THE HIDDEN SCENE

-

เขียนโดย Pukkie

วันที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 เวลา 11.50 น.

  8 chapter
  0 วิจารณ์
  7,544 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560 12.26 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) On the car oop!!!! NC18++ อัพ 50% นะคะ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     เมื่อคืนฉันนอนไม่หลับเลย รู้สึกเหมือนตอนที่แม่พาหนีออกจากเมืองนี้ใหม่ๆและเรากำลังอับจนหนทางและอดตาย ฉันจำได้ว่าตัวเองนั่งกอดเข่ามองดูความสิ้นหวังของแม่ หลังจากนั้นภาพเดิมๆก็เกิดขึ้นอีกหลายครั้งจวบจนแม่ตายตอนฉันอายุสิบสี่ ความรู้สึกสิ้นหวังและอึดอัดในฝันทำให้ฉันนอนลืมตาโพลงทั้งคืน

“เชล”

สงสัยจะอดนอนจนหลอนไปแฮะ

“เชลซี”

แต่เสียงแสดงความหงุดหงิดแบบนี้คงไม่ใช่ความหลอนของฉันเองแล้วล่ะมั้ง

“เธอเป็นอะไรหรือเปล่า”

มือหนาวางทาบบนหน้าผากฉันตามมาด้วยใบหน้าเคร่งขรึมที่ปรากฏตรงหน้า

“อาร์ซี่”

“อืม คิดว่าเป็นใคร” เขาดึงมือออกเพื่อจะไปยืนกอดอกท่าทางถือดีแบบที่ตัวเองถนัดแทน

“ทำไมนายมาอยู่นี่”

“อยู่ไหน บนถนนน่ะเหรอ ก็มันเป็นของสาธารณะใครจะใช้ก็ได้ไม่ใช่หรือไง” เขาเอียงหน้าไปทางรถคันหรูที่จอดเทียบอยู่ริมฟุตบาทโดยไม่กลัวว่านั่นคือการกระทำผิดกฎหมาย แต่ก็นั่นแหละ ถ้ามีเจ้าหน้าที่สักคนเดินมาหาเขามันก็คงจะเป็นญาติฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่รู้จักกันก็เท่านั้น

“อ่อ”

“อ่อบ้าอะไร เมื่อคืนได้นอนบ้างหรือเปล่า”

ฉันสั่นหัว “กลับจากทำงานก็ตีสองแถมฉันดันนอนไม่หลับอีก แย่จริงๆ”

“งั้นเธอไปกับฉัน” เขาทำท่าจะคว้ามือฉันไปจับแต่แล้วก็ชะงัก อา นั่นสินะ เดี๋ยวนี้เราไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนี่ ขนาดความเป็นเพื่อนเขายังแทบไม่อยากจะมีให้เลย ถึงวันนั้นเราจะฟัดกันจนเหมือนจะตายไปข้าง แต่พออยู่ข้างนอก ท่ามกลางสายตานับร้อยที่พร้อมจะเอาเรื่องที่เล็กน้อยที่สุดของเขาไปพูด อาร์ซี่ก็ต้องระวังมากขึ้น

“นายไปเถอะ ฉันนั่งรถอะไรไปก็ถึงมหา’ลัยทั้งนั้นแหละ”

“ไม่เป็นไร ฉันเห็นเธอยืนเหม่อๆริมถนน ยังไงก็มากับฉันเถอะ” พูดจบก็เดินนำไปก่อน แต่นั่นเป็นสัญญาณให้ฉันเดินตามไปโดยที่เขาจะไม่รับฟังคำปฏิเสธใดๆอีก ฉันก็เลยตามไปที่รถของเขาและเปิดประตูเข้าไปนั่ง

“นายมีเรียนเช้าเหรอ”

“อือ เวอร์จิลก็มีแต่มันไม่มา”

“เขายิ่งโง่อยู่ด้วย” ฉันย่นจมูกก่อนจะได้ยินอาร์ซี่หัวเราะหึๆ

“ใช่ เทอมนี้มันแพ้ฉันแน่”

“นายดูมีความสุขนะ”

“ฉันไม่ใช่คนเรียนเก่งจนกลายเป็นเรื่องธรรมดาแบบเธอนี่ เพราะฉะนั้นโอกาสเล็กๆน้อยๆที่จะชนะเวอร์จิลกับแมดดี้ก็ถือเป็นความสุขอย่างหนึ่ง” แล้วเขาก็หันมาคล้ายจะอยากให้ฉันเห็นด้วยฉันเลยต้องพยักหน้ารับส่งๆ “เดี๋ยวนี้ยังเล่นดนตรีอยู่หรือเปล่า”

“ยังเล่นอยู่”

“ฉันไม่เห็นกีตาร์ในห้องนอนเธอเลย”

ฉันไม่รู้ว่าเขาสนใจอย่างอื่นรอบตัวฉันนอกจากเซ็กส์ที่เขาได้ไปอย่างไม่จำกัด “นายสังเกตด้วยเหรอ”

“ความเคยชินมั้ง”

“อ้อ” ฉันตอบแบบไม่รู้จะพูดอะไร

“ยังชอบร้องเพลงอยู่มั้ย ตอนอาบน้ำฉันไม่ได้ยินเธอร้องเพลงเลย ปกติเธอจะร้องพะ..” เขารู้ตัวว่าพูดมากไปเลยค้างไว้แค่นั้น

“ยังร้องอยู่” ฉันทำตัวเป็นปกติ “แม่เป็นคนพยายามจะทำให้ฉันสมบูรณ์แบบในแบบของฉันเอง”

“คำนั้นน่าสนใจนะ ถ้าแม่ฉันคิดแบบนั้นบ้างก็คงดี”

“ปกตินายไม่เคยตำหนิแม่สักหน่อย”

“แม่แค่อยากให้ฉันเป็นในสิ่งที่แม่คิดว่าดี” เขายักไหล่ ซึ่งเป็นเรื่องแปลกมาก แม่ของอาร์ซี่จะบอกเสมอว่ามันเป็นกิริยาท่าทางของพวกไม่เอาไหน

“นายก็ยังพยายามเข้าใจเธออยู่ ช่างใจกว้างซะจริง” ฉันประชด

“การเป็นอาร์ซี่ในแบบของแม่ก็ไม่ได้แย่นักหรอก อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันอยู่ในสังคมของไพรด์ได้ง่ายขึ้น”

“ฉันเข้าใจ” ฉันมองออกไปที่ถนน ทิวทัศน์ผ่านตาไปเป็นภาพรางๆ แต่อาร์ซี่ขับรถไม่เร็วนักภาพพวกนั้นเลยยังไม่ถึงกับเบลอ “รู้มั้ย แม่เองก็หวังลึกๆให้ฉันเป็นแบบออร์ซินีด้วยนะ”

“แบบไหน คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าของจักรวาลน่ะเหรอ”

ฉันหัวเราะเบาๆ “เป็นคนที่มั่นใจในตัวเองและมีเกียรติน่ะ”

“แม่เธอแค่รักพ่อของเธอมากก็เท่านั้นเอง อันที่จริงเธอเป็นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว”

“ฉันก็ว่างั้น ตอนอยู่มหา’ลัยเก่าพวกเขาชื่นชมฉันมาก”

“แสดงว่าต้องมีคนมาขอคบกับเธอเยอะน่ะสิ”

“ฉันอยู่ชมรมการละคร พวกนั้นชอบสาวๆจากชมรมนี้มาก ฉันเลยพลอยฮอตไปด้วย”

อาร์ซี่นิ่วหน้า “เธอเปลี่ยนคนควงบ่อยเหมือนแม้ดเหรอ”

“แค่ไม่ได้คบใครจริงจังต่างหาก”

“หมายความว่าแค่เซ็กส์ พอเบื่อแล้วก็ทิ้งหรือไง”

“แล้วนายจะสนทำไม” ฉันมองเขาก่อนจะเห็นความไม่พอใจบนใบหน้าคมเข้มแล้วก็ได้ความกระจ่าง “เดี๋ยวนะ นายไม่ชอบใจที่ฉันนอนกับคนอื่นเหรอ”

“ก็สรุปว่าเธอใช้ผู้ชายเปลืองมาก”

ฉันหัวเราะเสียงดัง “เปล่า ไม่ใช่ ฉันแทบไม่ได้มีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับใครเลย แต่...นายก็ไม่เห็นต้องแคร์เลยนี่” ฉันโคลงหัว “เราเป็นแค่แฟนเก่ากัน นายเป็นคนพูดเอง”

“ก็ใช่” เขาตอบเสียงเย็น

“แต่นายไม่พอใจ”

“นั่นก็ใช่”

“ทำไม”

เขามองฉันเป็นเชิงตำหนิ “เธอเป็นผู้หญิง จะมั่วแบบนั้นไม่ได้แล้วตอนนี้เธอกับฉันก็...”

“ก็อะไร ฉันบอกนายแล้วว่าไม่อยากให้มันเลยเถิด แต่นายอยากขอให้ฉันใช้ปาก ฉันก็ทำให้จนนายทนไม่ไหวเอง” ฉันพูดอย่างเป็นต่อ ยิ่งเห็นเขาเสียท่ายิ่งอยากแกล้ง

“ฉันอยากรู้ว่าใครมันจะไปทนไหว” เขาพูดเสียงขรึม

“ไว้ฉันลองแล้วจะมาบอกนะ”

“เชล!”

“นายไม่ได้เป็นแฟนฉันซักหน่อย อย่ามาทำเป็นหึงหวงไปหน่อยเลย”

“ฉันเปล่า” อาร์ซี่กำพวงมาลัยรถแน่น

“งั้นถ้าฉันควงอาเธอร์นายคงไม่ว่ากันนะ”

“ไม่ได้!!” อาร์ซี่ตะโกนแล้วหักพวงมาลัยรถเข้าข้างทางกะทันหันจนหน้าฉันเกือบจะทิ่มกับคอนโซล

“เฮ้ย อย่าขับรถแบบนี้สิ เกิดตายขึ้นมามันไม่คุ้มนะ” ฉันโวยวายก่อนจะสำรวจตัวเองว่าทุกอย่างยังอยู่ครบ32 ไอ้บ้านี่ บทจะบ้าก็เหมือนหมาเลย

 “ลงมา” อาร์ซี่ปดเข็มขัดนิรภัย

“อะไร”

“ลงมา”

ฉันกลอกตา ถ้าไม่ทำตามวันนี้ทั้งวันคงไม่ต้องไปเรียน “มีอะไร”

“เข้าไป”

ฉันมองตามสายตาเขาด้วยความงงงวย เบาะหลังรถเนี่ยนะ? จะให้ขึ้นๆลงๆทำไมเนี่ย “เอาล่ะ ฉันเข้าใจว่านายรำคาญที่ฉันพูดมาก แต่ถ้าให้ฉันนั่งข้างหลังนายก็จะเป็นเหมือนคนขับรถของฉัน แบบนั้นนายยอมได้เหรอ”

“ฉันจะเอาเธอตรงนี้” เขาตอบแล้วดันฉันเข้าไปอย่างแรง

“อะไรนะ”

“มีตรงไหนไม่เข้าใจเหรอ” อาซี่ปลดกระดุมกางเกงของตัวเองแล้วตามมาประชิดจากทางด้านหลัง “ถอด”

“นายจะมาทำกับฉันแบบนี้ไม่ได้นะ แล้วนี่มันก็บนรถที่จอดอยู่ข้างถนน ถ้าใครผ่านมา...”

เขาปิดปากฉันด้วยปากตัวเอง เวลาโมโหอาร์ซี่จะทำอะไรรุนแรง ฉันเลยต้องตีเขาเพื่อให้ถอนจูบ แต่เขากลับขบริมฝีปากฉันเสียแรง “เจ็บ” ฉันแตะที่ปากตัวเองด้วยความโมโห

“งั้นก็อย่ายั่วโมโหสิ” เขาดึงกระโปรงฉันขึ้นจนเห็นกางเกงในสีแดงสด ตัวนี้เมดิสันพึ่งซื้อให้ ต้องมาโชว์อีตานี่อีกแล้ว ให้ตายเถอะ “สวย”

“สวยอะไร อาร์ซี่ ทำตรงนี้ไม่ได้นะ” ฉันเอื้อมมือไปเปิดประตูรถอีกดด้านแต่เขาดึงมือฉันแล้วกดลงกับเบาะ

“ที่มันแคบ อย่าดิ้นสิ”

“อาร์ซี่ ไม่เอา” ฉันกระเสือกกระสนจะไปออกที่ประตูหน้าแต่เขารั้งเอวฉันไว้แล้วลากไปนั่งตัก

“ท่านี้ก็ดี” อาร์ซี่แรงเยอะมาก ขนาดฉันทั้งถีบทั้งข่วนเขายังรัดฉันไว้กับตัวได้

“ฮึ้ย” ฉันร้องอย่างขัดใจเมื่อเขางัดท่อนเอ็นตัวเองออกมาแล้วพยายามจะจ่อให้มันตรงร่องสวาท น่าแปลกที่ฉันดิ้นหนีแทบตายแต่ส่วนล่างกลับขมิบรอรับท่อนเอ็นของเขาอย่างไม่อาย

แม่งเอ๊ย ฉันเกลียดตัวเองก็แบบนี้

“เชล แป๊บเดียว ฉันสัญญา” เขารูดกางเกงในฉันไปกองไว้ที่ขาแล้วดันสะโพกสวนขึ้นมาอย่างตรงจังหวะ

“โอ๊ยย”

“อยากเหมือนกันนี่ หืม” อาร์ซี่จับเอวของฉันให้ขยับรับกับท่อนเอ็นอย่างเอาแต่ใจ “สุดยอดเลย เชลจ๋า”

“ฉันไม่ได้อยากซักนิด”

“เหรอ แล้วทำไมร่องเธอมันตอดฉันขนาดนี้นะ”

“ก็..อ๊า” ฉันพูดไม่เป็นคำพอโดนแทงสวนขึ้นมาแบบนี้ อาร์ซี่ขยำนมฉันจนเป็นรอยแดง เขารำคาญเสื้อที่คอยจะตกมาปกคลุมร่างกายท่อนบนของฉันก็เลยเร่งเร้าให้ฉันถอดออกขณะที่ตัวเองก็บดสะโพกเข้าใส่อย่างเมามันส์ “อย่าทำ...แรง ฉันต้องปะ...ไปเรียน อื้อๆๆๆๆ”

อาร์ซี่สูดหายใจแรง “ก็ไปเรียนทั้งอย่างนี้ไง” อารมณ์เขากระเจิดกระเจิงไปหมด เพราะยิ่งฉันห้ามเขาก็ยิ่งทำแรงขึ้นจนรถโยกไปมา พอจะเสร็จไม่เสร็จเขาก็ไม่ยอมแตก แถมยังเอาท่อนเอ็นออกมาให้ฉันดูดเลียเป็นพักๆก่อนจะเอากลับเข้าไปใหม่ ทำอย่างนี้อยู่นานจนฉันลืมเวลา ลืมโลกข้างนอกและนอนอ้าขาให้เขากระแทกใส่ไม่ยั้ง ฉันได้แต่จิกเล็บกับต้นแขนเขา สายตาจับจ้องที่ใบหน้าบิดเบี้ยวเหยเกเพราะความเสียวและหื่นกระหาย

“จะแตกแล้วว แน่นชิบ แม่งๆๆ” เขาสบถแล้วก้มลงมาจูบปากฉันอย่างแรง

“ห้ามแตกในนะ”

“จ้ะ” เขาตอบปนเสียงหอบ เอวก็ยังดันเข้าดันออกไม่รู้จักหยุด “แตกคาปากได้มั้ย”

“ไม่ได้ ต้องไปเรียน” ฉันดันตัวขึ้นเพื่อรอรับน้ำของเขา

อาร์ซี่รั้งตัวฉันไว้ไม่ให้ขยับหนี “ได้ดิ”

“บะ...เบาหน่อย”

เสียงกระแทกดังปั้บๆของเราสองคนทำให้ฉันรู้ว่าเขาใกล้จะเสร็จเต็มที

“อ้าปาก”

ฉันเอื้อมมือไปหาทิชชู่แต่อาร์ซี่ไวกว่ามาก เขาปล่อยน้ำสีขาวขุ่นกระฉูดใส่หน้าฉันโดยไม่ทันตั้งตัว “อ๊าย”

“กินให้หมด ทำให้ฉันเห็นว่าเธอชอบมัน” เขาใช้ท่อนเอ็นปาดน้ำที่กระเซ็นเลอะแก้มกับคางเข้าปากฉันแล้วก็ถอยไปมองผลงานตัวเองด้วยความพึงพอใจ “เธอเซ็กซี่จัง”

“แหงสิ เลอะไปด้วยความคาวขนาดนี้” ฉันยันตัวขึ้นจากเบาะด้วยความยากลำบาก ความรู้สึกที่โดนท่อนเอ็นโลมไล้ไปทั่วตัวกับตอนที่มันเข้ามาในตัวฉันแล้วให้ความรู้สึกอุ่นร้อนและเสียวซ่านทำฉันหมดเรี่ยวแรงแล้วจริงๆ

“ฉันเป็นคนที่น่าอิจฉาที่สุดในโลก” เขากอดอกมองฉันด้วยความภูมิใจ

“นายชักจะเหมือนเวอร์จิลเข้าไปทุกที” ฉันมองเขาที่เสื้อผ้ายังอยู่ครบ มีแต่ท่อนเอ็นที่โผล่ออกมาตรงซิป เปรียบกับตัวเองที่เสื้อผ้ากระเด็นไปคนละทิศละทางด้วยความหงุดหงิด “หมอนั่นก็โคตรมั่นใจในตัวเองแบบเนี้ย ทำอย่างกับผู้หญิงไม่มีความรู้สึก เอะอะก็จับถอดเสื้อผ้า หาที่มุดเข้าไปได้ก็งัดดุ้นออกมาเสียบๆๆ”

“ฉันว่าฉันไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกแบบนั้นนะ เราเป็นทีมเวิร์ค บางทีเธอก็ชอบขึ้นขย่มเอง ผลัดเปลี่ยนกันไป ส่วนไอ้เวอร์จิลมันมั่ว มันก็ไม่สนสิว่าผู้หญิงจะเป็นยังไง อีกอย่าง หมอนั่นไม่ได้ผู้หญิงเก่งแบบที่ฉันได้หรอก” เขาโน้มตัวมาจูบแก้มฉัน “คนเก่ง”

“ไม่รู้จะดีใจดีไหม” ฉันพึมพำขณะหยิบบราขึ้นมา

“ดีใจสิ ฉันอยากจูบ อยากกอด อยากยัดของฉันใส่ปากให้เธอดูดเลียเล่น แบบนี้ไม่น่าดีใจตรงไหน” เขาเอียงคอ เวลาอาร์ซี่แสดงอารมณ์อย่างอื่นนอกจากเย็นชา หัวใจของฉันจะกระตุกวูบเพราะความรักที่แวบเข้ามาและฉันก็ต้องระงับมันเอาไว้

“ไม่เอา ไม่พูดทะลึ่งแล้ว ไปเรียนดีกว่า”

“ไม่ต้องไปเรียนแล้วได้มั้ยอ่า” เขาหยิบกางเกงในที่เปื้อนคราบของฉันไปถือไว้ในมือ

“ไม่ได้”

“ไปแบบนี้ใครเห็นก็ต้องรู้ว่าเธอพึ่งโดนเอา”

“อาร์ซี่!”

“อะไร พูดความจริงแล้วรับไม่ได้หรือไง”

“ไม่เถียงด้วยแล้ว เสียเวลา แต่งตัวเร็วเข้า จะได้ไปกันซักที” ฉันเตรียมใส่บราแต่เขาปราดเข้ามาแล้วก็ติดตะขอให้อย่างรู้งาน

“ช่วย”

“ขอบใจ” ฉันยอมให้เขาใส่กางเกงในให้ ชั่วขณะที่เขาคุกเข่าอยู่ในพื้นที่คับแคบนี่ ฉันก็นึกรักเขาขึ้นมาจับใจ ผู้ชายยโสโอหัง ปากคอเราะร้ายกำลังก้มหน้าก้มตาสวมชุดชั้นในให้ผู้หญิงคนนึง ถึงเขาจะร้ายกาจแค่ไหน แต่เขาก็ยังมีมุมเล็กๆที่ทำให้ฉันรักได้ไม่เปลี่ยน

“เสร็จแล้ว” อาร์ซี่จูบเนินเนื้อฉันเบาๆ “คนสวยของฉัน”

“ฉันไม่ใจอ่อนหรอกย่ะ”

เขายิ้มแล้วหันไปสวมเสื้อผ้าให้ตัวเองอย่างรวดเร็ว “ฉันไปนั่งเรียนด้วย”

“นายไม่ได้ลงวิชานี้”

“แล้วไง” เขาปีนกลับไปนั่งฝั่งคนขับ คาดเข็มขัดแล้วก็หันมาเลิกคิ้วเมื่อฉันยังเก้ๆกังๆอยู่ด้านหลัง “ไม่ไปเหรอ”

“ไปย่ะ” ฉันตามไปนั่งฝั่งผู้โดยสารแล้วเราสองคนก็ไปมหา’ลัยพร้อมกัน โดยที่ฉันพึ่งถูกน้ำรักพุ่งกระฉูดใส่หน้าและอาร์ซี่เองก็ยังเป้ากางเกงตุงอยู่

เยี่ยมเลย! ฉันนี่แรดอย่าบอกใคร

 

แกรรรรรรร๊ ถ้าเม้นเค้าจะมาอัพต่อ ฟินกันต่ออออ/กราบ 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา