Laurel ภาค เสียงเพรียกหาจากดินแดนที่ถูกลืม

8.0

เขียนโดย zusuran

วันที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.15 น.

  13 ตอน
  4 วิจารณ์
  7,961 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 20 มีนาคม พ.ศ. 2565 13.21 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

10) บุคคลพิเศษ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ใจกลางหอคอยของปราสาทด้านใน

ร่างสูงโปร่งเดินขึ้นบันไดไปยังอัฒจันทร์ที่อยู่ด้านบนสุด เสื้อคลุมนักเรียนถูกสะบัดให้พ้นร่างและทิ้งลงระหว่างทาง บนยอดหอคอยที่มีโต๊ะน้ำชาตั้งอยู่เดียวดายพร้อมกับบุรุษที่รอพบ

“มาช้านะ”

เพียงเสียงแรกที่ทักทายก็ทำให้โลเวลไม่สบอารมณ์เข้าแล้ว ชายหนุ่มเดินเข้าไปยืนด้านหลังทิ้งระยะห่างกับบุรุษตรงหน้าหลายก้าว

“มีเรื่องอะไรถึงเรียกให้มาที่นี่”

พรึ่บ!

เสียงผ้าคลุมเสียดสีกันยามเมื่อร่างสูงนั้นหมุนตัวกลับมา ใบหน้าเหมือนถอดพิมพ์เดียวกันมากับโลเวลทั้งสีผมและสีตาต่างกันเพียงเครื่องแบบที่สวมใส่เท่านั้น

“เวอร์โก้ เซเลส”

“ยังเย็นชาไม่เปลี่ยนเลยนะ น้องชาย”

“เลิกแสร้งทำเป็นคนดีแล้วพูดธุระมาให้จบๆดีกว่า ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่กับนายนานไปมากกว่านี้แล้ว”

“อะไรกัน อุตส่าห์ดั้นด้นมาเพื่อจะได้เข้ามาที่ฟีนิกส์แล้วแท้ๆ จะไม่ให้แสดงความยินดีหน่อยเหรอ”

“………”

“ดื่มชากันหน่อยไหม”

เวอร์โก้ เซเลส ผู้นำสูงสุดของเสาหลักทั้งห้า ชายอัจฉริยะที่มีอำนาจชี้ชะตาของโรงเรียน และที่สำคัญกว่านั้น เขาเป็นพี่ชายแท้ๆของโลเวล และเป็นครอบครัวคนสุดท้ายที่โลเวลเหลืออยู่

แต่ไม่ว่ายังไงโลเวลก็ไม่สามารถจะนับถือชายตรงหน้าได้อีก เพราะอดีตที่เจ็บปวดจากชายตรงหน้าทำให้เขาแทบตายทั้งเป็น

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันกลับล่ะ”

โลเวลหันหลังเดินกลับอย่างไม่ไยดี ทว่าเสียงที่ดังตามหลังมาทำให้เขาต้องหยุดชะงัก

“เลิกเรียนซะ แล้วมาอยู่ข้างๆฉัน”

กึก!

“ว่าไงนะ?”

“ฉันพูดไปแล้ว”

ไอ้ท่าทีหยิ่งผยองนี่ล่ะโลเวลเกลียดนัก ชายหนุ่มหันกลับไปเผชิญหน้ากับชายที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นครอบครัว 

“ชีวิตนี้เป็นของฉัน อย่าริอาจมาสั่งให้ฉันต้องทำตามเพราะฉันไม่ใช่สัตว์เลี้ยงของนาย เจ้าคนสกปรก”

คำพูดของโลเวลคงจะแรงพอที่จะทำให้ถ้วยชาหยุดชะงักกลางอากาศ ดวงตาสีใบไม้แก่จ้องชายหนุ่มตรงหน้าอย่างนิ่งงัน 

พรึ่บ!

เวอร์โก้ยิ้มอ่อน ลุกขึ้นและเดินตรงเข้าไปหาโลเวลที่ยังยืนอยู่กับที่

“ว้าว น่าแปลกจริงๆ ปกติจะถอยหนีเหมือนหมาน้อยขี้ขลาดแล้วแท้ๆ”

“….!!!”

“หึ แต่ก็เอาเถอะ ถึงยังไงนายมันก็น่ารักอยู่ดีนั่นแหละ”

มือหนายกขึ้นลูบใบหน้าที่คล้ายกันแผ่วเบาก่อนจะเลื่อนไปด้านหลังลำคอและใช้แรงที่เหนือกว่ากดศีรษะของอีกฝ่ายบังคับให้ใบหน้านั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้

ฟึ่บ!

“นายไม่มีทางหนีความจริงพ้น ไม่ว่าจะทำยังไง ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นไปแล้วแม้แต่เทพเจ้าก็ไม่มีทางเอามันกลับมาได้”

“ชิส์! เพราะอย่างนั้นนายถึงได้ฆ่าล้างตระกูลเราสินะ ทำกับฉันเหมือนสัตว์เลี้ยงในกรง เจ้าคนวิปริต”

“นั่นสินะ ฉันมันเป็นคนวิปริตจริงๆนั่นแหละ และจะบอกให้ว่าคนที่ทำให้ฉันเป็นแบบนี้มันก็คือ

นายนั่นแหละ โลเวล”

เพราะพละกำลังที่เหนือกว่าทำให้ร่างของโลเวลลอยลิ่วตามแรกกระชากของอีกฝ่าย

โครม!!!

ตึงงงงง!!!

แผ่นหลังชายหนุ่มกระแทกลงบนโต๊ะน้ำชาทะลุลงกลางพื้นเกิดแรงสั่นสะเทือนไปทั้งอัฒจันทร์ แขนขาถูกล็อคตรึงไว้กับพื้นเย็นเฉียบ พร้อมๆกับตอนนี้ยังมีร่างของอีกคนคร่อมทับเอาไว้ด้วย

“อึก!”

“ร้องขอให้ปล่อยสิ โลเวล ร้องออกมาเหมือนเมื่อก่อน”

เวอร์โก้ยิ้มท้าทาย หากแต่การท้าทายนั้นโลเวลไม่สามารถตอบโต้มันได้เลย

“แม้แต่ม้าพยศยังถูกปราบลงได้ นับประสาอะไรกับลูกหมาอย่างนายกัน ว่าไหม”

“ชิส์!”

“โห ใช้ได้เลยนี่ นึกว่าจะร้องโวยวายเหมือนเมื่อก่อนซะอีก…ก็ดี ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็ไม่มีต้องพูดอีกแล้วสินะ”

“….!!!!”

แขนสองข้างถูกล็อกตรึงไว้กับพื้น เริ่มเกร็งแน่นสองขายันทึ้งไปมาพยายามบิดกายเพื่อหาทางเป็นอิสระ แต่สุดท้ายก็อ่อนแรงและนิ่งงันและถูกแทนที่ด้วยเสียงอู้อี้ท่ามกลางบรรยากาศที่เงียบสงบ

“อุ้บ!!! อื้ออออ!!!!...............”

ทุกอย่างสงบลงเหลือไว้เพียงกลีบดอกไม้สีม่วงหม่นจากแจกันที่แตกกระจาย ปลิวว่อนไปไปตามลมราวกับว่ามันกำลังเริงระบำ

……….

ตึ้ง!!!

“เสียงอะไรน่ะ”

แรงสะเทือนส่งลงมายังเบื้องล่างให้ผู้คนได้สงสัย เซเลียเหลียวมองขึ้นไปยังหอคอยที่ปรากฏให้เห็นอยู่ไกลๆ 

“เหมือนเสียงมาจากทางนั้น”

“แค่หมาป่าสองตัวทะเลาะกันน่ะ อย่าไปสนใจเลย”

“หืม หมาป่าเหรอ”

“อืม”

หมาป่าสองพี่น้องที่ไม่ค่อยจะลงรอยกันสักเท่าไหร่ แถมวิธีจัดการกับน้องชายของหมาป่าตัวนั้นก็พิศดารเสียจนต้องส่ายหน้าเสียด้วย

“จาเลน คิดอะไรอยู่”

“เปล่า”

“เห็นชัดๆว่าคิด”

“เธออยากให้ฉันช่วยอะไรถึงได้เรียกออกมา”

ตัดบทเสร็จสรรพไม่รอให้ใครได้ซักถามมากมาย

เซเลียไม่ค่อยจะชอบไอ้นิสัยแบบนี้สักเท่าไหร่ แต่ก็สะบัดมันทิ้งไปเมื่อจำได้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายขอร้องชายหนุ่มมาเอง

“คือว่า ช่วยสอนฉันใช้ดาบหน่อยสิ”

“อะไรนะ”

“น้า สอนฉันหน่อย”

“ทำไมต้องเป็นฉัน”

“ไม่รู้สิ เพราะจาเลนเก่งล่ะมั้ง”

หลายเหตุผลที่นอกเหนือจากความเก่ง แต่ก็ไม่กล้าบอก แต่ก็รู้อยู่หรอกว่าคงไม่ง่ายที่จะขอให้ช่วยแบบนี้

“รับไปสิ”

“หา? ว้าย!!!”

จู่ๆดาบสั้นของจาเลนก็ถูกโยนมาต่อหน้า จนเซเลียแทบจะรับไม่ทัน

“อะไรกันเล่า ส่งให้กันดีๆก็ได้ไม่เห็นต้องโยนเลย อันตรายจะตาย”

“….”

“ว่าแต่นี่มันดาบของนายนี่ เอามาให้ฉันแล้วนายจะใช้อะไร”

ฟึ่บ!

พัดเหรอ เขาจะใช้แค่พัดอันเดียวสู้กับดาบสั้นเนี่ยนะ

“เข้ามาสิ”

จาเลนยืนอยู่ที่เดิม กางพัดโบกไปมาอย่างสบายอารมณ์ ยั่วอารมณ์โมโหเซเลียได้เป็นอย่างดี หญิงสาวถอดดาจากฝักและพุ่งเข้าไปหาชายหนุ่มตรงๆ

ฟึ่บ!

คมดาบถูกปลายพัดสกัด เบี่ยงทิศทางอย่างง่ายดาย 

“ย้ากกกกกกกกก!!!!”

“ช้าไป”

“อ่ะ!!!”

ไม่ว่าจะบุกไปยังไงจาเลนก็เปลี่ยนทิศทางของคมดาบได้ตลอด ครั้งแล้วครั้งเล่า จากเช้าเป็นบ่าย จากบ่ายก็เป็นเย็นย่ำจนท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงอมส้ม แต่เซเลียก็ยังไม่ยอมรามือ

“แฮ่กๆๆๆ….”

“วันนี้พอแค่นี้ดีกว่า”

“ไม่ ขออีกยก!”

“ดื้อจริง”

“แหะๆ”

ทั้งที่เมื่อก่อนไม่ได้ตั้งใจฝึกฝน ทั้งที่ลุงน็อกซ์ของเธอเคี่ยวกรำซะขนาดนั้น แต่ก็ยังดื้อ แต่ว่าตอนนี้เซเลียกลับมีความรู้สึกเหมือนกำลังแบกรับบางอย่างที่หนักเกินตัวเอาไว้ ทางเดียวที่จะทำให้มันทุเลาลงได้ ก็คือการทำให้ตัวเองเก่งขึ้น

“ย๊า!!!!!!”

ปึก!

 “โอ๊ะ!”

กระบวนท่าสุดท้ายเกิดพลาดพลั้ง เซเลียสะดุดเท้าตัวเองและพุ่งหลาวไปพร้อมกับดาบสั้นที่คมกริบแทงทะลุพัดของจาเลนจนหลุดมือออกไปพร้อมกับ

ฉึก!

ทั้งดาบและพัดพุ่งเข้าไปปักกลางต้นโอ๊คสีขาวที่อยู่ไม่ไกล ทุกอย่างเงียบกริบมีเพียงใบหญ้าที่กำลังไหวไปตามแรงลมยามสนธยาเท่านั้น

“อ๊าย…เจ็บจัง”

เซเลียโอดครวญคว่ำหน้าซบบนไหล่ของใครอีกคนที่เข้ามารับเธอเอาไว้ก่อนจะล้มหน้าไถพื้น

“เอ่อ จาเลน ไม่เป็นไรนะ” 

เด็กสาวถามทื่อในขณะที่ยังนอนทับชายหนุ่มผู้ถูกถามเจ้าของวาจานับคำได้ ครั้งแรกที่เซเลียได้มองดวงตาสี น้ำเงินของจาเลนใกล้ขนาดนี้ เหมือนกับถูกสะกดไม่ให้ละจากไปไหน 

“ขะ ขอโทษที”

เซเลียกระเสือกกระสนลุกขึ้นนั่งและถอยห่างจากชายหนุ่มที่ลุกตามอย่างเงียบเชียบ นอกจากความเงียบแล้วก็ไม่มีอย่างอื่นจะเอื้อนเอ่ยอีก

จาเลนลุกขึ้นไปดึงดาบและพัดออกจากต้นไม้และสะบัดสิ่งสกปรกออก เซเลียเห็นอย่างนั้นก็อาสาเก็บฝักดาบที่โยนไว้ไม่ไกลกลับมาคืน

“อ่ะนี่ ขอบใจที่ให้ยืมนะ”

“อืม”

จาเลนยื่นดาบมาใส่ฝักที่เซเลียยังถือเอาไว้ แต่เพราะถือฝักดาบที่หมิ่นเกินไปทำให้คมดาบนั้นบาดนิ้วของเซเลียไปด้วย

“อะ!”

เซเลียรีบปล่อยมือจากฝักดาบและใช้มืออีกข้างกุมปิดแผลเอาไว้

“ขอโทษ เป็นอะไรรึเปล่า”

“มะ ไม่เป็นอะไร ฉะ ฉันไม่เป็นไร”

เซเลียซ่อนมือข้างนั้นไว้ใต้เสื้อและใช้มืออีกข้างกุมเอาไว้แน่น

เลือดไหลออกมามากกว่าที่คิด สิ่งเดียวที่คิดถึงตอนนี้ก็คือต้องไปจากที่นี่

“ให้ฉันดูแผลหน่อยจะได้ไหม”

“ไม่เป็นไร แค่แผลนิดเดียวเอง”

“แล้วทำไมต้องซ่อนขนาดนั้นด้วย”

“ไม่มีอะไรจริงๆน่า ฉันไปล่ะ”

เซเลียก้าวเท้ายาวๆเหมือนวิ่ง ตอนนี้ต้องไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่มีใครเห็น

เพราะไม่อย่างนั้น ทุกคนคงจะมองว่าเธอเป็นตัวประหลาดไปอีกคน

จาเลนยืนมองหญิงสาวที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งนำหน้าจากไป สีหน้ายังคงเรียบเฉยและก้มเก็บดาบเข้าฝักไว้ดังเดิม แต่ว่าเหมือนมีบางอย่างติดดาบของเขาขึ้นมาด้วย

“ดอกไม้เหรอ”

ที่นี่คือป่าหญ้าไม่มีแม้แต่ต้นไม้ดอกไม้ แต่กลับมาดอกไม้สีขาวติดอยู่บนด้ามดาบของเขาเสียเอง

เซเลียกลับมาที่หอพักตะวันออก และตรงขึ้นไปที่ห้องตัวเองทันที

ปัง!

“ฮู่ว เกือบไปแล้ว”

เซเลียมองบาดแผลบนมือที่ยังมีของเหลวสีขาวเปื้อนกรัง เลือดเริ่มหยุดไหลแล้ว แต่ก็ยังดีที่ไม่มีใครเห็น 

“ให้คีระปิดปากแผลให้ดีไหมนะ”

แต่ถ้าทำอย่างนั้นจาเลนจะสงสัยเอาได้น่ะสิ

โครมมมมมมมมมม!!!!

“เฮือก! เสียงอะไร”

เสียงโครมครามเหมือนมีอะไรหนักๆกระแทกฝาผนัง เซเลียเยี่ยมหน้าออกมาจากห้องและได้พบกับบุรุษในชุดเครื่องแบบคล้ายทหารสุดเนี้ยบกำลังเดินออกมาจากห้องพักของโลเวล

เพราะอยู่ไกลเกินสายตาจะโฟกัสได้ เซเลียจึงไม่ได้เห็นรายละเอียดของชายแปลกหน้าคนนั้นมากนัก เด็กสาวเดินตรงไปที่ห้องของโลเวลก่อนจะชะโงกหน้าเข้าไปมองด้านในผ่านช่องประตูที่เปิดแง้มอยู่

ภายในห้องมีเพียงแจกันที่แตะกกระจายอยู่บนพื้น ถัดจากแจกันก็คือชายหนุ่มเจ้าของห้องที่ยืนนิ่งในสภาพที่เสื้อผ้าหน้าผมยับเยินเหมือนเพิ่งผ่านสงครามขนาดย่อมมาใหม่ๆ

แม้แต่เซเลียก็ยังตะลึงกับสภาพที่เห็น โลเวลเป็นคนเรียบร้อย ทุกอย่างที่เป็นเขาสมบูรณ์แบบทุกอย่าง แต่ดูตอนนี้สิ เกิดอะไรขึ้นกับคนที่เนี้ยบตลอดเวลาอย่างเขากัน 

“หรือว่าจะเป็นเพราะคนๆนั้น…..”

ความสงสัยมากพอที่จะกระตุ้นขาสองข้างให้ก้าวเดินตามบุรุษแปลกหน้าไป และเหมือนอีกฝ่ายจะจงใจรอให้ตามไปอยู่แล้ว เพราะเมื่อเซเลียก้าวเท้าออกมาจากหอพักได้เพียงก้าวเดียว บุรุษแปลกหน้าก็ยืนจังก้าหันหลังให้เธออยู่ตรงหน้า

“นึกว่าจะต้องรอเก้อซะอีก”

“คุณเป็นใคร คุณทำอะไรโลเวล”

เซเลียถามคำถามที่แสนจะธรรมดา และก็ตรงดิ่งไม่ได้อ้อมโลกให้เสียเวลา และเมื่อได้ยินคำถามของเซเลีย ชายแปลกหน้าก็หันมาเผชิญหน้ากับเธอ

แสงสว่างที่มากพอบวกกับระยะที่มองเห็นได้ชัดเจนทำให้เซเลียเห็นรายละเอียดบนโครงหน้าของอีกฝ่าย ทั้งใบหน้า สีผมหรือแม้แต่สีตาไม่ต่างไปจากโลเวลเลยสักนิด ยกเว้นเสียแต่ความเย็นชาที่แผ่กำจายออกมาผ่านสีหน้านั้นกับชุดเครื่องแบบทหารเต็มยศและผ้าคลุมยาวสีดำ บอกได้ถึงฐานะที่ไม่ธรรมดา

“เธอคือเพื่อนของเขาสินะ”

“คุณเป็นใคร”

เซเลียยังยืนยันคำถามเดิม

พรึ่บ!

ผ้าคลุมเสียดสีกับอากาศเมื่อร่างนั้นได้เคลื่อนไหวพริบตาเดียวก็เข้ามาประชิดตัวเซเลียแบบไม่ทันได้ตั้งตัว

หมับ!

“น่าสนใจดีนี่นา เธอน่ะ”

“อะไรเนี่ย ปล่อยนะ”

เซเลียตกใจแต่ก็ยังตั้งสติขืนตัวไม่ให้ลอยไปตามแรงกระชากของอีกฝ่าย ดีนะที่ไม่ใช่มือข้างที่เป็นแผล แต่เซเลียกลับคิดผิดเมื่อชายหนุ่มตรงหน้าเปลี่ยนมากระชากมืออีกข้างของเธอไปแทน

“อ๊ะ!”

“หืม เป็นแผลเหรอ ไม่ระวังตัวเอาซะเลยนะ”

“ปล่อยนะ”

“หึ เก็บคำสั่งเอาไว้ใช้กับทาสผู้ซื่อสัตย์เถอะ องค์หญิง”

มือกร้านของชายหนุ่มบีบมือที่เป็นแผลของเซเลียราวกับจงใจให้เด็กสาวร้องออกมาเพราะความเจ็บ เซเลียเม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรงพยายามกระชากแขนออกจากพันธนาการนั้นแต่ดูเหมือนว่ายิ่งดิ้นเจ้าของมือกร้านไร้มารยาทนั่นก็ยิ่งบีบแน่นราวกับจะป่นกระดูกเซเลียให้แหลก

ชึบ!

ประกายกร้าววาดผ่านอากาศเข้ามาเส้นหนึ่งสะท้อนกับกระจกตาของเซเลียพร้อมกับเสียงทุ้มที่ดูจะหงุดหงิดตลอดเวลาอันแสนคุ้นเคย

“ถ้าไม่อยากขาดเป็นสองท่อนก็รีบๆปล่อยมือซะ”

คีระเข้ามาประชิดด้านหลังพร้อมกับดาบยาวสีดำที่พาดคมอยู่บนลำคอของชายแปลกหน้า

“หืม…อย่างนี้นี่เองสินะ”

“พล่ามอะไรของแก”

แรงบีบที่มือของเซเลียไม่ได้ลดลงแถมยังบีบแน่นจนเด็กสาวต้องหลุดเสียงร้อง

กึด!

“โอ๊ย!”

ชึบ!

ขณะเดียวกันคมดาบของคีระก็เฉือนลำคอของชายคนนั้นไปทีละน้อยจนเลือดไหลลงมาอาบคอเสื้อ ยิ่งแรงบีบนั้นแน่นเท่าไหร่แรงกดของคมดาบก็ยิ่งลึกเข้าเท่านั้น แบบยื่นหมูยื่นแมว

ในขณะที่ทั้งสองฝ่ายยืนคุมเชิงกันอยู่นั้นเซเลียก็ชักจะทนต่อไปไม่ไหว ฝ่ามือที่เหลืออยู่อัดกระแทกเข้ากลางลำตัวของชายชุดทหารนั้นเต็มแรง

“บอกว่าให้ปล่อยไงเล่า!”

ตู้ม!

“อั่ก!”

ร่างสูงถูกอัดกระแทกจากพละกำลังที่เหนือมนุษย์ ไถลออกไปไกลหลายเมตร คีระจีบปากจีบคอเก็บดาบกลับเข้าไปในมิติกลางอากาศก่อนจะเดินล้วงกระเป๋ากางเกงเข้ามายืนข้างๆเซเลียที่สะบัดข้อมือตัวเองเพื่อให้เลือดกลับมาเลี้ยงทั่วถึง

“ให้ตายเถอะ น่าจะสะบัดมันออกไปตั้งแต่แรก”

“ยุ่งน่า”

“แล้วนั่นอะไร หมอนั่น โลเวลไม่ใช่เหรอ”

“ไม่ใช่ แต่เป็นคนทำร้ายโลเวล”

เซเลียพูดตามที่เห็นในขณะที่ชายหนุ่มที่ถูกเธออัดกระเด็นกำลังลุกขึ้นยืนปัดฝุ่นออกจากชุดตัวเองอย่างส่งๆ

“เฮ้อ…..ชุดเปื้อนหมดเลย”

ฟึ่บ!

พริบตาเดียวชายหนุ่มที่เพิ่งจะลุกขึ้นยืนอยู่ตรงหน้าก็หายตัวไปก่อนที่จะมาปรากฎตัวต่อหน้าคีระแบบระยะประชิดพร้อมกับฝ่ามือลุ่นๆที่เข้ามาจับใบหน้าของชายหนุ่ม

“ว่ายังไงกษัตริย์น้อย การ์ดอย่าตกสิ”

น้ำเสียงเย็นยะเยือกหากแต่เต็มไปด้วยจิตสังหารจนคีระตั้งรับไม่ทัน และก่อนที่ทุกอย่างจะบานปลายเสียงทุ้มโทนใหม่ก็เข้ามาแทรกตรงกลางเหมือนเส้นด้ายที่มองไม่เห็นเข้ามาหยุดและตรึงทุกอย่างให้นิ่ง

“พอได้แล้ว”

จาเลนเดินเข้ามาและหยุดยืนอยู่ห่างไปเป็นเมตร

“พวกเขาไม่ใช่คนที่คุณจะมาเล่นด้วย เวอร์โก้ เซเลส”

เวอร์โก้ เซเลส….เซเลส งั้นเหรอ!

“หืม…จาเลนเหรอ ไม่เจอกันตั้งนานนะ”

“คุณไม่ควรจะมาที่นี่”

“ฉันก็แค่พาคนมาส่งเท่านั้นเอง”

“เสร็จธุระแล้ว คุณควรกลับไปได้แล้ว”

“ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ เอาเถอะ วันนี้ฉันจะยอมรามือไปก่อนก็แล้วกัน”

พรึ่บ!

พูดจบชายหนุ่มที่เซเลียเพิ่งจะรู้จักชื่อ เวอร์โก้ก็สะบัดผ้าคลุมเดินจากไปเงียบๆ

“ฮู่ว~…..”

“เจ้านั่นเป็นใคร ไม่สบอารมณ์เลยให้ตายเถอะ”

คีระบ่นเป็นหมีกินผึ้ง มองทางเดินที่ไร้ผู้คนนั้นอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อกี้ถ้าจาเลนไม่เข้ามาขัดแล้วล่ะก็ มีหวังได้ฉีกแขนเจ้าคนหยิ่งผยองนั่นออกสักข้างเป็นแน่

“เวอร์โก้ เซเลส หนึ่งในเสาหลักของฟีนิกส์ แล้วก็…”

จาเลนหันกลับไปมองยังหอพัก สายตาโฟกัสไปยังจุดที่เป็นหน้าต่างห้องของโลเวล

“เขาเป็น….พี่ชายฝาแฝดของโลเวล”

เซเลียถึงบางอ้อ ถึงว่าล่ะหน้าตาเหมือนกันแทบทุกอย่าง แต่ว่า ทำไมเขาต้องทำร้ายโลเวลล่ะ จะบอกว่าทะเลาะกันงั้นเหรอ ไม่ใช่มั้ง ก็สภาพที่เธอเห็น โลเวลเหมือนจะถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวเลย

“ทำไมเขาต้องทำร้ายโลเวลด้วยล่ะ”

ความสงสัยอดไว้ไม่ไหวเก็บต่อไปก็ไม่ได้ เซเลียโพล่งปากออกไปง่ายๆ แต่ก็ปะทะกับสายตาที่มองกลับมาเข้าอย่างจัง และจากความสงสัยก็กลายเป็นว่าเซเลียต้องหลบหลังคีระแทน

“เป็นอะไร”

“ปะ เปล่า ฉันง่วงนอนแล้ว ขอตัวก่อนนะ”

“อ้าว เฮ้ เพิ่งจะหัวค่ำเองนะ มื้อเย็นล่ะ”

“ไม่เอา ไม่หิว”

“อะไรของเขา”

เซเลียวิ่งกลับเข้ามาในห้องปิดประตูลงกลอนก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอก ดีที่ไม่มีใครสังเกต มือที่ถูกเวอร์โก้บีบจะจนแน่นยังสั่นไม่หาย หากว่าของเหลวที่ไหลออกมาจากปากแผลนั้นเป็นสีขาวราวน้ำนมหาใช่สีแดงโลหิตทั่วไป แต่มันก็ทำเอาเซเลียเจ็บระบมไปทั้งมือ โชคดีที่มีทักษะการทำแผลอยู่บ้าง ก็เลยไม่ต้องไปเดือดร้อนใคร 

ก๊อกๆ…

เสียงเคาะดังมาจากกระจกหน้าต่าง และเมื่อเซเลียคลี่ม่านออกก็เจอนกฮูกสีขาวตัวหนึ่งกำลังจับอยู่บนราวระเบียงเหมือนกำลังรอให้ออกไปหา เซเลียมองดูปนสงสัยอยู่พักหนึ่งก่อนจะเปิดหน้าต่างเดินออกไปที่ระเบียง

ตุ้บ!

กล่องยาที่มีดอกไม้ก้านยาวสีขาวร่วงออกมาจากปากนกฮูกที่คาบมันไว้ก่อนหน้านั้น เซเลียหยุดเดินและเก็บเจ้ากล่องเล็กๆนั้นขึ้นมามอง มันเป็นยาทาแก้ฟกช้ำดีๆนี่เอง 

“ว้าว แกนี่แสนรู้ดีจัง ใครส่งแกมาเนี่ย”

เซเลียพูดออกไปโดยไม่ได้หวังให้นกตอบกลับมา เพ่งมองกล่องยานั้นสลับกับดอกไม้สีขาวที่มีกลิ่นหอมประหลาด 

พรึ่บ!

นกฮูกกระพือปีกและบินจากไปเหลือไว้เพียงขนสีขาวเส้นเดียวที่ร่วงออกมาจากปีกให้เซเลียได้เก็บเป็นที่ระลึก

เซเลียเก็บเส้นขนสีขาวหิมะนั้นขึ้นมาและกอดรวมกันไว้แนบอกพร้อมกับดอกไม้และกล่องยาก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง โดยที่ยังมีสายตาของบุคคลซึ่งเร้นกายอยู่ในเงาต้นลอเรลกำลังมองการเคลื่อนไหวของเธออยู่ ห้วงสีน้ำเงินลุ่มลึกเหมือนมหาสมุทรสะท้อนภาพเด็กสาวที่เดินกลับเข้าไปในห้องก่อนที่แสงสว่างข้างในจะดับมอดลง ครั้นแล้วเงาปริศนาจึงได้เผยกายออกมาสู่แสงสลัวด้านนอก 

จาเลนมองระเบียงที่ว่างเปล่านั้นอยู่สักพักก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปยังด้านหน้าทางเข้าหอพักเงียบๆ

“เธอเป็นใครกันแน่….เซเลีย เครอน”

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา