ปริศนาอาถรรพ์ วังเปรต

-

เขียนโดย ไปรยาลน้อย

วันที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2560 เวลา 13.05 น.

  8 บท
  0 วิจารณ์
  8,799 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2560 17.42 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

6) เวลาอาลัย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
บทที่ ๖ เวลาอาลัย
 
พวกเราที่เหลือเพียงสามคน วิ่งหนีกันมุ่งไปยังทางแยกของสองหมู่บ้าน พายุยังคงแรงเอาการ และฝนเริ่มลงเม็ดตกลงมา เสมือนหยดน้ำตาที่กระเซ็นไปตามสายลม เหมือนน้ำตาของป้าหวีที่ผมเห็นโหมไหลออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน
 
 ผมอุ้มป้าหวีไป น้ำตาของป้าหวีไหลไปปนกับสีเขียนตาของป้าหวี เป็นรอยดำยาวสลดบนใบหน้าป้าหวี เครื่องสำอางต่าง ๆ  ไหลเปรอะเป็นรอยยาวตามหยดน้ำตา ภาพที่เคยเห็นป้าหวีแต่งหน้าจัด ภาพของป้าที่เป็นคนตรง ๆ หนึ่งคน ป้าที่ใจแข็งคนหนึ่ง แทบไม่เหลือและแทบดูไม่ได้
 
ตอนนี้ พวกเราเดินกันออกมาจนถึงทางแยกของหมู่บ้าน โดยที่ยังพะว้าพะวังด้านหลังอยู่ เรามาถึงที่นี่ก็หยุดลง ว่าจะตัดสินใจว่าไปทางไหนจึงจะปลอดภัย
 
“วางฉันลงเถอะ ฉันไหว” ป้าหวีพูดขึ้น พร้อมกับยังสะอึกสะอื้นนิด ๆ ในลำคอ ผมวางตัวป้าหวีลง ป้าหวีกำลังทรงตัวยืน และปัดคราบรอยน้ำตาด้วยการถ่างตาเช็ดรอยเปรอะเปื้อนของน้ำตา ที่ไหลเข้าไปอังอยู่ตามชายขอบตา
 
“ เราจะไปทางไหนกัน!” ชายพูดขึ้น ท่ามกลางเสียงพายุที่ยังแรงหนักกว่าเดิม
 
“ทางไหนใกล้ที่สุด” ผมถามชาย
 
“ไปทางวัด ใกล้สุดแล้วชาย” ป้าหวีพูดพร้อมกับเสียงสะอึก
 
“นี่กี่โมงแล้ว” ชายถาม
 
“ห้าโมงเย็น” ป้าหวีพูด แม้จะยังสะอึกสะอื้นอยู่ก็ยังคงตอบพวกผมกลับมา ป้าหวีตอบโดยไม่ต้องดูนาฬิกา ป้าหวีนั้นเป็นคนที่รู้เวลาอยู่ตลอด ๆ เสมอ
 
“เร็วรีบไปเถอะ ที่วัดน่าจะมีที่หลบ” ผมพูดขึ้น
 
จากนั้นพวกเราก็รีบวิ่งกันไปจนถึงวัด เสื้อผ้าป้าหวีกับชายเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝน ส่วนผมตัวเปียกน้ำไปทั้งตัว พวกเรา เดินผ่านลานวัดก็เห็นรถที่พวกเรานั่งมา จอดแช่กลางสายฝน พวกเราเห็นอุโบสถจึงรีบวิ่งเข้าไปตั้งใจจะไปหลบฝนในนั้น
 
ปึง ๆ! พวกเราเคาะประตูอุโบสถอย่างแรง
 
ไม่นานสักครู่ ประตูก็เปิดขึ้น พระท่านเปิดประตูออกมา พวกเราไหว้พระท่าน
 
“มาทำอะไรกัน โยม” พระท่านถามเรา
 
“พวกเรามาขอพึ่งที่หลบฝน ได้ไหมท่าน” ผมพูดขึ้น 
 
พระท่านไม่ได้ตอบ แต่เปิดประตูเอาไว้ ก่อนเดินนั่งชานสมาธิ พวกเราเดินเข้าไปและปิดประตู ป้าหวีลงไปนั่งพักอย่างแน่นิ่ง
 
พระท่านนั่งสมาธิหันหลังให้พวกเรา ก่อนถาม “เจออะไรกันมาหรือโยม” 
 
“พวกเราก็ไม่รู้ครับ” ผมตอบ
 
“ยายขีดเป็นผีครับ” ชายพูดขึ้น 
 
“ผีเหรอ ยายขีดแกจะเป็นผีได้ไง” พระท่านถาม
 
“พวกเราเห็นกันหมดเลย” ชายพูดต่อ
 
“อาตมารู้จักยายขีดแกมานานแล้วโยม แกมาคอยเอาอาหารไปไว้ที่เสาเปรต เป็นบุญกุศล แกเป็นคนเดียวที่อาสาจะทำ แกดูเป็นคนดี แกจะเป็นผีได้ยังไง” พระท่านพูดตอบขึ้น
 
“ผมไม่รู้ครับ แต่พวกเราเห็นจริง ๆ” ผมพูดขึ้นมา
 
“ท่านครับ ท่านมีที่ให้พวกเราเปลี่ยนชุด บ้างไหมท่าน” ผมถามต่อ
 
“มีออกไปทางกุฏิลูกวัดเก่าข้าง ๆ ทางขวาของพระอุโบสถ “ พระท่านตอบ
 
“ พวกผมขอตัวนะครับ” ผมตอบท่าน ก่อนที่พวกเราจะเดินกันออกไปทางประตูอุโบสถด้านขวา ป้าหวีกางร่มที่เตรียมมาเดินฝ่าพายุฝน ไปทางด้านขวา ก็เห็นกุฏิเก่าสภาพไม่มีใครอยู่มานาน ตอนนี้ฟ้าเริ่มมืด พวกเราเข้าไปในกุฏิไฟเปิดไม่ติด พวกเราต้องจุดตะเกียงกัน โดยป้าหวีก็เตรียมไม้ขีดมาเอาไว้ 
 
ผมกับชายเช็ดตัวให้แห้งต่อหน้าป้าหวีเลย ป้าหวีเดินเข้าไปหาที่เช็ดตัวอีกห้อง แต่ไม่มีเสื้อผ้าให้เปลี่ยน ชายเปิดเห็นตู้เสื้อผ้าเก่า มีลังใส่เสื้อผ้าเก่า ๆ พวกเราหยิบมันขึ้นมาเปลี่ยนใส่ไปพลาง ๆ ก่อน แล้วเตรียมอีกชุดไปให้ป้าหวี จากนั้นจึงมารวมกลุ่มปรึกษากันก่อน
 
“นี่ก็พึ่งจะหนึ่งทุ่ม อยู่เลย” ชายพูดขึ้น
 
“มีใครขับรถเป็นไหม ตอนมานี่ปุณย์ มันเป็นคนขับมา” ผมพูดขึ้น
 
“ชายขับไม่เป็น” ชายตอบ
 
ป้าหวียืนเงียบมีสีหน้าหม่นหมอง คงเป็นเพราะเราพูดถึงแชมป์กันขึ้น
 
“เราคงต้องค้างที่นี่ก่อน” ผมพูดขึ้นก่อนจะพูดต่อ “เพราะ ไม่มีใครขับรถ จะฝ่าไปหาคนที่หมู่บ้านก็เสี่ยงเกินไป แถมนี่ก็เริ่มมืดแล้ว ”
 
ผมตัดสินใจจะออกไปบอกพระท่านนั้นกันก่อน ผมยืมร่มป้าหวีก่อนเดินฝ่าฝนไป ให้ชายอยู่เป็นเพื่อนป้าหวีไปก่อน ป้าหวียังคงนิ่งเงียบไม่พูดอะไร
 
ผมเข้าไปในอุโบสถ เพื่อบอกกล่าวพระท่านก่อน “ขอเรานอนที่นี่ คืนนึงได้ไหมครับ ท่าน” ผมถาม
 
 “ได้สิ โยม” พระท่านตอบกลับมา
 
ท่านหันมาหาผมมีสีหน้าตกใจขึ้น ผมจึงถาม “ท่าน เป็นอะไรหรือเปล่า” 
ท่านตอบกลับมา “ไม่มีอะไรหรอกโยม บังเอิญชุดที่โยมใส่ มันเคยเป็นของคนที่อาตมารู้จัก”
 
“เขาเป็นใครครับ” ผมถาม 
 
“ออ โยมไม่รู้จักเขาหรอก” พระท่านตอบ
 
“แล้วเรื่องยายขีด อาตมาจะลองดูให้” พระท่านตอบ
 
“ท่าน มีอะไรคุ้มครองพวกเราไหม” ผมถาม
 
“อาตมาไม่มีอะไรแบบนั้น หรอกโยม อาตมานั่งเป็นแต่สมาธิกับสวดมนต์” พระท่านตอบกลับมา
 
ผมถามท่านต่อว่า “ทำไมที่นี่ไม่มีคนอื่นเลย”
 
“ที่นี่มีแต่อาตมา นี่ล่ะโยม” พระท่านตอบ
 
“เขาหายไปไหนกันหมดครับท่าน” ผมถาม
 
“เขาไปดีกันหมดแล้วล่ะ โยม” พระท่านตอบ
 
ผมรู้สึกตกใจกับคำตอบของพระท่าน แต่ก็ไม่อยากซักซี้พระท่าน ผมเดินฝ่าพายุกลับไปยังกุฏิลูกวัดเก่า เห็นชายกำลังลูบหลังป้าหวีอยู่ ป้าหวียังร้องไห้อยู่
 
ชายหันมา “ชายเจอที่นอนเก่า เอามากางเลยไหม” ชายถามผม
 
“กางเลยชาย พระท่านให้นอนได้” ผมตอบชาย ชายเดินไปจะหยิบที่นอนกาง แต่ด้วยความที่ชายเจ็บแขน ผมจึงเข้าไปช่วยชาย 
 
เสร็จแล้ว ผมเดินเข้าไปนั่งด้านข้างป้าหวี “ปุณย์มันไปดีแล้วล่ะป้า ตอนนี้มันคงสบายแล้วล่ะ”
 
ป้าหวีสะอื้นชั่วครู่ ก่อนพูดขึ้นว่า “ยี่สิบสี่ปี ฉันเห็นมันมา” 
 
“ฉันเห็นมันมาตั้งแต่มันเกิดโรจน์” “ฉันทำใจไม่ได้” ป้าหวีร้องไห้ออกมาอีก
 
“มันอายุยังน้อย พึ่งได้เข้าทำงานเหมือนแกนั่นแหละ” ป้าหวีพูดพร้อมกับสะอึก
 
“ฉัน เป็นคนโทรไปบอกพ่อมันเอง ตอนมันติด” ป้าหวีพูดต่อ
 
“มันสอบติดที่สุดท้าย ฉันก็ด่ามัน แต่จริง ๆ ฉันภูมิใจ ฉันภูมิใจมัน!”
 
“แม่มันน่ะ เป็นเพื่อนสนิทฉัน ตั้งแต่สมัยมัธยม” น้ำตาป้าหวีไหลออกมาอีกระลอก “แม่มันตายเพราะคลอดมัน ฉันก็ชอบพูดโทษมันด่ามัน”
 
“ฉันข้นฉันด่ามันให้เป็นผู้เป็นคน ตั้งแต่เด็ก” หือ ๆ “แกก็รู้ฉันไม่มีผัว ไม่มีลูก ฉันมีแต่มัน” “มันเป็นเหมือนลูกฉัน” ป้าหวีพูดพร้อมกับหยิบทิชชู่ ในกระเป๋าขึ้นมาเช็ดน้ำตา “มันไม่ใช่แค่เหมือนเป็นลูกฉันหรอก มันคือลูกฉัน!” ป้าหวีพูดวนถึงสามรอบ ด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง “ทำไมว่ะโรจน์ ๆ” “มันทำอะไรผิด มันก็อยู่ของมันดี ๆ” ป้าหวีร้องไห้เข้าอีก
 
“กูจะเอาคืนมัน ไม่ว่ามันคืออะไร” ป้าหวีพูด เป็นครั้งแรกที่ป้าหวีพูดกู กับคนอื่น ป้าหวีมีสีหน้าจริงจัง
 
“ทำใจเถอะครับ ป้า มันคงถึงที่ของมัน” ผมพูด
 
ผมหันไปเห็นชาย นอนหลับไปก่อนแล้ว “พวกเราไปนอนเถอะครับ” ผมพูด ป้าหวีพยักหน้า
พวกเรานอนหลับกันตั้งแต่ตอนสองทุ่ม
 
ค่ำคืนนั้นฝนตกกระหน่ำรุนแรง เรานอนในกุฏิ เสียงฟ้าผ่า ดังโครม ๆ ตลอดทั้งคืน บางครั้งก็มีเสียงร้องไห้สะอื้นของป้าหวีดังไล่มาเป็นระลอก ๆ  ในคืนนั้นผมรู้สึกใจหาย ภาพต่าง ๆ ยังคงติดตา และเต็มไปด้วยคำถามที่ค้างคา ยายขีดเป็นตัวอะไร มีอะไรมาปกป้องผมเอาไว้ พระวัดนี้หายไปไหนจนหมด แมวตัวนั้นคืออะไร ภาพบ้านที่พวกเราเห็น ศพพวกนั้นคือใคร เกิดอะไรขึ้นที่หมู่บ้านแห่งนั้น
 
ผมพยายามปะติดปะต่อเรื่องราว ก็ไม่มีคำตอบ ผมรู้แค่ยายขีด ต้องออกไปขึ้นรถสองแถวประจำ ผมจำได้จากวันแรกที่ผมถามชาย ยายขีดไปทำอะไรกับของเซ่นที่ถูกวางไว้ที่ทางสามแพร่งนั่น แกทำอะไร แกทำไมถึงต้องเอาอาหารไปไว้ที่เสาเปรต แกเป็นตัวอะไร แกติดต่อกับเจ้าอาวาสวัดนี้ประจำ ทั้ง ๆ ที่ แกน่าจะเป็นผีไม่ใช่เหรอ ผมตั้งคำถามเหล่านี้และก็ค่อย ๆ เผลอหลับไป…

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา