สยบรักเมียบำเรอ

7.2

เขียนโดย Phaky

วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.23 น.

  41 ตอน
  3 วิจารณ์
  35.80K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 มกราคม พ.ศ. 2561 13.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

13) ผูกมัด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เว็บขีดเขียน

 


 

 

“หนูอัญชัน เข้ามานั่งกับฉันตรงนี้สิ”

อัลเฟรดเอ่ยเรียกพลางลดสายลงมองโซฟาข้างตัวเพื่อบอกว่านั่นคือที่ที่เขาต้องการให้ช่ออัญชันเข้ามานั่งหลังจากที่เห็นสาวน้อยเอาแต่ยืนก้มหน้าหลบอยู่ตรงหน้าประตูทางเข้าห้องนั่งเล่นมาพักใหญ่เหมือนคนกำลังหวาดกลัว ซึ่งอัลเฟรดไม่ได้แปลกใจกับท่าทีของช่ออัญชันแต่อย่างใด เนื่องจากตอนนี้นอกจากเขา ยังมีเจ้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนอีกคนที่นั่งหน้าบึ้งหน้าตูมอยู่ข้างๆกัน

“เข้าไปเถอะค่ะ นายใหญ่เรียกแล้ว”

“แต่อัญกลัวค่ะป้าเนียม อัญกลัว”

“ไม่ต้องกลัวนะคะ มีนายใหญ่อยู่ด้วย นายน้อยไม่กล้าทำอะไรหรอกค่ะ ไปค่ะ ให้ผู้ใหญ่รอนานๆจะไม่ดี”

ป้าเนียมที่ยืนเป็นเพื่อนช่ออัญชันอยู่หน้าห้องนั่งเล่นจับมือบางขึ้นมากุมแล้วตบเบาๆอย่างให้กำลังใจ ก่อนจับจูงร่างเล็กสั่นเทาให้เดินตามเข้าไปในห้องนั่งเล่นที่มีสองพ่อลูกแมคคานน์นั่งรออยู่ นึกเห็นใจแม่หนูคนขยันที่รู้สึกถูกชะตาตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอคนนี้เสียจริง เวรกรรมอะไรหนักหนาก็ไม่รู้ เพิ่งจะเสียแม่ ถูกพ่อแท้ๆจับไปขาย แล้วไหนจะต้องมาถูกพร่าผลาญความสาวโดยไม่เต็มใจอีก และดูท่าเวรกรรมจะยังตามเป็นเงาติดตัวซะด้วยเพราะนายใหญ่ไม่ยอมให้เรื่องนี้จบง่ายๆ อัลเฟรดขู่บังคับให้อาชาวินรับผิดชอบช่ออัญชันด้วยการจดทะเบียนแบบนี้ รับรองว่าชีวิตของสาวน้อยอาภัพคงจะยังหาความสงบสุขไม่ได้ไปอีกนาน แต่รู้ไปก็เท่านั้น เธอเป็นแค่หัวหน้าแม่บ้านคงไม่มีปัญญาไปช่วยอะไรได้มาก ที่ทำได้คงมีแต่ให้กำลังใจเหมือนที่กำลังทำอยู่

“มากันครบแล้ว งั้นเข้าเรื่องกันเลยนะ ฉันรู้ว่าเมื่อคืน…เกิดอะไรขึ้นบ้าง”

เมื่อช่ออัญชันนั่งลงบนโซฟาด้านขวามือของคุณอัลเฟรดเรียบร้อย นายใหญ่แห่งไร่ดวงหทัยจึงเข้าประเด็นเรื่องสำคัญที่เรียกตัวหนุ่มสาวเข้ามา อาชาวินนั้นรู้ดีอยู่แล้ว เหลือเพียงช่ออัญชันที่รู้เพียงแค่ว่านายใหญ่รู้เรื่องที่ลูกชายท่านเข้าหาเธอเมื่อคืนเท่านั้น ตอนที่ป้าเนียมเข้าไปปลุกให้อาบน้ำแกก็ไม่ได้บอกอะไรมาก บอกแค่ว่าให้รีบอาบน้ำแล้วลงไปหานายใหญ่ที่ห้องนั่งเล่น ตอนนั้นเธอยังตื่นไม่เต็มตาเพราะเพิ่งได้นอนไม่นาน อีกทั้งยังมีอาการตัวรุมๆซึ่งน่าจะเป็นผลพวงมาจากที่อาชาวินจับเธอกลืนลงท้องต่อเนื่องยาวนาน จึงได้แต่ทำตามที่ป้าเนียมบอก แต่มาตอนนี้เธอรู้สึกถึงลางร้ายที่กำลังจะมาเยือนชีวิตยังไงบอกไม่ถูก ยิ่งเห็นสายตาของอาชาวินที่มองมา หากทำได้เธออยากจะหายตัวไปจากตรงนี้เลยด้วยซ้ำ เพราะมันมีแววอาฆาตโกรธเคืองปะปนอยู่ในดวงตาคู่นั้นเต็มไปหมดเหมือนเขาอยากจะฆ่าเธอ นี่เธอทำอะไรผิดอีกแล้วหรือ?

“เพราะฉะนั้นอาชาวินต้องรับผิดชอบและฉันจะให้ทั้งสองคนจดทะเบียนสมรสกัน”

“มะ..ไม่ ไม่นะคะนายใหญ่ เรื่องมันผ่านไปแล้ว อัญไม่ได้ต้องการ…”

เพียงได้ยินสิ่งที่คุณอัลเฟรดบอก ใบหน้าเศร้าๆที่ก้มมองมือบนตักตัวเองด้วยไม่กล้าสู้สายตาดุกร้าวของอาชาวินที่นั่งอยู่ตรงข้ามกันก็เงยหน้าขึ้นมองคนพูดแล้วหันไปมองผู้ร่วมชะตากรรมโดยอัตโนมัติ ดวงตากลมหม่นเศร้าเบิกกว้างอย่างคาดไม่ถึงว่าอัลเฟรดจะตัดสินใจทำแบบนี้ เพราะเธอคิดไว้แล้วว่าวันนี้เธอจะขอไปจากที่นี่ ด้วยกลัวว่าหากยังอยู่ที่ไร่ดวงหทัยแล้วอาชาวินจะเข้าหาเธออีก แต่ยังไม่ทันได้เก็บกระเป๋าด้วยซ้ำ กลับมีเรื่องช็อกความรู้สึกเข้ามาเสียก่อน เธอไม่อยากให้สิ่งที่คุณอัลเฟรดบอกเกิดขึ้นเลย เพียงแค่นั่งอยู่ตรงข้ามกันแค่นี้เธอยังสัมผัสได้ถึงความเกลียดชังที่อาชาวินมีต่อเธอ แล้วหากจดทะเบียนอยู่กันไป เธอมิต้องตรอมใจตายเพราะความเกลียดชังที่เขามีต่อเธอหรอกหรือ

“ครั้งนี้ฉันคงทำแบบนั้นไม่ได้หรอกหนูอัญชัน ยังไงหนูก็ต้องจดทะเบียนสมรสกับอาชา ฉันให้คนไปรับนายอำเภอมาแล้ว เมื่อกี้ได้ยินเสียงรถแว่วๆ อีกเดี๋ยวก็คงเข้ามาถึง”

“แต่ว่า…”

“ไม่มีแต่ ในเมื่ออาชาวินผิดคำพูด มันต้องรับผิดชอบ ส่วนเรื่องงานแต่ง…”

“แค่จดทะเบียนอย่างเดียวพอ ไม่จัดงาน!”

อาชาวินที่นั่งเงียบตั้งแต่เข้ามานั่งในห้องนั่งเล่นเอ่ยแทรกขึ้นมาอย่างไม่สบอารมณ์หลังจากนั่งเป็นผู้ฟังที่ดีไม่มีปากไม่มีเสียงอยู่นานทั้งที่จริงๆแล้วในตอนนี้เขาอยากจะแสดงออกอย่างร้ายกาจตามที่ใจคิดจะแย่ อยากจับร่างเล็กๆที่กำลังเสแสร้งทำเป็นตกอกตกใจหวาดกลัวดูเปราะบางน่าสงสารของช่ออัญชันมาเขย่าให้คอหักแล้วจับเหวี่ยงออกไปนอนกองอยู่หน้าบ้านโทษฐานที่เจ้าหล่อนเป็นสาเหตุทำให้เขาถูกพ่อตบหน้า อยากอาละวาด อยากทำอะไรต่อมิอะไรระบายความอึดอัดที่ถูกบิดาบีบบังคับอย่างไม่มีทางเลือก แต่สิ่งที่เขาทำได้คือนั่งเฉยๆรอคอยอย่างใจเย็น รู้ดีว่าตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาของเขา

‘ฮึ! รอให้แด๊ดกลับไปก่อนเถอะ สนุกแน่!’

“แต่แด๊ดอยากให้จัด”

“งั้นแด๊ดก็แต่งเอง แล้วผมก็จะไม่จดไอ้ทะบงทะเบียนบ้าบอนี่ด้วย เลือกเอา”

 “สวัสดีครับคุณอัลเฟรด”

“อ้าว สวัสดีครับนายอำเภอเชิญนั่งก่อนครับ เนียม หาน้ำกับของว่างมารับรองท่านนายอำเภอด้วย”

การมาถึงของนายอำเภอเหมือนกรรมการห้ามทัพนักมวยฝ่ายแดงกับฝ่ายน้ำเงินที่กำลังแลกหมัดกันอย่างดุเดือดออกจากกันชั่วคราว เพราะถึงจะกำลังเถียงกันหน้าดำคร่ำเคร่งขนาดไหน แต่สองพ่อลูกแมคคานน์ก็รู้ดีว่าต่อหน้าคนนอก พวกเขาจะต้องรักษากิริยาคำพูดไม่ให้เรื่องราวปัญหาในบ้านรั่วไหลไปถึงหูคนอื่น อาชาวินจึงหุบปากฉับพร้อมยกมือทำความเคารพแขกผู้ใหญ่ ในขณะเดียวกัน อัลเฟรดก็หยุดคำต่อว่าลูกชายแล้วลุกขึ้นยืนเพื่อต้อนรับผู้มาใหม่ตามมารยาท ทำให้ช่ออัญชันที่นั่งทำตัวลีบแบน ตาแดงๆเหมือนคนกำลังจะร้องไห้เพราะความอึดอัดที่บีบคั้นหัวใจต้องลุกขึ้นตามแล้วพนมมือไหว้ทำความเคารพคนใหญ่คนโตของจังหวัด

“ตามสบายๆ ไม่ต้องมากพิธีหรอกครับคุณอัลเฟรด เราคนกันเองทั้งนั้น”

“ขอบคุณมากครับ ขอโทษด้วยนะครับที่ต้องรบกวนเวลางานของท่าน”

“รบกงรบกวนอะไรล่ะครับ เป็นเกียรติของผมต่างหากที่ได้มีโอกาสรับใช้ ระดับนายใหญ่ของไร่ดวงหทัยจะจดทะเบียนใหม่ทั้งที ผมก็ต้องมาให้บริการด้วยตัวเองถึงที่อยู่แล้ว”

ท่านนายอำเภอวัยเฉียดห้าสิบปีเอ่ยบอกด้วยสีหน้าระรื่น ก่อนหน้านี้ตอนได้รับเรื่องจากลูกน้องว่าคุณอัลเฟรดเศรษฐีคนดังของจังหวัดจะส่งลูกน้องมารับเขาให้ไปทำเรื่องจดทะเบียนที่ไร่ดวงหทัย บอกตามตรงว่าเขาตกใจมาก เพราะเท่าที่รู้ ตั้งแต่ภรรยาของนายใหญ่คนนี้จากไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ด้วยความที่รักภรรยามาก คุณอัลเฟรดจึงไม่เคยควงผู้หญิงคนไหนให้เห็นอีกเลย แต่อยู่ๆกลับจะมาจดทะเบียนใหม่ตอนอายุเข้าหกสิบปี แน่นอนว่าเรื่องนี้ต้องเป็นทอล์กออฟเดอะทาวน์แห่งปีเลยทีเดียว เขาจึงต้องมาเห็นเองด้วยสองตาว่าผู้หญิงที่โคตรโชคดีคนนั้นคือใครกัน

“ใครว่าผมจะจดเองละครับ นู่น! เจ้าอาชาต่างหากที่ต้องการจดทะเบียนสมรส”

ใบหน้าของอัลเฟรดมีรอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าแลดูเหมือนคนที่กำลังมีความพอใจระดับสิบตอนที่กำลังแก้ไขความเข้าใจให้นายอำเภอเสียใหม่ จากนั้นจึงเหลือบสายตาสบตากับอาชาวินที่มองอยู่พอดี หากคนไม่รู้เหตุการณ์ก่อนหน้า มองผ่านๆเหมือนดวงตาสีดำที่กำลังมองจ้องกับเจ้าของนัยน์ตาสีเทาเข้มมองกันธรรมดาๆ แต่จริงๆแล้วทั้งคู่กำลังส่งกระแสจิตต่อรองสนธิสัญญาฉบับสำคัญกันอยู่ต่างหาก

‘ไม่จัดงานแต่งก็ได้ แต่แกต้องเซ็นชื่อลงในทะเบียนสมรส!’

‘ห้ามตุกติกนะแด๊ด ไม่งั้นผมอาละวาดแน่’

‘เออ! ไอ้ลูกบังเกิดเกล้า!’

‘ดีล!’

นั่นคือสิ่งที่สองพ่อลูกแมคคานน์ส่งกระแสจิตคุยกันเพื่อหาข้อสรุปที่คุยกันค้างคาก่อนหน้า น่าแปลกที่แม้ไม่ได้เอ่ยปากพูดออกมาสักคำ แต่ทั้งอาชาวินกับอัลเฟรดกลับสามารถสื่อสารกันเข้าใจ ทำราวกับว่าทั้งคู่นั่งอยู่ในใจของกันและกัน

“ฮะ! คุณอัลเฟรดว่ายังไงนะครับ ใครจะจดทะเบียน”

นายอำเภอเบิกตากว้างปล่อยซองเอกสารในมือหล่นพื้นด้วยความตกใจกับข่าวใหม่ที่ได้ยินจากปากเจ้าของไร่ดวงหทัย ตอนแรกที่รู้ว่าคุณอัลเฟรดจะจดทะเบียนสมรสเขาก็คิดว่านั่นเป็นข่าวใหญ่มากแล้ว แต่นี่กลับกลายเป็นอาชาวิน แมคคานน์ หนุ่มโสดในฝันขวัญใจสาวแท้สาวเทียมทั้งจังหวัดที่ครองตัวเป็นโสดไม่มีทีท่าว่าจะลงหลักปักฐานกับใครสักที อีกทั้งยังเป็นเป้าหมายหลักที่เขาอยากได้มาเป็นเขยใจแทบขาดแต่ยังไม่มีโอกาสให้ชายหนุ่มได้เจอกับลูกสาวแสนสวยของตัวเอง มาวันนี้ความหวังกลับพังทลายไม่เป็นท่า เพราะว่าที่ลูกเขยที่หมายปองกำลังจะมีเจ้าของตามนิตินัย

“อาชาวินลูกชายของผมครับที่ต้องการจดทะเบียนสมรสกับหนูช่ออัญชันที่นั่งอยู่นั่น เป็นไงครับว่าที่ลูกสะใภ้ของผม หน้าตาน่ารักเหมือนตุ๊กตาเลยใช่ไหมครับ”

อัลเฟรดเอ่ยย้ำความจริงให้คนตกใจที่ตอนนี้หน้าตาเหลอหลาจนน่าขันฟังอีกครั้งให้ชัดเจน พลางเอ่ยถามขอความเห็นกึ่งๆต้องการอวดลูกสะใภ้ด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ทำไมอัลเฟรดจะไม่รู้ว่านายอำเภอกำลังเสียศูนย์เรื่องที่อดได้ลูกชายเขาไปเป็นเขย ก็เจอหน้าเขาทีไร นายอำเภอก็เอาแต่ถามหาอาชาวินพร้อมทั้งพยายามหาโอกาสให้เด็กสองคนได้เจอกัน โดยที่นายอำเภอคนนี้ไม่รู้เลยว่าอาชาวินน่ะเคยเจอกับลูกสาวคนสวยของท่านแล้ว บ่อยครั้งเสียด้วย

“นะ..น่ารักครับ แต่ยังดูเด็กอยู่เลยนะครับ เพิ่งรู้ว่าสเป็กของคุณอาชาเป็นแบบนี้”

“ครับ ผิวขาว ตัวเล็ก หน้าเด็ก นี่แหละสเป็กผมเลย ยิ่งขี้อายๆแบบนี้ยิ่งชอบ เจอถูกใจเลยต้องรีบคว้าไว้ก่อน”

อาชาวินบอกยิ้มๆแถมยังทำสายแววหวานส่งให้ช่ออัญชันอวดสายตานายอำเภอ ทำเอาหญิงสาวที่แอบเงยหน้ามองเขาตอนที่ถูกชมหน้าแดงซ่านจนต้องก้มใบหน้าอ่อนใสมองตักตัวเอง รู้ดีว่าอาชาวินคงไม่ได้คิดอย่างที่พูดออกมาหรอก แต่ที่ทำแบบนั้นคงเพราะไม่อยากให้คนนอกสงสัยมากกว่าว่าทำไมเขาจึงจดทะเบียนสมรสกับเธอทั้งที่ไม่เคยมีใครเห็นมาก่อนว่าคบกัน

“แหม! น่าเสียดายนะครับ นี่ถ้าหากคุณอาชาได้เจอกับลูกสาวของผมก่อน ผมกล้ารับประกันเลยว่าคุณจะต้องตกหลุมรักลูกสาวของผมแน่นอน เพราะเธอมีคุณสมบัติตามที่คุณอาชาชอบทุกอย่างแถมยังจิตใจอ่อนโยนชอบเข้าวัดเข้าวา เรียบร้อย เป็นแม่ศรีเรือนอีกด้วย น่าเสียดายนะครับที่คุณอาชายังไม่ได้เจอเธอ”

“ใครว่าล่ะครับ ผมเจอเธอออกจะบ่อย”

“คุณอาชาเคยเจอลูกสาวผมแล้วเหรอครับ ที่ไหนครับ ที่วัดหรือว่าบ้านเด็กกำพร้า เป็นแบบนี้ล่ะครับลูกสาวผมเห็นใครลำบากก็สงสารเขาไปหมด ถ้าไม่ไปนั่งฟังธรรมที่วัดก็จะไปเลี้ยงอาหารที่บ้านเด็กกำพร้าเป็นประ…”

“ผมเจอเธอที่ผับน่ะครับ บ่อยด้วย แต่ไม่เคยทักกัน เพราะเธอมากับเพื่อนผู้ชายหลายคน คงไม่สะดวก”

ตึ่ง!!!

ความรู้สึกตอนนี้เหมือนศีรษะของนายอำเภอเป็นระฆัง ในขณะที่คำพูดของอาชาวินคือค้อนอันโต และทุกคำพูดของอาชาวินก็เหมือนค้อนที่ทุบลงมาบนระฆังหนักๆซ้ำกันหลายครั้งจนเกิดเสียงดังสนั่นและเกิดการสั่นไหวรุนแรงของตัวระฆัง

ความผิดหวังมีมากแต่ยังน้อยกว่าความอับอายที่ถูกหักหน้าเอากลางวง เพราะยังไม่ทันที่นายอำเภอจอมสอพลอจะได้พรรณนาถึงคุณงามความดีของลูกสาวจนจบ อาชาวินก็โพล่งแทรกขึ้นมาเสียก่อนเพราะต้องการตัดความรำคาญแถมคำตอบยังแหกด่านแปลกแยกกับพฤติกรรมที่นายอำเภอพร่ำเพ้อให้ฟังก่อนหน้าลิบลับ ทำเอาใบหน้าของนายอำเภอช่างยกยอจืดเจื่อน ริมฝีปากที่กำลังจะบรรยายสรรพคุณดีเลิศของลูกสาวอ้าค้างพะงาบๆกลางอากาศไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว

 “นี่ก็รบกวนเวลาของท่านนายอำเภอมามากแล้ว งั้นเรารีบทำเรื่องจดทะเบียนของอาชากับ ‘ลูกสะใภ้’ ของผมเลยดีกว่านะครับ”

ด้วยกลัวว่าเรื่องจะบานปลายใหญ่โตเพราะอัลเฟรดรู้ดีว่าที่อาชาวินเสียมารยาทแบบนั้นเป็นเพราะกำลังรำคาญเข้าขั้นหงุดหงิดกับความเจ้ากี้เจ้าการของนายอำเภอที่ทำเหมือนเอาลูกสาวมาเร่ขายโดยไม่สนใจความรู้สึกของเด็กผู้หญิงเจ้าของตำแหน่งนั้นที่นั่งอยู่ตรงหน้านี้เลย ซึ่งหากปล่อยให้เหตุการณ์ยังดำเนินต่อไปท่ามกลางอารมณ์ขุ่นมัวของเจ้าลูกชายตัวแสบ รับรองว่าอีกไม่นานอาชาวินจะต้องออกฤทธิ์ออกเดชถอนหงอกผู้ใหญ่เล่นเป็นแน่ อัลเฟรดจึงต้องเข้ามาห้ามทัพ แต่ก็มิวายกล่าวย้ำเสียงหนักตรงคำว่า ‘ลูกสะใภ้’ ตอกย้ำให้นายอำเภอได้ยินและเข้าใจความหมายที่เขาสื่อสารผ่านน้ำเสียงไปด้วยว่าเขามีลูกสะใภ้เป็นตัวเป็นตนนั่งอยู่ตรงนี้ อย่าได้คิดยัดเยียดลูกสาวของตัวเองมาให้อาชาวินอีกเด็ดขาด!

“เอ่อ…ครับๆ นี่ครับเอกสารที่ต้องเซ็น”

เจอสีหน้าและแววตาของสองพ่อลูกแมคคานน์ที่พร้อมใจกันส่งความกดดันมาให้ นายอำเภอจึงต้องหุบปากฉับพร้อมทั้งหยิบเอกสารที่ใช้ในการจดทะเบียนขึ้นมาส่งให้คู่บ่าวสาวคนละชุด

“เรียบร้อยแล้วครับ ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ จากนี้คุณทั้งสองถือว่าเป็นคนๆเดียวกันแล้ว มีอะไรหนักนิดเบาหน่อยก็ขอให้ถ้อยทีถ้อยอาศัยกันนะครับ ขอให้โชคดี มีความสุขกับชีวิตคู่ครับ”

“ขอบคุณครับ”

“ขอบคุณค่ะ”

เมื่ออาชาวินกับช่ออัญชันเซ็นชื่อลงในทะเบียนสมรสครบถ้วน นายอำเภอจึงยื่นใบทะเบียนให้เก็บไว้คนละชุด ซึ่งอาชาวินกับช่ออัญชันก็ได้แต่พนมมือไหว้ขอบคุณทั้งที่ในใจกลับคิดและรู้สึกกันไปคนละอย่าง โดยเฉพาะช่ออัญชันที่เหมือนคนจมน้ำเริ่มหายใจไม่ออก ดวงตากลมโตกะพริบถี่ขับไล่อาการวิงเวียนให้จางหาย ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะอาการตัวรุมๆคล้ายมีไข้ตั้งแต่ตื่นนอน แล้วยังต้องมาเผชิญความกดดันตึงเครียดที่รายล้อมตัวทำให้รู้สึกเหมือนอากาศสำหรับหายใจมันน้อยลงไปทุกขณะจนสมองพร่าเลือน แต่ยังต้องฝืนประคองตัวเอาไว้ไม่ให้เป็นลมจะได้ไม่ต้องเป็นภาระของคนอื่น

“หมดหน้าที่แล้ว งั้นผมขอตัวกลับเลยแล้วกันนะครับ”

“ขอบคุณมากนะครับท่านนายอำเภอ”

“ยินดีรับใช้ครับคุณอัลเฟรด ขอตัวก่อนนะครับ”

“อาชา นั่นแกจะไปไหน”

อัลเฟรดเอ่ยถามเสียงเข้ม ดวงตาสีเทาเขม่นมองกดดันต้องการคำตอบเพราะคล้อยหลังที่นายอำเภอออกไปจากห้องนั่งเล่นได้เพียงไม่นาน อาชาวินที่นั่งทำหน้าเหมือนคนทั้งโลกคือตัวน่ารำคาญก็ขยับลุกทำท่าจะตามออกไปอีกคน เจ้าลูกชายตัวดีไม่สนใจภรรยาหมาดๆอย่างช่ออัญชันที่นั่งหน้าซีดเซียวเหมือนคนไม่สบายนั่นเลยสักนิด ทำเหมือนมันมีหน้าที่แค่เซ็นชื่อลงไปในทะเบียนสมรสอย่างเดียว พอเสร็จแล้วก็เตรียมแยกย้ายทางใครทางมัน แบบนี้มันใช้ได้ที่ไหน!

“ไปไหนก็ได้แต่ไม่ใช่ที่นี่ อึดอัด น่าเบื่อ รำคาญ!”

“แต่หนูอัญชัน เมียแกน่ะไม่สบาย ทำไมไม่อยู่ดูแล”

“ใกล้ตายรึยังล่ะ ถ้าใกล้ตายจะได้พาไปส่งวัด”

ร่างสูงที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงอยู่ตรงหน้าประตูห้องนั่งเล่นเบือนหน้ากลับมามองแม่คนตาใสที่นั่งทำหน้าเหมือนคนแบกโลกไว้บนไหล่ ใบหน้าขาวนวลซีดเผือดเหมือนกระดาษ ริมฝีปากที่เคยระเรื่อซีดเซียวไร้สีสัน อีกทั้งท่าทางเหมือนคนไร้เรี่ยวแรงที่เห็นได้ชัดเจนทำให้อาชาวินรู้ว่าช่ออัญชันกำลังไม่สบาย ซึ่งสาเหตุคงเป็นเขานี่แหละที่เมื่อคืนจับเจ้าหล่อนกลืนลงท้องอย่างตะกละตะกลามมากเกินควร แต่ช่างประไร! ไหนๆก็ได้ตำแหน่งเมียนอนกอดทะเบียนสมรสเอาไว้แล้วเผลอแตะหนักไปนิดจับกินนานไปหน่อยคงไม่เป็นไร อีกอย่างคุณอัลเฟรดอยู่ทั้งคน แด๊ดเขาคงไม่ปล่อยให้ลูกสะใภ้คนโปรดป่วยตายอย่างเดียวดายหรอก

“ฮึ! ผู้หญิงอะไร ผอมแห้งอย่างกับเด็กขาดสารอาหาร!”

เห็นคนตาใสเอาแต่หลบหน้าไม่ยอมตอบโต้อาชาวินก็หงุดหงิดใจนัก คนพาลจึงสรรหาข้อเสียที่มีอยู่น้อยนิดมาต่อว่า ถ้อยคำนี้ทำเอาคนถูกแดกดันอย่างช่ออัญชันหน้าซีดสลดเหมือนถูกแทงใจดำจนอาชาวินต้องหรี่ตามองจับสังเกต

“อาชา!” เสียงเข้มๆของอัลเฟรดตวาดเรียกชื่อลูกชายอย่างต้องการตำหนิ   

               

“แด๊ดไม่ต้องมาทำเสียงเข้ม ผมก็เป็นของผมแบบนี้ แล้วก็จำไว้ด้วยว่าผมไม่ได้เต็มใจรับยายนี่มาทำเมีย เพราะฉะนั้นอย่ามาหวังว่าผมจะสนใจ ใครอยากได้เจ้ากี้เจ้าการให้แม่วัชพืชนี่เข้ามาร่วมสกุลก็ดูแลเองแล้วกัน ผมไปล่ะ ไปหาอะไรที่มันเจริญหูเจริญตาดูดีกว่า อยู่ที่นี่มันโคตรน่าเบื่อ!”

พูดจบอาชาวินก็ตวัดสายตาขวางๆมองไปที่ช่ออัญชันแล้วเดินผิวปากหวืออย่างกวนอารมณ์ออกไปจากบ้านหลังใหญ่ ปล่อยให้คุณอัลเฟรดได้แต่กัดฟันกรอดกับคำพูดยียวนตั้งใจกวนประสาทของลูกชายตัวร้าย นี่ขนาดมีเขานั่งหัวโด่อยู่ตรงนี้มันยังกล้าทำพฤติกรรมแย่ๆใส่เมีย ไม่อยากจะคิดเลยว่าถ้าเขาไม่อยู่แล้วมันจะสำแดงฤทธิ์เดชใส่ลูกสะใภ้เขามากมายถึงเพียงไหน ถอนหายใจยาวๆแล้วหันหน้ามองช่ออัญชันที่นั่งก้มหน้าอยู่ตรงโซฟาตัวเดิมด้วยความเวทนาสงสารเต็มเปี่ยม

“หนูอัญชัน ไม่ค่อยสบายใช่ไหม ขึ้นไปพักข้างบนเถอะ อีกเดี๋ยวจะให้แม่บ้านเอาข้าวต้มกับยาแก้ไข้ขึ้นไปให้”

“ขอบคุณค่ะนายใหญ่”

ช่ออัญชันพนมมือสั่นๆขึ้นไหว้ขอบคุณอัลเฟรดที่ท่านมีเมตตาให้เธอนับตั้งเจอกันจนถึงตอนนี้ หยดน้ำตาที่คลอขังจะรินไหลเสียให้ได้ที่ความสับเพล่าของเธอทำให้ผู้มีพระคุณกับลูกชายต้องมาเดือดร้อน ไหนจะความคับแค้นชิงชังที่อาชาวินโยนใส่หน้านั่นอีกที่ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดตึงเครียดปวดศีรษะจนแทบระเบิด ไม่อยากให้เรื่องราวมันลงเอยแบบนี้เลย แต่เธอไม่รู้จริงๆว่าควรทำอย่างไร

“เรียกแด๊ดเหมือนอาชาสิ ตอนนี้หนูคือลูกสะใภ้ของฉัน เท่ากับว่าหนูเป็นลูกสาวของฉันด้วย”

“แต่ว่าอัญ…”

คนต่ำต้อยอย่างเธอหรือจะกล้ายกตัวเองเทียบเสมออาชาวินด้วยการเรียกคุณอัลเฟรดว่าแด๊ดตามเขา เห็นๆกันอยู่ว่าอาชาวินไม่ได้เต็มใจรับเธอเป็นภรรยาเลยสักนิด แล้วหากเธอเรียกคุณอัลเฟรดแบบนั้น อาชาวินจะยิ่งโกรธเคืองเธอหรือไม่

“ไม่ต้องคิดมาก ให้รู้แค่ว่าตอนนี้หนูคือลูกสาวของฉัน เป็นเจ้านายอีกคนของไร่ดวงหทัย เข้าใจไหม ช่ออัญชัน”

“ค่ะ นายใหญ่ เอ่อ…ดะ..แด๊ด”

“อืม ดีมาก ที่นี้ก็ขึ้นไปนอนพักซะ แม่เนียม พาหนูอัญชันไปข้างบนทีนะ แล้วสั่งให้เด็กจัดสำรับอ่อนๆกับยาแก้ไข้ตามขึ้นไปด้วย”

“ได้ค่ะนายใหญ่”

หัวหน้าแม่บ้านที่ยืนรอรับคำสั่งอยู่ตรงหน้าประตูห้องนั่งเล่นรับคำแล้วรีบปราดเข้ามาประคองร่างบางของนายหญิงน้อยหมาดๆเมื่อช่ออัญชันลุกขึ้นยืนแล้วมีอาการซวนเซ เพราะเธอเองก็เป็นห่วงตั้งแต่ตอนพาช่ออัญชันลงมา ร่างบางที่มีแต่รอยจ้ำแดงช้ำสลับเขียวใต้ร่มผ้านั้นตัวอุ่นๆรุมๆอย่างคนมีไข้ จากนั้นป้าเนียมจึงรีบประคองร่างอ่อนแรงของช่ออัญชันขึ้นไปด้านบน โดยมีสายตาเป็นกังวลของนายใหญ่แมคคานน์มองตามไปจนสุดสายตา

******************************************************

ปล.1 แอบกระซิบให้ฟังดังๆเลยว่าจากนี้ไปความเลวร้ายของพี่อาชาจะเริ่มปรากฎ ร้ายจนน่าโดนตบ ปากเสียจนน่าหาอะไรอุดปาก คงต้องรบกวนให้นักอ่านทุกท่านคอยส่งกำลังใจก้อนใหญ่ๆให้ยายหนูอัญชันเรื่อยๆนะคะ

ปล.2 แอบกระซิบอีกนิดว่าพรุ่งนี้ภัคจะมีกิจกรรมแจกหนังสือนิยาย 3 เรื่อง นามปากกา 'พิจักขณา' เพราะฉะนั้นถ้าใครอยากได้ อยากร่วมสนุกกัน พรุ่งนี้ห้ามพลาด กดไลค์แล้วเกาะหน้าเพจรอได้เลย

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา