Tear of Snow เทพนิยายทะลุมิติ

8.1

เขียนโดย zusuran

วันที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 21.12 น.

  28 ตอน
  0 วิจารณ์
  23.43K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 เมษายน พ.ศ. 2562 13.53 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

21) เผชิญหน้ากับข่าวร้าย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เผชิญหน้ากับข่าวร้าย

เส้นทางคดเคี้ยวและเต็มไปด้วยเหล่าปีศาจที่จ้องจะจับเหยื่อ ซาคุโระต้องเดินทางตามลำพังโดยที่มีเร็นกะคอยชี้ทางให้เป็นระยะๆ แต่ยมทุตหนุ่มก็หาได้ปรากฏตัวร่วมหัวจมท้ายกับเธอไม่ การเดินทางที่เร่งรีบทำให้เธอต้องวิ่งและกระโดดข้ามหน้าผาน้อยใหญ่แทนการเดินทีละก้าว ต้องคอยหลบหลีกพวกปีศาจหางแถวที่จ้องเข้ามาทำร้ายแทบจะไม่ได้หยุดพักนับวันนับคืน

ตูมมมม!!

“กรี๊ดดดด!!”

‘หลบไปด้านข้าง!’

วืด!

‘ก้มลง!’

“เหวอ!”

‘วิ่งสุดกำลังแล้วก็ข้ามหน้าผาข้างหน้านั่นซะ เร็วเข้า!’

เสียงยมทูตหนุ่มดังขึ้นเป็นระยะซึ่งซาคุโระก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากทำตามที่เสียงนั้นบอกมา นึกเคืองอยู่เหมือนกันว่าทำไมไม่ออกมาช่วยทั้งที่อาสาไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะ แบบนี้เขาเรียกว่าผิดคำพูดชัดๆ!

‘ข้าบอกเมื่อไหร่ว่าจะปกป้องเจ้า’

พลันเสียงทุ้มโทนเดิมดังแทรกเข้ามาเหมือนรู้ความคิด ซาคุโระหน้าบึ้งบอกบุญไม่รับทันที แบบนี้ก็ไม่ต่างจากการเดินทางคนเดียว แถมยังมีตัวกวนประสาทไร้รูปร่างคอยยั่วอารมณ์ได้ทุกวันอีกสิน่า

“ใช่สิ! แฮ่กๆๆ….ฉันมันไม่มีเวทมนตร์เหมือนใครบางคนนี่ ถึงจะหายตัวได้ดั่งใจน่ะ!”

‘อาวุธก็มีหัดใช้เสียบ้าง’

“สภาพแบบนี้จะไปใช้ทันได้ยังไงกันเล่า!”

‘โดด!!’

เสียงตะโกนดังก้องจนแทบสลบกระตุ้นให้ซาคุโระกระโดดข้ามหน้าผาที่น่าจะกว้างประมาณเมตรกว่าๆไปยังอีกฟากฝั่งทันที หากมองโดยรวมแล้วเธอก็ไม่ได้ต่างไปจากตัวละครในหนังแอ๊กชั่นไซไฟซักเท่าไหร่เลย และแน่นอนว่าเวลาที่ผ่านพ้นไปนานแสนนานเรี่ยวแรงของมนุษย์ธรรมดาอย่างเธอก็ต้องหมดเป็นธรรมดา ทันทีที่กระโดดข้ามหน้าผาได้อย่างหวุดหวิด ขาทั้งสองข้างก็อ่อนเปลี้ยล้มพับทันที

พลั่ก!

“แฮ่กๆๆ~ ฉันไม่ไหวแล้ว ขอพักหน่อย”

ซาคุโระวอนขอพร้อมหายใจเอาอากาศเข้าปอด มองดูมือทั้งสองข้างของตัวเองอย่างอึ้งๆ มันเต็มไปด้วยเลือดของปีศาจล้วนๆ ไม่อยากเชื่อเลยว่ามือที่แสนบอบบางของเธอนี้จะเป็นอาวุธที่มีคมและอันตรายยิ่งกว่าดาบสั้นที่เร็นกะเสกขึ้นมาให้พกถ่วงน้ำหนักอยู่ข้างเอวนี่เสียอีก ตลอดเส้นทางที่แสนอันตรายที่ผ่านมานั้นเธอได้ประมือและสังหารปีศาจด้วยมือทั้งสองนี้โดยไม่เคยได้ใช้ดาบที่เร็นกะให้มาเลยสักแอะ

“แฮ่กๆๆ…เรามาไกลแค่ไหนแล้ว”

“น่าจะไกลมากสำหรับมนุษย์เช่นเจ้า” เร็นกะปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้าและตอบอย่างไม่ลังเล

“อีกนานไหมกว่าจะได้เจอพวกมิราอิ”

“บางที พวกนั้นคงจะกำลังมุ่งหน้าไปที่หุบเขานั่นล่ะนะ”

“หุบเขา?”

“จุดหมายของพวกเจ้าก็คือที่นั่นไม่ใช่รึ”

เร็นกะพูดออกมาลอยๆพร้อมทั้งเบ้หน้าสะกิดให้ซาคุโระมองตามไปทางยอดเขาสีดำที่เห็นอยู่ไกลลิบลิ่ว ถึงจะอยู่ไกลแต่มันก็สูงจนทะลุกลุ่มเมฆและมีความน่าสะพรึงแผ่ซ่านออกมาไกลถึงตรงที่เธออยู่ หุบเขาในตำนานที่ไม่มีใครเชื่อว่ามีอยู่จริง แต่ในที่สุดเธอก็พบกับมัน เหลือเพียงเดินทางไปหามันก่อนที่จะถึงคืนที่พระจันทร์เต็มดวงจะมาบรรจบอีกรอบเท่านั้น

ตึกกกกก!!

“อึก!”

เสียงหัวใจเต้นแรงจนแทบทะลักออกมาข้างนอก ทั้งที่อากาศไม่ได้หนาวเย็นอะไร แต่ร่างกายกลับสั่นขึ้นมาเสียดื้อๆ เหมือนเป็นการบอกเหตุร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นอย่างไรอย่างนั้น

“เป็นอะไรไป”

“มะ ไม่มีอะไร ฉันไปที่ลำธารหน่อย”

ซาคุโระพรวดพราดออกไปโดยไม่ได้สนใจกับสายตาของเร็นกะที่ยังมองตาม เขาอาจจะหายตัวไปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ เพราะตลอดทางที่ผ่านมายมทูตหนุ่มผมแดงผู้นี้ก็แทบจะไม่ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเธอเลยนอกจากการส่งเสียงผ่านจิตเป็นระยะๆ

ลำธารสายเล็กที่ไหลเอื่อยๆไปตามชายป่า ซาคุโระย่ำเท้าเปล่าลงไปในน้ำใสที่ตื้นเขินเท่าตาตุ่ม ก่อนจะก้มลงและใช้มือทั้งสองข้างประคองน้ำขึ้นมาใส่ปากเพื่อดับกระหาย ความรู้สึกอัดอั้นในใจเริ่มหายไปบ้าง แต่ความเหน็ดเหนื่อยก็ทำให้เธอต้องคุกเข่าลงกลางน้ำเสียอย่างนั้น

“นี่เราเป็นอะไรไป หรือว่าเป็นเพราะ…”

มือข้างหนึ่งยกขึ้นทาบบนหน้าอกตำแหน่งของหัวใจ ซาคุโระไม่ได้คิดถึงใครนอกจากดวงวิญญาณของคนที่สิงร่างของเธออยู่อย่างเทพธิดาสีเงินที่เธอยังไม่เคยเห็นหน้า

“เพราะเธอเหรอ เทพธิดาสีเงิน…นี่ฉันต้องไปที่นั่นโดยที่ไม่มีโฮโนโอะจริงๆสินะ”

ริมฝีปากบางพร่ำเพ้อในขณะที่สายตายังคงจับจ้องผ้าผืนบางแสนสวย ไม่ว่าจะมองมันกี่ครั้งใบหน้าของโฮโนโอะก็ยังปรากฏขึ้นมาแทนผืนผ้านั้นประจำ

“ตอนนี้นายกำลังทำอะไรอยู่นะ โฮโนโอะ”

ตึกกกกก!!!

“เฮือก! อึก~”

หัวใจเริ่มเต้นแรงขึ้นอีกครั้ง ซาคุโระรู้สึกเจ็บปวดราวกับว่าอวัยวะภายในจะฉีกขาด ปั่นป่วนจนอยากอาเจียนออกมา

“อะไรกันนี่เรา…เป็นอะไรไป!”

“ท่าทางอยากจะออกมาเต็มทีแล้วสินะ เทพธิดาสีเงิน”

พลันเสียงประหลาดดังขึ้นพร้อมกับสายลมที่พัดเข้ามารายล้อมร่างกายอย่างเบาบาง ซาคุโระกลั้นใจลุกขึ้นทั้งที่ยังเหน็ดเหนื่อยและเจ็บปวดแทบขาดใจ และทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนมีบางอย่างแหวกอากาศเข้ามาและเฉี่ยวแก้มไปอย่างเฉียดๆ

เฟี้ยว!!

“อ๊ะ!”

มือสั่นเทาค่อยๆลูบไล้ไปตามแก้มที่รู้สึกแสบ ทันใดนั้นร่างสูงเพรียวก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า หญิงสาวรูปร่างเพรียวงามลอยตัวอยู่เหนือผืนน้ำแสยะยิ้มให้อย่างเยือกเย็น ซาคุโระรีบถอยห่างและหันหน้าวิ่งเข้าหาฝั่งเท่าที่กำลังจะเอื้ออำนวย เพราะรู้ว่าผู้หญิงคนนี้คือปีศาจและไม่ใช่คนที่เธอจะต่อกรด้วยได้เลยแม้แต่น้อย

“ฉลาดนี่นะ แต่เจ้าหนีข้าไม่พ้นหรอก!”

สิ้นเสียงแหลมสูงนั้นน้ำในลำธารก็ก่อตัวขึ้นเป็นเกลียวเหมือนพายุขนาดย่อมและพุ่งเข้าหาทันที

ตูมมมม!!!!

คลื่นน้ำลูกที่หนึ่งตกลงใกล้ๆและอีกหลายลูกก็ตามมาติดๆ ซาคุโระตะกายขึ้นฝั่งและวิ่งออกไปไกลจากลำธาร คิดอย่างเดียวว่าต้องกลับไปหาเร็นกะให้เร็วที่สุด แต่ว่าเธอมาจากทางไหนล่ะ ในเมื่อสายลมเริ่มพัดกรรโชกและโค่นต้นไม้ให้ล้มลงมาขวางทางไว้แล้ว

ครึ่ก~ โครมมมมม!!!

“อ๊ะ!”

“หมดทางหนีแล้ว ไปด้วยกันดีกว่าไหม”

“ชิ เรื่องอะไรฉันต้องฟังปีศาจอย่างเธอด้วย!”

ว่าแล้วก็วิ่งอ้อมไปทางอื่น เป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่ยอมให้ปีศาจตนนี้จับตัวไปอย่างเด็ดขาด

“หนีไปเถอะ ยังไงวันนี้เจ้าก็ไม่รอดเงื้อมือของข้าไปได้หรอก”

“แฮ่กๆๆ~…อ๊ะ!”

พลั่ก!

ดูเหมือนคำพูดของปีศาจสาวจะกระตุ้นให้ซาคุโระอ่อนแรงลงอย่างง่ายดาย เมื่อเธอสะดุดขาตัวเองล้มไถลลงเนินหินลาดชันอย่างรวดเร็ว หนำซ้ำขาทั้งสองข้างยังถูกเถาวัลย์พันไว้ซะแน่นจนขยับไม่ได้

“เจ็บ!”

“หึๆๆ หนีไม่พ้นแล้ว”

“เธอเป็นใคร”

ซาคุโระเอ่ยถามทั้งที่รู้ว่าจุดประสงค์ของอีกฝ่าย ปีศาจสาวแสยะยิ้มก่อนที่จะร่อนตัวลงมาเหยียบบนพื้นดินดานตรงหน้าเธอ และพูดขึ้น

“ข้ามีนามว่ายูระ เจ้าน่าจะรู้จุดประสงค์ของข้าแล้วเด็กน้อย ไม่สิ…ข้าต้องเรียกว่าเทพธิดาสีเงินถึงจะถูก ใช่ไหม เจ้าหญิงริคกะ”

“เอ๊ะ!”

“ถ้าไม่อยากให้ใครต้องสังเวยชีวิตก็ยอมไปกับข้าดีๆเถอะ”

ปีศาจผู้ใช้สายลมเป็นอาวุธที่ซาคุโระไม่เคยเห็นและไม่เคยรู้จัก แต่ก็รู้ดีว่าจุดประสงค์ของเธอไม่ต่างจากเมด์และเนรีว แถมท่าทางของยูระคนนี้ยังจะมีความโหดเหี้ยมกว่า

“เอาล่ะ ข้าขอวิญญาณนั่นไปล่ะนะ”

“เฮือก!!”

ฝ่ามือของหนึ่งของยูระยกขึ้นเหนือศีรษะก่อนที่สายลมเบาบางจะเข้ามาหลอมรวมกันเป็นพายุขนาดย่อมคล้ายสว่าน ซาคุโระพยายามยันกายถอยห่างทีละนิด ในขณะที่ปีศาจสาว สาวเท้าเข้ามาใกล้เรื่อยๆพร้อมกับอาวุธที่จะใช้ทะลวงร่างซาคุโระ

“หมดทางหนีแล้ว ยอมรับชะตากรรมเสียโดยดีเถอะ”

“หึ ถึงฆ่าฉันคิดเหรอว่าเทพธิดาสีเงินอะไรนั่นจะออกมา”

“ถ้าอย่างนั้นก็ลองดูหน่อยเป็นยังไง!”

สิ้นเสียงกังวานกรงเล็บก็งอกออกมาจากปลายนิ้วทั้งสิบของปีศาจสาว ก่อนที่เจ้าหล่อนจะพุ่งหลาวลงมาหมายจะแทงทะลุหัวใจ ซาคุโระได้แต่หลับตานิ่งรอรับกรงเล็บแหลมคมนั้นอย่างหมดหนทางหลีกหนี แต่ทว่า…

“อัศนีสายฟ้าฟาด!!!!”

เสียงทุ้มแสนคุ้นหูดังก้องกังวานแหวกอากาศที่อึมครึมเข้ามาสะกิดให้เบิกตามอง และพลันเห็นสายฟ้าสีขาวจะแหวกม่านสายลมเข้ามาแทงทะลุแขนยูระไปอย่างรวดเร็ว

ตูมมมมม!!!

“กรี๊ดดดดด!!!”

ซาคุโระเงยหน้าขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องที่เจ็บปวดของปีศาจสาว พลันสายตาก็เห็นปลายเท้าที่เหยียบย่ำลงบนพื้นดินตรงหน้า ถึงจะเป็นเพียงด้านหลังแต่เธอก็จำได้ว่านั่นคือใคร

“มิราอิ!”

ชายหนุ่มไม่ได้หันมาหาหรือตอบสนองใดๆ และยังจ้องมองยูระที่ถอยร่นออกไปไกลพร้อมกับข้อมือที่เป็นรูพรุน ปีศาจสาวประคองข้อมือที่เต็มไปด้วยเลือดสีดำและกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด และจ้องมองผู้มาใหม่ด้วยดวงตาวาวโรจน์

“เจ้า! มิราอิ!!”

“รอข้านานรึเปล่า ยูระ”

“เจ้ากล้าทำให้ข้าเป็นแผลรึ!”

“ต่อไปก็คือหัวของเจ้า!”

มิราอิเอ่ยด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างพร้อมทั้งชี้ปลายหอกสามง่ามไปยังยูระที่ประคองตัวเองอยู่กลางอากาศ ซาคุโระพูดอะไรไม่ออก และยังคงมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างอึ้งๆ สภาพมิราอิตอนนี้แทบจะไม่เหลือเค้าเดิมให้เห็น เขามีบาดแผลและฟกช้ำทั้งตัว ท่าทางที่อิดโรยเหมือนคนไม่ได้พักผ่อนมาเป็นแรมเดือน และที่สำคัญข้างกายเขาตอนนี้ไร้ซึ่งฟุยูกิที่ปกติจะตามติดตลอดเวลา

ยูระร่อนตัวลงสู่พื้นและมองมิราอิด้วยสายตาที่อาฆาตเหมือนมีความแค้นใหญ่หลวงที่ต้องการชำระ ก่อนที่เธอจะพูดขึ้นมาประโยคหนึ่งซึ่งทำให้ซาคุโระถึงกับช็อก

“ช่างกล้าดีนี่ ข้าก็ดันคิดง่ายๆ ว่าเจ้าคงจะหมดอะไรตายอยากเพราะต้องสูญเสียน้องชายไปแล้วซะอีก”

“มะ!…เมื่อกี้ว่ายังไงนะ”

“อ้อ จริงสิ เจ้าคงยังไม่รู้เรื่องอะไร ถ้าอย่างนั้นก็จงฟังให้ดี ทายาทแห่งราชันย์ เจ้าชายแห่งเหมันต์ ฟุยูกิ ตอนนี้ได้เข้าร่วมกับจอมมารแล้ว!”

“ไม่จริง!”

“ทีนี้คงรู้แล้วสินะว่าตัวเองเป็นตัวหายนะขนาดไหน ทุกคนที่พยายามปกป้องเจ้าจะต้องสละชีวิตอย่างไร้ค่า แม้แต่ผู้มีดวงจิตเชื่อมโยงกับเจ้าก็ยังเบื่อหน่ายและทอดทิ้งเจ้า ตัวเจ้าในตอนนี้มันไร้ค่าเสียยิ่งกว่าอะไรแล้ว เทพธิดาสีเงินริคกะ!”

“หุบปากนะ!!!!”

มิราอิเดือดดาลพุ่งเข้าหายูระอย่างบ้าคลั่ง ซาคุโระรู้สึกหหนักอึ้งไปทั้งตัว แขนขาไม่มีแม้เรี่ยวแรงจะขยับเขยื้อน และยังรู้สึกอึดอัดกลางอกขึ้นมากะทันหัน ภาพต่างๆไหลเวียนเข้ามาในสมองไม่หยุดหย่อน ทุกคนที่เธอเคยพบหน้าในโลกแห่งนี้รวมไปทั้งภาพของพี่ชายที่กำลังเดินจากไป

“ไม่~ ไม่จริง”

พลั่ก!!

“มิราอิ!!”

“หึ สภาพแบบนั้นคิดจะเอาชนะข้าได้งั้นรึ น่าขำ”

สภาพอิดโรยทำให้มิราอิต้องล้มลงนอนราบกับพื้นอย่างไร้ทางต้าน ยูระเดินเข้ามาพร้อมกับอาวุธที่สร้างขึ้นจากสายลมในมือขวา เพื่อจะปลิดลมหายใจของชายหนุ่ม ซาคุโระหลุดออกจากห้วงความคิด ใช้ดาบสั้นที่เร็นกะให้มาตัดเถาวัลย์ออกและกระเสือกกระสนลุกขึ้นยืนเพื่อจะเข้าไปหาชายหนุ่ม

“มิราอิ!”

“อย่าเข้ามา!”

น้ำเสียงเด็ดขาดทำให้ซาคุโระต้องหยุดชะงัก มิราอิกางแขนซ้ายเป็นเชิงห้าม เป็นสัญญาณว่าไม่ให้เธอเข้าไปยุ่ง

“มิราอิ ทำไม…”

“แค่นี้ ข้าไม่ตายหรอก”

ทีแรกก็คิดว่ายูระโกหกเพื่อจะยั่วโทสะและล่อให้เทพธิดาสีเงินออกมา แต่พอได้ฟังน้ำเสียงสั่นเครือของมิราอิเท่านั้น ขาทั้งสองข้างก็อ่อนปวกเปียกและล้มพับลงทันที

“หึ พูดได้ดี ฟังแล้วน้ำตาจะไหล”

“หุบปาก”

“หึ พูดกับคนที่เหนือกว่าอย่างนั้นจะดีรึ รู้จักเจียมตัวซะบ้างเจ้าคนอ่อนหัด!”

ผัวะ!!

“อั๊ก!!”

“มิราอิ!!!”

ยูระบันดาลโทสะเตะมิราอิจนลอยละลิ่วขึ้นกลางอากาศ ก่อนที่จะพุ่งตกลงกระแทกพื้นต่อหน้าซาคุโระ และกระอักเลือดออกมาเต็มปาก หนำซ้ำปีศาจสาวยังตามเข้ามาเหยียบกลางอกของเขา และบดขยี้เหมือนจะให้แหลกละเอียดเป็นผุยผง

“ความแข็งแกร่งของเจ้ามีแค่นี้เองรึ นี่น่ะเหรอคนที่ฆ่าเนรีวได้ ดูเจ้าสิ อ่อนแอ ไร้พลัง ยิ่งกว่าน้องชายของเจ้าซะอีก!”

“ปล่อยเขานะ ปล่อยเขาเดี๋ยวนี้!”

“หุบปาก!!”

ผัวะ! พลั่ก!

“อ๊า!”

เพียงแค่ยูระสะบัดข้อมือใส่ ซาคุโระก็ถูกสายลมอัดกระแทกจนลอยละลิ่วออกไปไกลหลายเมตร ร่างกายปวดระบมจนต้องหมอบอยู่กับที่ แม้จะมีอาภรณ์สวรรค์อยู่ข้างกายแต่เธอก็ไม่สามารถที่จะใช้มันช่วยเหลือใครได้เพราะไม่ใช่เจ้าของ ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้านั้นเลือนราง ยูระยังคงเหยียบย่ำและบดขยี้กลางอกมิราอิที่นอนนิ่งอย่างย่ำยี เธอโกรธแค้นมิราอิเช่นเดียวกับที่มิราอิโกรธแค้นเธอ

“ไม่มีที่ว่างบนโลกนี้สำหรับคนอ่อนแออย่างเจ้าแล้ว เอาล่ะ ได้เวลาลงไปนรกแล้ว ทายาทแห่งราชันย์ มิราอิ!”

“ยะ อย่านะ!!!”

“ง่ายไป”

น้ำเสียงเย็นเยียบนิ่งสนิทเหมือนน้ำไหลในถ้ำลึก ถูกเปล่งออกมาพร้อมกลับแรงกดดันมหาศาลที่คลุมเครือชั้นบรรยากาศรอบตัว ซาคุโระมองเห็นสายลมที่ก่อตัวเป็นรูปร่างในมือของยูระค่อยๆสลายไปช้าๆ ขณะที่อากาศโดยรอบเริ่มหนาแน่นและก่อให้เกิดรูปร่างของหอกขึ้นในมือมิราอิอย่างรวดเร็ว

เฟี้ยว!!!

“อะไรกัน!”

ยูระดีดตัวออกห่างก่อนที่ปลายหอกจะเฉือนร่างให้ขาดเป็นสองท่อน ซาคุโระแทบไม่อยากเชื่อสายตาของตัวเอง เหลือเชื่อว่าคนที่ร่อแร่ใกล้ตายอย่างมิราอิจะลุกขึ้นควงอาวุธฟาดฟันใครได้อีก เขาเปลี่ยนไปเหมือนไม่ใช่มิราอิคนเดิม แต่ถึงจะคิดไปต่างๆนาๆตอนนี้เธอก็ทำได้เพียงมองการต่อสู้นั้นอย่างลุ้นระทึก

เฟี้ยว! ฉัวะ!

ควากกกก!!!!

ตูมมมมมม!!!!

ศึกระหว่างยูระกับมิราอิปะทุขึ้นรุนแรง เริ่มไปได้ไม่นานนัก ในที่สุดยูระก็เป็นฝ่ายพลาดท่าถูกเล่นงานจนล้มกอง

พลั่ก!

“อั๊ก!”

“ข้าขอคืนคำพูดเมื่อกี้ให้ ยูระ ได้เวลาลงไปตามหาพี่ชายของเจ้าในนรกแล้ว”

“ชิ”

มิราอิจับด้ามหอกด้วยมือที่สั่นเทา มันไม่ใช่ความหวาดกลัว แต่ทว่า นั่นคือความแค้นที่รอเวลาปลดปล่อยต่างหาก และตอนนี้เขาก็กำลังจะล้างแค้นได้สำเร็จ

“ฝากทักทายพี่ชายของเจ้าในนรกด้วยก็แล้วกัน!”

มิราอิซัดหอกเต็มแรงหมายจะให้แทงทะลุหัวใจของปีศาจสาว หอกสามง่ามพุ่งหลาวออกไปด้วยความเร็วที่สามารถเผาไหม้บรรยากาศให้เกิดควัน แต่ก่อนที่ปลายหอกสามแฉกอันแหลมคมนั้นจะแทงทะลุหัวใจของเป้าหมาย มันก็ต้องหยุดชะงักและหักเหเปลี่ยนทิศทางพุ่งเข้ามาหาซาคุโระแทน

“อ๊ะ!”

“ท่านซาคุโระ!!!”

ซาคุโระมองเห็นปลายหอกแหลมคมพุ่งเข้ามาใกล้เรื่อยๆ แต่ก่อนที่มันจะเข้ามาปักกลางอกของเธอมันก็แตกกระจายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยและร่วงกราวลงต่อหน้าเธออย่างรวดเร็ว

เปรี้ยง!!!

“อ๊ะ!”

กริ๊ง~

ปลายเท้าเรียวเล็กค่อยๆแตะพื้นดินอย่างแผ่วพลิ้ว สิ่งแรกที่ซาคุโระมองเห็นคือกุญแจสีทองที่ข้อเท้าเล็กๆ ก่อนที่เธอจะไล่สายตาขึ้นมองไปยังร่างบางๆที่หันหลังให้

“เธอ…เป็นใคร”

“…..”

ไม่มีเสียงตอบรับหรืออาการตอบสนองจากเด็กหญิงที่หันหลังให้ เธอยังคงจ้องมองความเคลื่อนไหวเบื้องหน้า ชายหนุ่มคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้นและแบกยูระที่หมดสติขึ้นบ่า ซาคุโระมองไม่เห็นรายละเอียดใดๆนอกจากชุดคลุมสีดำยาวลากดิน ผ้าสีหม่นปกปิดใบหน้าเหลือให้เห็นเพียงตาข้างเดียวและเส้นผมสีเงินที่โผล่พ้นออกมาเล็กน้อย ในมือของเขายังมีละอองหมอกสีจางล่องลอยอยู่ นั่นคงจะเป็นสิ่งที่สะท้อนหอกของมิราอิให้กลับมาเล่นงานเธอไม่ผิดแน่ แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรซาคุโระถึงได้รู้สึกคุ้นตากับรูปร่างแบบนั้นเหลือเกิน

“คนๆนั้น…”

พรึ่บ!

“หะ หายไปแล้ว”

“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ เจ้าหญิง”

เสียงใสๆเอ่ยถามครั้งแรก ซาคุโระสลัดความเหม่อลอยหันกลับมาสนใจเด็กน้อยที่ยื่นมือเข้ามาหา ในขณะที่มิราอิเดินโซซัดโซเซเข้ามาหา

“ท่านซาคุโระ ไม่เป็นอะไรใช่ไหมขอรับ”

“อะ อื้อ”

“อย่างนั้นเหรอ…ดีจังเลยนะขอรับ ดีแล้วที่มา….ทัน~”

ตุบ!...

ร่างสูงโปร่งล้มพับฟุบลงในอ้อมแขนของซาคุโระพอดิบพอดี พร้อมเสียงหายใจรวยรินเหมือนคนกำลังจะสิ้นลม

“มิราอิ! มิราอิ!!!”

“เขาไม่เป็นอะไรหรอกเจ้าค่ะ แค่เหนื่อยเท่านั้น”

“เธอคือ…”

“ข้าชื่อลีอา เราเคยพบกันแล้วจำได้หรือไม่เจ้าคะ”

“ลีอา”

ซาคุโระไม่คุ้นกับชื่อของเด็กน้อยเท่าไหร่ ลีอาก้มลงมาและแบกร่างมิราอิที่ใหญ่กว่าตัวเองหลายเท่าตัวขึ้นไปพาดบ่าเล็กๆของตัวเองอย่างง่าย ซาคุโระอึ้งอยู่ไม่นานก็ลุกตามไปอย่างห่วงๆ

เวลาผ่านไปนานนับหลายชั่วโมง ซาคุโระยังเฝ้ามิราอิไม่ห่าง ลีอาสามารถรักษาบาดแผลของเขาให้หายได้ในพริบตา แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าเขาจะฟื้นขึ้นมาในทันทีทันใด ส่วนตัวเธอที่บาดเจ็บไม่น้อยนั้นก็ได้อาภรณ์สวรรค์ค่อยๆซับบาดแผลและความเจ็บปวดจนหายไป

“ถึงจะมีอาภรณ์สวรรค์คอยเยียวยาอาการเจ็บปวดให้ แต่ท่านก็ควรพักผ่อนนะ”

ซาคุโระแหงนหน้ามองเด็กหญิงที่กลับมาพร้อมกับใบไม้หลากสี ลีอานั่งลงข้างๆมิราอิตรงข้ามกับเธอ บดขยี้ใบไม้หลากสีกับกิ่งไม้ประหลาดที่ค้นออกมาจากแขนเสื้อมิราอิเข้าด้วยกันจนกลายเป็นน้ำสีดำส่งกลิ่นคาวเหมือนเลือด ซาคุโระมองดู เอามืออังจมูกเล็กน้อย เธอยังจำได้ติดตากับกิ่งไม้ปีศาจที่มิราอิเอามาปรุงยาพิสดารรักษาอาการป่วยของเธอเมื่อครั้งก่อน และตอนนี้ลีอากำลังจะเอาให้เขากินเช่นกัน

“อึก แค่กๆ~”

“มะ มิราอิจะไม่เป็นไรแน่เหรอ”

“ไม่ต้องห่วง เขาไม่เป็นอะไรหรอก แค่ยังปรับตัวไม่ได้เท่านั้นเอง”

“ปรับตัว?”

“ข้าเองก็พูดไม่ได้เต็มปากหรอกว่าเขากำลังปรับตัวกับเรื่องใด”

ลีอาพูดออกมาด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่ก็ยังหลงเหลือความเศร้าโศกให้เห็นผ่านดวงตาสีทองที่ไม่เปล่งประกาย และความเศร้านั้นก็คงจะเป็นเรื่องของฟุยูกิไม่ต้องสงสัย ซึ่งมันก็ทำให้ซาคุโระใจหายจนอยากร้องไห้ออกมาเหมือนกัน

“ฟุยูกิน่ะ…”

“ใช่เจ้าค่ะ”

ลีอาตอบโดยไม่รอให้คำถามสิ้นสุด ซาคุโระก้มหน้าสลดเก็บกดน้ำตาเอาไว้เต็มที่ ทุกอย่างเป็นอย่างที่ยูระบอกเอาไว้ไม่มีผิด เธอเป็นภาระและเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดจริงๆ

“แล้วท่านซาคุโระล่ะ ทำไมอยู่คนเดียวเจ้าคะ แล้วราชันย์แห่งเพลิงกาฬคนนั้นเล่า อยู่ที่ไหน”

เด็กน้อยเอ่ยถามออกมาโต้งๆ และคำถามนั้นก็ทำให้ซาคุโระยิ่งอึดอัดขึ้นอีกหลายเท่า เธอสูดหายใจเข้าเต็มปอดและพูดออกไปด้วยน้ำเสียงสะอื้นอยู่ในคอ

“โฮโนโอะ…อยู่ในนรก”

“นรก?…”

“ฉันจำอะไรไม่ได้ รู้แต่ว่าเขาเสียสละเพื่อให้ฉันมีชีวิตรอด แต่ฉันก็นึกไม่ออกว่าเกิดอะไรขึ้น ขอโทษนะ ขอโทษ~ เพราะฉันทุกคนถึงต้องเป็นแบบนี้แบบนี้ เพราะฉันคนเดียว”

ฝ่ามืออบอุ่นวางทาบลงบนมือที่กำแน่นอย่างแผ่วเบา ซาคุโระกลั้นก้อนสะอื้นมองไปยังเจ้าของมือข้างนั้นทั้งน้ำตาที่ยังคลออยู่เต็มเบ้า

“มิราอิ!”

มิราอิลืมตาขึ้นเพียงครึ่ง เขามองเธออยู่ซักพักก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เหือดแห้ง

“อย่าโทษตัวเองเลยขอรับ ท่านซาคุโระ”

“ตะ แต่ว่า…แต่ว่า~”

“พวกเราไม่เป็นไร จริงๆนะ….ข้าต้องพาท่านไปให้ถึงหุบเขานั่นแล้วจะส่งท่านกลับบ้านแทนท่านพี่ให้ได้ อย่าห่วงเลยขอรับ”

“ขอโทษนะ”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7.3 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา