THE HIDDEN SCENE

-

เขียนโดย Pukkie

วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 11.50 น.

  8 chapter
  0 วิจารณ์
  7,653 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 12.26 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

3) New Friend?

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     “พวกเธอ ดูนั่นสิ”

“ตายแล้ว เท่าที่รู้วันนี้เขาไม่มีเรียนนี่”

“ว้าย ทำไมเขาถึงได้ดูหล่อขนาดนั้นนะ พระเจ้าช่วย”

ฉันขมวดคิ้วแฃ้วชะโงกดูคนที่กลุ่มผู้หญิงพากันชี้ไม้ชี้มืออย่างตื่นเต้นแต่ก็ต้องหดคอกลับมาเพราะไม่เห็นอะไรเลยนอกจากกองทัพหญิงสาวทั้งหลายที่เอาแต่ถองศอกใส่หันไปมาและหัวเราะคิกคักดูงี่เง่าสิ้นดี

“เชล”

พนันกันหน่อยไหมว่าใครเรียกฉัน ฮะๆ ก็หนุ่มหล่อคนนั้นน่ะสิ!

“หวัดดี” เขาวิ่งเหยาะๆสวนทางคนอื่นกลับมาก่อนจะยิ้มหวาน

“อาเธอร์” ฉันเรียกชื่อเจ้าของรอยยิ้มเรียกน้ำลายสาว วันนี้เขาแต่งตัวสบายๆกับท่ายืนที่ถอดแบบออกมาจากพระรองแสนดีในซีรี่ย์เด๊ะ

“จำชื่อผมได้ด้วยแฮะ”

“คุณเรียกความสนใจได้น่าดู” ฉันโคลงหัวก่อนจะทำท่าให้รีบเดินต่อไป วันนี้ฉันมีเรียนวิชาแรกร่วมกับสามตระกูล ตั้งใจเลือกวิชานี้โดยเฉพาะเพราะฉันเป็นนักเรียนทุน สอบเข้ามาได้ด้วยคะแนนสูงลิ่วเหนือกว่าคนอื่นเลยได้อภิสิทธิ์ต่างๆพอสมควร อันที่จริงฉันไม่ใช่เด็กอัจฉริยะอะไรหรอก เพียงแต่ว่าที่เมืองนี้เรื่องการศึกษามันเป็นรองเรื่องเงินแค่นั้นเอง

“ผมเรียกความสนใจเหรอ อืม อาจจะเป็นคุณด้วยเหมือนกันนะ พวกเขาตื่นเต้นที่เห็นโฮปกลับมา”

“หลังคดีดังสุดฉาวนั่น” ฉันต่อประโยคยิ้มๆ

“เดวิยงเป็นพวกงี่เง่า” เขายักไหล่แบบไม่ใส่ใจ

“อาเธอร์ คุณนามสกุลอะไร”

"หืมมม" เขาแตะหลังฉันเมื่อเราต้องเดินผ่านผู้คนเบียดเสียด และมันก็เป็นจังหวะที่ปาปารัสซี่กับนักข่าวมหาวิทยาลัยหันมาทางนี้พอดี “โอ๊ย แย่แล้ว พวกนักข่าว” เขาตีหน้ายุ่ง แต่ฉันคิดตรงกันข้าม พวกนั้นมาก็ดีจะได้ใช้เป็นตัวสื่อสารไปหาเดวิยงและออร์ซินีว่าฉันไม่ได้ตัวคนเดียวอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้ฉันมีเพื่อนเป็นหนุ่มฮอตที่ดูท่าจะมีพ่อเป็นคนในวงการธุรกิจเชียวนะ

“ฉันจะจัดการพวกเขาเอง”

“ดูเหมือนคุณจะถนัดนะ แต่ผมไม่ชอบพวกนี้เท่าไหร่ น่ารำคาญออก”

“เอาน่า ฉันไม่ทำให้คุณดูแย่หรอก” ฉันหยอกก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้าฝูงชนบ้าคลั่งที่วิ่งกรูกันเข้ามา

“โอ๊ะ เดี๋ยวนะเชล ผมนามสกุลเวิร์ธทิงตัน” เขากระซิบพร้อมรอยยิ้มกึ่งขำ “แบบนี้คู่ควรพอจะสนิทกับคุณหรือเปล่า”

“ล้อกันเล่นใช่ไหมเนี่ย” ฉันแกล้งทำหน้าตกตะลึงและยืนรอให้นักข่าวกับกล้องอีกเป็นสิบ ๆหยุดตรงหน้าอย่างเป็นระเบียบ พวกเขาดูตื่นเต้นเหลือเกินเมื่อเห็นฉัน อย่างกับแร้งทึ้งยังไงยังไง เหอะ เมื่อปีก่อนก็หากินกับข่าวของฉันจนฉันเละเป็นโจ๊กไปแล้ว ปีนี้ยังจะตามมารังควานกันอีก

“คุณเชลซี คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อวานแล้ว รู้สึกยังไงบ้างคะ” นักข่าวฝึกหัดไฟแรงที่ยืนอยู่หน้าสุดยื่นไมค์มาจนแทบทิ่มหน้าฉัน ถัดๆไปก็เป็นก็เป็นคนของชมรมของมหาวิทยาลัยทั้งนั้น เชื่อว่าพวกนี้พอได้ข่าวไปนอกจากจะเอาลงนิตยสารและหนังสือพิมพ์เองแล้วยังจะปล่อยขายไปข้างนอกด้วย

“เชลซีครับ เห็นคุณสนิทสนมกับคุณอาร์ซี่ ไม่ทราบว่ากลับมาดีกันได้แล้วเหรอ”

“หนึ่งปีที่ผ่านมาเป็นยังไงบ้างคะ คุณหายไปอยู่ที่ไหน”

“ฉันไป...เรียนที่มหาวิทยาลัยชั้นนำในเมืองอื่นน่ะค่ะ” ฉันโปรยยิ้ม หวังว่าเส้นผมสีแดงของตัวเองคงไม่ได้ทำให้หน้าตามันดูร้ายกาจไปมากกว่านี้ ฉันอยากปรากฏตัวให้ประชาชนเห็นในภาพของสาวน้อยผู้น่าสงสารมากกว่า “มีเรื่องน่าสนใจข้างนอกตั้งมากมาย แต่ที่ฉันกลับมาเพราะว่าฉันเป็นโฮป ฉันมีหน้าที่ช่วยเหลือและพัฒนาเมืองนี้ให้ก้าวหน้าขึ้น เชลซียังคงเป็นส่วนหนึ่งของเมืองแน่นอน” ฉันรีบเอียงตัวเข้าหากล้องให้เห็นเข็มกลัดรูปตัวเอชที่กลัดอยู่บนเสื้อโค้ต

นี่ถ้าลงสมัครเป็น ส.ส.ฉันต้องชนะแน่นอน

“การกลับมาของคุณได้รับความสนใจมากๆ ไม่ทราบว่าทั้งออร์ซินีและเดวิยงได้คุยกับคุณหรือยัง”

“ยังค่ะ แต่ฉันหวังว่าพวกเขาคงติดต่อมาเร็วๆนี้”

“แล้วที่คุณมากับอาเธอร์...”

“อ้อ ฉันเป็นเพื่อนกับเขา” ฉันวางมือบนแขนอาเธอร์เป็นสัญญาให้เขาเดินตามเข้าไปในอาคารพวกนักข่าวทั้งเบียดทั้งดันแต่ฉันมีเขาคอยคุ้มกันให้ ผู้ชายที่ฉันโกหกคนทั้งเมืองว่าอยากจะจริงใจด้วย

“เชลซี!”

ฉันหยุดเดิน พยายามเก็บอารมณ์ขุ่นมัวและหมุนตัวกลับไปอย่างใจเย็น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าของเสียงแหลมน่ารำคาญนี่เป็นใคร

“เอมิลี่ ทัลลีย์” ให้ตายเถอะ ฉันเกลียดเธอ

“นังเด็กเสิร์ฟมาเดินกรีดกรายอะไรอยู่กับหนุ่มหล่อแถวนี้เนี่ย ช่างไม่เหมาะสมกันเลย”

“ยังไร้มารยาทไม่เปลี่ยนเลยนะ”

“โอ๊ะ หายไปแค่ปีเดียว ทำตัวเป็นผู้ดีจอมปลอมได้เนียนจังเลยนะ ปกติเธอมันก็แค่ลูกคนใช้ ตะเกียกตะกายอย่างหนักที่จะให้ทุกคนยอมรับ เสแสร้งว่าตัวเองน่าสงสารและเป็นตัวแทนของความหวัง ยัยทุเรศ เธอเองยังต้องเป็นเด็กล้างจาน เด็กเสิร์ฟ ทำงานเหมือนกรรมกรแต่สะเออะอยากเทียบชั้นกับพวกเรา” เอมิลี่จีบปากจีบคอ จะบอกอะไรให้นะ นางร้ายในละครน้ำเน่าพวกนี้ มีสมองเท่าไข่แมลงสาบเท่านั้นแหละ

“เอมิลี่ ฉันไม่อยากจะเสียเวลากับเธอหรอกนะ ไม่ว่าแม่หรือฉันจะเป็นอะไร แต่มันก็ยังดีกว่าที่จะกลายเป็นคนสมองกลวงเหมือนเธอ อีกอย่าง คำพูดที่เธอใช้ดูแคลนฉันมันไม่ได้ระคายจิตใจฉันเลย ใครที่ชอบดูถูกคนอื่นแบบนี้น่ะ แสดงให้เห็นเลยว่าไร้ความเป็นมนุษย์มาก ต่ำยิ่งกว่าสัตว์ซะอีก”

“นังเชลซี!” เธอกรีดเสียง

ช่างหัวยัยบ้านี่เถอะ เธอก็จิกกัดฉันมาตลอดนั่นแหละ

“ไปกันเถอะเชล อย่าเสียเวลาเลย” อาเธอร์ส่งสายตาตำหนิเอมิลี่

เราสองคนพยักหน้าให้กันก่อนจะเดินแหวกผู้คนออกไป

“คุณเรียนอะไรเช้านี้”

“ตรรกะวิทยาน่ะ”

“ตรรกะวิทยาเหรอ น่าสนใจแฮะ” ฉันเบิกตาโต “พ่อของคุณบอกหรือเปล่าว่าควรจะเรียนอะไร”

“บอกสิ” เขายังไม่เอามือออกจากเอวฉันเลย โอ๊ะ คงไม่ได้อยากจะให้ฉันคิดเกินเพื่อนไปหรอกใช่ไหม

“ฉันพนันเลยว่าเขาไม่ได้บอกให้คุณเล่นกีฬา การเล่นกีฬาไม่ได้ช่วยอะไรธุรกิจของเรา” ฉันทำเป็นเลียนเสียงพ่อของเขาแม้จะไม่แน่ใจว่าชายคนนั้นจะมีเสียงแบบไหน แต่มันก็คงไม่ต่างกันใช่ไหมล่ะ ไม่ว่าพ่อคนไหนที่เป็นนักธุรกิจก็ต้องมีใบหน้าเคร่งขรึมกับเสียงเย็นชืดเหมือนซุปเห็ดเน่าทั้งนั้น

“เอ่อ ผมคิดว่าตัวเองขำนะ ถึงแม้ผมจะไม่เคยเลียนเสียงของพ่อก็เถอะ” เขายิ้มตาหยีขณะกดลิฟต์ให้ฉันและรีบปิดเมื่อเห็นคนวิ่งตรงเข้ามา “คุณคงไม่อยากตอบคำถามบ้าบออะไรอีกใช่ไหม”

ฉันโคลงหัว “ฉันขี้เกียจตอบว่าฉันเป็นอะไรกับอาเธอร์ เวิร์ทธิงตัน ในเมื่อฉันพึ่งรู้จักเขาแค่ไม่ถึงชั่วโมง เราต้องรับมือนักข่าวมารยาทแย่เป็นโขยง และฉันก็รู้แค่ว่าเขาเรียนตรรกะวิทยาซึ่งเป็นวิชาที่สนุกมากแค่นั้นเอง”

“ก็ได้ๆ บางทีผมอาจต้องเชิญคุณไปที่บ้านสักหน่อย คุณอยากไปบ้านผมไหม มัน เอ่อ ก็มีอะไรน่าเบื่อๆแบบที่พวกคนรวยสมองกลวงมีกันนั่นแหละ” เขาทำหน้าบึ้ง “ผมไม่รู้จะทำให้คุณประทับใจยังไงแฮะ คุณรับมือยากจังเลย” เขาหัวเราะเขินๆ เรายืนมองหน้ากันครู่หนึ่งก่อนประตูลิฟต์จะเปิด ฉันได้สติก่อนและระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างถูกใจ โอ เขาน่ารักนะว่าไหม เหมือนเด็กหนุ่มที่พึ่งเคยจีบผู้หญิงครั้งแรกสมัยอยู่มัธยมนู่น

“คุณน่าจะพาฉันไปดูการแข่งนะ แบบนั้นฉันคงมองคุณเจ๋งขึ้นเยอะ พวกสาวๆคลั่งไคล้นักกีฬาจะตาย” เราเลี้ยวขวา ไม่แน่ใจว่าห้องของเขาอยู่ทางไหน แต่ของฉันอยู่ทางฝั่งนี้และตอนนี้ก็เกือบสายแล้วด้วย

“นั่นสิ งั้นวันเสาร์นี้ที่สเตเดี้ยม คุณไปนะ”

“แล้วตั๋วล่ะ”

ประตูเปิดผลัวะ อาร์ซี่ยืนกอดอกอยู่ระหว่างกรอบสี่เหลี่ยมพอดี

“ผมจะส่งไปให้ทีหลัง” เขาเหลือบมองอาร์ซี่ด้วยสายตาไม่เป็นมิตรก่อนจะเบนสายตากลับมา “ตั๋ววีไอพีด้วย”

“โอเคค่า”

“รอไปเชียร์ฉันนะ”

“เชลซี พวกเรากำลังรอเธออยู่เลย” เขาขัดขึ้นมาด้วยเสียงเย็นชา ก่อนจะเอียงคอเมื่อเห็นฉันไม่ขยับ “เชล”

“รู้แล้ว” ฉันขมวดคิ้วใส่อาร์ซี่ “แล้วจอกัน พ่อนักรักบี้สุดหล่อ”

อาเธอร์หัวเราะเสียงดังไปทั้งโถงทางเดิน เขาจูบลาฉันที่แก้มชนิดที่ถ้าใครจับภาพไว้ได้มันจะกลายเป็นหัวข้อซุบซิบนินทาไปทั้งสัปดาห์ เขาเดินกลับไปแต่ฉันก็ยังไม่ขยับจนโดนอาร์ซี่บีบข้อมืออย่างแรง

“นายพิศวาสฉันแรงเกินไปแล้ว” ฉันกระชากแขนออก

“พิศวาสเหรอ” ฉันรู้สึกว่าใบหน้าของเขามันหยิ่งยโสยิ่งกว่าเมื่อวาน มันน่าเกลียดมากๆ ทั้งถือดีและไร้อารมณ์จนอยากจะเข้าไปข่วนให้เป็นแผล ดูซิเขาจะยังทำท่าข่มฉันได้อยู่มั้ย

“ถอยไป”

“เธอแสดงออกทางสีหน้ามากเกินไปแล้ว”

“เห็นด้วยเหรอ”

“เกลียดฉันขนาดนั้นเชียว ทั้งที่เมื่อก่อนเธอแทบจะขอร้องให้ฉันนอนกับเธอด้วยซ้ำ”

“ทุกความรู้สึกของฉันมันก็มีเท่าที่นายมีนั่นแหละ เวลาฉันมองนาย ฉันเห็นทุกอย่างเหมือนกระจกสะท้อนกลับ ฉันเคยรักนายใช่ไหม เราเคยนอนเตียงเดียวกัน เคยจับมือกันเดินริมชายหาด เคยทำเรื่องบ้าๆอีกมากที่ถ้าพ่อแม่นายรู้นายจะโดนกักบริเวณไปเป็นเดือน แต่ตอนนี้เรื่องทุกอย่างทำฉันขยะแขยง!”

“ถ้างั้นเธอก็คงรู้ว่าฉันเกลียดเธอขนาดไหน”

“ฉันไม่สนหรอก นายมันก็แค่ผู้ชายไร้หัวใจ นายไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความเชื่อใจคืออะไร อย่าพูดถึงเกลียดเลย” ฉันเดินห่างจากเขาเหมือนคนไม่รู้จักไปนั่งด้านหน้า

เมดิสันรอจะคุยกับฉันอยู่ก่อนแล้ว พอนั่งลงเธอก็ยื่นหน้ามาถามทันที “เธอคุยอะไรกับอาร์ซี่ ท่าทางไม่ดีเลย”

“เราแค่รำลึกความหลังกันนิดหน่อย”

“ความหลังแบบไหน”

“หมายความว่าไง”

“ความหลังที่ดีหรือตอนที่เธอสองคนทะเลาะกันจะเป็นจะตาย”

ฉันยิ้มเศร้า “เราไม่เคยมีความหลังที่ดีต่อกัน”

เมดิสันรู้ว่าฉันไม่อยากพูดถึงอาร์ซี่เลยเปลี่ยนเรื่อง “แล้วเธอมากับอาเธอร์ได้ไง นั่นมันหนุ่มฮอตของมหาลัยเลยนะ”

“ฉันแค่บังเอิญเจอเขา” ฉันยักไหล่ก่อนจะหยิบสมุดขึ้นมา

นักศึกษามานั่งรอเต็มห้องแล้ว เสียงคุยพึมพำดังไปรอบห้อง หัวข้อสนทนาไม่พ้นเรื่องของฉันและเพื่อนทั้งสาม ตอนนี้พวกเรากำลังดังมากๆ ถ้าย้อนกลับไปเมื่อสามสี่ปีก่อนหน้านี้ ตอนที่ฉันออกจากสถานสงเคราะห์และสอบชิงทุนเข้าโรงเรียนมัธยมเดียวกับลูกคนรวยทั้งหลายในเมืองนั่นก็เป็นข่าวดังมากพออยู่แล้ว แต่มันเป็นไปในแง่ดีนะ ทุกคนชอบฉันเพราะฉันเรียนเก่ง เล่นกีฬาก็ดีแถมยังเล่นดนตรีและร้องเพลงเป็นเลิศ ปกติลูกหลานคนรวยพวกนั้นไม่ค่อยสนใจการเรียนเท่าไหร่ อาจารย์ทุกคนเลยโปรดปรานฉันด้วย ถึงแม้จะเป็นตอนช่วงปีหนึ่งที่ฉันตกเป็นผู้ต้องสงสัยในข้อหาพยายามฆ่าฌากส์ เดวิยง ทุกคนก็ยังสนับสนุนฉันอยู่ หน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นถึงกับพาดหัวข่าว อย่ากล่าวหาความหวังของเรา และก็มีผู้คนออกมาเดินขบวนตะโกนคำว่า โปรดตัดสินด้วยความยุติธรรม! เพื่อให้ฉันหลุดรอดจากการเป็นเหยื่อของเดวิยงด้วย

แต่ฉันก็ไม่รอด เวอร์จิลต้องส่งฉันไปอยู่ที่อื่น แต่ระหว่างทางฉันเปลี่ยนเส้นทางด้วยตัวเองทำให้เขาหาไม่เจอและฉันก็ทำงานหาเลี้ยงตัวเองเป็นปีก่อนจะกลับมา

“เชล”

“หืม”

“ช่วงนี้เธอเหม่อๆนะ”

“ฉันทำงานหนักน่ะ” ฉันบอกปัด

“ตอนนี้เธอทำอะไรอยู่ที่ไหน” เมดิสันท้าวคาง เธอไม่สนใจอาจารย์ที่เดินเข้ามาเท่าไหร่

“ทำงานในคลับ พึ่งไปสมัครมาได้ตำแหน่งเด็กเสิร์ฟ”

“ซึ่งจะทำให้เธอมีรอยคล้ำใต้ตา” เธอเบ้ปากอย่างไม่ชอบใจ “กลับมาบ้านเราเถอะนะ”

“นี่”

“ก็ได้ๆ ไม่พูด” แล้วเธอก็เอามือตะครุบปาก จุดประสงค์หนึ่งก็เพื่อโชว์แหวนอาเมทิสต์นั่นด้วย

“แหวนเธอสวยดี” ฉันยอมเล่นไปตามเกม

“แหม ฉันไม่ได้ต้องการอะไรแบบนั้นสักหน่อย”

ฉันยิ้มหวาน เมื่ออาจารย์เริ่มสอนก็เลิกสนใจเมดิสันที่เริ่มหลับไปพร้อมๆกัน ฉันเหลือบมองเวอร์จิลที่นั่งอยู่ทางขวา เขากำลังวาดรูปอะไรบางอย่างอยู่ น่าจะเป็นแบบบ้านหลังใหม่ไม่ก็เฟอร์นิเจอร์ตกแต่งซึ่งจำเป็นต่อธุรกิจประจำตระกูล ส่วนอาร์ซี่นั่งหลังตรงเด๊ะ มองสิ่งที่ปรากฎบนจอโปรเจคเตอร์ตาแทบไม่กระพริบซึ่งนั่นคือสัญญาณว่าเขาไม่ได้ฟังแต่ทำเป็นหลอกอาจารย์ด้วยมาดนิ่งขรึม

ไม่มีใครตั้งใจสักคน เพราะแบบนี้พวกเขาเลยเอาแต่ลอกงานของฉันตลอด

ออดดดดดดดด

“สมุดของเชลต้องเป็นของฉัน!” เวอร์จิลตะโกนขึ้นมาตอนที่เสียงออดยังดังไม่ทันจบด้วยซ้ำ เขาฉกสมุดไปจากโต๊ะด้วยความเร็วแสงโดยมีมือของเมดิสันที่คว้าได้แต่อากาศตามไปติดๆ

“ส่งมันมานี่นะ”

“ไม่ ฉันได้ก่อน สมุดนี่ต้องเป็นของฉัน” เขายัดมันลงกระเป๋า

“เวอร์จิล นายอย่าทำเป็นคนไร้สมองหน่อยเลย คืนสมุดให้เชลซีไปเถอะ” อาร์ซี่ลุกยืนค้ำหัวและฉกกระเป๋าเวอร์จิลไปได้ด้วยความเร็วผิดกับท่าทางเอื่อยเฉื่อยของตัวเอง

“ไอ้บ้านี่ นายเองก็ลงเรียนวิชานี้ซ้ำเหมือนกัน อย่ามาเก๊ก”

“เอ๋”

“หุบปากไปซะ” เขาแยกเขี้ยว

“นี่พวกนาย...ลงเรียนวิชานี้ซ้ำเหรอ” ฉันกวาดตามองทุกคนไปมาขณะที่นักศึกษาคนอื่นทยอยออกไปจากห้อง “ลงเรียนวิชานี้เป็นรอบที่สองแล้วงั้นเหรอ กะอีแค่จิตวิทยาการเมืองเนี่ยนะ”

“หุบปากไปเลย!” ทุกคนตะโกนขึ้นมาพร้อมกัน

“ก็ได้ งั้นฉันกลับบ้านไปเล่นเกมล่ะ และคืนนี้น้าฉันก็จะรีบเข้านอนแต่หัวค่ำ ปิดโทรศัพท์ไม่ให้ใครโทรมารบกวน ล็อกประตูห้องให้เรียบร้อยและสั่งคนดูแลอพาร์ทเมนท์ว่าอย่าให้ใครขะ...”

“พอแล้ว เอาสมุดคืนไปและมาติวให้พวกเราด้วย”

“ไม่ ฉันจะต้องได้ติวกับเชลก่อน” เวอร์จิลประกาศ

“ไม่ พวกนายเรียนพร้อมกันน่ะแหละ”

“ไม่นะ” เขาร้องเสียงดัง

“เป็นอะไรของนายเนี่ยเวอร์จิล น่ารำคาญจริงๆ”

“เขาแค่ไม่อยากให้ใครเห็นความโง่ของตัวเองน่ะ” เมดิสันยิ้มเยาะ

“แมดดี้”

“บอกว่าอย่าเรียกแมดดี้ไง กรี๊ดดดดดด” ว่าแล้วเมดิสันที่เกลียดสุดๆเวลาใครมาเรียกชื่อเล่นแบบหวานแหววก็วิ่งไปกระชากผมเวอร์จิลและไล่ตีเขาไปรอบห้อง

“แบบนี้ทุกที” อาร์ซี่ถอนหายใจขณะมองสมุดของฉันที่พึ่งหยิบออกมาจากกระเป๋าเวอร์จิล เขามองมันนานมาก พลิกหน้าไปเรื่อยๆด้วยนิ้วมือเรียวยาวและลืมไปว่าฉันกำลังมองอยู่

ภาพนั้นทำเอาฉันหายใจไม่ออก นานมาแล้วอาร์ซี่ก็เคยทำแบบนี้

“ลายมือเธอเปลี่ยนไปหรือเปล่า เขียนตรงนี้ไม่เรียบร้อยเลย”

“ไหน” ฉันขยับเข้าไปใกล้และก้มมองตามนิ้วที่ชี้อยู่บนบรรทัด

“นี่ไง ตรงนี้”

“อ๊ะ ฉันรีบน่ะ” ฉันรีบดึงสมุดคืนมาและหันไปคุ้ยหาลิขวิดในกระเป๋า แต่...ทำไมฉันจะต้องแก้ไขมันแค่เพียงเพราะเขาออกความเห็นด้วยล่ะ

“เฮ้ย อาร์ซี่ ช่วยคิดหน่อยว่าฉันจะลงโทษแม้ดดี้ยังไงที่กล้ามาจิกหัวฉัน” เวอร์จิลตะโกนมาจากหลังห้องดึงให้เราสองคนหลุดจากภวังค์ ฉันรีบหันหลังหนีและหยิบโทรศัพท์ที่กำลังสั่นอยู่ขึ้นมาแทน

ฌากส์

“เชล เป็นอะไรหรือเปล่า”

“เปล่า แค่พี่ที่ทำงานโทรมาน่ะ ตกลงจะติววันไหนฉันจะได้จัดตารางถูก” ฉันตัดสายเพราะรู้ว่าเขาจะส่งข้อความมาแทน ก่อนจะยัดโทรศัพท์ลงกระเป๋าและคว้ามันมาถือเตรียมเดินออกจากห้อง

“วันอาทิตย์แล้วกัน ฉันจะไปรับ” เวอร์จิลตะโกนบอกขณะที่ฉันเดินมาถึงประตูห้องพอดี ฉันหันไปพยักหน้าบอกว่าเข้าใจแล้วรีบจ้ำอ้าวออกจากอาคารเรียน

ฌากส์ขอให้ฉันไปหา และถ้าอาร์ซี่รู้ เขาเอาฉันตายแน่

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา