอบครัวต้องดูแล” เด็กสาวบอกเมื่อตอนเลิกงาน

            “ไม่เป็นไรแยมลูกพี่ก็โตแล้วสามีก็ไม่ใช่เด็กๆ ให้เขาอยู่กันเองสักพักไม่เป็นไรหรอก”

            “ถือว่าแยมขอนะคะแยมเกรงใจจริงๆ อีกอย่างแยมจะย้ายไปอยู่คอนโดค่ะแยมอยู่บ้านหลังนั้นไม่ได้อีกแล้ว”

            “ตามใจแยมนะแต่ถ้าต้องการพี่แยมบอกพี่ได้เสมอนะ”

            “ขอบคุณค่ะพี่พร” เธอไหว้พี่พร

            “งั้นพี่กลับบ้านก่อนนะ” พรลูบผมเด็กสาว

            “เดี๋ยวหนูก็กลับแล้วค่ะไปซีร็อกซ์เอกสารแป๊บเดียวเจอกันพรุ่งนี้นะคะ” ปากบอกว่าจะไปเอาเอกสารแต่เธอกลับยืนเหม่อมองไปนอกหน้าต่างอยู่เกือบครึ่งชั่วโมงถ้ากระจกเปิดได้เธอจะโดดลงไปให้สิ้นเรื่องสิ้นราว ความสูงสามสิบกว่าชั้นคงไม่ต้องเดาให้ยากว่าร่วงลงไปจะตายรึเปล่า

            “อ้าว แยมทำไมยังไม่กลับบ้าน” โกศลถามลูกน้อง

            “เตรียมเอกสารไว้พรุ่งนี้ค่ะต้องแจกให้พี่ๆ ในแผนกเลยมาซีร็อกซ์ไว้ก่อน”

            “พี่ช่วยนะ” ทั้งคู่ยืนอยู่ข้างกันแต่ไม่มีใครพูดอะไรเลยมีแค่เสียงกระดาษไหลออกมาจากเครื่องที่ดังทำลายความเงียบอันน่าอึดอัด

            “ไปดูหนังกันไหมแยมตอนนี้มีหลายเรื่องเลยนะ” โกศลชวนด้วยความบริสุทธิ์ใจถึงเขาจะเจ้าชู้หน้าม่อแต่ก็ไม่ใจดำพอจะคิดฉวยโอกาสกับเด็กสาวที่จิตใจบอบช้ำ

            “จริงๆ พี่ไม่ได้อยากไปดูหนังหรอกใช่ไหมคะ”

            “พี่อยากทำอย่างอื่นกับแยมมากว่า”

            “ทำไมพูดแบบนั้นล่ะแยมพี่แค่อยากให้แยมไปดูหนังเผื่อจะลืมความเศร้าไปได้บ้าง”

            “แยมคิดว่าพี่อยากดูเนื้อหนังของแยมมากกว่า”

            “จะปฏิเสธหรอคะ” เธอถามแล้วโยนกางเกงชั้นในตัวจิ๋วใส่หน้าเจ้านาย

            “หนังของแยมน่าดูกว่าตั้งเยอะ” มือเรียวปลดกระโปรงออกจากตัวแล้วแหวกกลีบเนื้อหวานฉ่ำ

            “ยะ แยม” โกศลเหงื่อแตกพลั่ก

            “ไม่อยากชิมหรอคะว่าแยมจะหวานขนาดไหน” เธอยัดนิ้วกลางเข้าไปในร่องรักแล้วดึงมันออกมา ลิ้นแดงๆ ตวัดเลียน้ำใสๆ ที่เปรอะไปทั่วนิ้ว

            “ซี๊ดดด แบบนั้นแหละค่ะ อ๊า” ขาเรียวยาวพาดไปบนเก้าอี้หลังพิงไปกับเครื่องซีร็อกซ์

            “แยมหวานไหมคะ”

            “หวานครับ ซี๊ดดด” โกศลฝังหน้าไปที่กลีบอูมเหมือนคนไม่ได้กินอะไรมาหลายวัน

            “อืมมม เก่งจังเลยค่ะ อ๊า แยงลึกๆ” แยมเร่งเร้าให้หัวหน้าสนองความอยากที่จู่โจมมาแบบไม่ทันตั้งตัว นาทีนึงอารมณ์เธอดิ่งวูบเหมือนคนตกเหวแต่นาทีต่อมาเธอกลับรู้สึกอีกอย่างเธอต้องการให้เกมราคะมาช่วยปัดเป่าบรรเทาความทุกข์ทรมานในใจ

            “อู๊ววว สุดยอดเลยค่ะเจ้านาย”

            “เรียกพี่โก๋สิ” โกศลเชยคางลูกน้องคนสวยแล้วจูบไซ้ไปทั่ว

            “ซี๊ดดด พี่โก๋ อู๊ววว” เจ้านายอุ้มเธอวางไว้บนเครื่องซีร็อกซ์แล้วละเลงจูบไปทั่วตัว ยอดอกสีอ่อนโดนเลียจนเปียกเยิ้มนิ้วเรียวยาวถูกรูดเข้าไปในปากทีละนิ้วๆ

            “พี่โก๋คะไม่อยากเข้ามาหรอ” เธอแหวกกลีบเนื้อเชิญชวนให้เจ้านายสุดหล่อทะลวงด้วยท่อนเนื้อสักที

            “ยะ แยม” โกศลได้แต่อ้าปากค้างเขาไม่คิดว่าเด็กสาวที่ดูนิ่งๆ และแสนเรียบร้อยจะเร่าร้อนได้ขนาดนี้

            “แยมอยากช่วยแยมหน่อย” หญิงสาวอ้อนวอนปริ่มจะขาดใจถ้าเธอไม่ได้มันตอนนี้เธอต้องตายแน่ๆ

            “พะ พี่ไม่มีถุงยาง”

            “อยู่ในกระเป๋าแยมค่ะ ซิปด้านในช่องเล็ก” โกศลลุกลี้ลุกลนหยิบกระเป๋าสีดำมาหาสิ่งที่ต้องการ

            “พี่โก๋ แรงๆ ได้ไหมคะ” เสียบเข้ามายังไม่ทันหมดลำแยมก็บอกให้เร่งจังหวะแล้ว โกศลขยับสะโพกให้เร็วขึ้นตามคำขอของลูกน้องคนสวย

            “แรงกว่านี้อีก แรงอีก ระ แรง อ๊า แบบนั้นเลยค่ะ” ความแรงที่แยมต้องการทำให้เครื่องซีร็อกซ์ขยับไปไกลพอดู

            “แยมเจ็บหลังค่ะพี่โก๋” การนอนพังพาบอยู่บนเครื่องซีร็อกซ์ไม่ใช่ท่าที่สบายนัก

            “พี่ขอโทษนะ” หลังขาวจั๊วะขึ้นรอยแดงเต็มไปหมดเขาไล่จูบไปทั่วเพื่อบรรเทาความเจ็บให้เธอ

            “มาตรงนี้ดีกว่าค่ะ” แยมเดินไปที่ริมหน้าต่างแล้วโก้งโค้งให้เจ้านาย

            “จะดีหรอแยมฝั่งโน้นจะเห็นไหม”

            “เห็นก็ดีค่ะ” แยมจับแท่งเนื้อให้มาจ่ออยู่ตรงปากทาง

            “ไม่อยากทำให้แยมหรอ” เธอเอี้ยวคอไปถามด้วยความน้อยใจ

            “อยากสิครับน้องแยม อ๊า” โกศลเสียบแท่งเนื้อกลับเข้าไปแล้วซอยเร็วๆ ตามที่ลูกน้องตัวเล็กเว้าวอน

            “พี่โก๋ ยะ แยม อ๊า” โกศลพาร่างที่สั่นน้อยๆ ของลูกน้องไปนอนแอบอยู่ข้างหลังเครื่องซีร็อกซ์ เขาจูบฟอนเฟ้นไปทั่วตัวหอมกรุ่นของน้องแยมด้วยความหลงใหล

            “คืนนี้แยมไปนอนด้วยนะคะ”

 

ติดตามให้จบได้ในฉบับเต็ม

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
4.5 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
3 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา