Tear of Snow เทพนิยายทะลุมิติ

8.1

เขียนโดย zusuran

วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.12 น.

  28 ตอน
  0 วิจารณ์
  23.43K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 เมษายน พ.ศ. 2562 13.53 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) พระจันทร์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 12 พระจันทร์

ท่ามกลางค่ำคืนอันหนาวเหน็บที่มีแสงดาวพล่าเลือนประดับอยู่ท่ามกลางฟ้ามืด เปลือกตาอันหนักอึ้งเริ่มขยับแล้เปิดออกทีละนิด พร้อมกับเสียงที่คุ้นหูที่คอยร้องเรียกอยู่ข้างๆ

“ท่านพี่ ท่านพี่ขอรับ ….ท่านพี่!”

“ฟุยูกิ นั่นเจ้าเหรอ”

“อา….ฟื้นแล้ว”

มิราอิลืมตาขึ้นอย่างเหนื่อยล้า สิ่งแรกที่มองเห็นผ่านม่านตาอันพล่ามัวก็คือสีหน้าที่แสดงออกถึงความโล่งใจของน้องชาย แต่ความข้องใจก็ตามมาติดๆ เพราะเขาจำได้ดีว่าถูกเล่นงานอย่างหนักขนาดที่คิดไว้แล้วว่าคงจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้งในยมโลก

“นี่ข้า….ยังไม่ตายหรอกเหรอ”

“ก็คงจะตายไปแล้ว หากว่าข้ามาไม่ทันล่ะก็นะ”

เสียงเล็กๆใสแจ๋วดังขึ้นใกล้ๆ เบนความสนใจให้หันไปมอง และเป็นไปตามที่คาดเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กที่นั่งไขว้ขาอยู่บนซากปรักหักพังไม่ไกลจากที่เขานอนอยู่มากนัก

“ลีอา! เจ้ามาที่นี่ได้ยังไง”

“ไม่มีที่ไหนที่ข้าไปไม่ได้หรอก ท่านทายาทแห่งราชันย์ มิราอิ”

เด็กน้อยตอบด้วยน้ำเสียงที่เรียบสนิท มิราอิคิ้วขมวดไปครู่หนึ่งก่อนที่ฟุยูกิจะแทรกเข้ามาเรียกสติให้กลับคืน

“ลีอาเป็นคนช่วยพวกเราเอาไว้ขอรับ”

“แล้วเจ้าล่ะ คงไม่เป็นไรสินะ”

“ข้าไม่เป็นไรขอรับ”

ฟุยูกิตอบอย่างเฉยเมย แต่มิราอิกลับคิดอย่างนั้น ใบหน้าซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัด ถ้ามองดีๆก็จะเห็นและรู้สึกได้ว่าร่างกายของเขากำลังสั่นอย่างไม่รู้ตัว ความทรงจำครั้งก่อนก็ผุดขึ้นมาในหัว ทำให้ชายหนุ่มเบิกตากว้างรีบดีดตัวลุกลืมกระทั่งความเจ็บปวดที่ยังหลงเหลือ

“อ๊ะ! จริงสิ คืนนี้”

มิราอิจ้องมองมาที่น้องชายอย่างเคร่งเครียด ไม่เพียงเท่านั้น ลีอาก็ยังจับจ้องมาทางทิศเดียวกันอย่างไม่ได้นัดหมายด้วย

“มะ มีอะไรเหรอ ทำไมจ้องข้าอย่างนั้นล่ะขอรับ”

ฟุยูกิเริ่มอยู่ไม่สุข รู้สึกหวาดกลัวกับสายตาที่จ้องมองตนอย่างบอกไม่ถูก มิราอิพยายามปรับอารมณ์และอดคิดไม่ได้ว่าตลอดสิบปีที่ผ่านมาความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นไม่ได้ทำให้น้องชายของเขาเรียนรู้ที่จะปรับตัวบ้างเลยเหรอ

“อึก!!”

“ฟุยูกิ!”

มิราอิรีบเข้ามารับร่างที่กำลังฟุบลงกับพื้นอย่างตื่นตระหนก ลีอายังคงนั่งมองอยู่อย่างเงียบๆ ก่อนที่เสียงเล็กๆจะพึมพำออกมาพอที่จะให้อีกฝ่ายได้ยิน

“ใกล้เข้ามาแล้วสินะ”

ฟ้ามืดเริ่มจะมีสีนวลผ่องของดวงจันทร์ออกมาจากกลีบเมฆสีดำที่กำลังจะเคลื่อนตัวออกไป ฟุยูกิเริ่มเกร็งมือบีบหน้าอกข้างซ้ายเอาไว้แน่น พร้อมทั้งเหงื่อเม็ดใหญ่ที่ผุดพรายขึ้นมาตามใบหน้าและลำตัว ความหนาวเหน็บเสียยิ่งกว่าน้ำแข็งที่ตนครอบครองเริ่มกัดกินและผนึกหัวใจจนแทบหยุดเต้น

พลั่ก!

“ฟุยูกิ!!”

“อึก! อ๊ากกกกกกกกก!!!!~”

เสียงแผดร้องบ่งบอกถึงความทรมานสุดจะทนดังกึกก้องไปทั้งป่ายามราตรี แสงจันทร์เริ่มสาดส่องและเผยร่างจริงอันงดงามที่ซุกซ่อนอยู่ในกลีบเมฆให้เห็นเด่นชัด

อีกฟากหนึ่งของหุบเขา ซาคุโระที่ก้ำกึ่งระหว่างความเป็นกับความตายกำลังดิ้นรนสุดฤทธิ์ เพื่อจะให้ตนหลุดจากเงื้อมมืออสูรเนรีว

“อึก~ หะ หายใจไม่ออก~”

“หึ ทรมานมากสินะ นี่ล่ะรสชาติของความตาย จงลิ้มรสเสียให้พอ ก่อนที่เจ้าจะได้เข้าสู่ห้วงนิทราอันเป็นนิรันดร”

“แกมันบ้า!!!”

“ใช่ ข้าบ้า เพราะข้าไม่ใช่คนที่มีจิตใจก้ำกึ่งเหมือนอสูรโง่เง่าที่พยายามไขว่คว้า ดิ้นรนหาชีวิตท่ามกลางแสงสว่างอย่างมันนี่”

เนรีวเบะปากอย่างเย้ยหยัน ซาคุโระรู้ดีว่าอสูรที่ว่านั้นคือใคร แววตาของเธอเริ่มเปลี่ยนและจับจ้องเนรีวเหมือนจะฆ่าให้ตาย แต่มีหรือที่เนรีวจะอ่านไม่ออก เขาได้เพียงยิ้มเหยียดๆอย่างไม่หวั่นกลัวและยังพูดกวนประสาทเธอมากขึ้นกว่าเก่า

“เป็นอะไรไป หรือว่าข้าพูดแทงใจดำเจ้าเข้าให้แล้ว”

“หยุดนะ”

“หึ ท่าทางจะใช่สินะ เพราะเจ้าเอง…ก็รักมันเข้าให้แล้วล่ะสิ”

คำพูดสุดท้ายดังอยู่ใกล้หูราวกับเสียงกระซิบของสายลม ซาคุโระชะงักไปพร้อมทั้งใบหน้าที่เริ่มจะมีสีแดงเลือดฝาด คำพูดนั้นกระเด้งอยู่ในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่มันก็ต้องเลือนหายไปทันทีที่เห็นเนรีวแสยะยิ้ม ก่อนที่จะยื่นหน้าเข้ามาใกล้และกระซิบเธออีกครั้งด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ

“จริงๆด้วยสินะ แต่เสียใจด้วยที่ความรู้สึกของเจ้าจะส่งไปไม่ถึงมัน ตลอดกาล”

สิ้นสุดคำพูดมือข้างหนึ่งของเนรีวก็กลายเป็นใบมีดเรียวแหลมและจี้เข้ามาที่หัวใจ ซาคุโระรู้สึกเย็นเยียบเหมือนถูกน้ำแข็งเข้ามากัดกิน ไม่ใช่จากมีดที่เนรีวจะใช้สังหารเธอ แต่กลับเป็นความรู้สึกประหลาดที่พวยพุ่งออกมาจากข้างในตัวเธอต่างหาก

เนรีวจ่อปลายมีดที่คมกริบดุจเขี้ยวอสรพิษเข้าที่อกซ้ายของซาคุโระ โฮโนโอะรู้สึกตัวขึ้นมาอีกครั้งแต่ก็กลับถูกงูยักษ์อาซารีสกดทับเอาไว้จนกระดิกไม่ได้แม้แต่ปลายนิ้ว สายตาจับจ้องไปยังปลายมีดของอสูรกำลังจะแทงทะลุร่างของหญิงสาวอย่างที่ช่วยอะไรไม่ได้

“ดูให้เต็มตานะโฮโนโอะ นี่คือจุดจบของคนที่เจ้ารัก…ลาก่อนชั่วนิรันดร!”

“อย่า!!!”

วาบ!

ก่อนที่เนรีวจะปักมีดเข้าที่กลางอกหญิงสาว ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมีบางอย่างเข้ามาห่อหุ้มตัวเธอเอาไว้ สิ่งนั้นคือแสงนวลผ่องของพระจันทร์ที่ทอแสงลงมาอย่างหนักแน่นยิ่งกว่ากำแพงอาคม เนรีวรีบกระโดดไปด้านหลังหลายเมตร พลางมองร่างหญิงสาวที่ล่องลอยอยู่กลางอากาศท่ามกลางแสงจันทร์ที่ห่อหุ้มอยู่รอบกาย

“อ๊ะ! อะไรกันเนี่ย นี่มัน… อะไรกัน!”

“ออกมาแล้วสินะ”

โฮโนโอะพึมพำเสียงสั่นพร้อมทั้งจับจ้องไปยังแสงสีเงินที่ปกปิดร่างของหญิงสาวจนหมดสิ้น เนรีวไม่คิดที่จะยั้งรอและพุ่งเข้าไปหมายจะปลิดลมหายใจของคนที่ถูกแสงห่อหุ้มนั้นเสียให้ได้

“คิดรึว่าโล่แค่นี้จะป้องกันเขียวอสรพิษของข้าได้รึ!”

กึก!

“อ๊ะ!”

ปลายมีดของเนรีวถูกหยุดยั้งเอาไว้ด้วยนิ้วเพียงนิ้วเดียวที่ยื่นออกมารับ แสงสีเงินที่พวยพุ่งลงมาชโลมกายหญิงสาวค่อยๆจางหายไป แต่สิ่งที่ทำให้ทั้งเนรีวและโฮโนโอะตกตะลึงก็คือสิ่งที่โผล่พ้นออกมาจากแสงนั้น ดวงตาสีเงินเยือกเย็นดุจน้ำแข็งได้เพ่งมองออกมาราวกับมีดอันคมกริบ ทำให้เนรีวต้องรีบถอยร่นออกมาอีกครั้ง

เด็กสาวผู้งามสง่าลอยตัวอยู่กลางอากาศ เรือนผมสีเงินโบกสะบัดสะท้อนกับแสงจันทร์ที่พ้นจากกลีบเมฆ สะท้อนเงาสีดำลงมาดุจปีกของเทพผู้ยิ่งใหญ่ ขนาดที่เนรีวต้องหวาดกลัว

“เทพธิดาสีเงิน!”

“ริคกะ”

โฮโนโอะพึมพำจับจ้องไปยังร่างที่บางที่ถูกรายล้อมด้วยแสงสีเงินอันเย็นยะเยือก เนรีวไม่รอช้าและรีบชิงลงมือก่อน แต่ก็ต้องผิดคาดเมื่อหญิงสาวที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นมาใหม่นั้นรับการโจมตีของเขาไว้ด้วยนิ้วเดียว ก่อนที่จะตวัดฝ่ามืออีกข้างเพียงเล็กน้อยแต่อานุภาพการทำลายสูงเสียยิ่งกว่ามีดดาบ เนรีวจำต้องหลบและตีตัวออกห่างก่อนที่จะถูกตัดขาดเป็นสองท่อนไปพร้อมกับต้นไม้และโขดหินที่อยู่รายรอบแถวนั้น

ครืนนนน~

โครมมมมมมม!!!!

“อึก! ร้ายกาจ….แค่พลิกฝ่ามือก็ตัดป่าพวกนี้ขาดเป็นสองท่อนเชียวรึ”

เนรีวสบถอย่างหัวเสีย เขาเกือบจะถูกฝ่ามือของหญิงสาวแปลกหน้าตัดร่างให้ขาดเป็นสองท่อนแล้วจริงๆ โฮโนโอะยังถูกอาซารีสกดทับเอาไว้แน่น การปรากฏตัวของเทพธิดาสีเงินทำให้เขารู้สึกสะท้านไปถึงขั้วหัวใจ แต่ก็ยังมีสติและจ้องมองเด็กสาวแปลกหน้าที่อยู่ในร่างของคนที่เขารู้จักดี พร้อมกับคำถามที่ค้างคาใจจนล้นทะลักออกมาเป็นคำพูดแสนแผ่ว

“เทพธิดาสีเงิน…ทำไมกัน เจ้าติดใจอะไรในร่างนั้นนักหนา ถึงได้เข้าไปอยู่ในนั้น ทั้งที่ผู้หญิงคนนี้เป็นคนธรรมดาแล้วยังอยู่คนละโลกกับพวกเราอีก บอกข้าที…ริคกะ!”

ร่างกายเป็นของซาคุโระทุกระเบียดนิ้ว หากแต่ดวงตารวมทั้งเส้นผมแตกต่างออกไป รวมไปถึงปานดอกไม้บนใบหน้าของเอที่กลายเป็นสีเงินและแผ่กิ่งก้านออกไปจนเกือบทั่วใบหน้าของหญิงสาว สัมผัสเย็นเยียบดุจน้ำแข็งถ้าอยู่ใกล้ก็คงจะไม่วายที่จะกลายเป็นผลึกอย่างแน่นอน

ซาคุโระรู้สึกว่าตัวเองด่ำดิ่งลงสู่ความมืดที่ทั้งหนาวและวังเวง เสียงหัวใจเต้นเสียงดังกึกก้องราวกับว่าอยู่ใกล้เพียงเอื้อม

“ที่นี่…ที่ไหนน่ะ ฉันอยู่ที่ไหน”

“เทพธิดาสีเงิน!!!”

“เสียงนี้มัน…”

เสียงเหี้ยมเกรียมบ่งบอกว่าโกรธสุดขีดดังแว่วเข้ามา ซาคุโระลืมตาขึ้นพร้อมทั้งพยายามทรงตัวอยู่ท่ามกลางความมืด ก่อนที่จะเหลียวมองไปยังต้นตอของเสียง และสิ่งที่เธอได้เห็นก็ทำให้เธอเลิกคิ้วสูงทันที

“เนรีว!!”

ภาพใบหน้าของเนรีวที่บ่งบอกว่าโกรธสุดจะทนกำลังควงดาบฟาดฟันใส่เธออย่างบ้าคลั่ง ซาคุโระมองเห็นภายนอกได้ชัดเจน แต่ก็รู้สึกเหมือนจะควบคุมตัวเองไม่ได้แม้แต่น้อย

“อะไรกัน นี่เราเข้ามาอยู่ที่ไหนกัน อย่าบอกนะว่าคนที่อยู่ข้างนอกนั่นจะเป็น…”

“ริคกะ!!!”

“ริคกะ…งั้นเหรอ”

เสียงโฮโนโอะดังแทรกเข้ามาท่ามกลางความคิด ซาคุโระชะงักและหันไปหาต้นตอของเสียง จนได้พบกับโฮโนโอะที่ถูกอาซารีสรัดเอาไว้แน่นจนขยับไม่ได้ สายตาของเขาจับจ้องมาที่เธออย่างไม่ละวาง แต่สิ่งที่เขาเห็นกลับไม่ใช่เธอแต่เป็นอีกคน…อีกคนที่เขาให้ความสำคัญมากยิ่งกว่าชีวิต

เขาให้ความสำคัญกับคนๆนั้น…ไม่ใช่เธอ ถ้าเป็นอย่างนั้นก็คงไม่มีประโยชน์ที่จะมองดูอีกต่อไป สู้หลับตาและดำดิ่งลงสู่ความมืดอันแสนเงียบงันจะดีกว่า ไม่แน่ว่าบางทีอาจจะลืมตาขึ้นมาในโลกของความเป็นจริงก็ได้

“อึก! อ๊ากกกกกกกก!!!”

ฟุยูกิกุมหน้าอกเอาไว้ด้วยมือทั้งสองที่สั่นเทา มิราอิกอดร่างอันสั่นเทานั้นเอาไว้แน่นแต่ถึงอย่างนั้นก็ยังรู้สึกสะท้านไปทั้งร่างเพราะพลังที่เวียนว่ายอยู่ในตัวเริ่มปั่นป่วน

“ให้ตายเถอะ ไม่มีวิธีแก้แล้วเหรอ ลีอา”

ชายหนุ่มสบถพร้อมทั้งเอ่ยถามเด็กน้อยที่ยืนนิ่งอยู่ข้างๆ ลีอาหลับตาถอนหายใจยาวก่อนที่จะตอบออกมาด้วยสีหน้าที่เรียบสนิท

“ทำไม่ได้”

“ว่าไงนะ!”

“ทำไม่ได้หรอก ตอนนี้ได้แค่รอเท่านั้น”

“รองั้นเหรอ”

“ใช่ รอ…รอว่าเมื่อไหร่พระจันทร์ดวงนี้จะหายไปจากค่ำคืนนี้”

ลีอาพูดพร้อมแหงนหน้าขึ้นไปมองบนฟ้าที่มีพระจันทร์กลมโตนวลผ่องลอยเด่นอยู่กึ่งกลาง มิราอิไม่มีทางเข้าใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอเหมือนที่เด็กน้อยได้บอกไว้ แต่ทุกครั้งที่เห็นสีหน้าและได้ยินเสียงร้องของฟุยูกิเขาก็นึกอยากจะทำลายพระจันทร์ในค่ำคืนนี้ให้วายวอด

“ป่านนี้ท่านพี่จะเจอท่านซาคุโระรึยัง ไม่สิ ไม่ใช่ท่านซาคุโระ…ตอนนี้คงต้องเรียกว่าเทพธิดาสีเงินมากกว่า ทำไมต้องเป็นฟุยูกิที่ต้องแบกรับความเจ็บปวดเวลาที่นางตื่น ทำไมกัน”

ตูมมมมม!

แรงระเบิดจากการปะทะพลังของอสูรงูขาวเนรีวและเทพธิดาสีเงินทำให้ป่าที่เคยหนาทึบพังราบเป็นหน้ากลอง เหลือไว้เพียงลานกว้างที่เต็มไปด้วยก้อนกรวดจากการระเบิดของโขดหิน แต่ดูท่าว่าการปะทะจะไม่ลดความรุนแรงลงเลยแม้แต่น้อย

“ร้ายกาจไม่เบาเลยนี่ แต่ว่า…นี่ไม่ใช่ร่างที่แท้จริงของเจ้า คงจะใช้พลังไม่ได้อย่างใจอยากสินะ แค่พูดก็ยังไม่ได้เลยสินะ”

สิ่งที่เนรีวพูดออกมาไม่ได้ผิดเพี้ยนไปจากความจริงเลยแม้แต่น้อย ถึงแม้ว่าเทพธิดาสีเงินจะตื่นขึ้นมา แต่เธอก็ยังอยู่ในร่างของซาคุโระที่เป็นแค่คนธรรมดา จึงทำให้พลังทั้งหมดหายไปมากกว่าครึ่ง ในขณะนั้นเองเมฆสีดำอีกก้อนใหญ่ก็กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาบดบังแสงจันทร์ไปเกือบครึ่ง

ริคกะสงบนิ่งเหมือนหุ่นขี้ผึ้งก่อนจะแหงนหน้าขึ้นมองพระจันทร์ที่กำลังจะหายเข้ากลีบเมฆสีดำ ก่อนจะเอี้ยวตัวหลบจุดตายเมื่อปลายดาบของอสูรหนุ่มผมขาวพุ่งเข้ามาหมายจะเอาชีวิต แต่ถึงจะเลี่ยงจุดตายพ้นแบบเส้นยาแดงผ่าแปด ปลายดาบก็ยังตวัดเข้าที่ต้นขาขวาเป็นแผลลึก

ฉัวะ!

“ริคกะ!...ซาคุโระ!!”

โฮโนโอะร้องเสียงหลงเมื่อเห็นเด็กสาวผมสีเงินทรุดฮวบลงต่อหน้าเนรีวอย่างโรยแรง เลือดสีแดงฉานพุ่งกระฉุดออกมาจากปากแผลไหลอาบผืนดินเป็นบริเวณกว้าง ท่ามกลางสายตาเหยียดหยันของอสูรหนุ่มที่สร้างมันขึ้นมา

“ไร้เรี่ยวแรงลงทันทีเลยรึ นั่นสินะ อยู่ในร่างของคนอื่นเจ้าก็ใช้พลังไม่ได้อยู่แล้ว”

ไม่มีคำพูดใดๆอออกมาจากปากเด็กสาว กระทั่งเสียงหายใจก็แทบจะไม่มีให้ได้ฟัง โฮโนโอะพยายามดิ้นรนสุดฤทธิ์ที่จะให้ตัวเองหลุดพ้นจากพันธนาการของงูยักษ์อาซารีส แต่ดูท่ามันจะยิ่งโกรธและรัดร่างของเขาแน่นเข้าไปอีก

“ปล่อยข้านะเจ้างูบ้า!”

ฟ่อ!

“หึๆๆ อยู่เฉยๆรอดูจุดจบของหญิงที่เจ้ารักไม่ดีกว่ารึ เจ้าอสูรกึ่งเทพ”

“คำก็อสูร สองคำก็อสูร! ข้าเป็นอสูรแล้วเกี่ยวอะไรกับใครด้วยฟะ ถึงเจ้าไม่เรียกข้าก็รู้ตัวของข้าอยู่แล้วล่ะน่า ปล่อยข้าก่อนที่ข้าจะหมดความอดทน!”

โฮโนโอะบริภาษอย่างโกรธเกรี้ยว เรี่ยวแรงที่กำลังหดหายในตอนแรกกลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นจนทำให้งูยักษ์สะท้านไปทั้งตัว เนรีวขมวดคิ้วอยู่ไม่นานก็ผละจากหญิงสาวเข้ามาประชิด ก่อนที่จะตวัดดาบเข้าที่ลำคอหมายจะตัดให้ขาด แต่โฮโนโอะไวกว่าจึงหลบเลี่ยงได้ครึ่งหนึ่ง ปลายดาบเชือดเฉือนเข้าที่แก้มกลายเป็นแผลยาวกรีดไปเกือบถึงใบหู

“หลบได้ดี จะฆ่าก็เสียดาย”

“ไปตายซะ!”

ฉึบ!

เสียงตะเบ็งด่าทอที่ไม่มีท่าทีว่าจะลดละของโฮโนโอะทำให้เนรีวเดือดพล่านขึ้นมาชั่วขณะ พร้อมกันนั้นก็ได้จ่อปลายดาบไปที่คอของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว

“อยากตายนักเดี๋ยวข้าจะสงเคราะห์ก็ได้”

“ก็เอาสิ!”

เนรีวสุดจะทนกับคำพูดแดกดันของโฮโนโอะ แต่ก่อนที่จะได้บันดาลโทสะเชือดคอชายหนุ่มให้หายโกรธคลื่นพลังสีเงินขนาดเท่ากับลูกบอลก็ได้พุ่งเข้ามาอัดกระแทกจากด้านหลัง ทำให้เนรีวกระเด็นออกไปไกลหลายเมตร

ตูม!!

“อั๊ก!”

วิถีทำลายล้างของพลังบริสุทธิ์พุ่งออกมาจากมือของริคกะที่ฝืนทรงตัวยืนขึ้นได้ คลื่นพลังสีเงินได้เข้าอัดกระแทกร่างงูยักษ์อาซารีสอย่างแรง ทำให้โฮโนโอะหลุดพ้นจากพันธนาการของมันได้ในที่สุด แต่แรงเหวี่ยงของอาซารีสทำให้ชายหนุ่มลอยละลิ่วแทบจะตกลงไปในหน้าผา ถ้าหากไม่คว้าชะง่อนหินที่ยื่นออกมาเอาไว้ก่อน เนรีวตั้งหลักได้ในเวลาเพียงเสี้ยวนาทีก่อนที่จะหันมาทางต้นตอของคลื่นพลังที่ทำร้ายตนจากด้านหลัง ริคกะยืนโงนเงนอยู่ตรงหน้า ในมือของเธอยังมีลูกไฟสีเงินลูกที่สองกำลังก่อตัวขึ้น

ตูมมมมม!!!

“อ๊ะ!~ อีกแล้วรึ”

เนรีวตวัดดาบเพียงเล็กน้อยม่านควันก็หายไป แต่อารมณ์โกรธก็พุ่งพรวดขึ้นมามากกว่าเดิมหลายเท่า เมื่อพบว่าหญิงสาวได้หายไปจากตรงนั้นแล้ว

“หลบได้เก่งนักนะ”

ริคกะลอยตัวขึ้นกลางอากาศและมองมาที่เนรีวด้วยสายตาเหยียดหยาม ก่อนที่จะลอยตัวสูงและออกห่างไปเรื่อยๆ

“คิดหนีรึ!”

รอยยิ้มบาดหมางที่ปรากฏบนใบหน้าของเด็กสาวสร้างความเดือดดาลและลูกไฟสีขาวและเพิ่มขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับสายฟ้าที่รายล้อมอยู่นับไม่ถ้วนในมือของอสูรหนุ่มที่บรรดาลโทสะออกมา

“อย่าคิดว่าจะรอดชีวิตไปจากที่นี่เลย เทพธิดาสีเงิน!!!!”

เนรีวขว้างลูกไฟออกไปสุดแรง ทิศทางของมันตรงดิ่งไปทางเด็กสาวที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ และแม่นยำเกินคาด

ตูมมมมมม!!!

ลูกไฟสีขาวที่อัดแน่นไปด้วยสายฟ้าอัดกระแทกเข้ากลางอกของริคกะเต็มแรง ร่างบางๆลอยละลิ่วไปติดแผ่นหินที่อยู่ข้างหลังอีกฟากของหน้าผาจนเป็นรูพรุน ความเจ็บปวดผสมกับแสงจันทร์ที่เหือดหายไป ทำให้สติของเธอแทบดับ

จากร่างของริคกะที่ถูกห่อหุ้มด้วยพลังบริสุทธ์สูงส่งกำลังจะกลับกลายเป็นหญิงสาวด้อยพลังคนเดิมอยู่เลือนรางก่อนร่วงลงไปในหน้าผาอย่างแน่นิ่ง

เนรีวยิ้มเหยียดพอใจในผลงาน ถึงจะขัดกับคำสั่งแต่เขาก็ยังพอใจและไม่คิดกริ่งเกรงใคร เพราะถึงยังไงเทพธิดาสีเงินก็จะหายไปจากโลกนี้ด้วยน้ำมือของเขา

“หึๆๆ…ตามไปคิดบัญชีกันเถอะ อาซารีส”

ฟ่อ!

อสูรผมขาวเดินเข้าไปใกล้หน้าผาโดยมีงูร่างยักษ์นัยน์ตาสีแดงแสนเชื่องก้มหัวรอรับ แต่ก่อนที่เท้าทั้งสองจะยกพ้นจากพื้นดิน พลังร้อนระอุที่ปะทุขึ้นมาจากด้านหลังก็ทำให้เขามีอันต้องชะงักงัน

“เนรีว!!!”

“อ๊ะ!!”

ตูมมมมมมม!!!

พลังเพลิงอัคคีรุนแรง ถาโถมเข้าปะทะกับร่างของสัตว์อสูร แรงปะทะทำให้เกิดกลุ่มควันหนาตา เนรีวรีบล่าถอยแต่ก็ช้าเกินกว่าที่จะหลบคมดาบที่แหวกม่านควันเข้ามาเชือดที่แขน

ฉัวะ!

“อุ๊บ!”

“ตายซะเถอะ!”

“หึ เรื่องอะไรข้าต้องตายด้วยน้ำมืออสูรอ่อนหัดเช่นเจ้า”

เนรีวกระโดดหลบการโจมตีของโฮโนโอะขึ้นไปยืนอยู่บนหัวอาซารีส ก่อนที่จะหายไปในความมืด โฮโนโอะขบกรามอย่างแค้นเคือง แต่ความแค้นนั้นก็ไม่เท่าความห่วงที่เห็นหญิงสาวตกลงไปในหน้าผาอย่างสิ้นสติหน้าผานั้นทั้งแคบและรู้ว่าพื้นของมันอยู่ตรงไหน โฮโนโอะใช้ความคล่องแคล่วกระโดดเหยียบย่ำไปตามชะง่อนหินที่งอกออกมาตามช่องผาเพื่อลดความเร็วในการดิ่งพสุธาลงไปเรื่อยๆ จนในที่สุดเขาก็ได้รู้ว่าก้นบึ้งของหน้าผาแห่งนี้คือแม่น้ำที่เชี่ยวกราก และไม่มีสิ่งใดที่พอจะให้ยึดเกาะ จึงทำให้เขาต้องตกลงไปในแม่น้ำนั้นโดยไร้ทางเลือก

ตูมมมมม!!!

ซ่า~

สายน้ำอันเชี่ยวกรากจะพัดพาเขาไปสิ้นสุดที่ตรงไหนไม่มีทางรู้ได้ แต่สิ่งเดียวที่โฮโนโอะจดจ่อก็คือการตามหาซาคุโระให้พบ ชายหนุ่มสามารถหายใจในน้ำและเคลื่อนไหวได้เหมือนปลา ถึงแม้สายน้ำจะเชี่ยวกรากขนาดไหนก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา ต่างจากซาคุโระที่เป็นเพียงคนธรรมดาหนำซ้ำเธอยังบาดเจ็บไร้สติ สิ่งเหล่านี้ประดังเข้ามาในจิตใจของเขาทุกเวลา ถ้าหากเธอเป็นอะไรไปมากกว่านี้เขาคงจะมีตราบาปติดตัวไปตลอดชีวิต

ปลายสุดของสายน้ำเชี่ยวกรากที่ส่งผ่านมาจากช่องเขา ได้สิ้นสุดที่ก้อนหินขนาดใหญ่ที่ขวางกั้นไว้ระหว่างช่องผาทั้งสองข้าง จากสายน้ำที่ไหลเชี่ยวไปในทางเดียวกันได้กลับกลายเป็นสายน้ำวนที่รุนแรง

ร่างกายซาคุโระยังคงถูกควบคุมด้วยดวงจิตของริคกะ เด็กสาวได้พยายามตะเกียกตะกายขึ้นมาบนโขดหินที่ขวางทางน้ำอยู่ได้สำเร็จ ถึงหมดสิ้นแสงจันทร์แต่ดวงจิตก็ยังรั้นที่จะออกมาปรากฏกายข้างนอก และยังคงก้าวไปข้างหน้าอย่างเลื่อนลอยพร้อมๆกับบาดแผลฉกรรจ์ที่ขาและความเจ็บปวดกลางอกที่ถูกวิถีมารของอสูรโจมตี เลือดสีแดงหยดลงบนโขดหินเป็นจุดเรียงกันบนเส้นทางที่เธอก้าวเดินไปนับไม่ถ้วน

ริคกะในร่างของซาคุโระยังคงเดินต่อไปข้างหน้าด้วยท่าทางที่ซวนเซล้มทั้งยืน ทั้งที่ไม่รู้ว่าจะไปไหน จนกระทั่งฝีเท้าของเธอได้หยุดชะงักลง พอมองออกไปก็พบว่าข้างหน้านั้นคือก้อนหินขนาดยักษ์ที่ขวางทางระหว่างช่องเขา แต่ทว่า เธอกลับเดินทะลุเข้าไปอย่างง่ายดาย อีกฟากหนึ่งของก้อนหินคือทุ่งหิมะที่กว้างสุดลูกตา ไม่มีแม้แต่สิ่งมีชีวิต และที่สำคัญมันเหน็บหนาวเสียยิ่งกว่าสิ่งใด ริคกะเริ่มจะหมดแรง แต่ก็ยังฝืนรั้นที่จะอยู่และก้าวไปข้างหน้าด้วยขาที่ร่อแร่ไร้เรี่ยวแรง จนกระทั่งเธอไม่สามารถที่จะรั้นได้อีกและล้มลงไปบนกองหิมะสีขาวที่คลุกเคล้ากับเลือดจนกลายเป็นสีแดงสด

พลั่ก!

ซาคุโระลืมตาตื่นขึ้นมาได้ในที่สุด แต่เธอก็ไร้เรี่ยวแรงที่จะลุก พร้อมทั้งความรู้สึกเจ็บปวดที่ทวีคูณจากบาดแผลและความบอบช้ำจากวิถีมารของอสูรทำให้เธอต้องกระอักเลือดออกมา ก่อนที่จะนิ่งไปเหมือนคนเป็นอัมพาต และกำลังจะแข็งตายเพราะถูกหิมะปกคลุมทั่วกาย

“นี่เรา...กำลังจะตายสินะ”

หญิงสาวรำพึงในขณะที่ม่านตากำลังจะปิดลงอย่างช้าๆ แต่ก่อนที่สติทั้งหมดจะดับลงประสาทสัมผัสที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิด ก็ทำให้รู้ว่ามีบางอย่างมากกว่าหนึ่งเข้ามาอยู่ใกล้เพียงคืบ แต่เพราะฝืนไม่ไหวจึงไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร

โฮโนโอะเวียนว่ายไปตามกระแสน้ำที่เชี่ยวกราก จนกระทั่งถึงฝั่งที่พอจะยึดเกาะเอาไว้ได้ และได้ตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำ บาดแผลและความบอบช้ำบางส่วนได้หายไปอย่างน่าประหลาด แต่ความไม่คุ้นเคยก็ทำให้ชายหนุ่มสำลักแทบขาดใจเพราะกลืนน้ำเข้าไปหลายอึก

“แค่กๆ~…นี่มันที่ไหน”

ชายหนุ่มตะกายขึ้นมาบนฝั่งที่เต็มไปด้วยหินและทราย กวาดมองไปรอบๆเท่าที่สายตาจะเอื้ออำนวย แต่ในระยะที่สายตาได้มองเห็นนั้นกลับไม่มีสิ่งมีชีวิตนอกจากก้อนหินน้อยใหญ่ที่ขวางทางน้ำอยู่ในช่องผา โฮโนโอะได้หยุดชะงักอยู่ที่ก้อนหินขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่กลางกระแสน้ำ สายตาของเขายาวพอที่จะเห็นว่ามีเลือดสีแดงที่หยดลงบนโขดหินขึ้นจากน้ำไปเป็นทางยาว ทันใดนั้นเอง ภาพเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านไปไม่นานก็ผุดขึ้นมาในหัว ซาคุโระที่ถูกเทพธิดาสีเงินสิงสู่ได้ต่อสู้กับเนรีว และถูกเนรีวเล่นงานจนบาดเจ็บสาหัสก่อนที่เธอจะตกลงมา โฮโนโอะเริ่มใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าเธอไม่ได้จมน้ำหายไป ริคกะคงควบคุมร่างของเธออยู่และตะเกียกตะกายขึ้นไปบนโขดหินนั้นเป็นแน่

ชายหนุ่มยันกายลุกและก้าวเดินซวนเซข้ามกระแสน้ำเชี่ยวกรากอย่างทุลักทุเล จนมาถึงโขดหินที่อยู่กลางกระน้ำได้สำเร็จ เลือดสีแดงยังใหม่และหยดเป็นทางยาวขึ้นไปบนโขดหิน โฮโนโอะตามหยดเลือดนั้นไปอย่างใจจดใจจ่อ พยายามคิดว่าจะได้พบกับหญิงสาวเร็วๆ แสงจันทร์ได้สิ้นสุดแล้วเธออาจจะกลับมาเป็นซาคุโระคนเดิม และคงจะหมดสติอยู่ที่ไหนสักแห่งที่ไม่ไกลจากที่นี่

แต่แล้วความคิดนั้นก็หยุดชะงัก เมื่อจู่ๆหยดเลือดที่ติดตามมาตลอดทางได้หายไปตรงเส้นทางที่ถูกปิดตายด้วยแผ่นหินขนาดยักษ์ที่ขวางเอาไว้

“ทางตัน”

ไม่มีทางไหนที่พอจะให้เล็ดรอดผ่านไปได้ แม้แต่สัตว์ที่มีปีกบินได้ก็คงจะหมดแรงเสียก่อนที่จะได้ข้ามไป โฮโนโอะจ้องมองแผ่นหินประหลาดนั้นด้วยสีหน้าครุ่นคิด และในระหว่างที่ใช้ความคิดอยู่นั้น แรงกดดันจากพลังที่มองไม่เห็นก็เข้าบีบรัดให้เจ็บปวดจนทรุดลงกับพื้น

พลั่ก!

“อะไรกัน ทำไมจู่ๆถึงมองไม่เห็น”

ร่างโปร่งทรุดฮวบลงก่อนที่จะล้มฟุบไปกองกับพื้นอย่างสิ้นแรง เปลือกตาค่อยๆหนักอึ้งและปิดลงอย่างช้าๆ สิ่งสุดท้ายที่ประสาทสัมผัสบางส่วนได้รับรู้มีเพียงความรู้สึกที่เหมือนจะมีใครบางคนมายืนอยู่เหนือหัวใกล้เพียงคืบ และเสียงผ้าที่เสียดสีกับสายลมที่พัดผ่าน ก่อนทุกอย่างจะมืดดำและเหน็บหนาวดุจดั่งราตรีอันยาวนานที่ไม่สิ้นสุด ค่ำคืนอันยาวนานนับเวลาไม่ถูก ร่างของชายหนุ่มที่เต็มไปด้วยบาดแผลและความบอบช้ำ นอนคว่ำหน้าอยู่บนเส้นทางอันว่างเปล่าอย่างสิ้นแรง ภายใต้สายตาของผู้ที่ยืนมองอยู่เหนือหัว

“นี่น่ะรึ ทายาทผู้ครองเพลิงแห่งนรก ช่างอ่อนแออะไรเช่นนี้….อาภรณ์สวรรค์รึ มิน่าถึงได้รู้สึกแปลกๆ ที่แท้ก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของ………”

คำพูดสุดท้ายที่ถูกเปล่งออกมาถูกสายลมพัดหายไปจนมดสิ้น คำพูดประโยคสุดท้ายเพียงสั้นๆแต่สำคัญ หากแต่ตอนนี้มันได้หายไปจนหมดสิ้น และคนที่นอนไร้เรี่ยวแรงอยู่นี้คงจะไม่มีทางได้ยินมันไปตลอดกาล

ชายร่างสูงโปร่งมีเพียงผ้าคลุมสีรัตติกาลขาดวิ่นห่อหุ้มกายพร้อมกับดาบสองเล่มที่อยู่ด้านหลัง ความมืดในยามราตรีและแสงดาวเพียงน้อยนิดที่เล็ดรอดออกจากกลีบเมฆส่องสะท้อนจากด้านหลัง ทำให้มองไม่เห็นหน้าตาและรายละเอียดใดๆแม้เพียงเลือนราง เขาก้มลงจ้องมองร่างอันบอบช้ำและเปียกโชกอย่างพิจารณา ก่อนที่เสียงพึมพำจะดังตามมาติดๆ

“ปล่อยเอาไว้แบบนี้คงไม่ดีแน่ ถึงจะขึ้นชื่อว่าเป็นอสูร แต่เจ้าก็ยังไม่สมควรที่จะมาตายเอาตอนนี้หรอกนะ โฮโนโอะ”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา