สยบรักเมียบำเรอ

7.2

เขียนโดย Phaky

วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.23 น.

  41 ตอน
  3 วิจารณ์
  35.49K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 มกราคม พ.ศ. 2561 13.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

11) โจรปล้นสวาท

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เว็บขีดเขียน

 

‘ฮึ! หลับสบายเชียวนะ!’

ร่างสูงค่อยๆวางเข่าลงบนเตียงนอนหนานุ่มที่มีร่างเล็กบางของช่ออัญชันนอนหลับอยู่ช้าๆ ระวังไม่ให้ทิ้งน้ำหนักมากไปจนเตียงยุบยวบส่งผลให้คนหลับตกใจตื่น ดวงตาคู่คมทอดมองร่างเล็กบนเตียงอย่างหมั่นไส้ที่เจ้าตัวนอนหลับพริ้มอย่างสบายใจ แต่นั่นเป็นเพราะไร้แสงไฟจึงทำให้อาชาวินมองไม่เห็นคราบน้ำตาที่เปรอะแก้มนวลก่อนจะผล็อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

 ผิดกับเขาที่อย่าว่าแต่ข่มตาหลับเลย แค่นั่งเฉยๆไม่ให้จิตใจฟุ้งซ่านก็ทำได้ยากเย็นเต็มที เพราะสมองมันเอาแต่ถวิลหาและนึกถึงแต่ภาพร่างบางเปล่าเปลือยขาวนวลของช่ออัญชันแทบจะตลอดเวลา ยิ่งนึกถึงคำพูดของบิดาที่บอกว่าจะพาหญิงสาวไปอยู่ที่เกาะจันทร์ฉายในวันรุ่งขึ้น ก็ยิ่งทำให้เขาอยู่ไม่เป็นสุข รู้สึกว่าทุกที่ที่เขานั่งมันเหมือนมีกองไฟร้อนๆสุมเอาไว้จนเขานั่งไม่ติด

นั่นเพราะเกาะจันทร์ฉายเป็นเกาะส่วนตัวที่บิดาเขาเพิ่งเซ้งต่อทั้งเกาะกับกิจการโรงงานทำกะทิแปรรูปมาจากเพื่อนคนหนึ่งเมื่อประมาณสองสามเดือนมานี้ เพื่อนของอัลเฟรดต้องย้ายไปอยู่กับลูกสาวที่ต่างประเทศและคงเป็นการไปอยู่ถาวรจึงไม่สามารถดูแลธุรกิจต่อได้ แต่ยังมีคนงานตาดำๆอีกมากมายต้องเดือดร้อนหากกิจการปิดลง สุดท้ายเมื่อได้ลองปรึกษากัน คุณอัลเฟรดจึงรับกิจการมาทำต่อพร้อมทั้งซื้อเกาะมาเป็นสมบัติชิ้นใหญ่ให้รุ่นลูกรุ่นหลานอีกหนึ่งชิ้น

และที่ทำให้อาชาวินเดือดร้อนนั่นก็เพราะหากช่ออัญชันถูกย้ายไปอยู่ที่นั่น เขาจะหมดสิทธิ์ได้แตะต้องเจ้าหล่อนทันที เพราะตั้งแต่ที่บิดาซื้อเกาะจันทร์ฉาย เขายังไม่เคยไปเหยียบที่นั่นเลยสักครั้งเนื่องจากยังไม่ว่าง แล้วอยู่ดีๆจะให้เขาตามไปมันคงเป็นเรื่องผิดสังเกตที่คุณอัลเฟรดต้องรู้ทันแน่ๆว่าเขาตั้งใจไปทำอะไร เพราะฉะนั้นก่อนที่แม่นั่นจะถูกบิดาจับแยกให้อยู่ห่างจากเขา เขาควรจะได้ชิมเนื้อหวานๆของยายตัวหอมอีกสักครั้งสองครั้งให้หายอยาก จะได้เลิกฟุ้งซ่านนั่งคิดถึงแต่ร่างเล็กๆขาวนวลนั่นสักที

“อื้อ”

เสียงครางดังแผ่วๆจากริมฝีปากจิ้มลิ้มเมื่อถูกริมฝีปากอุ่นก้มลงหอมแก้มนิ่มหนักๆทั้งซ้ายและขวาด้วยความมั่นเขี้ยว โดยที่คนถูกแต๊ะอั๋งยังคงหลับตาแต่มือบางข้างหนึ่งกลับยกขึ้นผลักใบหน้าของอาชาวินออกห่างคล้ายกำลังรำคาญ ถึงกระนั้นอาชาวินก็หาได้สนใจ เพราะสองมือของชายหนุ่มกำลังช่วยกันปลดกระดุมเสื้อนอนเนื้อบางของช่ออัญชันออกจากกัน ยิ่งปลายมือหนาอยู่ที่รังดุมเม็ดเม็ดสูงขึ้นเท่าไร ลมหายใจของอาชาวินก็ยิ่งอุ่นจนเริ่มร้อนขึ้นมากเท่านั้น

“โนบราซะด้วย”

เรียวปากสีเข้มกดยิ้มมุมปากอย่างถูกใจเมื่อกระดุมเสื้อนอนด้านหน้าถูกแกะออกจนครบทุกเม็ด และตอนนี้มันยังถูกสองมือคู่เดิมจับสาบเสื้อแหวกออกกว้างจนเปิดเปลือยความเต่งตูมงดงามของอกอวบเกินตัวที่ปราศจากบราราคาถูกของคนหลับลึกให้เกะกะสายตา อาชาวินเผลอกลืนน้ำลายลงคอแต่มันช่างทำได้ยากเพราะอยู่ๆน้ำลายในปากกลับเหนียวหนึบจนแทบกลืนไม่ลง มือหนาที่เริ่มมีอาการสั่นๆวางทาบทับบนยอดอกอิ่ม พลางคิดในใจว่ามันช่างมีขนาดพอดีกับมือเขาเหลือเกิน ทำอย่างกับว่าหน้าอกของช่ออัญชันมันเกิดมาเพื่อเป็นของเขาโดยเฉพาะและมันจะดีมากขึ้นไปอีกถ้าหากอกอวบคู่นี้เกิดมาเพื่อเป็นของเขาคนเดียว!

“หื้อ ออกไปนะ อัญจะนอน”

มือขาวบางที่วางอยู่ข้างลำตัวยกขึ้นปัดเจ้าแมวเหมียวในความฝันให้พ้นร่าง ช่ออัญชันที่ยังอยู่ในนิทรารมย์แสนสุขฝันว่าตัวเองกำลังนอนเล่นอยู่บนเตียงนอนเจ้าหญิงสีชมพู แล้วอยู่ๆก็มีแมวตัวโตของใครก็ไม่รู้เข้ามาคลอเคลีย แต่แมวตัวนี้คงเป็นแมวตัวผู้แถมยังหื่นกามมากๆ เพราะมันเอาแต่ถูไถใบหน้ากับทรวงอกของเธอจนชื้นแฉะน้ำลายเหนียวๆเต็มไปหมด

“ใครอนุญาตให้เธอนอน ตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้!”

มือบางที่ผลักไสทำให้อาชาวินที่กำลังดูดกลืนความหวานของยอดอกอิ่มหัวเสียที่ถูกขัดจังหวะ ชายหนุ่มจึงตวาดเสียงห้วนให้คนกึ่งนอนกึ่งละเมอตื่นขึ้นมารับรู้ความจริง

“ฮื้อ! ช่วย…”

น้ำเสียงเข้มห้วนที่ดังอยู่ข้างหูปลุกช่ออัญชันให้ลืมตาตกใจตื่นด้วยอาการผวาหัวใจกระตุกเฮือก ยิ่งเมื่อสองตาเห็นเงาตะคุ่มของร่างสูงใหญ่ที่คร่อมทับร่างกาย ดวงตากลมโตจึงเบิกกว้างตกใจกลัวสุดชีวิต เรียวปากอิ่มเตรียมกรีดร้องให้คนในบ้านได้ยินเสียงและเข้ามาช่วยเหลือ แต่ดูเหมือนจอมโจรในเงามืดจะรู้ทันเพราะมันก้มหน้ากระแทกริมฝีปากปิดทับจนเธอร้องไม่ออก เจ็บจนน้ำตาไหลอาบแก้มกับแรงบดขยี้ดุดันที่ได้รับ ได้แต่นอนหัวใจเต้นรัวเพราะไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้เลย

“กะอีแค่ผัวมานอนด้วย จะร้องทำไมนักหนา ฮะ!”

 “คุ..คุณอาชา”

ตอนแรกไม่รู้เลยจริงๆว่าคนที่บุกรุกเข้ามาในห้องนอนของตัวเองเป็นใคร คิดว่าอาจเป็นพวกคนงานในไร่กลัดมัน แต่พอได้ยินเสียงตะคอกดุอีกครั้ง ช่ออัญชันก็จำได้ทันที เพราะเจ้าของเสียงนี้แหละคือคนที่ทำให้เธอนอนหลับไปทั้งน้ำตาอาบแก้ม

“เออ! ยังดีที่จำผัวตัวเองได้”

“คุณเข้ามาได้ยังไง ไหนว่าจะไปค้างที่โรงแรมไงคะ แล้วที่นายใหญ่สั่งว่า…”

“ไม่ต้องถาม! รู้แค่ว่าตอนนี้ฉันอยากนอนกับเธอก็พอ”

“ไม่ได้นะคะ นายใหญ่สั่งไว้ว่าไม่ให้คุณยุ่งกับฉะ…อื้อออ”

พูดไม่ทันจบ อาชาวินก็ก้มลงปิดปากของช่ออัญชันไว้อีกครั้งเพราะไม่ต้องการฟังถ้อยคำที่เจ้าหล่อนกำลังจะพูด ก็เพราะคำที่ห้ามไม่ให้เขายุ่งกับช่ออัญชันอีกนี่แหละที่ทำให้เขาหงุดหงิดและพาลขวางหูขวางตาทุกสิ่งที่อยู่รอบกาย จนต้องตัดสินใจปีนหน้าต่างเข้ามาหาเจ้าหล่อนเหมือนคนไร้ศักดิ์ศรีแบบนี้ไง หากใครรู้เข้าเขาคงขายหน้าตายชัก

เรียวปากได้รูปกระแทกปิดเรียวปากอิ่มรุนแรง ตะโบมจุมพิตป่าเถื่อนจนริมฝีปากไร้ประสบการณ์ชอกช้ำบวมเห่อ ช่ออัญชันพยายามเบี่ยงหน้าหนีเพราะไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์อย่างว่าขึ้นอีก แต่อาชาวินกลับไม่ยอมถอยห่าง ชายหนุ่มเอาแต่ใจยังคงซุกไซ้ริมฝีปากบดเบียดแล้วอาศัยจังหวะที่คนตัวเล็กอ้าปากจะห้ามสอดเรียวลิ้นสากระคายดูดดื่มความหวานล้ำจากริมฝีปากบาง มือเล็กๆทุบไหล่หนาสุดแรงแต่ดูเหมือนว่ามันจะเป็นการกระทำที่ไร้ค่าไม่ระคายผิวหนังหนาๆของอาชาวินสักนิด เพราะชายหนุ่มยังคงตะโบมบดจูบริมฝีปากเธอต่อเนื่องไม่มีจังหวะสะดุด ทุบจนมือทั้งสองข้างแดงช้ำ รู้สึกเหนื่อยหอบกับเรี่ยวแรงที่ออกแรงทุบตี

“ฮื้อ! ปล่อยนะ ปล่อย”

ริมฝีปากหวานถูกจูบมาราธอนอย่างหยาบคายตะกรุมตะกรามคล้ายคนกระหายหิว เรียวลิ้นสากดูดดึงเรียวลิ้นอ่อนนุ่มสีชมพูเข้าหาเกี่ยวพันรัดร้อยจนสมองของช่ออัญชันเกิดอาการมึนงง สองมือสองไม้ที่กำลังทุบอกดันไหล่กว้างออกห่างเริ่มอ่อนแรงลงทุกขณะ

“หุบปาก!”

อาชาวินตะคอกดุอีกครั้งเมื่อถ้อยคำจากริมฝีปากหวานระคายหูยิ่งนัก ไม่รู้ว่าช่ออัญชันจะห้ามในสิ่งที่รู้อยู่แล้วว่าเขาไม่มีวันทำตามทำไม หญิงสาวไม่รู้หรืออย่างไรว่าเขาลงทุนเสี่ยงชีวิตเอาเกียรติยศของเพลย์บอยมาทิ้งด้วยการปีนหน้าต่างเข้าหานั่นเป็นเพราะความต้องการหลอมรวมกายกับหญิงสาวคือสิ่งที่เขาถวิลหาเป็นที่สุด นาทีนี้ความต้องการตีวนอยู่ในร่างกายจนความอึดอัดถาโถม ร่างกายต้องการการปลดปล่อยแต่กลับต้องเป็นช่ออัญชันเพียงคนเดียวที่มีสิทธิ์ได้รับฝากกายแกร่งของเขา ส่วนผู้หญิงคนอื่นน่ะเหรอ? อย่าได้แหยม!

 ร่างกายของเขาปฏิเสธหากเจ้าของแก้มนวลนั้นไร้กลิ่นหอมละมุนตามธรรมชาติที่เขาหลงใหล เรียวปากเจนจัดร้อนแรงแต่งแต้มลิปสติกสีฉูดฉาดไม่ใช่สิ่งที่เขาถวิลหา เรือนกายเจนสนามรักไร้อาการประหม่าสั่นสะท้านอย่างสาวน้อยไร้เดียงสาไม่อาจปลุกความต้องการในร่างกายเขาให้มีชีวิตชีวา แต่ทุกสิ่งที่เขาต้องการนั้นกลับมีอยู่เต็มเปี่ยมในผู้หญิงที่นอนบิดกายอย่างทรมานอยู่ใต้ร่าง เพราะฉะนั้นช่ออัญชันจะต้องรับผิดชอบที่ทำให้เขาไร้การตอบสนองกับผู้หญิงคนอื่นจนแทบเป็นผู้ชายไร้สมรรถภาพแบบนี้

ใบหน้าคมเข้มแดงก่ำร้อนผ่าวอัดแน่นไปด้วยความต้องการผละออกจากเรียวปากรสหวานเพื่อดื่มชิมความหอมอร่อยจากเต้าทรวงคู่งามที่ขยายใหญ่ตั้งยอดตระหง่านรอรับการมาเยี่ยมเยือนของเขาอย่างรู้หน้าที่

“อื้อ คุณอาชา อย่าทำอย่างนี้ อ๊ะ!”

เสียงห้ามปรามเบาหวิวไร้ความหนักแน่นไม่อาจหยุดความต้องการมากล้นของอาชาวินได้ ชายหนุ่มไม่ได้ให้ความสนใจมันเลยด้วยซ้ำ เพราะเขาเล่นซุกใบหน้าสูดความหอมของกลิ่นสาบสาวหอมกรุ่นอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวอย่างที่เขาไม่เคยได้รับจากผู้หญิงคนอื่นเข้าจนเต็มปอด จากนั้นปลายลิ้นร้อนฉ่าจึงตวัดไล้เลียยอดอกงดงามสีเรื่อที่ยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำครั้งก่อน ขบดูดสลับลากลิ้นวนเวียนจนร่างบางผวาเฮือก ขนอ่อนลุกชูชันทั่วกาย แผ่นหลังเนียนลอยตัวขึ้นจากเตียงนุ่มกับความรู้สึกเสียววาบคล้ายมีลมผ่านวูบอยู่บริเวณท้องน้อยจนปลายเท้าจิกเกร็ง ความคิดในสมองสับสนตีกันยุ่งเหยิง ใจหนึ่งต้องการผลักไสเพราะมันไม่ควรเกิดความผิดพลาดซ้ำรอยเดิม แต่สองแขนเรียวกลับโอบรัดรอบตัวของอาชาวินเอาไว้แน่น ยิ่งอาชาวินดูดดื่มอกนุ่มรุนแรงเท่าไร ช่ออัญชันก็ยิ่งแอ่นกายขึ้นรับสัมผัสของเรียวปากร้อนมากขึ้นเท่านั้น

“คุณอาชา ถ้านายใหญ่รู้…”

“ถ้าเธอไม่ปากสว่าง แด๊ดจะไม่มีวันรู้”

สำนึกผิดชอบชั่วดีที่ยังเหลือติดอยู่เศษเสี้ยวในสมองทำให้ช่ออัญชันต้องรีบร้องเตือนคนตัวโตที่บัดนี้กำลังเพลิดเพลินกับการละเลงปลายลิ้นดื่มชิมผิวกายขาวนวลบริเวณลาดท้องแบนเรียบจนเกิดความรู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วสรรพางค์กาย แต่ก็เหมือนเคยที่อาชาวินไม่เคยปล่อยให้เธอได้พูดจนจบ ใบหน้าหล่อเหลาแหงนเงยขึ้นมาจากสะดือบุ๋มก่อนเอ่ยบอกกึ่งเตือนให้เธอเก็บเรื่องที่เขาปีนเข้าห้องเธอในยามวิกาลเป็นความลับ ซึ่งแน่นอนว่าเธอคงไม่กล้าปากโป้งนำเรื่องน่าอายเช่นนี้ไปเล่าให้ใครฟังอยู่แล้ว

ในขณะที่ความอดสูใจแวะเวียนเข้ามาทักทายจนช่ออัญชันลืมเลือนความกระสันซ่านที่ถูกมือใหญ่และริมฝีปากร้อนปลุกเร้าไปชั่วครู่ร่างกายแข็งเกร็งจนคนเหนือร่างสัมผัสได้ อาชาวินจึงเร่งจังหวะโลมเล้าให้คนตัวบางเข้าสู่วังวนพิศวาสที่เขาปรนเปรออีกครั้งอย่างต้องการทำเวลา เขาไม่กลัวเลยสักนิดว่าบิดาจะรู้ว่าเขาบุกเข้าหาช่ออัญชัน เพราะตั้งใจว่าจะจับแม่คนแก้มหอมกินสักสี่ห้ายกให้หนำใจ จากนั้นเขาจะปีนกลับลงไปทางเดิมก่อนที่คนในบ้านจะตื่นขึ้นมาทำงานวันใหม่แล้วเห็นบันไดกับรถอันเป็นหลักฐานมัดตัวเขาให้ต้องรับผิดชอบยายคนตาใสนี่จนดิ้นไม่หลุด คิดว่าหากเขาได้ดื่มชิมร่างสดสวยนี้อีกสักสี่ห้าครั้ง จากนี้เขาคงสุขสมหมดความกระวนกระวายแล้วกลับมาเป็นอาชาวินคนเดิมที่สามารถขับเคลื่อนบทเพลงรักรัญจวนกับสาวสวยคนไหนก็ได้

“ยะ..อย่าทำแบบนี้เลยนะคะ อัญขอร้อง”

เสียงร้องอ้อนวอนเบาหวิวปานจะขาดใจร้องขออย่างน่าเวทนา เมื่ออาชาวินเดินหน้าร่ายมนต์พิศวาสใส่คนใต้ร่างไม่หยุดหย่อน มือหนาที่โลมลูบปลุกอารมณ์กำหนัดไปทั่วทุกพื้นที่ผิววกเวียนเข้าใกล้ความอ่อนนุ่ม จากนั้นปลายนิ้วแข็งแรงจึงทำหน้าที่คล้ายนักสำรวจด้วยการเคลื่อนที่เข้าหาความอ่อนหวานรัดรึงคับแคบแต่ชุ่มฉ่ำจนเรือนร่างบอบบางกระตุกเกร็งแล้วค่อยๆบิดส่ายไปตามจังหวะเคลื่อนตัวของปลายนิ้วร้ายกาจ รู้ดีว่ามันไม่ควร แต่ช่ออัญชันไม่สามารถห้ามปรามร่างกายไม่ให้ตอบรับการบุกรุกอย่างเอาแต่ใจนั้นได้สักที

ใบหน้าขาวนวลที่บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงก่ำแหงนเงยบิดเบ้อย่างทรมาน ริมฝีปากบางกัดแน่นปิดกั้นเสียงครางน่าละอายคล้ายสตรีกร้านโลกจนมันบวมเจ่อ สองมือจิกทึ้งผ้าปูที่นอนจนยับย่น สะโพกขาวตึงแน่นส่ายไหว ร่างกายเหมือนไม่ใช่ของตัวเองอีกต่อไปเมื่อช่ออัญชันไม่สามารถควบคุมมันได้สักอย่าง กลับกลายเป็นอาชาวินเสียอีกที่สั่งมันได้ ไม่ว่าเขาจะให้เธอยกมือกอดแผ่นหลังของเขาหรือหยัดกายแอ่นอกอิ่มให้ลอยสูง ร่างกายของเธอก็ปฏิบัติตามทันทีสุดแสนจะเชื่อฟัง

“อ๋อ อยากร้อง เธอได้ร้องแน่ แม่อัญชัน”

ทรมานร่างบางจนความอ่อนนุ่มชุ่มโชกอย่างที่ใจต้องการ อาชาวินจึงหยัดกายขึ้นนั่งสองขาแข็งแรงคร่อมขนาบร่างบางที่นอนหายใจหอบถี่ไม่ให้พลิกตัวหนี สองแขนล่ำไขว้ไปด้านหลังเพื่อถอดเสื้อยืดสีดำสนิทออกจากกาย จากนั้นกระดุมกางเกงยีนส์ฟอกสีเทาเข้มจึงหลุดออกจากรังของมันทีละเม็ดทีละเม็ดจนหมดแล้วลุกขึ้นยืนสะบัดขากางเกงออกจากลำขาแข็งแกร่ง ตามด้วยชั้นในชายสีขาวสะอาดไซซ์พิเศษที่ลอยหวืออยู่กลางอากาศและตกลงไปกองอยู่ข้างเตียงและที่ขาดไม่ได้นั่นคือกางเกงนอนผ้าเนื้อบางขายาวที่ยังเกะกะอยู่กับร่างงาม และอาชาวินก็ไม่ใช่คนใจดีที่จะปล่อยให้มันสร้างความรำคาญให้สายตาอยู่นานนัก เพราะหลังจากนั้นเพียงพริบตาเดียว เจ้ากางเกงนอนตัวที่ว่าก็ถูกกระตุกออกจากเรียวขากลมกลึงอย่างง่ายดายยิ่งกว่าปอกเปลือกกล้วยเสียอีก

เมื่อร่างสูงใหญ่เปล่าเปลือยโชว์ความอุดมสมบูรณ์ของกล้ามเนื้อเป็นมัดๆขึ้นลอนสวยงามให้เห็นรำไรภายใต้แสงสลัวๆของโคมไฟหัวเตียงที่อาชาวินเอื้อมมือข้ามศีรษะของช่ออัญชันไปเปิดมัน ไม่ใช่เพราะบรรยากาศมันมืดจนเขามองไม่เห็นช่องทางลี้ลับคับแคบที่โปรดปราน แต่เป็นเพราะเขาอยากเห็นเรือนกายบอบบางแต่มีหน้าอกอวบอัดเกินตัวและผิวกายขาวนวลที่บัดนี้มีแต่รอยประทับของเขาอยู่ทุกทั่วตารางนิ้วอย่างแสดงความเป็นเจ้าของนั่นต่างหาก และเมื่อได้เห็นความต้องการก็ยิ่งฮึกเหิม ตัวตนร้อนผ่าวที่ผงาดแข็งขืนตั้งแต่ได้กลิ่นสาบสาวใกล้ชิดยิ่งผงาดงันจนรู้สึกปวดร้าวแทบขาดใจ

“อ๊ะ! เจ็บ! เอาออกไป อัญเจ็บ”

ไม่อยากรอช้า หัวเข่าสีแทนจึงแยกเรียวขาขาวนวลทั้งสองข้างแยกออกจากกัน จากนั้นจึงแทรกตัวเข้าไปนั่งคุกเข่าตรงกลาง พลางขยับตัวทาบทับเรือนร่างเล็กบางในระดับที่พอเหมาะ ใช้ตัวตนแข็งขืนสัมผัสกับความอ่อนนุ่มแผ่วเบาหยอกล้อจนช่ออัญชันต้องกัดริมฝีปากแน่น ก่อนร้องออกมาเสียงดังร่างกายเกร็งขึงใบหน้าหวานบิดเบ้อย่างน่าเวทนาเมื่อความต้องการถึงขีดสุดบงการให้อาชาวินบุกทะลวงกายแกร่งเข้าหาครั้งเดียวจนสุดปลายทาง

“อา! เธอทำให้ฉันทรมานอีกแล้ว เธอมันยายแม่มด ช่ออัญชัน”

คนตัวโตแหงนเงยใบหน้าขึ้นมองเพดานสูดปากปล่อยเสียงครางอย่างทรมานเมื่อตัวตนดื้อรั้นถูกโอบรัดด้วยความอ่อนนุ่มชื้นฉ่ำ ความรู้สึกเหมือนตรงส่วนนั้นถูกหนังยางเส้นใหญ่รัดแน่นจนแทบขาดอากาศหายใจ แม้ธรรมชาติจะสรรสร้างกลไกน่าอัศจรรย์ไว้รองรับ แต่เพราะความที่ยังใหม่นักกับประสบการณ์รัญจวนจึงทำให้ช่ออัญชันยังรู้สึกเจ็บจนร่างเล็กดิ้นพล่านยามเมื่ออาชาวินเริ่มขยับตัวตามอารมณ์หวาม

“ปล่อยตัวตามสบาย เลิกเกร็ง แล้วเธอจะไม่เจ็บ เชื่อฉัน”

ด้วยเพราะขนาดร่างกายของอาชาวินใหญ่โตเกินไป ร่างบางจึงแทบแตกสลายกับความเจ็บปวดสาหัสที่ได้รับแม้ว่านี่จะเป็นครั้งที่สองแล้วก็ตามที่ร่างสาวถูกรุกราน เห็นอย่างนั้นอาชาวินก็นึกเห็นใจ ขนาดสตรีที่เคยๆมานับครั้งไม่ถ้วนรับเขาเข้าไปยังหวีดร้องเสียงลั่น แล้วช่ออัญชันสดสะอาดขนาดนี้มีหรือจะไม่เจ็บปวด

เมื่ออาชาวินสั่งให้เลิกเกร็ง ช่ออัญชันก็ทำตามอย่างว่าง่ายเผื่อความทรมานที่ได้รับจะทุเลาลงบ้าง จนเมื่อเวลาค่อยๆผ่านไป ดูเหมือนว่าความเจ็บปวดที่ว่าก็ค่อยๆสลายหายไปในอากาศอย่างที่อาชาวินเคยบอกไว้จริงๆ ริมฝีปากบางที่เคยร้องขออย่างเวทนากลับห่อปากส่งเสียงครางผะแผ่ว ความรู้สึกร้อนวูบวาบวิ่งวนในช่องท้องอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันยิ่งทวีความหนักหน่วงเพิ่มขึ้นตามลำดับการถาโถมตัวตนเข้าหาของอาชาวิน ความหวิววาบสาดซัดเข้าหาจนสองแขนเรียวต้องไขว่คว้าลำคอแกร่งของคนเหนือร่างเข้ามากอดรัดแนบแน่น

ในท่านี้หน้าอกอวบจึงแนบชิดกับอกแข็งกระด้างเต็มไปด้วยไรขนบางเบา ยามสาดส่งตัวตนเข้าหา อกอวบก็กระเพื่อมตามแรงถาโถมเข้ากระแทกที่อกแข็งกระด้างของเขาเต็มแรงนั่นยิ่งปลุกเร้าความกระสันในร่างกายสีแทนชื้นเหงื่อให้ลุกโชนจนจังหวะการถาโถมของสะโพกสอบตึงแน่นกระชั้นเรียกเสียงครางอย่างลืมตัวจากช่ออัญชันได้เป็นอย่างดี

“อื้ม เธอมัน…ร้ายเป็นบ้า!”

สองแขนล่ำสอดรัดเข้าใต้ร่างดันแผ่นหลังบางให้แอ่นหยัดจนอกอวบส่ายไหวลอยเด่น ใบหน้าคมคร้ามก้มลงครอบครองยอดอกสีระเรื่อเข้าปากแล้วดูดดื่มรุนแรงอย่างคนหิวโหยปลุกความกระสันซ่านจนช่ออัญชันลืมเลือนทุกความเจ็บปวดที่เคยได้รับ สองขาเรียวยกขึ้นรัดรอบเอวหนาของอาชาวินตามสัญชาตญาณเมื่อชายหนุ่มเร่งจังหวะถาโถมกายเข้าหากระชั้นถี่ นาทีนี้มีแต่ความรัญจวนก่อเกิดเป็นลูกคลื่นก้อนโตวิ่งวนไปทั่วร่าง ความรู้สึกเหมือนมันกำลังวิ่งไปยังดินแดนแห่งหนึ่งซึ่งวิ่งใกล้เข้าไปทุกที แต่ไม่รู้ว่ามันคือที่ใด เมื่อสติพร่าเลือนไม่สามารถหาคำตอบได้ ช่ออัญชันจึงปล่อยตัวปล่อยใจไปตามบทเพลงรักร้อนแรงเนิ่นนานที่มีอาชาวินเป็นผู้นำพา

สะโพกขาวผ่องส่ายไหวตอบรับจังหวะการเคลื่อนตัวเข้าหาของกายแกร่งจนร่างหนาสั่นสะท้านรุนแรง แขนเรียวสวยกอดรัดรอบลำคอของอาชาวินแน่น เนื้อตัวเต็มไปด้วยความอึดอัด ใบหน้าหวานชุ่มเหงื่อซุกซบอยู่กับซอกคอของคนตัวโตเมื่อรู้สึกว่าเจ้าลูกคลื่นก้อนโตมันกำลังเดินทางใกล้ถึงจุดหมาย

“ฮึก! อื้อออ กรี๊ดดดด”

และความอึดอัดที่บีบคั้นจนร่างกายเกร็งเครียดก็มลายหายไปจากแรงขับเคลื่อนรุนแรงของคนตัวโตที่สาดซัดเข้าใส่ไม่บันยะบันยังจนเรียวปากบางหวีดร้องเสียงยาวบอกให้รู้ว่าบัดนี้หญิงสาวได้เดินทางสู่สวรรค์ที่มีแสงดาวพราวระยิบระยับ ร่างบางตัวเกร็งกระตุกตอดรัดความอลังการที่ฝากฝังอยู่ในร่างกายอย่างรุนแรงจนอาชาวินทนไม่ไหวจำต้องเร่งกายแกร่งเข้าหา ชั่วครู่ร่างสีแทนจึงกระตุกเกร็งจนเส้นเลือดตามเนื้อตัวปูดโปนแล้วปลดปล่อยสายธารอุ่นร้อนสู่เส้นทางรักทุกหยาดหยด ก่อนทิ้งร่างหนาเปียกชุ่มหยาดเหงื่อนอนทาบทับร่างบางของช่ออัญชันด้วยลมหายใจหอบถี่

ร่างสองร่างนอนทาบทับหายใจหอบถี่อยู่เป็นครู่ กระทั่งลมหายใจกลับเข้าสู่ภาวะปกติ เป็นช่ออัญชันที่ได้สติก่อน มือบางจึงออกแรงผลักไหล่หนาออกห่างจากร่างของเธอสลับกับเช็ดน้ำตาของความอดสูใจที่เผลอไผลยอมให้คนใจร้ายกลับมารังแกเธอได้เป็นครั้งที่สองทั้งที่ตอนแรกตั้งใจต่อต้านเขาสุดฤทธิ์ แต่สุดท้ายกลายเป็นเธอเสียเองที่กอดรัดเขาแนบแน่นแถมยังตอบสนองเขาเป็นอย่างดี

“จะผลักทำไมนักหนา!” มือก็เล็ก แรงก็มีอยู่แค่นี้ยังจะมาทำอวดเก่ง

“สมใจคุณแล้วก็รีบออกไปเถอะค่ะ เดี๋ยวนายใหญ่รู้เข้าจะกลายเป็นเรื่องใหญ่”

ช่ออัญชันกลั้นก้อนสะอื้นไว้ในลำคอ แม้จะยากลำบากแต่หญิงสาวก็ยังพยายาม ก่อนเอ่ยเตือนคนใจร้ายออกไปเสียงสั่น ไม่อยากให้คุณอัลเฟรดรับรู้เรื่องราวอัปยศที่อาชาวินทำกับเธอ

“นี่มันบ้านฉัน เธอมันก็แค่คนอาศัย มีสิทธิ์อะไรมาไล่ฉันฮะ!”

“งั้นคุณก็อยู่ที่นี่ ฉันจะออกไปเอง”

“จะไปไหนเล่า สมองเสื่อมหรือแกล้งลืมล่ะฮึ จำได้ไหมว่าก่อนที่ฉันจะเปิดปะตูไปคุยกับแด๊ด ฉันบอกเธอว่ายังไง”

คราวหน้าฉันจะทบต้นทบดอกให้เธอคลานลงจากเตียงไม่ไหวเลย คอยดู!”

“ไม่นะ! ไม่! คุณอย่าทำอะไรฉันอีกนะ ไม่เอาแล้ว!”

ช่ออัญชันดิ้นรน ดวงตากลมๆเบิกโพลงด้วยความตกใจหวาดหวั่น สองมือสองไม้ช่วยกันผลักร่างหนาหนักราวหินผาของอาชาวินให้พ้นไปจากร่างเมื่อสมองทบทวนคำขู่สุดท้ายก่อนที่เขาจะผละจากร่างไปเปิดประตูรับคุณอัลเฟรด แต่ก็ยังเหมือนเคยที่เรี่ยวแรงของเธอไม่เคยมีผลกับร่างกายสีแทนสวยของเขาเลยสักนิด มิหนำซ้ำการดิ้นรนยังทำให้เนื้อตัวของเธอกับเขาเสียดสีก่อเกิดความอุ่นร้อนทุกพื้นที่ผิวที่สัมผัส ยิ่งไปกว่านั้นเธอรู้สึกได้ว่าตัวตนของเขาที่ยังมิได้ถอดถอนออกจากร่างของเธอนั้นมันเต้นตุบๆมีชีวิตขึ้นมาอีกครั้ง

“ฮึ! แต่ฉันจะเอา คิดว่ามีปัญญาขัดขืนไหมล่ะ ถ้ามีก็ดิ้นหนีให้รอด แต่ถ้าไม่ ก็หยุดดิ้นแล้วเก็บแรงไว้สู้กับฉันบนเตียงให้ถึงรุ่งสางดีกว่า อันที่จริงเธอก็ชอบมันนี่ ร้องครางเสียงดังเชียว ในเมื่อชอบแล้วจะเสแสร้งดิ้นหนีหาพระแสงอะไร”

อาชาวินเลิกคิ้วเข้มขึ้นสูงกดยิ้มมุมปากเย้ยหยันเมื่อตอนนี้สองข้อมือเล็กของช่ออัญชันที่ประทุษร้ายร่างกายเขาถูกมือหนาตรึงไว้กับเตียงอย่างไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้อีก สะโพกตึงแน่นสีแทนส่ายวนช้าๆอย่างต้องการกลั่นแกล้ง ยิ่งเห็นสีหน้ากลืนไม่เข้า ไหล่บางเกร็งขืน เรียวปากบางเม้มเข้าหากันคล้ายกำลังสะกดกลั้นเสียงคราง อาชาวินก็ยิ่งได้ใจ

“ก็ยังดีที่พอจะมีสมองอยู่บ้าง”

คำพูดที่ไม่มั่นใจว่าต้องการชมหรือด่าดังขึ้นข้างใบหูบอบบางเมื่อร่างเล็กของช่ออัญชันหยุดการดิ้นรนต่อต้าน อันที่จริงหญิงสาวไม่ได้คิดอยากจะนอนนิ่งเฉยให้อาชาวินสาดส่งกายแกร่งฝากฝังเข้าสู่ร่างกายเหมือนผู้หญิงใจง่ายแบบนี้ แต่เป็นเพราะเธอถูกพิษของบทรักพิศวาสเชี่ยวชาญของคนใจร้ายเล่นงานจนไร้เรี่ยวแรงต่อต้านต่างหาก ช่ออัญชันจึงได้แต่ปล่อยกายปล่อยใจให้อาชาวินเสพสุขได้อย่างเต็มที่ เพราะรู้ดีว่าสู้ไปก็เท่านั้นหากเขาไม่คิดจะปล่อย

“อืม ว่าง่ายๆอย่างนี้ค่อยดีขึ้นมาหน่อย อ๊า…เธอนี่มันเร้าใจฉันดีจริงๆ ช่ออัญชัน”

เอ่ยชมเสียงแหบพร่าเมื่อตัวตนพองโตที่ยังฝังอยู่กับความอ่อนนุ่มเริ่มขยับตัวเสียดสีไปมาอีกครั้งเนิบนาบจนร่างกายเกิดความร้อนผ่าวทั่วร่างอีกครั้ง ก่อนที่สะโพกหนาจะสาดซัดความร้อนแรงเข้าหาไม่มีออมแรงจนเสียงร้องครวญครางด้วยความทรมานปะปนความสุขสมดังลั่นห้อง นานเท่านานที่อาชาวินมอบบทเพลงพิศวาสตีตราประทับลงบนเรือนกายเปลือยเปล่าของช่ออัญชัน จวบจนกระทั่งใกล้รุ่งสางอันเป็นช่วงเวลาที่อาชาวินต้องรีบพาตัวเองออกไปจากบ้านก่อนที่จะมีคนงานในไร่หรือพวกแม่บ้านตื่นขึ้นมาเจอว่าเขากลับมาแล้วนำเรื่องนี้ไปรายงานคุณอัลเฟรด ชายหนุ่มจึงเร่งจังหวะฝากฝังตัวตนเข้าหาร่างงามที่เขาหลงใหลอย่างรุนแรง ก่อนปลดปล่อยความอุ่นร้อนให้รินไหลไปยังเส้นทางแสนคับแคบที่เจ้าของของมันสลบเหมือดหลับพับคาอกแกร่งทันทีที่เพลงรักรัญจวนครั้งสุดท้ายจบลงตรงอ่างล้างหน้า

******************************************************


 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา