สยบรักเมียบำเรอ

7.2

เขียนโดย Phaky

วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.23 น.

  41 ตอน
  3 วิจารณ์
  35.02K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 มกราคม พ.ศ. 2561 13.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

34) ส่งการบ้าน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เว็บขีดเขียน

 

 เว็บขีดเขียน

 

 

“เดี๋ยว! นั่นเสื้อผ้าของใคร”

 

 

เสียงเรียกกระด้างดุที่ดังจากทางด้านหลังทำให้สาวใช้ที่หอบหิ้วถุงเสื้อผ้าพะรุงพะรังเตรียมนำไปซักตามคำสั่งของอาชาวินชะงักมือแล้วหันหลังกลับไปมอง ไม่ผิดจากที่คาดคิดไว้นักว่าคนที่จิกเรียกเอาไว้คงไม่พ้นคุณโรสคนสวยแต่พฤติกรรมไม่สวยสมใบหน้า เพราะอารมณ์ร้ายๆ ที่ปะปนอยู่ในกระแสเสียงแบบนี้ไม่มีคนในบ้านแมคคานน์คนไหนเขาใช้พูดกัน เรนุกายืนกอดอกเชิดหน้าจิกสายตามองมาด้วยสายตาไม่สบอารมณ์นักซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอีกนั่นแหละ เพราะนอกจากอาชาวิน เรนุกาก็ไม่เคยทำหน้าแสดงออกว่าพอใจใครในบ้านสักคน ยิ่งกับคนรับใช้ หญิงสาวยิ่งแสดงท่าทางรังเกียจออกมาชัดเจนเหมือนอย่างที่กำลังทำอยู่ตอนนี้

 

 

“ของคุณอัญชันค่ะ นายน้อยให้เอาไปซัก”

 

 

ตอบออกไปเสียงเรียบแต่ภายในใจของสาวใช้กลับสาแก่ใจนักที่เห็นดวงตายาวรีของเรนุกาขุ่นคลั่กทันทีที่ได้ยิน ใบหน้าสวยคมบึ้งตึง ริมฝีปากเคลือบลิปสติกสีแดงสดบิดเบี้ยวด้วยความไม่พอใจชัดเจน

 

 

“เอามานี่ซิ!”

 

 

“แต่ว่า…”

 

 

“ฉันสั่งให้แกเอามาให้ฉันดู หูแตกรึไงนังขี้ข้า”

 

 

ด่าก็แล้ว จิกตาใส่ก็แล้ว แต่สาวใช้ซื่อบื้อในสายตาของเรนุกาก็ยังยืนอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่กับที่ไม่ยอมเอาถุงเสื้อผ้าแบรนด์ที่คุ้นตามาให้เธอดูสักที เป็นเรนุกาเสียเองที่อดรนทนต่อความอยากรู้ไม่ไหว หญิงสาวจึงเดินกระแทกพื้นตึงตังเข้าไปที่สาวใช้แล้วกระชากถุงเสื้อผ้ามาดูอย่างไร้มารยาท

 

 

“ใช่จริงๆ ด้วย”

 

 

ทันทีที่เห็นชื่อร้านหน้าถุงช็อปปิ้งสีขาวคุ้นตา เรนุกาถึงกับอุทานออกมาด้วยน้ำเสียงที่ปิดซ่อนความผิดหวังไว้ไม่มิด เพราะเธอจำได้ดีว่าเสื้อผ้าแบรนด์นี้นี่แหละที่อาชาวินซื้อให้เธอเมื่อไม่กี่วันก่อน หัวใจเต้นรัวแรงจนไหล่บางขยับขึ้นลง ก่อนพยายามสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ระงับความรู้สึกหวาดกลัวที่ประดังเข้าใส่ จากนั้นมือบางจึงรื้อเสื้อผ้าที่อยู่ข้างในออกมาดู ดวงตาคู่สวยหรี่แคบ ริมฝีปากสีจัดขบกันแน่นเมื่อได้เห็น เพราะสไตล์เสื้อผ้าในมือคือเดรสยาวแค่เข่าแนวคุณหนูน่ารักหวานใสที่อยู่ในถุงคล้ายกับที่อาชาวินซื้อให้เธอวันก่อนเสียจริง อีกทั้งโทนสีพาสเทลหวานๆ สบายตาของชุดก็ยังมีความคล้ายคลึงกัน หากอาชาวินให้ความสนใจเธอบ้าง เขาคงเห็นว่าเธอไม่เคยสวมเสื้อผ้าสไตล์นี้เลยสักครั้ง

 

 

“D75!”

 

 

อุตส่าห์พยายามคิดหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองว่าที่อาชาวินเลือกซื้อเสื้อผ้าน่ารักๆ ให้เธอคงเป็นเพราะเขาอยากให้เธอเป็นสาวหวานบ้าง แต่พอเปิดถุงกระดาษใบอื่นออกดูและพบว่ามันคือถุงชุดชั้นใน เหตุผลต่างๆ ที่พยายามคิดหามาหลอกตัวเองกลับถูกเทกระจาดไม่มีหลงเหลือ นั่นเพราะขนาดคัพของตัวเสื้อชั้นในที่มีขนาดใหญ่กว่าหน้าอกของเธอถึงสองคัพ อีกอย่างอาชาวินไม่เคยแตะต้อง ไม่เคยสัมผัสคลุกเคล้าใบหน้าแนบชิดกับหน้าอกของเธอเลยสักครั้ง ความเป็นไปได้ที่เขาจะซื้อชุดชั้นในมาฝากมันจึงเป็นไปแทบไม่ได้เลย

 

 

 

‘ของพวกนั้นไม่ใช่ของเรา!’

 

 

นี่แสดงว่าครั้งก่อนอาวินไม่ได้ตั้งใจซื้อเสื้อผ้ามาให้เธออย่างที่เธอรู้สึกจริงๆ เขาตั้งใจซื้อมาให้นังขอทานนั่นต่างหาก ตงิดใจตั้งแต่เห็นของในถุงแล้ว คงเป็นเพราะเธอเข้าไปเห็นพอดี เขาเลยต้องยกเสื้อผ้ากับชุดชั้นในพวกนั้นมาให้อย่างเสียมิได้ พอมาวันนี้เขาก็เลยแอบพานังช่ออัญชันไปซื้ออีกครั้ง ซึ่งจำนวนเสื้อผ้าข้าวของที่ซื้อวันนี้เยอะกว่าครั้งที่แล้วไม่รู้กี่เท่า เขาทำเหมือนต้องการชดเชยความผิดจากครั้งที่แล้ว

 

 

อาชาวินรู้สึกผิดต่อนังช่ออัญชันงั้นเหรอ? นี่แสดงว่าเขาแคร์มันน่ะสิ อาชาวินไม่ได้เกลียดนังช่ออัญชันอย่างที่เขาเคยแสดงออก สิ่งที่เธอหวาดกลัว สิ่งที่เธอเป็นกังวลอยู่ลึกๆ ในใจมันคงกำลังจะเกิดขึ้นแล้วสินะ

 

 

มือบางกำเสื้อผ้าในมือไว้แน่น บีบขยำด้วยแรงที่เต็มไปด้วยความชิงชังเหมือนมันคือใบหน้าสวยใสของช่ออัญชันสักพักดวงตายาวรีก็หลับตาลงแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ พยายามสงบสติอารมณ์ให้ได้มากที่สุด เพราะสิ่งที่เธอต้องทำในตอนนี้ไม่ใช่กรีดร้องโวยวายให้เหยื่อรู้ตัว แต่เธอต้องรีบเตรียมปฏิบัติตามแผนการที่เคยเตี๊ยมกับเพื่อนเอาไว้เพื่อกำจัดเสี้ยนหนามที่ขึ้นขวางเส้นทางเป็นนายหญิงของไร่ดวงหทัยแห่งนี้ เรียวปากสีสดค่อยยิ้มออกมาได้บ้างเมื่อนึกถึงสิ่งที่เธอคิดจะทำต่อไป ความรู้สึกกรุ่นโกรธเคียดแค้นค่อยๆ ทุเลาลงเมื่อมีทางออก ถุงเสื้อผ้าในมือถูกโยนลงไปอยู่บนพื้นด้วยความชิงชังจนเสื้อผ้าในถุงกระจัดกระจายลำบากให้สาวใช้ต้องรีบก้มลงเก็บ จากนั้นร่างเพรียวสวยจึงสะบัดหน้ากลับหลังหันแล้วเดินกลับไปยังห้องนอนของตัวเองและกดโทร.หาผู้ช่วยที่เธอหว่านล้อมมาเป็นพรรคพวกเพื่อวางแผน

 

 

‘คิดเป็นศัตรูกับฉัน ก็อย่าหวังว่าชีวิตแกจะอยู่อย่างเป็นสุข นังอัญชัน!’

 

 

 

……………………………………………………………………………………………………………………………………………….

 

 

“ขอบคุณที่มาส่งค่ะคุณอาชา อัญไปทำงานก่อนนะคะ”

 

 

ช่ออัญชันกระพุ่มมือไหว้ขอบคุณเมื่ออาชาวินใจดีขับรถกระบะพาเธอมาส่งถึงหน้าโรงครัวทำให้เธอไม่ต้องเดินตากแดดจนเหงื่อไหลซึมแผ่นหลังเหมือนเมื่อก่อน จากนั้นจึงรีบหันหน้ามาทางประตู สองมือดึงเข็มขัดนิรภัยออกจากตัวและเตรียมปลดล็อก แต่ยังไม่ทันได้ทำอย่างใจ ไหล่บางกลับถูกมือใหญ่ดึงกลับให้หันมาเผชิญหน้า ช่ออัญชันเม้มปากกลั้นหายใจไม่กล้าขยับตัวหนีพลางกะพริบตาปริบๆ อย่างไม่รู้จะทำอย่างไรเมื่อตอนนี้ใบหน้าของตัวเองอยู่ใกล้กับใบหน้าคมเข้มของอาชาวินเหลือเกิน จะหลบหลีกไปไหนก็เป็นไปไม่ได้เลยเพราะมือของเขาจับไหล่เธอไว้แน่นมาก อีกอย่างหากเธอดิ้นรน เธอก็กลัวใจอาชาวินนักว่าเขาจะโกรธจนลงโทษปากกับแก้มเธอให้ช้ำบวมเหมือนที่ชอบทำในระยะหลังมานี้

 

 

“อย่ามาเนียน เช้านี้ส่งการบ้านหรือยัง”

 

 

เรียวปากได้รูปแลดูเจ้าเล่ห์ของคุณครูจำเป็นเอ่ยทวงถามหา ‘การบ้าน’ ด้วยแววตาเป็นประกายรู้ทันเมื่อดูท่าทางว่านักเรียนสาวหน้าใสของเขาตั้งใจจะรีบลงจากรถเพื่อหลบเลี่ยงการส่งการบ้านที่เขาบังคับให้ทำทุกวันในตอนเช้าก่อนแยกย้ายกันไปทำงาน แต่มันไม่ใช่เรื่องที่จะยอมให้เกิดขึ้นง่ายๆ เพราะอาชาวินนั้นตั้งตารอคอยการบ้านของเด็กนักเรียนหน้าใสอย่างช่ออัญชันด้วยใจจดจ่อ

 

 

 

‘ไม่ส่งไม่ได้เหรอคะ’

 

 

คนถูกถามไม่ได้ตอบแต่ดวงตากลมๆ กลับพยายามส่งสายตาอ้อนวอนดูน่าสงสารมาให้สุดฤทธิ์ แววตากลมใสของช่ออัญชันเหมือนต้องการร้องขอออกไปแบบนั้นซึ่งแน่นอนว่าคนใจดีมีเมตตาอย่างอาชาวินต้องตอบกลับไปเสียงอ่อนเสียงหวานด้วยความเห็นใจเต็มเปี่ยมว่า…

 

 

“ไม่ต้องส่งการบ้านก็ได้ค่ะ แต่จะพากลับไปทำโทษที่ห้องนะคะ”

 

 

“ส่งค่ะ อัญจะส่งการบ้านแล้วค่ะ”

 

 

“งั้นก็เร็วๆ ถ้าโอ้เอ้จะปรับตก ต้องสอบซ่อมวนไปห้ารอบ”

 

 

“ใจร้าย”

 

 

ช่ออัญชันก้มหน้างุดด้วยสู้สายตาแวววาวระยิบระยับของอาชาวินไม่ไหว แถมคนขี้อายที่ถูกคนเอาแต่ใจบังคับก็ยังแอบบ่นงึมงำๆ เบาๆ ด้วยคิดว่าเขาคงไม่ได้ยิน เพราะนอกจากเขาจะไม่ใจอ่อนกับสายตาเว้าวอนร้องขอของเธอ อาชาวินยังคิดจะปรับให้เธอสอบตกแล้วทำการสอบซ่อมใหม่อีกห้ารอบ แค่รอบเดียวเธอก็ขัดเขินจะแย่ ถ้าต้องสอบซ่อมห้ารอบจริงๆ อย่างที่ถูกขู่ มีหวังวันนี้เธอคงอายจนช็อกตายไปก่อนได้ส่งการบ้านเสร็จแน่

 

 

“บ่นอะไร ฉันได้ยินนะ แล้วมัวแต่ก้มหน้าอยู่ได้ จะส่งไหมการบ้านน่ะ หรือจะรอซ่อม”

 

 

“ส่งก็ได้ค่ะ”

 

 

เมื่อถูกกดดันหนักๆ จากคนใจร้าย ช่ออัญชันจึงถอนหายใจดังเฮือกยอมรับความจริงว่าเธอคงไม่มีโอกาสหลุดรอดจากสถานการณ์ชวนขัดเขินนี้ได้อีกแล้ว ใบหน้าที่แดงก่ำไปล่วงหน้าจึงเงยขึ้นสบตาอาชาวินที่มองอยู่ รวบรวมความกล้าอีกนิด จากนั้นมือบางทั้งสองข้างจึงวางทาบกับผิวแก้มของอาชาวินทั้งซ้ายและขวาแผ่วเบา

 

 

“อืม หยาบน้อยกว่าเมื่อวาน หอมด้วย ผ่าน”

 

 

มือหนาวางทาบทับบนมือขาวบางแล้วขยับวนเวียนบังคับให้ฝ่ามือของช่ออัญชันสัมผัสกับผิวแก้มของตัวเองมากที่สุดก่อนคว้ามันมาจรดกับปลายจมูกซ้ำๆ สูดดมความหอม นั่นเพราะอาชาวินต้องการทดสอบว่าช่ออัญชันได้ใช้ครีมบำรุงผิวที่เขาขนซื้อมาให้หรือเปล่า หลังจากที่ไปเหมาครีมบำรุงมาชุดใหญ่ ชายหนุ่มจึงตั้งกฎเกณฑ์ขึ้นมาว่าช่ออัญชันจะต้องส่งการบ้านเขาทุกวัน ซึ่งก็คือการเอาผิวกายของหญิงสาวมาให้เขาสัมผัส หากตรงไหนที่มันหยาบกร้านไม่สวยงาม ช่ออัญชันจะต้องทาครีมบำรุงจนสภาพผิวของเจ้าหล่อนนุ่มเนียนขึ้นเรื่อยๆ และฝ่ามือคือจุดที่อาชาวินเน้นย้ำมากที่สุด นี่ก็ผ่านมาห้าวันแล้วที่ช่ออัญชันต้องประโคมครีมบำรุงราคาแพงเหล่านั้นบนเรือนกาย และก็เป็นอีกห้าวันเช่นกันที่หญิงสาวต้องส่งการบ้านชวนขัดเขินจนแทบเป็นลมแบบนี้

 

 

“ยังไม่แน่ใจว่าผิวที่แขนเนียนขึ้นหรือเปล่า ติด ‘ร’ ไว้ก่อนแล้วกัน”

 

 

ถัดจากฝ่ามือคือเรียวแขนสลักเสลาที่ต้องถูกทดสอบ มือหนาจับแขนของช่ออัญชันยกขึ้นในอากาศ จากนั้นจึงลดใบหน้าจรดริมฝีปากพรมจูบลงไปหนักๆ เพื่อทดสอบจนใบหน้านวลใสเห่อร้อนวูบวาบต้องเอียงหน้าหนี ก็เขาเล่นกดจูบซ้ำๆ อยู่แบบนั้นไม่ยอมหยุด ยิ่งอาชาวินไต่ริมฝีปากจูบซับไล่ขึ้นมาเรื่อยๆ ถึงต้นแขน อาการขนลุกร้อนวูบวาบไปทั่วร่างก็มาเยี่ยมเยือนจนเจ้าของเรียวแขนต้องเกร็งตัวห่อไหล่เข้าหากัน

 

 

อาชาวินไม่เน้นความขาวเนื่องจากผิวกายของช่ออัญชันนั้นขาวผ่องเพราะได้เชื้อสาวชาวเหนือจากแม่มาเต็มร้อย แต่ที่ชายหนุ่มต้องการคือความเรียบลื่นของผิว เพราะก่อนหน้านี้ช่ออัญชันต้องเดินตากแดดทั้งตอนเข้าไร่ ไปซื้อของที่ตลาด และตอนเดินไปมาระหว่างบ้านใหญ่กับโรงครัวจนผิวแห้งหยาบ อีกทั้งยังโดนเจ้ายุงตัวร้ายกัดซะพรุนจนผิวขาวๆ นั้นเป็นตะปุ่มตะป่ำ คงต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่าจะเห็นความแตกต่างที่ชัดเจนกว่านี้ เขาจึงยังไม่ให้ผ่าน และคนที่ยังสอบไม่ผ่านก็ต้องโดนลงโทษด้วยการถูกหอมแก้มหนักๆ จนบางทีคนถูกหอมก็คิดว่าหนักเกินไปหรือเปล่า แก้มช้ำแล้วมั้ง

 

 

“อืม วันนี้ผมนุ่มขึ้นเยอะ แล้วก็หอมมากด้วย ฉันชอบยาสระผมกลิ่นนี้ ใช้บ่อยๆ ไปเลยไม่ต้องกลัวเปลือง หมดเมื่อไรจะพาไปเหมามาทั้งร้าน”

 

 

ต่อจากแขนเรียว ศีรษะที่ปกคลุมด้วยเส้นผมยาวประบ่าก็ถูกดึงเข้าหา ช่ออัญชันเอนตัวตามแรงดึงไม่มีเกี่ยงงอนเพราะยังไงก็รู้ดีว่าหนีไม่รอด อีกทั้งท่าทดสอบแบบนี้ยังทำให้เธอสามารถก้มหน้าหลบสายตาของอาชาวินได้ด้วย มือสีแทนข้างหนึ่งกดอยู่ตรงท้ายทอย ส่วนมืออีกข้างกอบปอยผมสีน้ำตาลเข้มขึ้นจรดปลายจมูก แต่ผลการทดสอบคงยังไม่แน่ชัด กระมัง อาชาวินจึงขยับตัวขึ้นแล้วโอบแขนดึงร่างเล็กเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน ทิ้งใบหน้าแนบชิดศีรษะเล็กๆ ฝากฝังปลายจมูกโด่งกับกลุ่มผมที่ลดความแข็งกระด้างลงไปมากจากการสระและหมักด้วยโคลนหมักผมชั้นดี และคนที่สอบผ่านด้วยผลทดสอบที่ดีเยี่ยมจึงได้รับรางวัลตอบแทนเป็นการจูบหน้าผากเนียนหนักๆ ไปหลายรอบ ตรงนี้ก็เหมือนกัน หากโครงกระดูกตรงหน้าผากไม่แข็งแรงพอ ป่านนี้มันคงยุบเป็นรูปริมฝีปากของอาชาวินไปแล้ว จะจูบหนักอะไรปานนั้น

 

 

“เอาล่ะ ทีนี้ก็…”

 

 

ให้รางวัลคนผมหอมนุ่มถูกใจด้วยการวนจูบตรงหน้าผากอยู่หลายครั้ง จากนั้นอาชาวินจึงยอมเงยหน้าขึ้น ซึ่งช่ออัญชันบอกไม่ถูกว่าระหว่างเลือกให้เขาจูบหน้าผากตัวเองอย่างเดิม หรือให้ส่งการบ้านทดสอบอย่างสุดท้ายอันไหนมันจะดีกว่ากัน เพราะทันทีที่เงยหน้า ปลายนิ้วชี้เรียวของเขาก็เคาะเบาๆ ที่ริมฝีปากได้รูป ถ้อยคำที่เขาเคยสั่งเอาไว้ตอนอยู่ที่ร้านขายครีมบำรุงผิวจึงย้อนกลับเข้ามาในหัวสมอง

 

 

อีกสามวันถ้าเรียวปากเธอไม่นุ่ม มือเธอไม่นิ่ม ผิวเธอไม่นวล ผมเธอไม่หอมละมุน เธอเจอดีแน่

 

 

มือ ผิว ผม ส่งการบ้านพร้อมทราบผลเรียบร้อยแล้ว เหลือแต่ริมฝีปากนี่แหละที่เธอหนักใจ ไม่รู้ว่าทำไมอาชาวินถึงต้องให้เธอส่ง ‘การบ้าน’ ให้เขาตรวจสอบทุกเช้าแบบนี้ด้วย ในเมื่อเดี๋ยวนี้เธอถูกบังคับให้นอนค้างอยู่ห้องเดียวกับเขาทุกคืนนับตั้งแต่คืนที่ถูกหลอกให้เอาเสื้อไปส่งให้ และแน่นอนว่าชายหนุ่มไม่ได้เรียกเธอให้ขึ้นไปนอนนิ่งเป็นหมอนข้างประดับเตียง แต่เขายังกอดจูบลูบคลำสัมผัสและทำอะไรๆ กับเรือนกายของเธอไม่เคยว่างเว้นสักวัน ซึ่งเขาน่าจะรู้ดีที่สุดว่าเรือนกายของเธอมีพัฒนาการดีขึ้นอย่างที่ต้องการหรือไม่ แต่เขาก็ยังทำเหมือนแกล้ง ทั้งที่รู้ว่าเธอขัดเขินจะแย่แต่เขาก็ไม่เคยปรานี เหมือนอย่างตอนนี้ที่เธอต้องกดริมฝีปากลงบนเรียวปากอุ่นของเขาเพื่อทดสอบความนิ่มนุ่มของกลีบปากสีเรื่อทั้งที่เมื่อคืนเขาบดจูบจนมันชอกช้ำมาแล้วทั้งคืน

 

 

“จูบ!”

 

 

สิ้นคำสั่ง ช่ออัญชันก็รู้ตัวว่าไม่อาจยืดเวลาทำใจออกไปได้อีก เมื่อมือหนาคว้าสองแขนของเธอโอบรอบคอของเขาพร้อมทั้งดันแผ่นหลังของเธอเข้าหาจนทรวงอกอวบนุ่มแนบชิดอกกว้าง ดวงตาคู่คมที่จ้องมองไม่กะพริบเหมือนต้องการสะกดจิต เพราะทันทีที่เผลอมองสบตา เรียวปากบางของเธอก็ค่อยๆ เคลื่อนเข้าหาจนมันทาบลงบนเรียวปากร้อนแสนร้ายกาจ มือสีคร้ามกดท้ายทอยจนเรียวปากทั้งสองคู่แนบชิด จากนั้นเป็นอาชาวินที่จู่โจมดูดดื่มคลุกเคล้าจนเรียวปากบางเห่อบวม ความหิวกระหายรสชาติหวานล้ำจากโพรงปากแสนหวานของคนในอ้อมแขนที่มีอยู่ทุกวินาทีทำให้เกิดคำถามขึ้นในใจ ว่าเพราะเหตุใดเขาถึงได้เกิดความลุ่มหลงมันได้มากมายถึงเพียงนี้…

 

 

อดอยากหรือ? ไม่ใช่!

 

 

ร้อนแรง เชี่ยวชาญ? ยิ่งเป็นไปไม่ได้เข้าไปใหญ่!

 

 

แล้วเพราะอะไรล่ะที่ทำให้เขาโหยหาความหวานราวน้ำผึ้งเดือนห้าที่ซุกซ่อนไว้ในริมฝีปากจิ้มลิ้มของช่ออัญชันจนแทบไม่อยากให้หญิงสาวห่างกายไปไหน ระหว่างที่บดจูบหนักหน่วงอย่างเอาแต่ใจ อยู่ๆ กลับมีคำตอบเลือนรางเกิดขึ้นในสมอง และคำตอบที่ว่าดันเหมือนกับคำตอบที่ผุดขึ้นกลางหัวใจซะด้วย แต่กลับเป็นคำตอบที่อาชาวินยังไม่กล้าจะยอมรับ

 

 

“ความนุ่มให้ผ่าน แต่ความชำนาญของลิ้นยังต้องปรับปรุง เดี๋ยวคืนนี้ค่อยติวเข้ม”

 

 

จวนเจียนใกล้จะควบคุมความต้องการร้อนแรงที่พุ่งพรวดในร่างกายไว้ไม่อยู่ อาชาวินจึงต้องรีบถอนริมฝีปากออกจากเรียวปากบางรสหวาน ความเสียดายมีอยู่เต็มเปี่ยม แต่ชายหนุ่มนั้นรู้ดีว่าเขายังมีงานในไร่ที่ต้องรีบสะสางอีกหลายอย่าง หลายวันมานี้เขาก็เสียการเสียงานไปมากหลังจากเอาเวลางานคอยตามส่องเมีย ตอนเช้ากว่าจะตรวจการบ้านเสร็จได้เข้าไร่ก็สาย กลางวันก็หาเรื่องหิวข้าวก่อนเวลาไปนั่งเฝ้าแม่ครัวตั้งแต่กับข้าวยังไม่เสร็จ ตกเย็นก็เมื่อยตัวจนต้องรีบกลับบ้านแล้วเรียกช่ออัญชันมาบีบนวด ไอ้ความขยันขันแข็งที่เคยมีให้งานเกินร้อยมันหายไปเกือบหมด เพียงเพราะผู้หญิงตัวหอมที่อยู่ในอ้อมแขนคนนี้คนเดียว เลยต้องจับมาลงโทษเสียให้เข็ด!

 

 

“รีบไปทำงานได้แล้ว” ให้นั่งกอดกันนานกว่านี้สงสัยจะยาว

 

 

มือหนากดท้ายทอยของคนตาปรือบนตักที่ดูเหมือนยังดึงสติกลับมาไม่ได้เข้ามากดจูบหนักๆ อีกสี่ห้าครั้งก่อนเป็นฝ่ายยกร่างเล็กกลับไปนั่งที่เบาะข้างคนขับ ปลายนิ้วเรียวยาวเกลี่ยผิวแก้มเนียนแดงระเรื่อ ดวงตาคู่คมกวาดมองดวงหน้าน่ารักก่อนถอนหายใจหนักๆ แล้วชักมือดึงตัวกลับมานั่งตัวตรงเตรียมขับรถไปจากหน้าโรงครัวเสียที เห็นแบบนั้นช่ออัญชันจึงรีบเปิดประตูแล้วกระโดดลงไปจากรถ ก้มหน้าก้มตาเดินเข้าเข้าโรงอาหารปกปิดใบหน้าเห่อร้อนแดงซ่านจากสายตาของคนอื่นๆ หญิงสาวจึงไม่เห็นสายตาอ่อนโยนของอาชาวินที่มองตามไปไม่กะพริบตานั่นอย่างน่าเสียดาย

 

 

**************************************************

อ่านจบตอนนี้แล้วอยากถามแค่คำสั้นๆ ว่า...รักพี่อาชาไหมครับ?

ส่วนด้านล่างนี้คือ E-book ของพี่อาชาเองนะครับ รักพี่ไปโหลดให้กำลังใจพี่กันเยอะๆ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา