ฟีลิกซ์ เอ็ดไมน์ตัน กับอสูรแห่งจันทรคราส

8.2

เขียนโดย Etmineton

วันที่ 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 23.15 น.

  3 บท
  0 วิจารณ์
  4,507 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 23.53 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) ประตูมิติในห้องลับ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          หมาลาบาดอลตัวสีเหลืองนั่งรอฟีลิกซ์อยู่หลังร้าน อัตตันยกเท้าหน้าขึ้นมาและทำปากจุ๊ๆเป็นการบอกให้ฟีลิกซ์เงียบเสียงก่อน ฟีลิกซ์หันไปมองพนักงานเพื่อให้แน่ใจว่าเธอไม่ได้ดูเขาอยู่ ซึ่งก็เป็นอย่างนั้น เธอเสียบหูฟังแล้วฮัมเพลงอยู่ที่หน้าเคาน์เตอร์อยู่อย่างเงียบๆและจิบกาแฟโดยไม่ได้สนใจฟีลิกซ์เลย

          อัตตันทำท่าทางบุ้ยใบ้ให้ฟีลิกซ์ตามมันไปที่ไหนสักที่ มันยืนขึ้นแล้วโก่งตัว ยื่นเท้าสองข้างออกไปข้างหน้าแล้วบิดขี้เกียจเหมือนหมา(ก็มันเป็นหมาอยู่แล้วไม่ใช่หรอ?) มันเดินไปที่ชั้นหนังสือประวัตศาสตร์ที่ติดอยู่กับผนังร้าน ซึ่งดูเก่าโทรมกว่าชั้นอื่นๆราวกับว่าถูกใช้งานมาหลายปีแล้วถ้าดูจากฝุ่นที่เขรอะเต็มไปหมดกับใยแมงตามตู้

          หนังสือทุกเล่มจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบตามตัวอักษร ที่จริงก็แค่เกือบทุกเล่มเท่านั้นที่ดูเรียบร้อย หนังสือสีชมพูเล่มโตเล่มหนึ่งยื่นออกมาจากชั้นหนังสือและมองเห็นได้ชัด ฟีลิกซ์รู้สึกขัดหูขัดตาอย่างบอกไม่ถูกเวลาเห็นอะไรที่ไม่เท่ากัน อัตตันใช้อุ้งเท้ากดลงไปที่หนังสือเล่มนั้นให้มันยุบเข้าไปข้างในเหมือนกับหนังสือเล่มอื่นๆ ซึ่งเมื่อไม่ถึงวินาทีมันก็เด้งออกมาจากชั้นเหมือนเดิมราวกับติดสปริงเอาไว้

          จู่ๆ ชั้นหนังสือก็ค่อยๆเลื่อนออกไปทางซ้ายราวกับเป็นประตูลับเหมือนในหนัง ชั้นหนังสือเลื่อนออกจนสุดและเผยให้เห็นถึงทางที่พาไปสู่ห้องทึบๆที่เหมือนกับเป็นซากโบราณสถานเก่าแก่ ที่มีผนังและบันไดวนที่ทำจากหินผุๆลงไปหาห้วงของความมืดมิดด้านล่าง

          อัตตันไม่รอช้า มันรีบกระโดดเข้าไปข้างในนั้นทันที เกิดเสียงดังครืดบอกให้รู้ว่าชั้นหนังสือกำลังเลื่อนปิด โชคดีที่ฟีลิกซ์กระโดดเข้ามาทันไม่งั้นคงจะโดนมันหนีบแน่

          ทันทีที่ชั้นเลื่อนปิดสนิท แสงทั้งหมดก็ดูเหมือนกับถูกกลืนกินไปถึงแม้จะมีคบเพลิงติดไว้ตรงผนังเป็นระยะลงตามบันไดก็ตาม มันดูสกปรกและเก่าพอๆกับชั้นหนังสือ หยากไย่ของใยแมงมุมติดอยู่ทั่วเพดานห้องและใต้ขั้นบันได มีค้างคาวอยู่บางตัวที่กำลังตอนหลับอยู่ และผนังหินก็สึกกร่อนพอๆกับบันได ฟีลิกซ์พยายามห้ามไม่ให้ตัวเองคิดว่าบันไดพวกนี้อาจจะทลายและทรุดฮวบลงไปขณะที่พวกเขายังยืนอยู่ เขากลืนน้ำลายแล้วจ้องไปที่ลูกสุนัข

          “ที่นี่ที่ไหน” ฟีลิกซ์ถามอัตตัน เสียงของเขาก้องสะท้อนไปทั่วทั้งห้อง(“ที่นี่ที่ไหน...ที่นี่ที่ไหน...ที่นี่ที่ไหน....” อัตตันทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่ฟีลิกซ์ถามแล้วเดินตามคบเพลิงที่ให้แสงสลัวๆอยู่ตามทางบันลงไป ฟีลิกซ์ต้องการคำตอบจึงตามไปด้วย

          “ที่นี่คือโลกเวทมนตร์” อัตตันตอบห้วนๆ มันกำลังใช้สมาธิกับการมองทางอยู่ คบเพลิงที่ให้แสงสว่างอ่อนๆยังสว่างไม่พอที่จะทำให้มองเห็นอย่างชัดเจนได้

          “ถ้าที่นี่เป็นโลกเวทมนตร์ งั้นคนพวกนั้นก็เป็นแม่มดหรอ” ฟีลิกซ์ถามต่อ เขายังคงไม่แน่ใจกับเรื่องนี้ เขาเดินด้วยความระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะที่นี่ไม่มีราวบันได เสียงเศษหินที่ร่วงลงไปบอกให้รู้ว่าข้างล่างนั้นอยู่ลึกมากแค่ไหน

          “ก็ไม่เชิง” มันบอก “เราเรียกตัวเองว่าแมจิโคลัส พวกเราแยกตัวออกมาจากพ่อมดแม่มดแล้วสร้างสมาคมขึ้นมาใหม่ เราไม่เหมือนกับพวกนั้น พวกพ่อมดแม่มดมองพวกเราว่าเป็นตัวประหลาด เพียงเพราะว่าเราไม่เหมือนกับเขา”

          “เช่นอะไรมั่ง” ฟีลิกซ์ถามพลางปัดค้างคาวตัวหนึ่งที่บินมาเกาะหัวเขาให้ออกไป ถ้าไม่ได้ตาฝาดเมื่อกี้เขาก็มั่นใจมากว่าเห็นมันยิ้มกว้างๆให้ทีหนึ่งด้วย

          “เราแตกต่างกับเขายังไงน่ะหรอ...” อัตตันเว้นช่วง “เราเป็นพวกที่มีสีผมฉูดฉาด ---“

          “หา!” ฟีลิกซ์อุทานออกมา เขาคิดว่าอัตตันคงจะต้องเล่นตลกแน่ๆถ้าจะให้เหตุผลแบบนี้“คือนายจะบอกว่า โลกเวทมนตร์ถูกแบ่งเป็นสองพวกเพียงเพราะ...เรื่องเส้นผมหรอ?”

          “ฟังให้จบก่อนสิ” เจ้าสุนัขเริ่มหงุดหงิด “นายรู้ความหมายของเส้นผมแต่ละสีมั้ย?”

          “ไม่”

          “ความหมายของเส้นผมถูกถ่ายทอดมาจากนิสัยของบุคคลนั้นๆ เช่นผมสีเหลืองก็หมายถึงพวกที่หัวไวเข้าใจอะไรง่าย หรือสีน้ำเงินที่มีความหมายว่ามีเหตุผล --- ฉันว่านายไม่สมควรมีผมสีเหลืองอยู่บนหัวเลยนะ นายมันเข้าใจอะไรยากชะมัด”

          “ไม่จริงสักหน่อย ฉันเข้าใจง่ายจะตาย” ฟีลิกซ์บอก ตะกี้เขาไม่ได้มองทางจนสะดุดและเกือบร่วงลงไปข้างล่าง ใจของเขาหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่มและรู้สึกหวาดเสียวแปลกๆแถวเท้า มันรู้สึกเบาหวิวจนเหมือนกับขาไม่มีเลือดเดินอยู่ที่เท้าเลย

          “จริงๆนะ ฉันเป็นคนเข้าใจอะไรง่าย” ฟีลิกซ์ยืนยันคำเดิมเมื่อตั้งสติได้แล้วย่ำเท้าต่อไป “ว่าแต่...มันหมายความว่ายังไงอ่ะ ฉันไม่เข้าใจ --- โห่ ล้อเล่นเฉยๆน่า” เขารีบเสริมเมื่อเห็นหน้าของอัตตัน

          “งั้นฉันพูดต่อนะ” อัตตันว่า “นั่นเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้พวกพ่อมดแม่มดไม่ชอบเรา สมัยนั้นการที่มีสีผมแปลกไปเป็นสีอื่นนอกจากสีดำมันหมายถึงว่าคนๆนั้นต้องพยายามจะใช้ศาสตร์มืดกับคนอื่น หรือไม่ก็ต้องไปมีอะไรกับพวกมนุษย์ธรรมดา สิ่งเหล่านั้นจะมีมนตร์สารบางอย่างทำให้สีผมของเราผิดเพี้ยนไป” มันเล่าต่อ ถึงตรงนี้อัตตันทำเสียงเหมือนไม่พอใจอยู่ในลำคอ           “พวกพ่อมดแม่มดไม่ต้องการให้เราไปยุ่งเกี่ยวกับมนุษย์ หรือว่าให้มีคนใช้มนตร์อยู่ในโลกของเขา เราก็พยายามยืนยันนะว่าเราไม่ได้ไปยุ่งเกี่ยวกับสิ่งเหล่านั้นจริงๆ แต่ก็ไม่มีใครฟังเราเลย พวกเขาบางคนคิดว่าเราไปสร้างสัมพันธ์กับพวกมนุษย์เลยปิดกั้นโลกของพวกเขาเอาไว้ ไม่ให้มีใครเข้ามายุ้งเกี่ยวกับเวทมนตร์ได้

          “พวกเราบางคนที่เกิดอยู่ในครอบครัวพ่อมดแม่มดก็จะต้องถูกนำไปฆ่าทิ้ง พ่อแม่บางคนพยายามใช้มนตร์ต่างๆเปลี่ยนลูกของตัวเองให้เป็นเหมือนคนอื่นๆ แต่นั่นเป็นความผิดพลาดร้ายแรงเลยล่ะ...”

          “ทำไม เกิดอะไรขึ้นกับเด็กพวกนั้นหรอ”

          “พวกเขา...กลายเป็นคนที่ไม่มีหัวใจ” อัตตันเล่าต่อ “ฉันหมายถึงไม่มีหัวใจจริงๆนะ เด็กพวกนั้นถูกมนตร์ต่างๆกัดกินหัวใจของตัวเองจนไม่มีเหลือ และท้ายที่สุดพวกเขาก็ต้องลงเอยด้วยการเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายที่สุด... พวกเขาถูกมนตร์ดำบังคับตัวเองให้ทำในสิ่งที่เราเรียกว่าการฆาตกรรม ซึ่งเด็กเหล่านั้นจะไม่สามารถรู้ตัวได้เลยว่าตัวเองกำลังทำอะไรลงไป

          “เด็กส่วนใหญ่สามารถควบคุมตัวเองให้เป็นปกติได้ จะมีก็แค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่บ้าอาละวาดไปทั่ว แต่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างของพวกเขาถูกกับแสงของจันทร์เต็มดวง พวกเขาก็จะกลายเป็นสัตว์ร้าย.... นายนึกไม่ถึงหรอกว่าพวกนั้นเป็นยังไง”

          อัตตันเริ่มมีน้ำเสียงสั่นเครือ ฟีลิกซ์คิดว่ามันต้องน่ากลัวจริงๆ เขาจินตนาการถึงเด็กที่ไม่มีหัวใจเต้นอยู่ในร่างกายและคิดไปต่างๆนานาว่าเด็กพวกนั้นจะมีหน้าตาเป็นยังไง พวกเขาอาจจะมีตาเดียว หรือมีหนวดเป็นปลาหมึก ไม่ก็อาจจะมีสองหัวก็ได้

          ฟีลิกซ์เดินคิดเรื่องนี้ไปตลอดทางที่เดินลงบันได อยู่ๆความคิดหนึ่งก็แล่นเข้ามาในหัวเขา เด็กพวกนั้นจะมีเพื่อนคบมั้ยนะ แล้วเพื่อนของพวกเขาก็ต้องเป็นเด็กเหมือนกัน เด็กก็ต้องเรียนที่โรงเรียน งั้น...ก็แปลว่าที่นี่ก็มีโรงเรียนเหมือนกับโลกมนุษย์น่ะสิ

          “อัตตัน” ฟีลิกซ์รีบถาม “ในโลกเวทมนตร์เนี่ย มีโรงเรียนมั้ย”

          “มีสิ มีหลายโรงเรียนเลย” มันตอบ “และนายก็จะต้องไปเรียนที่นั่นด้วยนะ”

          “หืม?” ฟีลิกซ์ขมวดคิ้ว เขาไม่แน่ใจว่าได้ยินถูกหรือเปล่า “นายบอกว่าอะไรนะ”

          “ฉันบอกว่านายก็จะต้องไปเรียนที่โรงเรียนเวทมนตร์ด้วยเหมือนกัน” อัตตันย้ำอีกครั้ง “ไม่งั้นนายก็จะเป็นแมจิโคลัสไม่ได้”

                    “ก็ฉันไม่ใช่แมจิโคลัส...” เขาบอก “ฉันเป็นเด็กธรรมดา ฉันไม่ใช่แมจิโคลัส ฉันไม่ได้มีเวทมนตร์... ที่จริงฉันก็ไม่ควรมาอยู่ที่นี่ด้วยซ้ำ”

          “แล้วนายสมควรจะอยู่ที่ไหนล่ะ”

          “โลกมนุษย์” ฟีลิกซ์ตอบทีนที

          “แน่ใจหรือ” อัตตันถาม “นายคงไม่เคยได้ยินคำนี้สินะฟีลิกซ์... ‘ที่ไหนที่เป็นที่ของนาย นายจะมีตัวตนเสมอ’ นายจะบอกว่านายชอบอยู่ที่โลกแบบนั้นน่ะหรอ”

          ฟีลิกซ์เถียงไม่ออก จริงอย่างที่อัตตันว่า ตลอดสิบกว่าปีมานี้เขาไม่เคยมีตัวตนอยู่ในสายตาคนอื่นๆเลย ฟีลิกซ์รู้สึกโดดเดี่ยวและเคว้งคว้างมาตลอด ถ้าเกิดจะมีเรื่องสักเรื่องให้น่าประหลาดใจกว่านี้ก็คงจะเป็นเรื่องที่ทุกคนอยากเข้าใกล้เขาเป็นแน่

          ทั้งสองเงียบตลอดทางที่เดินลงบันไดมาตั้งแต่ตอนนั้น ฟีลิกซ์มัวแต่คิดถึงสิ่งที่ทุกคนทำให้เขาตอนอยู่โลกมนุษย์

          ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงชั้นล่างหลังจากที่ใช้เวลากว่าครึ่งชั่วโมงเดินลงบันไดมา ฟีลิกซ์มองขึ้นข้างบนไปผ่านโหว่ตรงกลางบันได พวกเขาอยู่ต่ำจากพื้นดินมาก ประมาณสักสามร้อยฟุต

          “มานี่สิฟีลิกซ์” อัตตันเรียกเขาจากด้านหลัง “ได้เวลาแล้วนะ อย่าลีลา”

          ฟีลิกซ์หันไปดู อัตตันยืนกระดิกหางอยู่ข้างๆอะไรสักอย่าง ฟีลิกซ์ไม่สามารถอธิบายได้ว่ามันคืออะไร

          มันเป็นช่องว่างทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า จะว่าเป็นประตูก็ไม่เชิง ข้างในมีแต่แสงสีต่างๆพุ่งรัวสลับกันเต็มไปหมด ต้องใช้เวลากว่าสามนาทีฟีลิกซ์จึงจะพอเดาได้ว่ามันคืออะไร

          “นี่เป็นประตูมิติหรอ” เขาถามอัตตัน มันไม่ตอบ ฟีลิกซ์จึงเดินไปดูสสารประหลาดนั่นใกล้ๆ เขาลองแหย่มือเข้าไป ความรู้สึกมันเหมือนกับจุ่มมือลงไปในน้ำ เพียงแต่ว่าไม่เปียกเท่านั้นเอง ฟีลิกซ์จะดึงมือกลับ แต่ว่ามันดึงกลับมาไม่ได้! หนำซ้ำมันยังค่อยๆดูดตัวฟีลิกซ์เข้าไปในนั้นด้วย

          ฟีลิกซ์ถูกกลืนกินเข้าไปกับแสงสีต่างๆที่หมุนติ้วเป็นวง ตัวของเขาหมุนเหวี่ยงและพุ่งไปเรื่อยๆ ฟีลิกซ์เวียนหัวจนแทบจะอาเจียน หูอื้อไปหมดเหมือนถูกใครมาบีบหัวเอาไว้ เขาดำดิ่งลงไปท่ามกลางแสงสว่างสีขาวที่สุดอยู่ตรงปลายทาง มันสว่างจ้าขึ้นเรื่อยๆจนกลืนกินตัวฟีลิกซ์ไปทั้งตัว เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกเผาก่อนจะหมดสติไป

¦

          “เฮ้ เธอเป็นอะไรมั้ย” เสียงๆหนึ่งดังขึ้นในหัวเขาก่อนฟีลิกซ์จะรู้สึกตัว เขานอนสลบอยู่บนอะไรสักอย่างที่นุ่มๆ ตอนแรกฟีลิกซ์คิดว่าเป็นเตียง แต่เมื่อกลิ่นอายของหญ้าลอยมาแตะจมูกเขา ฟีลิกซ์จึงรู้ว่าตัวเองนอนอยู่บนพื้น

          ที่นี่เป็นที่ที่ฟีลิกซ์ไม่รู้จัก เสียงคลื่นทะเลซัดเข้าที่ฝั่งเป็นระยะบอกให้รู้ว่าที่นี่คือเกาะ แสงแดดอ่อนๆส่องลงมาจากฟ้ากระทบกับคลื่นน้ำ ฟีลิกซ์ทำตาให้สว่างแล้วลุกขึ้นยืน เขาหน้ามืดไปสองวินาทีก่อนจะดึงภาพกลับมาได้

          “ที่นี่ที่ไหนเนี่ย” เขาพึมพำกับตัวเองพลางมองไปรอบๆ

          “ที่นี่คือโรงเรียนเอ็ดไมน์ตัน” เสียงของเด็กหญิงคนหนึ่งดังขึ้นข้างหลังเขา มันเป็นเสียงเดียวกันกับคนที่ปลุกเขาให้ตื่นเมื่อกี้นี้ ฟีลิกซ์หันไปมอง เด็กหญิงผมสีรุ้งคนหนึ่งยืนอยู่ เธอใส่เสื้อผ้าสีขาวดำที่ดูไม่เข้ากับเส้นผมของตัวเองเลย ลูกตาสีชมพูคู่นั้นมองมาที่เขาด้วยความสนอกสนใจอยู่ไม่น้อย

          ฟีลิกซ์กำลังจะเอ่ยปากถามว่าเธอเป็นใคร แต่เมื่อนึกขึ้นได้ ตะกี้เธอเรียกเขาว่าเอ็ดไมน์ตันด้วย ฟีลิกซ์จึงเปลี่ยนคำถาม

          “เธอรู้จักชื่อฉันได้ยังไง” เขาถาม “แล้วเธอเป็นใคร”

          “ฉันชื่อออโรร่า ทันเดอร์โบลท์” เด็กหญิงตอบ “ว่าแต่ฉันเรียกชื่อเธอด้วยหรอ???” ออโรร่าทำน้ำเสียงประหลาดใจ

          “ใช่...ก็ น่าจะใช่” ฟีลิกซ์เริ่มไม่มั่นใจว่าเมื่อกี้เธอเรียกชื่อเขารึเปล่า หรือเพราะว่าอาการงุนงงทำให้เขาหูเพี้ยนไป “ก็เมื่อกี้... เธอเรียกฉันนี่นา”

          “เรียกเธอ? ฉันน่ะนะ”

          “เมื่อกี้เธอพูดว่าอะไรล่ะ”

          “ฉันบอกว่า ที่นี่คือโรงเรียนเอ็ดไมน์ตัน” ออโรร่าตอบ สีหน้าฉายแววงุนงงและไม่รู้ว่าฟีลิกซ์กำลังพูดเรื่องอะไรอยู่

          “นั่นแหละ เอ็ดไมน์ตันคือนามสกุลฉัน” เขาว่า “ฟีลิกซ์ เอ็ดไมน์ตัน”

          ออโรร่าเบิกตากว้าง สีหน้าดูงุนงงมากขึ้นกว่าเดิมแต่ก็มีความประหลาดใจแฝงอยู่พอๆกัน เธอทำท่าทางเหมือนกับว่าฟีลิกซ์เพิ่งพูดภาษาพม่าออกไป

          “เธอคือเอ็ดไมน์ตันหรอ...” ออโรร่าถามเน้นเสียง “เธอ...แต่ เธอคือเอ็ดไมน์ตัน!”

          บัดนี้สีหน้างุนงงของออโรร่าเปลี่ยนไปเป็นสีหน้าตื่นเต้นแทน

          “ยินดีที่ได้รู้จักนะ เป็นเกียรติมากๆเลยที่ได้เจอเธอ”

          ออโรร่าจับมือเขาแล้วเขย่า ท่าทางเธอค่อนข้างคล้ายกับแคทเธอรีนเลย ฟีลิกซ์จำได้...วันแรกที่เขาและเธอรู้จักกัน ภาพของแคทเธอรีนผุดขึ้นมาในหัวเขา

          “...เธอมีลูกตาสองสีหรอ เก๋ดีอ่ะ...” แคทเธอรีนพูด เอานิ้วชี้มาที่ดวงตาของเขาก่อนจะเปลี่ยนไปที่เส้นผม คำพูดต่างๆที่แคทเธอรีนเคยพูดเอาไว้กลับเข้ามาในความทรงจำของฟีลิกซ์หมด

          “...ฉันชอบสีผมเธอนะ มันดูมีสไตล์มากเลย...”

          “...ยินดีที่ได้รู้จัก ฉันชื่อแคทเธอรีน แฮนเซลตัน...”

          “...ฉันว่าเราน่าจะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันนะ...”

          ฟีลิกซ์คิดเพ้อถึงแคทเธอรีนอีกครั้ง มันทำให้เขาคิดถึงเธอ เธอเป็นเพื่อนเพียงคนเดียวที่ฟีลิกซ์มีตั้งแต่ตอนเจ็ดขวบ และจนถึงทุกวันนี้...

          “เฮ้! ได้ยินฉันมั้ย” ออโรร่าตะโกนเรียก และทำให้ฟีลิกซ์สะดุ้ง เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอกำลังพูดกับเขาอยู่

          "ฮะ! อะไรนะ” เขาตกใจ “เมื่อกี้เธอถามฉันว่าอะไรหรอ”

          “ฉันถามเธอว่า เธอมาจากเมืองไหน”  ออโรร่าพูดทวน “ฉันว่าเธอดูไม่ค่อยคุ้นเคยกับเวทมนตร์เท่าไหร่เลยนะ ทำอย่างกับว่าเธอเพิ่งเคยมาที่นี่อย่างงั้นแหละ”

          “ใช่ฉันเพิ่งเคยมาที่นี่ เมื่อหนึ่งชั่วโมงที่แล้ว” ฟีลิกซ์ตอบทันควัน “ฉันมาจากโลกมนุษย์ ฉันไม่ใช่แมจิโคลัสแบบพวกเธอ”

          “เป็นไปไม่ได้...” ออโรร่าหรี่ตาเล็กลง พลางสำรวจดูฟีลิกซ์อย่างละเอียด “คนที่ไร้เวทมนตร์ไม่สามารถเข้ามาที่เอ็ดไมน์ตันได้ ประตูมิติจะกลืนกินพวกเขา --- แต่เธอบอกว่าเธอมาจากโลกมนุษย์ และไม่เคยรู้จักเวทมนตร์มาก่อนเลยงั้นหรอ?”

          “ใช่...” ฟีลิกซ์ตอบ “แต่เดี๋ยวนะ ตกลงเอ็ดไมน์ตันที่เธอหมายถึงคืออะไรกันแน่”

          “เอ็ดไมน์ตันที่ฉันหมายถึงน่ะหรอ” ออโรร่าเว้นช่วง แต่ฟีลิกซ์ไม่ถามอะไรเธอจึงพูดต่อ “เอ็ดไมน์ตันที่ฉันหมายถึงก็คือที่นี่ยังไงล่ะ ที่นี่คือโรงเรียนเอ็ดไมน์ตัน”

          ฟีลิกซ์เหมือนจะเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจทั้งหมด เขารู้เพียงแค่ว่าเมื่อกี้ออโรร่าดีใจเพราะว่าชื่อโรงเรียนนี้เหมือนกับชื่อนามสกุลเขา

          “ดูเหมือนเธอจะงงนะ” ออโรร่าพูดเมื่อเห็นสีหน้าเขา “งั้นเราไปหาที่คุยกันดีกว่า เดี๋ยวฉันจะอธิบายทั้งหมดให้ฟังเอง แต่ก่อนอื่น --- โอ้ย!”

          เธอล้มลงบนพื้นพร้อมกับเด็กหญิงอีกคนที่เพิ่งจะวิ่งชนเธอไป เด็กหญิงคนนั้นรีบลุกขึ้นมาแล้วกล่าวขอโทษทันที

          “ขอโทษค่ะๆ ขอโทษนะ...คือฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะคะ ขอโทษๆ” เธอพูดรัวๆราวกับกลัวออโรร่าจะไม่ได้ยิน “คุณเป็นอะไรรึเปล่าคะ ให้ฉันช่วยมั้ย พอดีฉันกำลังรีบน่ะค่ะเลยไม่ได้มองทาง คือฉัน---”

          ออโรร่ายกมือขึ้นมาเป็นการบอกให้เด็กหญิงหยุดพูด จากนั้นเธอก็พยุงตัวลุกขึ้น และปัดเศษหญ้าที่ติดหน้าออก

          “ไม่เป็นไร” เธอพูด “เธอชื่ออะไรน่ะ”

          “เรนเดอร์เรสค่ะ” เด็กหญิงตอบพลางเก็บผมสีม่วงที่ปรกหน้าไว้ด้วยกิ๊ฟ “ฉันชื่อเรนเดอร์เรส เจน บิวตี้ไฮท์ค่ะ”้

 

..........

ถ้าตรงไหนเขียนผิดหรืออ่านแล้วงงๆ สามารถถามได้ที่ข้างล่างนะครับ ช่วงนี้ไม่มีเวลาว่าง เลยไม่ได้ตรวจสอบคำว่าถูกหรือเปล่า

ถ้าทำอะไรผิดตรงไหนก็ขอโทษล่วงหน้าแล้วกันนะครับ

ปล.ผมลงจะนิยายทุกวันเสาร์หรืออาทิตย์นะครับ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
8 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา