ลมหวาน ป่าหนาว

9.2

วันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 เวลา 15.46 น.

  42 ตอน
  8 วิจารณ์
  64.41K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561 20.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

28) เปิดเทอม..ก็เห่อน้อง

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     หลังจากที่ได้รู้ความจริงเกี่ยวกับพ่อและพี่ชายต่างมารดาแล้วชีวิตของผมก็เปลี่ยนแปลงด้านความรู้สึกไปเล็กน้อยคือมันไม่ชินที่มีพ่อกับพี่ชายเข้ามาในชีวิต  แต่การมาของพ่อกับพี่ชายก็ไม่ได้ทำให้การดำเนินชีวิตผมเปลี่ยนไป ผมยังเป็นผมยังมีแม่เป็นหลักเหมือนเดิมเพียงแค่ได้รับรู้เพิ่มเติมว่ายังมีพ่อกับพี่ชายต่างมารดาเพิ่มเข้ามาก็เท่านั้น  ผมใช้ชีวิตช่วงวันหยุดยาวที่บ้านกับแม่จนถึงวันเปิดเทอมถึงกลับมามหาวิทยาลัย  ส่วนป่าสักนั้นต้องกลับก่อนเพราะคณะสัตวแพทย์เปิดเรียนก่อนคณะผม ส่วนพ่อกับพี่ชายนั้นเขาก็กลับหลังจากวันนั้นเลย  ผมก็ไม่กล้าถามแม่ว่าไปตกลงอะไรกับพ่อถึงทำให้ท่านกับพี่ชายยอมกลับไปง่ายๆแบบนั้น  ทั้งๆที่ตอนแรกเหมือนว่าพ่อจะไม่ยอมเลย

ตื้ดๆตื้ดๆเสียงโทรศัพท์ของผมดังขึ้นมาทันที ที่ผมนั่งรถบัสมาถึงหน้ามหาลัยแก่นนคร

“ฮัลโล  ตอนนี้กูถึงหน้าม.แล้ว  มึงอยู่ไหนอะ?”

ผมถามป่าสักออกไปทันทีหลังจากกดรับสายของเขา

“อืม  รอที่ป้อมยามหน้าม.เลยนะ ใกล้ถึงแล้ว”

“เครๆ ขับรถดีๆนะไม่ต้องรีบหรอก  กูเพิ่งถึงหน้าม.เอง”

“เป็นห่วงกูหรอวะ?”

“เปล่า  แค่ไม่อยากให้ถนนในม.มันสึกเพราะรถมึงอะ  มันเปลืองทรัพยากร”

“ฮึ  ทำเป็นปากแข็ง  ฝากไว้ก่อนเถอะมึง”

“กูไม่ใช่ธนาคาร  ไม่รับฝากเว้ยยย”

“ทำเป็นปากดี เดี๋ยวจะจับจูบปากให้เจ๋อเลย  เอ่อ แค่นี้ก่อนแล้วกัน  เจอกันที่ป้อมยามนะ”

“อืม  เดี๋ยวนั่งรอที่ป้อมยาม”

ผมนั่งรอป่าสักอยู่ป้อมยามหน้าม.ได้สักพัก ก็มีรถmazda cx5คันงามสีดำแล่นมาจอดข้างๆ

“อ้าว  น้องทุ่งกำลังจะกลับหอเหรอครับ?”

เสียงทักของพี่รหัสสุดโอปป้านั้นเอง  สงสัยพี่ชนแดนก็คงเพิ่งกลับมาจากกลับบ้านตอนปิดเทอมแล้วแน่ๆ

“สวัสดีครับพี่แดน  พอดีทุ่งกำลังจะกลับหอครับ”

“ให้พี่ไปส่งไม๊  พี่กำลังจะเข้าม.ไปทำธุระอยู่พอดีเลย”

“เอ่อ ขอบคุณครับพี่แดน  พอดีว่าทุ่งนัดเพื่อนให้มารับแล้วครับ”

“แล้วนี้เพื่อนทุ่ง  จะมากี่โมงละ  พี่ว่าให้พี่ไปส่งเถอะไม่ต้องเสียเวลารอเพื่อนด้วย”

“เออ  แต่เพื่อนทุ่งคงกำลังใกล้ถึงแล้วอะครับ  ขอบคุ.....

แต่ผมยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ จู่ๆพี่รหัสสุดโอปป้าก็เดินลงมาจากรถmazda cx5คันงามทันที

“ส่งกระเป๋ามาเถอะทุ่ง  เดี๋ยวพี่ไปส่งถึงหอพักของเราเลย  หรือว่าถ้าทุ่งยังไม่อยากเข้าหอเราไปหาอะไรอร่อยๆกินกันก่อนก็ได้”

“ไม่เป็นไรครับทุ่งเกรงใจ อีกอย่างทุ่งนัดให้เพื่อนมารับแล้วครับพี่แดน”

“น้องทุ่งไม่ต้องเกรงใจหรอกครับ พี่เต็มใจและยินดีบริการ  ส่วนเพื่อนที่นัดให้มารับพี่ว่าอีกนานกว่าเขาจะมาถึง  ให้พี่ไปส่งดีกว่าครับ  หรือไม่ให้พี่โทรบอกยกเลิกนัดเพื่อนก็ได้นะ”

พูดเสร็จชนแดนก็เดินมาคว้ากระเป๋าเป้ของทุ่งธรไปถือทันทีและกำลังเดินไปเปิดประตูรถ  แต่แล้วจู่ๆก็มีมือใหญ่ๆมากระชากกระเป๋าเป้ของทุ่งธรกลับไปทันที

“คงไม่ต้องรบกวนพี่หรอกครับ  ขอบคุณนะครับที่มีน้ำใจกับคนของผม  แต่ไม่ต้อง  ผมดูแลเองได้”

“ป่าสัก!!”

“ไปทุ่งขึ้นรถ  ขืนอยู่นานกว่านี้มีหวังกูได้ทำคนปากแตกแน่ๆ”

สิ้นเสียงของป่าสักร่างของทุ่งธร ก็ถูกมืออีกด้านของป่าสักโอบไหล่ไว้แล้วดันให้เดินไปที่รถของเขาทันที สร้างความไม่พอใจให้กับชนแดนเป็นอย่างมาก ชนแดนทำอะไรไม่ได้นอกจากเตะลมชกอากาศรอบๆตัว

“ฝากไว้ก่อนเถอะ ไอ้คุณหนูถือดี  อย่าให้เผลอก็แล้วกัน กูเอาคืนมึงแน่”

     หลังจากที่ทุ่งธรขึ้นรถมากับป่าสักแล้ว ป่าสักก็เอาแต่ขับรถมุ่งหน้าไปยังหอในทันที  เลยทำเอาทุ่งธรรู้สึกหนาวๆร้อนไปทีเดียว เพราะอาการแบบนี้มันส่อแววว่าป่าสักไม่พอใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

“ป่าสัก  ..ป่าสัก  เป็นไรวะ?”

“เปล่า”

“คือ เอ่อ  เออ คือกู  ไม่ได้นัดให้พี่เขามารับนะเว้ยมึง”

“อืม”

“เอ้ยยย  มึงเข้าใจกูใช่ปะวะ”

“อืม”

“ถ้ามึงเข้าใจกูแล้ว ก็ช่วยพูดอะไรหน่อยดิ  มึงอย่าเฉยแบบนี้กูไม่ชินวะ”

“กูไม่มีไรจะพูด”

“แต่ท่าทางมึงไม่โอเคเลยนะเว้ย”

“เปล่านี้  ...กูก็ปกติดี”

ผมเห็นท่าทางนิ่งเฉยของป่าสักแบบนี้ บอกตรงๆเลยว่ากลัวครับ  เพราะปกติป่าสักจะเป็นคนพูดเก่ง หาเรื่องมากวนผมตลอด  แต่ตอนนี้มันเงียบ ไม่พูด ไม่ต่อว่า ไม่ด่าผมเลย  ผมไม่ชินกับสภาพแบบนี้จริงๆ  เอาวะ ง้อหน่อยแล้วกันถึงแม้ไม่ใช่ความผิดที่ผมสร้างขึ้นก็ตาม

“ป่าสัก  เออ เย็นนี้ เรา ไป กิน เนื้อย่างกันไหม?”

“ไม่หิว”

“อืม ถ้างั้น ไปกินหมูกระทะร้านข้างม.”

“ร้อน  เหม็นไม่เอา”

“ถ้างั้นก็ไปกินซูชิ  จะได้นั่งในห้องแอร์เย็นๆ”

“เบื่ออาหารญี่ปุ่นวะ”

“เออ  ถ้าเบื่ออาหารพี่ยุ่น งั้นเราไปกินร้านเจ้ดิ้งกันไหม”

“กูไม่อยากเห็นหน้าพวกไอ้หน้าวอก”

“งั้นมึงอยากกินไรอะ?”

“กูอยากกินอะไรก็ได้เหรอ?”

ป่าสักพูดเสร็จก็หันมายิ้มแบบเจ้าเล่ห์ให้กับทุ่งธรทันที  แต่ฝ่ายนั้นกลับคิดว่ากังวานไพรหายโกรธตัวเองแล้ว  จึงไม่ได้สังเกตุอะไรเลย

“อืม  ได้แน่นอน ได้ทุกอย่างที่เงินในกระเป๋ากูพอจ่าย”

“มึงพูดแบบนี้  แน่ใจน่ะ?”

“อืม แน่ใจสิ  ถ้าไม่แพงเกินไป  วันนี้กูเลี้ยงมึงได้”

“มันไม่แพงหรอก  ว่าแต่มึงจะกล้าเหรอ?”

“กล้าสิ  กูพูดคำไหนคำนั้น  ว่าแต่มึงอยากกินไรละ?”

“เดี๋ยวถึงห้องแล้วจะบอก”

“ได้เลย  วันนี้กูเลี้ยงเต็มที”

“สัญญาแล้วนะ  ผิดคำพูดเสียหมาเลยนะเว้ย”

“ได้เลย  มึงไม่ต้องห่วงหรอก กูเป็นคนรักษาคำพูด”

จากนั้นป่าสักก็ขับรถมาถึงหอในของมหาวิทยาลัย  ในเวลาอันรวดเร็ว  พร้อมกับรีบลงจากรถไปอย่างรีบร้อน

“ป่าสัก  เดี๋ยวก่อนสิ  รอกูด้วยจะรีบไปไหนวะ”

“อ้าวกูก็ต้องรีบสิ  ไหนๆมึงจะให้กูกินทั้งที”

จากนั้นป่าสักก็เดินเข้าหอพักไปทันที

“เออแปลกวะไอ้นี้  แค่กูจะเลี้ยงข้าวเย็นแค่นี้ทำเป็นดีใจ?”

ในระหว่างที่ผมกำลังยืนครุ่นคิดอยู่นั้น จู่ๆก็มีเสียงทักทายดังมาจากข้างหลังในระยะปะชิดตัวเลย

“ยืนเหม่ออะไรอยู่เหรอน้องพี่”

“อ้าว  พี่หมอแสน  สวัสดีครับ  มาได้ไงเนี้ย?”

“พี่ก็ขับรถมาสิ  ถามแปลกๆนะเรา  ว่าแต่ยืนเหม่อคิดถึงใครอยู่เหรอ?”

“เปล่าหรอกครับพี่หมอแสน  พอดีเย็นนี้ว่าจะไปกินข้าวกะป่าสักนะครับ”

“อืม  น่าสนุกจัง  พี่ขอไปร่วมวงด้วยคนได้เปล่า?”

“ได้สิพี่  แต่ทุ่งมีตังค์ไม่มากนะ”

“ไม่เป็นไร  เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง  แค่เลี้ยงน้องตัวเองแค่นี้ทำไมจะไม่ได้ละครับ”

“โอ้โฮ!! จะได้กินฟรีหรือนี้  แต่ว่าทุ่งดันรับปากป่าสักไปแล้วอะครับ  ว่าจะเลี้ยงข้าวเย็นเขานะครับ”

“ไม่เป็นไร  เอาไว้ทุ่งกับป่าสักไปเลี้ยงกันสองคนวันหลังก็ได้  แต่วันนี้พี่จะพาน้องชายของพี่ไปเลี้ยงข้าวเองครับ”

“ขอบคุณครับพี่หมอแสน  เดี๋ยวทุ่งไปบอกป่าสักก่อนนะครับ”

“ไม่ต้องไปบอกก็ได้มั้ง   โน้นเดินหน้างอลงมาจากหอแล้ว”

ผมหันไปทางขึ้นหอพักทันที  ก็เห็นป่าสักเดินลงมาพร้อมกับใบหน้าที่บอกบุญไม่รับเลยจริงๆ

“อ้าวว่าไงวะ ป่าสัก  หน้าไปโดนอะไรมาทำไมถึงได้บูดแบบนั้น”

แสนชัยทักทายรุ่นน้องร่วมคณะอย่างป่าสักออกไปอย่างเป็นมิตร

“ก็น้องพี่นะสิ  บอกว่าจะให้รางวัลผม  แต่นี้ก็ไม่ยอมขึ้นห้องผมถึงได้ลงมาตาม”

ป่าสักตอบรุ่นพี่ร่วมคณะออกไปแบบอารมณ์ดูจะหงุดหงิด

“อ้าวไหนน้องทุ่ง  บอกว่าจะพาไปป่าสักไปเลี้ยงข้าวเย็นไม่ใช่เหรอครับ”

แสนชัยหันมาถามน้องชายต่างมารดาทันที  หลังจากได้ฟังคำพูดของป่าสักแล้ว

“ครับ  ทุ่งก็บอกป่าสักว่าจะเลี้ยงข้าวเย็น  ไม่ได้บอกว่าจะให้รางวัลอะไรสักหน่อย”

“อ้าว  ทำไมพูดแบบนี้วะทุ่ง  ก็มึงบอกกูเองว่าจะกินอะไรก็ได้”

“ก็ใช่ไง  กินไรก็ได้  แต่ไม่ใช่ให้รางวัล”

“ไม่รู้ละ  กูเข้าใจแบบนี้  มึงห้ามผิดคำพูดนะเว้ยทุ่ง”

ในระหว่างที่ป่าสักกับทุ่งธรกำลังถกเถียงกันอยู่นั้น  แสนชัยเห็นท่าจะไม่ได้เรื่องจึงแทรกขึ้นมาทันที

“เดี๋ยวๆป่าสัก  พี่ว่าเราเข้าใจอะไรผิดไปน่ะ”

“อ้าวพี่หมอแสน  พี่ไม่ต้องมาเข้าข้างน้องพี่เลย  เรื่องนี้มันเป็นเรื่องของผมกับทุ่งเพียงสองคน”

“อ้าวเอ้ยไอ้นี้  เรื่องของเองสองคนได้ที่ไหนวะ  คนที่มึงทวงสัญญาอยู่นี้มันน้องกูนะเว้ย”

“ก็น้องพี่บอกให้ผมเลือกอาหารได้ตามใจชอบ?  ผมจะเลือกเป็นอะไรก็ได้นี้ครับพี่หมอแสน”

ในขณะที่กังวานไพร กับแสนชัยกำลังเผชิญหน้ากันอยู่นั้น ทุ่งธรเห็นท่าทางจะได้ดีเลยรีบเข้าไปห้ามทัพเสียก่อน

“เอ่อๆพี่หมอแสนครับ  คือทุ่งว่า ทุ่งคงจะใช้คำพูดที่กำกวมจึงทำให้ป่าสักเข้าใจความหมายผิด  เอาเป็นว่าทุ่งจะรับผิดชอบคำพูดของตัวทุ่งเองนะครับพี่”

“ได้ไงละทุ่ง  ก็ทุ่งบอกจะเลี้ยงแค่ข้าวเย็นไอ้ป่าสักนี้”

“ครับ  แต่ตอนนี้ทุ่งว่าอย่ามาเถียงกันด้วยเรื่องไร้สาระเลยนะพี่ ว่าแต่พี่หมอแสนมานี้ มาหาทุ่งใช่เปล่าครับ”

แสนชัยพอได้ยินคำถามจากน้องชายต่างมารดาของตัวเองแล้ว  จึงหันหน้าไปทางกังวานไพรทันที

“ไอ้น้องป่าสัก  เองอย่าให้พี่ได้รู้นะว่า  เองบังคับน้องพี่  ถ้าขืนไอ้คุณน้องป่าสักทำแบบนั้น รับรองพี่ไม่เอาน้องป่าสักไว้แน่ๆ”

สิ้นเสียงคำพูดของแสนชัย  ป่าสักกลับไม่ได้รู้สึกกลัวเลยสักนิด  เขาจ้องหน้าแสนชัยกลับมาทันทีพร้อมด้วยรอยยิ้มที่มีเลศนัย

“แล้วพี่หมอแสนชัย  เห็นหรือยังละครับ  ว่าผมบังคับอะไรทุ่ง  คนอย่างผมหรือจะไปบังคับใจใครได้   จริงไม๊วะทุ่ง”

“เอ่อ  พี่หมอแสนครับ  คือว่าไม่มีอะไรหรอกครับ  พี่หมอแสนมีธุระอะไรกับทุ่งไหมครับ”

“คือวันนี้พี่จะพาทุ่งไปทานข้าวเย็นด้วยกันนะครับ  เลยมารับ”

“โอ๊ะๆๆเสียใจด้วยนะครับพี่หมอแสน  พี่มาช้าไปเสียแล้ว  เย็นนี้ทุ่งธรไม่ว่างครับ”

เสียงกังวานไพรดังขึ้นมาทันที  ที่รู้จุดประสงค์ของพี่ชายต่างมารดาทุ่งธร

“ทำไม?”

“อ้าว  ก็น้องของพี่หมอแสนชัย  เขามีนัดทานข้าวเย็นกับผมนะสิครับพี่  แถมวันนี้ทุ่งเป็นเจ้ามือเลี้ยงผมอีกต่างหาก”

“งั้นก็ดีเลย  พี่ไปด้วย  เราไปกันสองคน  ไม่สนุกหรอก ต้องไปกินหลายๆคนถึงจะอร่อย”

“อ้าวพี่หมอแสน  นี้ผมกับทุ่งเพิ่งจะได้เจอกันนะพี่”

ป่าสักร้องทักขึ้นมาทันที ที่รู้ว่าแสนชัยไม่ยอมปล่อยให้ตัวเองไปทานข้าวกับทุ่งธรตามลำพัง

“ก็ช่วยไม่ได้นะไอ้น้องป่าสัก  เพราะว่าพี่น้องเขาก็อยากจะทานข้าวเย็นด้วยกันบ้างจะทำไมวะ?”

“เอ่อฝากไว้ก่อนเถอะ”

     หลังจากไปทานข้าวเย็นด้วยกันกับพี่ชายต่างมารดาแล้วทุ่งธรและป่าสักก็กลับถึงห้องราวๆสามทุ่งแต่กว่าที่แสนชัยจะยอมปล่อยให้ทุ่งธรมานั้นก็เล่นเอาป่าสักแทบกระอักเลือดทั้งขู่ทั้งบังคับสารพัดของคนที่หวงน้อง

“พี่หมอแสนนี้บทจะบ้าก็บ้าได้ใจวะ”

ป่าสักพูดขึ้นมาหลังอาบน้ำเสร็จแล้ว

“เอ่อนั้นนะสิ  แต่ก่อนพี่หมอแสนก็ดูออกจะเป็นคนที่อ่อนโยน  แต่ทำไมวันนี้ มึงพูดอะไรไปก็ขัดจังหวะไปหมดเลย ถามจริงเถอะป่าสักมึงไปทำอะไรให้พี่หมอแสนไม่พอใจปะวะ?”

“โอ้ยยกูจะไปทำอะไรละ  นอกเสียจากอาการเห่อน้องไม่เข้าเรื่องของพี่มึงแหละ”

“จะมาเห่อกูทำไมวะ?”

“อ้าวก็แบบว่าน้องข้าใครอย่าแตะไง”

“มึงก็คิดได้เนาะ”

“อ้าวกูพูดจริง  อย่างตอนเย็นกูจะไปแดรกข้าวกะมึงสองต่อสอง ก็ไม่ยอมให้ไป แถมยังตามไปขัดจังหวะตลอด”

“นั้นรุ่นพี่มึงนะเว้ยป่าสัก  แต่ก็ดีออกมีพี่หมอแสนไปด้วยกูไม่ต้องจ่ายสักบาท”

“โอ้ยยพูดอย่างกะว่ามึงไปกับกูแล้วกูให้มึงจ่ายงั้นแหละ”

“กูรู้  แต่ว่าวันนี้มันก็ดี  กูมีโอกาสได้ไปกินข้าวกะพี่ชายของกูบ้าง”

“เชอะเห่อว่างั้นเถอะ”

“อ้าวมันก็เป็นเรื่องธรรมดาปะว่ะมึง พี่กับน้องจะไปกินข้าวด้วยกัน”

“มึงจะว่ากูเป็นคนนอกว่างั้น?”

“เปล่า  ..กูไม่ได้ว่าสักหน่อย  มึงคิดเอง”

พอสิ้นเสียงพูดของทุ่งธรป่าสักก็พลิกตัวจากนอนหงายมาเป็นนอนตะแครงหันมาทางทุ่งธรทันที

“ทุ่ง ...มึงยังไม่ได้ลืมสัญญาที่ให้กับกูไว้ใช่ไหม?”

“สัญญา...อ่อ ที่ว่าจะเลี้ยงข้าวมึงใช่ปะ?”

“อืม แต่มึงบอกกูว่าอยากกินไรก็ได้  มึงจะตามใจกูใช่ไหม?”

“ก็ใช่  แต่ห้ามเกินงบในกระเป๋ากูนะ”

“รับรองไม่เกินงบแน่  .....ตอนนี้กูอยากกินอาหารจานโปรดแล้ววะ”

“อะไรของมึงวะป่าสัก  เพิ่งกินมาเมื่อกี้เอง”

“กูไม่ได้หิวข้าว ...แต่กูหิวอย่างอื่น”

พูดเสร็จป่าสักก็ลุกขึ้นค่อมร่างของทุ่งธรทันที  ทำให้อีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งตัวเลย

“เอ้ยยป่าสัก  !!!  มึงจะทำไรวะ?”

“กูก็จะกินอาหารจานโปรดของกูนะสิ”

“ไม่เอา มึงจะเล่นบ้าอะไรเนี้ย”

“กูไม่ได้เล่นนะทุ่ง  คืนนี้กูเอาจริง”

“บ้าแล้ววววว!!!!!”

จากนั้นกังวานไพรก็ค่อยๆโน้มใบหน้าเรียวปากรูปกระจับเข้ามาใกล้กับริมฝีปากบางๆของทุ่งธรทันที ปากประกบปากส่งผ่านความหวานหอมให้กันและกัน ฝ่ามือใหญ่ๆของกังวานไพรช่างซุกซนยิ่งนักล่วงเข้าไปภายใต้เสื้อกีฬาบางๆของทุ่งธรทันที  ทำให้อีกฝ่ายได้รับการกระตุ้นด้วยมืออันนุ่มนวล  ร่างกายของทุ่งธรสั่นไหวไปด้วยความไม่เคยถึงสัมผัสพิศวาสแบบถึงเนื้อถึงตัวมาก่อนทำให้เกิดอาการเกร็งขึ้นมาอย่างง่ายดาย

“ทุ่ง..ไม่ต้องเกร็ง  ทำตัวตามสบาย  คืนนี้ขอมากกว่าจูบนะ”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9.5 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา