เงารักปมอดีต

-

เขียนโดย ดอกไม้หอม

วันที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 13.53 น.

  6 ตอน
  0 วิจารณ์
  6,616 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 13.56 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) ตัวตายตัวแทน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บรรยากาศรอบมูลนิธิหลังจากมีคนตายดูวุ่นวาย ตำรวจเข้ามาสอบปากคำเจ้าหน้าที่ ส่วนศพผู้เสียชีวิตถูกส่งไปที่โรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อคืน ตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสันนิฐานเบื้องต้นไว้ว่าผู้เสียชีวิตฆ่าตัวตาย เนื่องจากอาการป่วย

ผู้เสียชีวิตเป็นผู้หญิงอายุประมาณ 19 ปี ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าหลังคลอด เธอพึ่งคลอดลูกได้เพียงหนึ่งเดือนสามีก็ทิ้งเธอกับลูกไปมีภรรยาใหม่ ความเครียดบวกกับฮอร์โมนหลังคลอดทำให้เธอเคยพยายามฆ่าตัวตายมาแล้วครั้งหนึ่งดีที่ครอบครัวเธอมาช่วยไว้ได้ทัน เธอจึงถูกส่งมารักษาที่มูลนิธิแห่งนี้ได้ประมาณสองสัปดาห์แล้ว เนื่องจากครอบครัวไม่มีใครสะดวกจะดูแลเธอเอง

 “น่าสงสารน้องที่ตายนะ พึ่งคลอดลูกแท้ๆ” แก้วชวนคุยในขณะทานอาหารที่โรงอาหาร

 “เจ้าหน้าที่ ที่ดูแลน้องเขาอยู่ บอกว่าอาการน้องเขาดีขึ้นแล้วนิ ยังคุยกับเจ้าหน้าที่ว่าอยากกลับไปหาลูก แล้วทำไมมาฆ่าตัวตายได้วะ” แก้วเล่าเรื่องที่ได้ยินมา

“เขาป่วยเป็นโรคซึมเศร้าแถมมีประวัติเคยพยายามฆ่าตัวตายมาก่อนด้วย เราก็ดูแลเขาอย่างดีที่สุดแล้วนะ” ปกป้องพูดพลางกินไปพลาง

ดูคนที่นี่จะไม่ได้ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเท่าไร ถึงขนาดที่ทานอาหารกันได้ปกติ ในขณะที่ฉันจะอ๊วกกับก๋วยเตี่ยวเย็นตาโฟที่มีเลือดหมูในชาม ภาพศพเมื่อคืนยังติดตาฉันอยู่เลย

“อ้าว...ไม่ทานหรือ” แก้วร้องทักหลังจากเห็นฉันเลื่อนชามเย็นตาโฟออกไป

“ไม่อะ...ไม่ค่อยหิว” ฉันตอบพร้อมทำหน้าแห้งๆ

“ภาพยังติดตาอยู่ละสิ ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็ชิน มีคนตายทุกๆสามเดือนแหละ” แก้วพูดโดยไม่ทันคิด

“พูดมากไปแล้วนะ” ปกป้องหันไปดุแก้ว พร้อมหันหน้ามามองฉัน

“ทำไมละคะ มีคนตายทุกๆสามเดือนจริงหรือค่ะ”ฉันถามพวกเขาทั้งสอง แก้วกับปกป้องมองหน้ากัน เหมือนกำลังปรึกษากันว่าจะเล่าให้ฉันฟังดีไหม

“ก็ปีสองปีหลังมานี้มีคนตายทุกๆ3เดือน เห็นเขาว่ามันเกิดจากอาถรรพ์ตึกแลปหลังเก่านะ พอจะมีคนตายก็มีคนเห็นหรือได้ยินเสียงมาจากตึกหลังนั้น” แก้วนั่งเล่าให้ฉันฟังที่ห้องทำงานหลังจากทานอาหารเสร็จแล้ว ส่วนปกป้องออกไปตรวจผู้ป่วย

“เสียงอะไรหรือค่ะ”ฉันถามด้วยความอยากรู้

“ก็เสียงกริ๊ดร้อง บ้างก็เห็นเงาเดินไปเดินมาที่ตึก” แก้วเล่าอย่างออกรส

“แล้วไม่คิดว่าเป็นคนร้ายบ้างหรือ”ฉันไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องผีอย่างเดียว

“ก็เคยมีคนสงสัยแหละ พอไปแจ้งคุณฉวีให้ตรวจสอบก็ไม่พบอะไร แถมคุณฉวียังจ้างยามให้เฝ้าประจำตึก 24 ชั่วโมงเลยด้วย ก็คงกลัวอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์หายด้วย หมอกวีเขาบริจาคมา ถึงไม่ได้ใช้แล้วพี่ฉวีแกก็ต้องดูแลอยู่” แก้วเล่าให้ฟัง

“แล้วมันจะเกี่ยวกับอาถรรพ์หรือว่าผีอย่างไงละ”

“เมื่อก่อนมันก็ไม่มีอะไรหรอก แต่พอ 2 ปีหลังมานี้เกิดไฟไหม้ที่ตึกแลปแล้วมีผู้ป่วยตาย ตึกก็ถูกปิดไป แล้วหลังจากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ผู้ป่วยฆ่าตัวตายทุกๆ3เดือนมาตลอด”

“เขาว่า ผีมันมาเอาไปเป็น ตัวตายตัวแทน” แก้วยื่นหน้ามากระซิบใส่ฉัน

“แล้วคุณฉวีแกไม่จัดการอะไรบ้างหรือค่ะ มีคนตายแบบนี้”

“พี่ฉวีแกไม่เชื่อเรื่องผีหรอก แกบอกไม่มีอะไรคิดมากกันไปเอง ใครอยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็ไป”

“แล้วแกก็ห้ามพวกเราพูดถึงหรือไปยุ่งวุ่นวายที่ตึกหลังนั้นอีกด้วย” แก้วพูดท่าทางจริงจังมาก

ตึกแลปเก่า เป็นอาคารปูนชั้นเดียวตั้งแยกออกจากตัวอาคารของมูลนิธิไกลพอประมาณ ต้องเดินผ่านต้นไม้รกทึบ ภายนอกตัวอาคารดูเก่ามีหญ้าและไม้เลื้อยขึ้นโดยรอบ แสดงว่าไม่มีคนดูแลอาคารนี้เลย ภายใน มีห้อง 3 ห้อง แบ่งเป็นห้องตรวจคนไข้ ห้องผ่าตัดและรักษา ห้องพักฟื้น อาคารแห่งนี้เมื่อก่อนเป็นสถานพยาบาลสำหรับผู้ป่วยที่นี่ มีหมอกวีประจำอยู่ แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ไฟไหม้ที่ห้องพักฟื้นแล้วมีผู้เสียชีวิตทำให้อาคารนี้ถูกปิดลง หมอ พยาบาล ที่ประจำตึกนี้ได้ย้ายออกไปทำที่อื่น ยังดีที่มียามประจำตึกอยู่ แต่ยามก็ตรวจตราได้เฉพาะบริเวณภายนอกเท่านั้น เพราะภายในคุณฉวีล๊อคกุญแจไว้อย่างแน่นหนา

ด้วยความอยากรู้ว่าตึกแลปเก่าหลังนี้จะเกี่ยวข้องกับการฆ่าตัวตายของผู้ป่วยได้อย่างไร ตอนเย็นฉันแอบมาที่ตึกแลป โดยหลอกแก้วว่ามาเก็บผักที่สวนเกษตรหลังโรงอาหาร มียามเฝ้าที่ประตูหน้า ฉันเลยแอบไปที่ประตูหลัง ข้างหลังตึกมันไม่ได้รกทึบเหมือนข้างหน้าเลย ทางเดินดูเหมือนมีใครเข้าออกอยู่บ่อยๆ ฉันพยายามแนบหน้ากับกระจกเพื่อมองเข้าไปข้างใน

“มีคนอยู่จริงๆด้วย” ฉันอุทานออกมาเบาๆเมื่อเห็นคนเดินอยู่ข้างใน คนๆนั้นกำลังถูพื้นอยู่

“ตึกร้างแล้วจะให้คนเข้าไปทำความสะอาดอีกทำไมนะ” ฉันนึกในใจ พยายามหาทางเข้าไปข้างใน

“คุณ มาทำอะไรที่นี่” เสียงยามตะคอกฉัน ดังมาจากข้างหลัง

“เปล่าค่ะ พอดีฉันหลงทางมาแล้วเห็นมีคนเข้าไปข้างใน เลยจะเข้าไปดูค่ะ” ฉันตอบด้วยเสียงตะกุตะกัก

“ไม่มีใครทั้งนั้น ออกไปได้แล้ว” ยามพูดพร้อมกระชากฉันออกไป

ฉันต้องเดินกลับออกมาแล้วเก็บความสงสัยนั้นไว้รอจังหวะที่มีโอกาสเพื่อจะได้เข้าไปสำรวจเข้าใน มันต้องมีอะไรผิดปกติแน่นอน ก่อนที่ฉันจะเดินกลับออกมา ยามได้ถ่ายรูปฉันไว้ หวังว่าคงไม่มีเห็นร้ายเกิดขึ้นกับฉัน

เช้าวันต่อมา ขณะที่ฉันกำลังจัดเก็บเอกสารอยู่ที่ห้องทำงาน

“เอกสารผู้ป่วยที่เสียชีวิต เก็บมันไว้ในที่ที่มันควรอยู่ด้วย อย่าให้คนเป็นไปอยู่กับคนตาย” คุณฉวียื่นแฟ้มเอกสารให้ฉัน พร้อมทั้งจ้องหน้าฉันเขม่น คำพูดที่พูดออกมาต้องมีนัยแอบแฝงแน่นอน

“ค่ะ คุณฉวี” ฉันก้มหน้าพูด หรือยามจะบอกคุณฉวีเรื่องที่เจอฉันเมื่อวานแล้ว

                เอกสารผู้ป่วยที่เสียชีวิต ของน้องคนที่ตายเมื่อวันก่อน ตำรวจลงความเห็นว่าฆ่าตัวตาย ตามความเห็นแพทย์ที่ประเมินว่าผู้ป่วยมีอาการทางจิตเวช แพทย์ที่ตรวจพิสูจน์ศพ คือ หมอกวี

ฉันรีบหาแฟ้มเอกสารของผู้ป่วยที่เสียชีวิตที่นี่ทั้งหมด ทุกคนถูกลงความเห็นว่าฆ่าตัวตาย โดยหมอที่ประเมินผลและพิสูจน์ศพ คือ หมอกวี โดยในเอกสารระบุไว้ว่าทุกคนอาการแย่ลง มีภาวะจิตที่ตกต่ำ อาจเกิดภาวะทำร้ายตัวเองได้ โดยคุณฉวีเป็นคนแจ้งอาการล่าสุดก่อนที่ทุกคนจะฆ่าตัวตายให้แก่ญาติได้รับทราบถึงอาการแล้ว แต่ญาติของผู้ป่วยไม่ได้สนใจ และให้ทางมูลนิธิดำเนินการรักษาตามความเหมาะสม นี้คงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ไม่มีใครคัดค้านเรื่องการตายของผู้ป่วย ทางญาติไม่ได้ติดใจเรื่องสาเหตุการตายตำรวจจึงสรุปคดีว่าเป็นการฆ่าตัวตาย

แต่ทำไมคุณฉวีจึงแจ้งแก่ญาติว่าคนไข้อาการแย่ลงทั้งๆที่เจ้าหน้าที่ ที่ดูแลน้องที่ตายแจ้งว่าน้องอาการดีขึ้นมาก แล้วยังมีจุดที่น่าสังเกตอีกอย่างหนึ่งก็คือ ทุกคนที่ตาย ไม่ใช่สิเกือบ 90 เปอร์เซ็นต์ของคนไข้ที่นี่ มีเลือดกรุ๊ปเดียวกัน เลือด กรุ๊ปโอ มันคงไม่ใช่เหตุบังเอิญที่คนเลือดกรุ๊ปเดียวกันจะมาอยู่ที่เดียวกันได้แบบนี้

“คุณพุด หมอกวีเรียกพบที่ห้องพยาบาลค่ะ” เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเข้ามาเรียกฉัน

“ค่ะ เดี๋ยวฉันตามไปนะคะ” หมอกวีเรียกพบอย่างนั้นหรือ

หมอกวี เป็นหมอที่เคยประจำอยู่ที่นี่ แต่ย้ายออกไปประจำที่โรงพยาบาลเมื่อสองปีก่อน แต่ยังแวะเวียนมาดูแลรักษาคนไข้ที่นี่อยู่บ่อยๆ หมอกวีสนิทกับคุณฉวีมาก คอยช่วยเหลือในเรื่องเงินและสิ่งของบริจาคของมูลนิธิอยู่เสมอ แล้วศพของผู้เสียชิวิตที่ตายที่นี่จะถูกส่งไปยังโรงพยาบาลที่หมอกวีทำงานอยู่และหมอกวีจะเป็นผู้ตรวจพิสูจน์เองทุกครั้ง

ที่ห้องพยาบาล อยู่ในตัวตึกอาคารอำนวยการ เป็นห้องพยาบาลเล็กๆไว้ตรวจอาการเบื้องต้นของผู้ป่วย มียา อุปกรณ์ทางการแพทย์เหมือนกับคลินิคของหมอ

“เป็นอย่างไงบ้างครับ คุณพุด” หมอกวี เดินมาจากข้างหลังฉันพูดพร้อมเอามือมาจับที่ไหล่ฉัน

“สบายดีค่ะ คุณหมอ”

“คุณหมอเรียกฉันมาที่นี่มีอะไรหรือเปล่าคะ” ฉันพยายามพูดให้น้ำเสียงปกติที่สุด โดยรู้อยู่แล้วว่าการถูกหมอกวีเรียกมาแบบนี้ไม่ปกติแน่นอน

“คุณพึ่งมาอยู่ใหม่ หมอยังไม่ได้ตรวจสุขภาพของคุณเลย” หมอกวีพูดพลางใช้เครื่องวัดความดันมาใส่ที่แขนฉัน

“แต่ประวัติสุขภาพกับการรักษาจากโรงพยาบาลก็อยู่ที่หมอแล้วนิค่ะ”แฟ้มเอกสารของฉันอยู่บนโต๊ะทำงานของหมอนั้นแสดงว่าหมอได้ดูเอกสารทั้งหมดของฉันแล้ว

“ฮ่าๆๆ ช่างสังเกตดีนิ หมอแค่อยากทำความรู้จักกับคนไข้ ว่ามีนิสัยเป็นอย่างไร ชอบยุ่งวุ่นวายอะไรหรือเปล่า” หมอกวีพูดพร้อมเอาที่วัดความดันออก

“แล้วการฟื้นฝูเป็นอย่างไงบ้าง โดนทำร้าย จนความจำเสื่อมมาใช่ไหม” หมอกวีพูด โดยเน้นคำว่า “โดนทำร้าย”

“ใช่ค่ะ ตอนนี้เจ้าหน้าที่จิตวิทยาก็ค่อยๆรักษาอยู่ค่ะ” ฉันตอบคำถามคุณหมอ ในขณะที่หมอกวีเปิดเอกสารอ่านประวัติของฉัน

“เลือดกรุ๊ป บี น่าเสียดายนะ” หมอกวีพูดโดยไม่เงยหน้า

“เสียดายอะไรหรือค่ะ” ฉันถามเพราะสงสัยในคำพูดของหมอ

“ฮ่าๆๆ ไม่มีอะไรหมอก็พูดไปอย่างนั้นแหละ” ถึงหมอจะบอกว่าพูดเล่น แต่แววตาหมอไม่ใช่อย่างนั้น

“หมอรบกวนเวลาคุณแค่นี่ดีกว่า ใกล้เวลาพักทานข้าวแล้ว”

“แต่อยู่ที่นี่ก็ระวังตัวไว้บ้างละ ที่นี่มันมีตัวตายตัวแทน ฮ่าๆๆ” หมอพูดจบก็หัวเราะร่วน

                ฉันเปิดประตูห้องออกมา ทุกคำพูดของหมอมันแปลกๆ ไม่ว่าจะเป็นการพูดจริงหรือพูดเล่น มันมีอะไรแอบแฝงอยู่ในคำพูดนั้น มันฟังเหมือนคำข่มขู่ให้ฉันกลัว ถ้าอย่างนั้นที่ตึกแลปต้องมีความลับอะไรซ่อนไว้แน่ๆ ไม่นั้นทั้งคุณฉวีและหมอกวีไม่พูดแบบนั้นกับฉันแน่ แล้วสิ่งที่ซ่อนไว้มันคืออะไรกัน.

 

 

 

 

 

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา