Secret File:Innocent Trap

8.3

เขียนโดย Elichika

วันที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 07.24 น.

  13 บท
  1 วิจารณ์
  12.01K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 21.42 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) Parallel

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

Chapter VI  Parallel Soul

            เด็กสาวเจ้าของผมสีทองค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ แสงแดดอ่อนๆส่องผ่านหน้าต่างกระทบเข้ากับใบหน้าของเธอ เอลลี่ กระพริบตาถี่ๆให้สายตาปรับโฟกัส เด็กสาวมองสำรวจรอบๆตัว ก็พบร่างของกานต์กำลังนั่งพิงอยู่ที่ปลายเตียงของเธอ

                “ทำไมไม่ขึ้นมานอนด้วยกันนะ?” เอลลี่พูดขึ้นเบาๆ

                “หืม...?” กานต์ค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ

                “โทษทีทำให้ตื่นหรอ?”

                “ก็ไม่หรอก ยังปวดๆขาอยู่ไหม?” กานต์ค่อยๆลุกขึ้นบิดตัวไปมา

                “อืม..ก็ ไม่ปวดเหมือนเมื่อวานแล้วล่ะ” เอลลี่ลุกขึ้นจากที่นอน

                “งั้นก็ไปอาบน้ำเถอะ เดี่ยวทำแผลอีกรอบ”

                “อืม”เอลลี่เดินเข้าไปในห้องน้ำ ในขณะที่กานต์กำลังนั่งกดโทรศัพท์มือถืออยู่

                “เห้อ....เสียจริงๆด้วย ที่บอกว่ากันน้ำนี่ คงกันน้ำออกสินะ” กานต์ถอนหายใจยาวๆ พร้อมๆกับวางโทรศัพท์มือถือไว้ข้างๆตัว

                “กานต์ เอ่อ..ฉันลืมหยิบยาสระผมเข้ามาน่ะ...หยิบให้หน่อยได้ไหม? ลิ้นชักล่างสุดในตู้เสื้อผ้าน่ะ” เอลลี่ตะโกนออกมาจากห้องน้ำ

                “เจอแล้ว” กานต์หยิบยาสระผมแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ เอลลี่ยื่นมือผ่านผ้าม่านออกมา กานต์ส่งขวดยาสระผมให้เด็กสาวแต่ทว่า

                “เอ๊ะ!” เอลลี่ขยับขาข้างซ้ายความเจ็บปวดก็แล่นขึ้นมา เด็กสาวเสียการทรงตัวไปชั่วขณะเธอล้มคว่ำลงทันที

                “เซฟ” กานต์เข้าไปรับตัวเธอได้ทันก่อนที่น้ำเย็นๆจากฝักบัวจะทำให้เปียกไปทั้งตัว

....................................................................................................................................

หลังจากที่ผ่านฝนตกมาทั้งคืน ทำให้บรรยากาศในโรงเรียนเต็มไปด้วยชุ่มชื่น เหล่านักเรียนที่เดินผ่านไปมาต่างพกร่มเพื่อเตรียมรับมือกับสายฝน

                “โห ดูนั้น” นักเรียนชายหญิงหลายคนต่างหยุดเดินเพื่อหันมอง นักเรียนทุนทั้งสองในชุดนักเรียน

                ด้วยความสูงของทั้งคู่ และใบหน้าแสนสวย รอยยิ้มที่ดูเป็นธรรมชาติ กระโปรงยาวดูเข้ากับกานต์มาก กานต์ปล่อยผมโดยไม่มัดไว้เหมือนทุกวัน เอลลี่ที่เดินอยู่ด้านข้างก็ไม่น้อยหน้า วันนี้เธอมาพรอ้มกับลุคของเด็กสาวแก่เรียน เอลลี่จะใส่คอนเทคเลนส์เพราะเป็นคนสายตายาว แต่เหมือนวันนี้เด็กสาวจะหาไม่เจอ เธอมัดผมหางม้าเหมือนทุกๆวัน

                “สวยจังเลยนะ” ทั้งสองสะกดสายตาคนรอบข้างไว้ได้อยู่หมัด กานต์ยิ้มแห้งๆก่อนจะก้มหน้าเดินไปเงียบๆ

.......................................................................................................

                ทั้งสองถูกเฝ้ามองอย่างไม่ละสายตาหลังจากเดินเข้ามาในห้องเรียน เสียงพูดคุยจอแจเริ่มดังขึ้น

                “ใส่ชุดนักเรียนแล้ว....กานต์ใส่ชุดนักเรียนแล้ว!”

                กานต์นั่งหันมองไปนอกหน้าต่าง ใบหน้าด้านข้างที่มีแสงกระทบหน่อยๆทำให้ผิวสีขาวอมชมพูดูเปล่งประกาย

                “เอลลี่ วันนี้ใส่แว่นมาด้วยหรอ?” พลอย หัวหน้าชั้นเอ๋ยทักเด็กสาวผู้กำลังสำรวจของในกระเป๋า

                “อือ คอนแทคเลนส์ฉันหายไปไหนไม่รู้น่ะสิ”เอลลี่ตอบโดยไม่หันหน้าไปมอง

                “เอาล่ะ ทุกคนนั่งที่นะ” ซิสเตอร์จูน ผู้สอนวิชา ดาราศาสตร์เอ๋ยขึ้น “วันนี้มาสเตอร์วีผู้ดูแลห้องของพวกเธอยังติดภารกิจอยู่ ขอให้อยู่แบบสงบๆกันนะจ๊ะ ซิสเตอร์เองก็มีธุระเหมือนกัน ฝากหัวหน้าห้องจัดกานด้วยนะ” พูดจบเธอก็เดินออกไป

                “อีกแล้วหรอเนี่ย แกไปทำอะไรนะ มาสเตอร์” เสียงพูดคุยเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง

กานต์เดินออกมาจากห้องเรียนพร้อมกับเอลลี่ที่รีบวิ่งตามมา ทั้งสองคนเดินขึ้นบันไดไปจนถึงด่านฟ้าของตึกเรียน ด้านฟ้าที่นี่เป็นแบบเปิดโล่งมี ที่นั่งและพุ่มไม้ประดับอยู่ตามมุมต่างๆ

                “เธอจะไม่ปลอดภัยแน่ถ้ายังเป็นแบบนี้อยู่ เอลลี่” กานต์พูดขึ้น

                “ฉันไม่รู้ว่าจะทำยังไงต่อดี...จริงๆนะ ฉันไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อเลย” เอลลี่ก้มหน้าลง

                “ฉันเข้าใจ ถ้าหนีเธออาจจะรอด หรืออาจจะตายก็ได้ แต่ถ้าหนีไปครั้งหนึ่งก็ต้องหนีตลอดไป” กานต์ค่อยๆหันหน้ากลับมามองเอลลี่ด้วยแววตาจริงจังในแบบที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน “แต่ถ้าเธอสู้ เธออาจจะตายก็ได้ แต่ถ้าชนะ เธอก็จะเป็นอิสระ”

                “ก็คงงั้น”เอลลี่หลบตา

                “ไม่ว่าเธอจะเลือกอะไร ก็ห้ามเสียใจทีหลังนะ” กานต์หันหลังแล้วเดินผ่านเอลลี่ไป

            เอลลี่ยังคงยืนอยู่ที่เดิม “เดี่ยวสิ...ฉันน่ะ ไม่อยากจะวิ่งหนีตลอดไปหรอกนะ..” เด็กสาวค่อยๆหันใบหน้าที่มีน้ำตาเปื้อนอยู่มาหา กานต์  “แต่ฉันก็ไม่รู้จะสู้กับมันยังไง ความกลัวที่อยู่ในนี้” เธอพยายามจับหัวไหล่ที่สั่นเทาของตัวเอง

                “ก็กะแล้วว่าเธอต้องพูดแบบนี้ ฉันก็จะพาเธอไปที่ๆ จะช่วยเธอได้ยังไงล่ะ” กานต์หันมายิ้มตอบเด็กสาวพร้อมกับส่งมือไปให้เธอ “โอกาสโดดเรียนไม่ได้มีมาบ่อยๆหรอกนะ” กานต์ยิ้มหวาน

                “นั้นสินะ” เอลลี่จับมือ ‘แม้จะเป็นแค่ก้าวเล็กๆ แต่ฉันมีแต่ต้องเดินต่อไปเท่านั้น’

อาคารกิจกรรมที่ 3 อยู่บริเวณทิศตะวันตกใกล้ๆกับโบสถ์ของโรงเรียนและติดกับรั้ว ตัวอาคารเป็นโดมใหญ่ขนาดเท่ากับ สนามบาสเก็ตบอล มีชื่อเสียงเรื่องความน่ากลัวเพราะด้านหลังของรั้วมีสุสานเก่าแก่ตั้งอยู่ ถูกปล่อยทิ้งเพราะนักเรียนไม่ค่อยอยากจะมาทำกิจกรรมหรือเล่นกีฬาแถวนี้นัก เคยมีเรื่องเล่าของผู้หญิงผมยาวในชุดราตรีสีขาว และอื่นๆอีกมากมายที่มักจะโผล่มากลางดึก

                “ที่นี่คือ?” เอลลี่เริ่มหน้าถอดสี บรรยากาศดูเงียบสงบแต่ก็ให้อารมณ์วังเวงชวนขนลุก

                กานต์เดินนำหน้าเอลลี่เข้าไปในอาคาร “ขอรบกวนหน่อยนะ” กานต์พูดขึ้นเบาๆก่อนจะถอดรองเท้าหน้าประตูไม้แบบเลื่อนสไตล์ญี่ปุ่น

                “ลมอะไรหอบมาถึงที่นี่เนี่ย” ชายหนุ่มหน้าตายท่าทางไม่เป็นมิตร เปิดประตูเลื่อนออกมาต้อนรับ เขาเป็น ครูสอนวิชาเคมี มีผมสีดำหยักศก รูปร่างสูงโปร่ง ใบหน้าเรียวยาว มีหนวดเคราขึ้นบางๆ

                “มาสเตอร์...มีคนที่อยากให้ช่วยดูแลหน่อย” กานต์หลีกทางให้เอลลี่เดินเข้ามา

                “หืม? เอาเหอะ ยังไงที่นี่ก็มีคนมารบกวนบ่อยๆอยู่แล้ว เข้ามาก่อนสิ” ชายหนุ่มหลีกทางให้เอลลี่

                เด็กสาวเดินเข้ามา ด้านในเป็นโถงกว้างๆ พื้นเป็นไม้อัดมีเสื่อทาทามิหลายผืนปูอยู่ ด้านข้างซ้ายขวามีประตูเลื่อนเชื่อมต่อไปอีกห้องหนึ่ง “ที่นี่คือ?”

                “อ่อ” ชายหนุ่มเอื้อมมือหยิบแผ่นไม้ด้านข้างขึ้นมา “ชมรมเซอร์ไวเวอร์ ไงล่ะ”

                “คะ?” เอลลี่เอียงคอเล็กน้อย

                “งั้นขอตัวก่อนนะ พอดีฉันมีเรื่องต้องไปทำนิดหน่อย” กานต์พูดจบก็เปิดประตูเดินออกไป

                “เดี่ยวสิ...”เอลลี่เอื้อมมือไปทางแผ่นหลังของ กานต์พร้อมกับเสียงประตูที่ถูกปิดลง

                “ฉันชื่อ คุริสึ....คาโต้ คุริสึ เป็นที่ปรึกษาของชมรมนี้ล่ะนะ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงแบบขอไปที

                “อนาสตาเซีย ชิโรซากิค่ะ ขอรบกวนด้วยนะคะ...”เอลลี่ก้มหัวให้ชายหนุ่ม

                “อ่า ว่าแต่ชิโรซากิ เธอดื่มชาเขียวรึเปล่า?”

                “ก็..ดื่มนะคะ”

                “งั้นดีเลย ซื้อมาฝากฉันด้วยสิ” ชายหนุ่มยื่นเหรียญให้เด็กสาว

                “อ่า...ค่ะ” เอลลี่เปิดประตูเดินออกไป

                “ใครหรอมาสเตอร์?” เด็กสาวพูดขึ้นพร้อมกับเดินออกมาจากประตูด้านข้าง เธอหาวโดยไม่ลืมใช้มือปิดปาก “พอดีฉันง่วงๆ เลยมองไม่ชัดเท่าไหร่”

                “เธอก็รู้จักไม่ใช่หรอ?” ชายหนุ่มหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ “ก็ที่คนที่เธอเล่าให้ฉันฟังวันปฐมนิเทศไง ทิวากาล”

                “งั้นหรอ” เด็กสาวผู้มีผมสีขาวยาวหรี่ตาลงเล็กน้อย   

..............................................................................................................

วันปฐมนิเทศ หลังจากช่วยเอลลี่ถือของเสร็จ เด็กสาวก็เดินผ่านสวนของโรงเรียน เธอนั่งลงบนม้านั่งกลางสวน แสงไฟริมทางส่องหน้าด้านข้างของเด็กสาว เธอเหลือบตามองขึ้นบน พร้อมกับแสดงสีหน้าเบื่อหน่ายออกมา

                “คุณอีกแล้วหรอ?”

                “เธอยังคงคาดหวังอยู่อีกหรอ?” หญิงสาวเจ้าของดวงตาคมสวยพูดขึ้น เธอนั่งลงข้างๆเด็กสาว

                “ท่าทางคุณคงว่างมากสินะรอง ผอ. “ ทิวากาลพูดขึ้นโดยไม่หันไปมองคนข้างๆ

                “ยังไงความเป็นไปได้ของมนุษย์ก็ไม่มีวันสิ้นสุดนินะ” หญิงสาวมองขึ้นไปบนท้องฟ้า

                “ถ้าจะมาเพราะพูดเรื่องแค่นี้ฉันไม่อยากฟังหรอก”

                “อาจจะมีคนมาช่วยเธอก็ได้นะ ทิวากาล” หญิงสาวใช้นิ้วมือเรียวงามของเธอลูบไล้ คางของเด็กสาว “ฉันก็อยากให้เธอเป็นอิสระเร็วๆเหมือนกันนะ”

                “ นั้นสินะคะ การที่ต้องมาโดนคุณคุกคามทางเพศบ่อยๆนิไม่ค่อยดีเลย”

                “แหม...ฉันก็ไม่ได้ทำอะไรเธอมากมายนิน่า” หญิงสาวลุกขึ้น “ภาวนาเข้าไปเถอะ เผื่อสักวันมันจะทำให้เธอรู้”

                ทิวากาลเหลือบตามองหญิงสาว

                “ รู้ว่าพวกเรามีชะตากรรมที่ไปจากที่นี่ไม่ได้” หญิงสาวค่อยๆเดินจากไป

                เด็กสาวมองตามหลังของเธอไปจนสุดสายตา “ฉันไม่เหมือนคุณหรอก” ทิวากาลลุกขึ้นยืน เธอเดินไปทางตรงข้ามกับที่หญิงสาวเดินไป “ฉันไม่ได้ทำได้แค่ภาวนาเหมือนกับคุณ”

...........................................................................................

ปัจจุบัน  ทิวากาลกำลังล้างหน้าอยู่ที่ก๊อกน้ำกลางแจ้งใกล้ๆอาคารกิจกรรมที่ 3 แสงแดดสะท้อนเงาของเด็กสาวผ่านน้ำในอ่างที่ค่อยๆไหลลงท่อไป

                “คุณ...?” ขวดชาเขียวพลาสติกตกลงพื้น

                “ไง ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ” ทิวากาลปิดก๊อกน้ำ “นักเรียนทุน” เธอหันหน้าไปมองเด็กสาวเจ้าของผมสีทองที่กำลังทำหน้าเหวออยู่

                ชาเขียวถูกรินลงในแก้วกระดาษ คุริสึยกแก้วจิบช้าๆ เขานั่งยืดขา ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆในโถงกว้างของอาคารกิจกรรมที่ 3 เด็กสาวทั้งสองนั่งท่าทับขาแบบญี่ปุ่น

                “รุ่นพี่ทิวากาล..สินะคะ?” เอลลี่เปิดบทสนทนา

                “ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้ นักเรียนทุน” เด็กสาวยิ้มตอบเธอ พอดูใกล้ๆแล้วแม้ว่า รัตติกาล กับ ทิวากาลจะมีใบหน้าและสีผมที่คล้ายๆกัน แต่รูปร่างของทั้งสองนั้นแตกต่างกัน ทิวากาลมีส่วนเว้าโค้งแบบผู้หญิงมากกว่า และ ส่วนสูงที่น้อยกว่า ในขนาดที่ รัตติกาลสูงกว่าแต่ผมสั่นกว่า “เรียกฉันว่า เชอรี่ หรือ กานต์ ที่เธอเคยเรียกก็ได้”

                “แต่ว่า ทั้งสองเป็นคนล่ะคนกัน...” เอลลี่ยกแก้วชาขึ้นจิบ “ฉันอยากรู้ค่ะ....ว่าทำไม รุ่นพี่ถึงมาอยู่ที่นี่”

                “มันก็เกิดอะไรขึ้นหลายๆอย่างนะ” ทิวากาลหรือเชอรี่ยกแก้วชาขึ้นจิบเบาๆ “เธออยากจะรู้ตรงไหนล่ะ?”

                “ตั้งแต่..ตั้งแต่แรกเลยค่ะ”

                “มันยาวนะ”

                “อ่าๆ เอาล่ะๆ ผู้หญิงจะคุยกันสินะ” คุริสึลุกขึ้นยืน “ฉันมีสอนซะด้วยสิ จะกลับมาอีกทีตอนบ่าย 3 นะ” พูดจบชายหนุ่มก็เดินไปทางประตูออกจากอาคาร

                “ขอบคุณค่ะมาสเตอร์”เอลลี่ก้มหัวให้ชายหนุ่ม” เขาไม่ตอบอะไรแต่โบกมือให้เธอ ก่อนจะปิดประตู

                “ฉันมีความฝันน่ะ” เชอรี่วางแก้วชาลง “ฉันเลยมาที่นี่ เหมือนๆกับเธอ นักเรียนทุนที่มาสอบที่นี่ก็ต่างมีความฝันทั้งนั้นล่ะ ฉันเชื่อแบบนั้น”

................................................................................................................................

อาคารกิจกรรมที่ 1 เป็นอาคาร 3 ชั้นสำหรับประกอบกิจกรรมชมรมกีฬา ด้วยเนื้อที่ๆมากกว่าอาคารอื่นๆ มีสนามฟุตบอลและเทนนิสอยู่ใกล้ๆ ภายในแบ่งเป็นห้องกว้างๆสำหรับกีฬาในร่ม

                กานต์เดินเข้าไปด้านในอาคาร เดินตรงไปเรื่อยๆผ่าน กลุ่มนักเรียนที่ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย สายตาหลายคู่ต่างจ้องมาที่ เจ้าของผมสีขาวผู้มีใบหน้าสวยเฉียบ กานต์ส่งยิ้มให้หลายๆคนก่อนจะมาหยุดอยู่หน้าห้อง ‘ชมรมศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน’

            เด็กหนุ่มคนหนึ่งเปิดประตูออกมาจากห้องชมรม “โห” เด็กหนุ่มยืนนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะหลบทางให้กานต์

                “ขอบคุณ”กานต์ยิ้มให้เขาก่อนจะเดินเข้าไปในห้องชมรม ภายในห้องมีที่นั่งไล่ระดับสำหรับผู้ชม และตรงกลางเป็นลานกว้างมีเบาะวางเรียงไว้สำหรับใช้ฝึกซ้อม กานต์เดินขึ้นไปบนที่นั่ง

                “ไง” เด็กสาวเจ้าของผมสีดำยาวเอ๋ยทักทาย

                “นั่งด้วยคนสิ กรรณรัต” เด็กสาวเผยยิ้มบนใบหน้าก่อนจะหยิบกระเป๋าที่วางจองที่นั่งข้างๆไว้ออก

                กานต์นั่งลงข้างๆคานะ เธอจ้องมองไปที่ฝึกซ้อมตรงกลางห้อง

                “โดดเรียนอย่างนี้จะดีหรอนักเรียนทุน?”กรรณรัตพูดโดยไม่หันมามองกานต์

                “นานๆทีเปลี่ยนบรรยากาศบ้างจะได้ไม่เครียดน่ะ” กานต์ตอบกลับโดยมองไปที่กลางห้องเช่นกัน

                ตรงกลางห้องมีเด็กหนุ่มสองคนกำลังฝึกซ้อมกันอยู่ โดยมีรุ่นพี่ปี 3 คอยเป็นกรรมการ อีกไม่นานจะมีการแข่งขันเกิดขึ้น ทางชมรมจึงฝึกซ้อมเตรียมตัวสำหรับแข่ง

                เด็กหนุ่มทั้งสองยืนดูเชิงกันอยู่สักพักก่อนจะเริ่มออกหมัดใส่กัน ทั้งสองต่อสู้กันอย่างสบายๆ เพราะในการฝึกซ้อมไม่สามารถเอาจริงได้

                “เป็นการสปาร์ริ้ง ที่น่าเบื่อเนอะ” กรรณรัตพูดขึ้น

*Sparring สปาร์ริ้ง คือการซ้อมต่อสู้กัน ไม่มีการนับแต้ม ไม่มีแพ้ชนะ แต่จะให้สู้กันไปเรื่อยๆจนกว่าจะหมดเวลา

                “ก็ดูเขาเอาจริงเอาจังกันดีนะ” กานต์พูดยิ้มๆโดยไม่ละสายตาจากการต่อสู้

                “ไม่มั่ง เธอดูคนนั้นสิ ทำหน้าเหมือนจะหลับแล้วน่ะ” กรรณรัตชี้ไปทีกรรมการ

                “เฮ้! เด็กปี 1 สองคนนั้นน่ะ พูดอะไรกันตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว” รุ่นพี่ปี 3 อีกคนที่นั่งดูอยู่หน้าสุดลุกขึ้นยืนพร้อมกับชี้มาที กานต์กับกรรณรัต

                “ก็มันน่าเบื่อนิคะรุ่นพี่!” คานะตะโกนตอบ

                “ก็ดี”รุ่นพี่ปี 3 ร่างกายสูงใหญ่ มีกล้ามเป็นมัดๆเดินมาทางที่ทั้งสองยืนอยู่ “ฉันเป็นประธานขมรม” ชายหนุ่มแสยะยิ้ม “ช่วยแสดงการต่อสู้สนุกๆแบบที่เธอต้องการให้ดูหน่อยสิ”

                “อย่าเงียบสิกรรณรัต” กานต์สะกิดคานะเบาๆ

                “เธอก็ด้วยนะคนสวย”รุ่นพี่ร่างใหญ่ส่งยิ้มให้กานต์

                “แหะๆ แย่แล้ว” กานต์ยิ้มแห้งๆ

                “ ฮิ ฮิ ฮิ ฮิ” กรรณรัตแอบหัวเราะเบาๆ

                ทั้งสองเปลี่ยนเป็นชุดวอร์มใส่นวมเปิดนิ้วให้สามารถจับได้ แล้วมายืนกลางห้อง

                “เอาล่ะ จับเวลาที่” เด็กหนุ่มรุ่นพี่ หยิบนาฬิกาจับเวลาขึ้นมา “5 นาทีแล้วกัน”

                กรรมการจับมือ กานต์กับคานะชนกัน “เริ่มได้”

............................................................................................................

 

 

อาคารกิจกรรมที่ 3

                ทิวากาลวางแก้วกระดาษลงกับพื้นไม้ ในขณะที่เอลลี่กำลังนั่งทำหน้านิ่งอยู่ ทั้งสองนั่งอยู่หน้าประตูด้านข้างของอาคารเป็นพื้นไม้ยกสูงประมาณหนึ่งเมตร ด้านหน้าของทั้งสองตอนนี้เป็นต้มไม้ใหญ่ติดกับรั้วโรงเรียน

                “ก็ประมาณนี้ล่ะ”ทิวากาลรินน้ำชาใส่แก้ว

                “เป็นแบบนี้เองสินะคะ” เอลลี่วางแก้วลง “เพราะแบบนี้ฉันถึงมาอยู่ที่นี่สินะ”

                “ก็ไม่ใช่อย่างนั้นซะทีเดียวหรอก” ทิวากาลมองออกไปด้านนอก

                “หืม?”

                “ที่นี่น่ะ เป็นที่หลบภัยของนักเรียนทุนมาตั้งแต่ 10 ปีก่อนแล้ว การที่จะมีนักเรียนทุนรู้เรื่องที่นี่เข้า หรือการที่เธอได้มาที่นี่ฉันคิดว่า คนที่ชื่อกานต์ ที่เธอบอกว่าเหมือนกับฉันน่ะ คงไม่รู้หรอกว่าเธอจะได้มาคุยกับฉันแบบนี้”

                “รุ่นพี่ไม่รู้จักกานต์จริงๆหรอคะ”

                “ไม่เลย ไม่เคยได้ยินชื่อและก็ไม่เคยเห็นด้วย” ทิวากาลโยนขวดเปล่าลงถังขยะ “แล้วที่ว่าเหมือนนี่ เหมือนแบบไหน?”

                “ก็สีผมหน้าตาก็คล้ายๆกัน สีนัยน์ตาก็เป็นสีเดียวกัน” เอลลี่เอานิ้วชี้แตะที่ริมฝีปาก “อืมม แล้วก็เป็นคนใจเย็นเหมือนกัน ถึงเสียงไม่เหมือนกันเท่าไหร่ เหมือนกานต์จะผมสั่นกว่าด้วยนะคะ”

            “ฉันอาจจะเป็นกานต์คนนั้นของเธอก็ได้” ทิวากาลเดินกลับเข้าไปในอาคาร “แบบว่ากำลังปลอมตัวอยู่อะไรแบบนี้”

                “จุดนี้ก็คล้ายๆกานต์ค่ะ” เอลลี่หัวเราะเบาๆ

                “ถ้ามีโอกาสก็อยากจะลองเจอเขาสักครั้งเหมือนกันนะ” ทิวากาลเดินกลับเข้าไปในห้อง

                ‘ครืน’ เสียงเลื่อนประตูไม้ดังขึ้นพร้อมกับ คุริสึที่ทำหน้าเหมือนปลาตาย เขาเดินเข้ามาด้านในอาคาร

                “ทิวากาลไปแล้วหรอ?” เขาค่อยๆเดินมาหาเอลลี่

                “ค่ะ”

                “โห ชาหมดแล้วหรอเนี่ย” คุริสึเกาหัว ก่อนจะหยิบถุงพลาสติกด้านในกระเป๋าออกมา “แล้วเธอรู้รึยังล่ะว่าทำไมถึงต้องมาที่นี่” คุริสึหยิบเบียร์ในถุงออกมา

                “ก็พอจะเดาได้แล้วล่ะค่ะ ว่าแต่มาสเตอร์ไม่สับสนหรอคะ ระหว่างสองคนนั้นน่ะ”

                คุริสึจิบเบียร์ช้าๆ “สองคนนั้น? อ่อ ทิวากาล กับ รัตติกาล สินะ”

                “ใช่ค่ะ”

                “อืม จะว่ายังไงดีล่ะ ฉันไม่เคยสับสนเลยนะ มองครั้งแรกก็ดูออกเลยล่ะ” คุริสึจิบเบียร์ต่อ

                “เคยเห็นพวกเขาอยู่ด้วยกันหรอคะ?”

                “ไม่เคยหรอก และฉันเชื่อว่าพวกเขาไม่เคยเจอหน้ากันด้วย”

                “แล้วทำไมมาสเตอร์ถึงมองออกหรอคะ?”

                “ก็....เธอแยกคนเป็นกับคนตายออกไหมล่ะ?” คุริสึหันมามองเอลลี่

                “ออกสิคะ” เอลลี่เอียงคอลงเล้กน้อย

                “ก็เหมือนกันนั้นล่ะ”

..................................................................................................................

หลังอาคารกิจกรรม

                นี่ก็เย็นมากแล้วนักเรียนส่วนใหญ่ทยอยกันเดินกลับหอพัก ไม่ก็ขึ้นรถส่วนตัวที่ทางบ้านเตรียมมารับ ด้านหลังอาคารกิจกรรมที่ 1 อยู่ติดกับรั้วทางตะวันออกของโรงเรียน ด้านหลังอาคารนี้มีตู้ขายน้ำอัตโนมัติ และเก้าอี้สำหรับนั่งพักอยู่

                กานต์กดเครื่องดื่มเกลือแร่จากตู้ ก่อนจะเดินมานั่งลงที่เก้าอี้

                “ไง” กรรณรัตเดินมากดน้ำ

                “เธอยังไม่กลับอีกหรอ” กานต์พูดพร้อมกับดื่มเกลือแร่ไปด้วย

                “อยากหาอะไรเย็นๆดื่มสักหน่อยน่ะ” กรรณรัตยกขวดน้ำแร่ขึ้นดื่ม กานต์ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปทางถังขยะ

                “วันนี้เหนื่อยเหมือนกันนะ”

                “เธอนี่มือหนักจริงๆเลยนะ จับทุ่มเอาๆ” กรรณรัตเดินเข้ามาใช้ศอกซ้ายดันไหล่กานต์เบาๆ

                “ก็ไม่ได้ ทุ่มอะไรเยอะขนาดนั้นสักหน่อย ฉันก็แค่ผลักๆ” กานต์หันไปยิ้มให้กรรณรัตก่อนจะมองขึ้นไปบนฟ้า “เย็นแล้วแห..” ไม่ทันพูดจบมีดในมือขวาของเด็กสาวก็แทงเล็งมาที่คอของกานต์ กานต์ใช้ข้อมือขวากระแทกเข้าไปที่ข้อมือขวาของ กรรณรัตก่อนจะใช้ไหล่ขวากระแทกเข้าไปที่หน้าอกของกรรณรัตเพื่อผลักเธอให้ถอยไป

                “โหว ไวเหมือนกันนิ” แต่เหมือนเด็กสาวจะรู้ทัน เธอเบี่ยงตัวหลบไปด้านหลังของกานต์ในขณะที่มือขวาของเธออยู่ด้านหน้าของกานต์ และใช้มีดในมือขวาแทงเข้าหาตัวเองหวังแทงเข้าไปที่อกขวาของกานต์

                “ก็ไม่หรอก”กานต์ใช้มือซ้ายจับข้อมือของเด็กสาวก่อนที่มีดจะแทงมาถึงตัว จากนั้นก็มุดตัวรอดผ่านแขนของกรรณรัตไปพร้อมๆกับใช้มือขวาเข้าช่วยบิดข้อมือของเด็กสาว กรรณรัตสะบัดข้อมือที่ถูกจับไว้หนึ่งครั้งพร้อมกับปล่อยมีดในมือ ทำให้มือของเธอหลุดออกมาได้ ก่อนจะกระโดดถอยหลังไป

                “อันตรายนะ” ก่อนมีดจะตกถึงพื้นกานต์ใช้มือขวารับเอาไว้แล้วพุ่งตัวเข้าหากรรณรัตทันที เด็กสาวล่วงมือไปในกระเป๋าเสื้อสูทและชักมีดพกขึ้นมา พร้อมๆกับที่กานต์แทงเล็งมาที่คอของกรรณรัต

                สายตาของทั้งสองประสานกันโดยไม่มีใครกระพริบตา มีดพกในมือกรรณรัตจ่ออยู่ที่อกซ้ายของกานต์ ในขณะที่มีดในมือกานต์ก็จ่ออยู่ที่คอของกรรณรัต

                “ดูเหมือนจะเสมอรึเปล่านะ”กรรณรัตยิ้มที่มุมปาก

                ความเงียบผ่านไปครู่หนึ่ง แสงแดดยามเย็นค่อยๆเคลื่อนผ่านแผ่นหลังของกานต์ไป ทั้งสองค่อยๆขยับปากช้าๆ

                “เธอเป็นใคร”

.............................................................................................................

               

               

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา