เพชรเปื้อนดิน

-

เขียนโดย วาฬดิน

วันที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 20.42 น.

  5 ตอน
  1 วิจารณ์
  5,964 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 มกราคม พ.ศ. 2561 04.55 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ของเล่นใหม่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

        “ถอยเข้ามาเลยครับ!”

        เจ้าของบ้านตะโกนเสียงดังพร้อมกับโบกมือเป็นสัญญาณให้เคลื่อนรถเข้ามาภายในรั้วบ้านก่อนเป็นอันดับแรก ชายวัยกลางคนในเสื้อโปโลสีขาวพยักหน้ารับคำ ก่อนจะเดินกลับไปประจำที่นั่งคนขับแล้วค่อยๆถอยรถเข้ามาภายในพื้นที่บ้านอันกว้างขวางโอ่อ่าโดยมีพิชิตเป็นคนมองหลังให้พร้อมโบกมือเป็นสัญญาณ  เพียงชั่วไม่กี่อึดใจ รถตู้สีขาวหลังคาสูงคันนั้นก็เข้ามาจอดนิ่งสนิทภายในลานหน้าบ้านที่ขนาบสองข้างด้วยสนามหญ้าขีเสียวขจีที่ถูกตัดให้เรียบเตียนได้ระดับ พิชิตยกแขนขึ้นดูนาฬิกาข้อมือขณะนั้นเป็นเวลา 9 นาฬิกาเศษ

        “มาช้าจังนะครับ ผมนั่งคอยตั้งนานแล้ว” พิชิตยืนหันด้านข้างให้กับแขกผู้มาเยือน แล้วกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงห้วนๆ ก่อนจะยกแก้วกาแฟขึ้นดื่มอึกสุดท้ายและวางมันลงกับโต๊ะ สีหน้าของเขาดูไม่ค่อยจะสบอารมณ์นัก

        “ข...ขอโทษจริงๆครับ คือ...” คนขับรถตู้ทำหน้าตื่นพูดตะกุกตะกัก แต่ถูกพิชิตยกมือขึ้นปรามไว้ จึงได้แต่ก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาเขา

        “รีบลงมือเถอะครับ”

        เจ้าของบ้านหนุ่มกลับไปนั่งที่เก้าอี้ตัวเดิม คว้าโทรศัพท์สมาร์ทโฟนขึ้นมาเขี่ยหน้าจอเล่นอย่างไม่มีจุดหมาย ปล่อยให้ชายร่างท้วมผมหงอกขาวเกือบทั้งศีรษะจัดการกับของที่บรรทุกมาในรถเพียงลำพัง บนท้ายรถนั้นเต็มไปด้วยกล่องกระดาษหลายขนาดหลากสีสันวางกองพะเนินจนแน่นขนัดไปหมด กล่องขนาดย่อมๆเหล่านั้นถูกลำเลียงลงมาวางไว้ที่พื้นนอกตัวรถนับรวมกันได้ 14 กล่อง เหลือเพียงกล่องที่ใหญ่ที่สุดที่ยังคงตั้งอยู่ที่กึ่งกลาง มันเป็นกล่องกระดาษสีน้ำตาลอ่อนสูงราวเมตรเศษ กว้างราวครึ่งเมตร ถูกพันธนาการด้วยสายรัดพลาสติกสีขาวหลายเส้น ตรึงรั้งไว้อย่างแน่นหนากับห่วงโลหะที่ติดอยู่กับตัวรถ คนขับรถตู้เริ่มหันรีหันขวางคล้ายกับจะต้องการความช่วยเหลือ แต่เมื่อเห็นเจ้าของบ้านยังคงนั่งนิ่งสนใจอยู่แต่กับโทรศัพท์ในมือก็ลอบถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะกดสวิทช์บางอย่างให้พื้นที่บรรทุกด้านหลังเอียงลงในลักษณะเป็นทางลาด แล้วรีบยืนตั้งหลักเพื่อรับน้ำหนักของลังขนาดใหญ่ใบนั้นขณะที่มันกำลังจะไหลลงมาตามทางลาดเอียง แต่จะด้วยความประมาทเลินเล่อ หรือเป็นเพราะน้ำหนักอันมากมายเกินไปก็ไม่ทราบได้ กล่องเจ้าปัญหานั้นไถลลงมาเร็วเกินกว่าที่ชายชราจะต้านน้ำหนักไหว ส่วนล่างของกล่องนั้นกระแทกเข้ากับพื้นอย่างจังส่งเสียงดังครืน พร้อมกับชายชราที่หงายท้องก้นจ้ำเบ้า

        “ระวังหน่อย!”

        พิชิตผุดลุกขึ้นจากที่นั่งในทันที แล้วรีบเข้ามาฉุดคนขับรถตู้ให้ลุกขึ้น ก่อนจะใช้เท้าเขี่ยข้าวของที่ถูกเขาล้มลงไปชนกลิ้งกระจัดกระจายให้กลับมาเข้าที่ตามเดิม

        “เจ็บตรงไหนรึเปล่าเนี่ยลุง”

        “ม...ไม่เป็นไรครับ ผ...ผมไม่ทันระวัง” ชายชราพูดตะกุกตะกักเหมือนคนติดอ่าง ตาของเขาเหลือกโปน สีหน้าเต็มไปด้วยความวิตกกังวล       

        “ช่างมันเถอะ เดี๋ยวจากนี้ผมจัดการต่อเอง”

        “ต...แต่...”

        “ไม่ต้องห่วง ผมไม่ฟ้องเจ้านายคุณหรอก”

        คนขับรถตู้ตัดสินใจอยู่ชั่วครู่ แต่เมื่อเจ้าของบ้านยังคงยืนกรานแน่นหนัก จึงต้องจำใจปฏิบัติตามอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก

        หลังจากรถตู้สีขาวหายลับพ้นบริเวณรั้วบ้านไปแล้ว ชายหนุ่มจึงเดินกลับมายังที่นั่งตัวเดิม โดยกระโดดเขย่งเกงกอยข้ามกองข้าวของที่วางเกะกะขวางทางอยู่อย่างไม่ได้แยแสกับมันมากนัก สำหรับเขาพวกมันเป็นแค่ “ของเล่น” ที่เขาแค่นึกอยาก “ลองเล่น” เท่านั้น แต่สิ่งที่ดึงดูดความสนใจของเขาในขณะนี้จนทำให้ชายผู้หลงไหลในความท้าทายอย่างพิชิตตาลุกวาว กลับเป็นข้อความบางอย่างที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์แบบสมาร์ทโฟนของเขาก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุเมื่อครู่

        “ขอเชิญร่วมการแข่งขันเอ็นดูโร่ชิงแชมป์ประเทศไทย กับเส้นทางพิชิตยอดเขาโกรกในตำนาน ชิงเงินรางวัลเงินสดหนึ่งแสนบาท”

        อาการของเขาเต็มไปด้วยความปิติร้อนรน อันที่จริง เงินหนึ่งแสนบาทหาได้อยู่ในความสนใจของเขาแม้แต่น้อย เงินจำนวนนี้ เขาเพียงแค่กระดิกนิ้วไม่กี่ทีก็ได้มาอย่างไม่ยากเย็นนัก แต่สิ่งที่กระตุ้นทิฐิของเขากลับเป็นคำว่า ”ชิงแชมป์ประเทศไทย” ต่างหาก สำหรับเขามันช่างเย้ายวนชวนให้กระเหี้ยนกระหือรือ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเขามีดีกรีเป็นถึงนักแข่งอาชีพ ในกีฬาประลองความเร็วหลายแขนง และได้ฝากชื่อเสียงไว้พอตัว กับอีแค่จะลงแข่งรถมอเตอร์ไซค์ประเภทวิบากบ้างก็ไม่เห็นจะยากเย็นตรงไหน ว่าแล้วเขาก็จัดแจงลงชื่อสมัครเข้าร่วมแข่งขันทันทีโดยไม่ใส่ใจในรายละเอียดของการแข่งขันเลยแม้แต่นิดเดียว ก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับข้าวของที่วางระเกะระกะอยู่ตรงหน้าด้วยอาการกระหยิ่มยิ้มย่อง

        เขาตรงเข้าไปยังลังกระดาษขนาดใหญ่ที่สุดก่อนเป็นอันดับแรก จัดแจงยกฝา กล่องด้านบนออก ใช้มือล้วงเอาแผ่นโฟมกันกระแทกที่ปิดอยู่ออกมาโยนทิ้งไว้ข้างๆ ก่อนจะยกผนังกล่องด้านข้างที่มีความสูงราวเมตรเศษออกอย่างระมัดระวัง ทันทีที่ผนังกล่องถูกยกขึ้น กลิ่นฉุนๆของวัสดุประเภทยาง พลาสติก และโลหะ ก็ลอยมาแตะจมูก มันทั้งฉุนทั้งหอมผสมปนเปกันอย่างบอกไม่ถูก และสิ่งที่ปรากฎแก่สายตาของเขาก็คือ โครงของรถมอเตอร์ไซค์วิบาก หุ้มด้วยเปลือกข้างทำจากพลาสติกเกรดดีเยี่ยมสีขาวตัดเหลือง และมี สติกเกอร์ตัวอักษร “H” สีน้ำเงินขนาดใหญ่แปะอยู่ที่กึ่งกลางด้านหน้า วงล้ออลูมิเนียมสีดำเงารัดด้วยยางดอกหนามลายดุดันประเภท “ออฟโร้ด” ถูกตรึงไว้กับช็อคอัพหน้ายี่ห้อ ไวท์ เพาเวอร์ ต้นเท่าแขน เบาะนั่งรูปทรงโฉบเฉี่ยวสีน้ำเงินเข้มวางอยู่บนเปลือกท้ายสีขาวที่แหลมเรียวจนสุดปลายด้านหลัง เขานิ่งงันไปชั่วขณะเหมือนต้องมนต์สะกดจากเจ้าม้าศึกสัญชาติสวีเดนยี่ห้อ ฮุสวาน่า รุ่น เอฟ-อี 350 คันนี้เข้าให้แล้ว เพราะตั้งแต่เขาตัดสินใจควักเงินซื้อเจ้าสิ่งนี้มา เขาก็พึ่งจะได้เห็นมันชัดๆเป็นครั้งแรกครั้งนี้เอง ก่อนหน้านี้เป็นเพียงการมองผ่านๆจากใบโบรชัวร์ ซึ่งเขาก็หลับหูหลับตาจิ้มเอาเจ้านี่มาอย่างง่ายๆด้วยนิสัยใช้จ่ายแบบไม่พิถีพิถันนัก

        “หือ...สูงเอาเรื่องนะนี่”

        พิชิตกล่าวกับตัวเอง หลังจากจัดการเอาสิ่งกีดขวางทั้งหมดออกเรียบร้อย เขาใช้มือทาบระดับความสูงจากบนเบาะเทียบกับลำตัวก็พบว่ามันสูงเหนือกว่าระดับเอวของเขาพอสมควร ก่อนจะทดลองขึ้นไปนั่งคร่อมบนเบาะที่สูงชะลูดและเตะขาตั้งข้างขึ้น ดึงรถให้ตรงตั้งฉากกับพื้นจนขาของเขาเหยียดเขย่งทั้งสองข้าง เหลือเพียงส่วนปลายเท้าเท่านั้นที่สามารถวางถึงพื้นได้ จากนั้นจึงสตาร์ทเครื่องยนต์ ใช้เท้าซ้ายตบเกียร์ 1 ดังปั้ก แล้วบิดคันเร่งจนเสียงเครื่องยนต์คำราม พร้อมกับปล่อยคลัทช์ไฮดรอลิคที่มือซ้าย ทันทีระบบส่งกำลังถูกเชื่อมต่อ เฟืองสเตอร์หน้าก็หมุนกระชากส่งแรงบิดผ่านสายโซ่ไปยังล้อหลัง พาให้รถเคลื่อนทะยานไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนคนขับแทบหงายหลังพร้อมกับล้อหน้าที่ยกลอยขึ้นจากพื้นจนเกือบจะตั้งฉาก พิชิตเอ็ดตะโรเสียงหลงด้วยความตกใจ โชคยังดีที่เขาตั้งสติได้ทันรีบใช้เท้าขวาแตะที่ก้านเบรคหลังเบาๆจนล้อหน้าที่ลอยอยู่ตกลงมาที่พื้นตามเดิมโดยไม่เกิดอันตรายถึงกับหัวร้างข้างแตก ด้วยความที่ไม่ได้ตั้งตัวเตรียมรับมือกับอาการพยศของเจ้าอาชาสายพันธุ์สวีเดนตัวนี้ พิชิตยอมรับว่ามันทำให้เขาตกใจอยู่ไม่น้อย

        “นึกไม่ถึงว่ารถสูบเดียว 350 ซีซี จะดุได้ขนาดนี้”

        เขาคิดในใจ ก่อนจะดับเครื่องยนต์แล้วกลับไปนั่งลงยังที่นั่งเดิมของเขาอย่างกริ่งเกรงในความก้าวร้าวดุดันผิดกับรูปลักษณ์ที่ดูบอบบางของเจ้าอาชาสีขาวน้ำเงินคันนี้ เสียงชีพจรยังคงเต้นแรงเป็นจังหวะถี่ยิบเหมือนรัวกลองดังก้องอยู่ในโสตประสาท พลางคิดทบทวนถึงประสบการณ์การแข่งขันต่างๆที่เขาเคยผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ทางเรียบ หรือแม้แต่เจ็ทสกี ไม่มีพาหนะชนิดไหนที่ทำให้เขาบังเกิดอาการตกประหม่าถึงเพียงนี้ กับเครื่องยนต์ที่เล็กกะจิ๋วแต่ทว่าแฝงด้วยขุมพลังอันดุดันร้ายกาจที่พร้อมให้เรียกใช้งานทันทีที่บิดคันเร่ง ในนาทีนี้เขารู้สึกราวกับค้นพบกระบี่หยกเนื้องาม ที่เขาจะพามันโลดแล่นไปในยุทธภพอันกว้างใหญ่ไพศาล พลันคิดไปว่า หากเขาสามารถควบมันเข้าเส้นชัย ชิงความเป็นที่หนึ่งมาได้ มันก็จะเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จของเขาที่น่าภูมิใจทีเดียว

        เขารีบคว้าโทรศัพท์สมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุดของเขาขึ้นมาค้นหาคลิปวีดีโอการแข่งขันเอ็นดูโร่ที่มีอยู่มากมายในโลกออนไลน์ พยายามจะเรียนรู้จากมัน ศึกษากฏกติกา ตลอดจนศึกษารูปแบบต่างๆของสนามที่เขาอาจจะต้องเจอในการแข่งขัน ซึ่งเขาดูๆแล้วก็ไม่น่าจะยากเย็นนัก เพียงแต่ขอให้ได้ฝึกซ้อมให้คุ้นชินกับรถของเขาเป็นอันใช้ได้ ส่วนในเรื่องของความเร็วนั้น เขามั่นใจว่าไม่เป็นสองรองใครในเรื่องนี้

       

        <ออด...ออด...เสียงสั่นเป็นจังหวะของโทรศัพท์ของพิชิต>

 

        “สวัสดีครับ พิชิตครับ”

        “ฮัลโหล พี่พิชิต ทำไมไม่รับโทรศัพท์แอนเลยคะ”

        “อ้าว แอนเองเหรอ ทำไมใช้เบอร์นี้โทรมา”

        “ก็ถ้าแอนใช้เบอร์ตัวเอง พี่พิชิตก็ไม่รับโทรศัพท์แอนน่ะสิคะ”

        “......”

        “เรื่องของเราว่ายังไงคะ”

        “ว่ายังไง คืออะไรเหรอ?”

        “พี่ทำอะไรไว้ พี่รู้อยู่แก่ใจนะคะ พี่คงไม่อยากให้แอนเอาเรื่องของเราไปโพนทะนาไม่ใช่เหรอคะ”

        “แล้วแอนจะให้พี่ทำยังไง”

        “แต่งงานไงคะ”

        “แอนก็รู้ว่าพี่เป็นคนยังไง พี่แต่งงานกับแอนไม่ได้หรอก”

        “ถ้างั้นก็อย่าหาว่าแอนไม่เตือนนะคะ”

        “......”

 

        <ตู๊ด...ตู๊ด...ตู๊ด...>

 

        “ให้ตายสิวะ น่ารำคาญชิบ” พิชิตโพล่งออกมาอย่างหัวเสีย ในยามนี้คงไม่มีสิ่งใดกวนใจเขาได้มากกว่าดาราสาวสัญชาติไทย - ออสเตรเลียคนนี้อีกแล้ว เธอมีดีกรีเป็นถึงดารานางแบบนิตยสารชื่อดัง ที่คอยตามตอแยเขาไม่เลิก ต่างจากคนอื่นๆที่เข้ามาในชีวิตเขาเพียงข้ามคืนแล้วจากไป

        “กำลังอารมณ์ดีอยู่แท้ๆ ยัยนี่ทำเสียเรื่องหมด” เขาส่ายหัวดิกอย่างฉุนๆ ก่อนจะปรับอารมณ์ให้เป็นปกติ ยกโทรศัพท์สมาร์ทโฟนขึ้นมาถ่ายรูปคู่กับรถของเขาแชร์ออกไปในโลกโซเชียลเน็ตเวิร์คตามประสาคนขี้อวด พร้อมใส่แคปชั่นประกอบภาพว่า “พร้อมลุยแล้วครับ” ซึ่งผลก็เป็นไปอย่างที่เขาคาดไว้ บรรดาเพื่อนฝูงในโลกออนไลน์ต่างเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างล้นหลาม เขาได้แต่ยิ้มกริ่มด้วยความปลื้มใจระหว่างที่เลื่อนอ่านความคิดเห็นเหล่านั้น แต่แล้วก็ต้องสะดุดกับความคิดเห็นหนึ่งที่เขาเกือบจะเลื่อนผ่านไปด้วยความที่ไม่รู้จักกับเจ้าของความเห็น

        “รถสวย...อยากลองของมั้ยครับ”   

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา