สยบรักเมียบำเรอ

7.2

เขียนโดย Phaky

วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.23 น.

  41 ตอน
  3 วิจารณ์
  35.76K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 10 มกราคม พ.ศ. 2561 13.12 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ความเจ็บปวด 2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เว็บขีดเขียน

“ค่อยๆคุยกันดีกว่านะ กำพล”

“มึงอย่าเสือก! นะ..นาย นายใหญ่”

ดวงตาแดงก่ำขยายกว้าง ฝ่ามือหยาบกระด้างที่ลอยค้างอยู่กลางอากาศชะงักงันแล้วค่อยๆร่วงลงมาอยู่ข้างลำตัวเหมือนหมดแรงเมื่อเห็นหน้าคนที่กล้ามาขัดขวางความต้องการของเขาชัดเจน ใบหน้าคมคายของคนที่เขาเคยรู้จักเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนแม้จะร่วงโรยไปตามกาลเวลา แต่ก็ยังมีเค้าความหล่อหลงเหลืออยู่มากให้จดจำ

“ฉันเอง ไม่เจอกันนาน สบายดีนะ”

ไม่ต่างจากอัลเฟรดที่แม้จะไม่ได้เจออดีตคนงานในไร่อย่างกำพลอีกเลยนับตั้งแต่ที่เขาจำเป็นต้องไล่กำพลกับครอบครัวออกจากไร่ดวงหทัยเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน แต่หนุ่มใหญ่ก็ยังจดจำใบหน้าของคนตรงหน้าได้ดี จะว่าไปก็อาจเป็นเพราะยังมีความรู้สึกผิดบาปติดอยู่ในใจตั้งแต่เกิดเรื่องครั้งนั้นก็ได้ทำให้เขาไม่เคยลืมเลือนแววตาโกรธขึ้งของกำพลและดวงตาอีกหนึ่งคู่ที่พยายามร้องขอความเมตตา แต่เขากลับใจแข็งไม่ยอมให้อภัย

“นี่ลูกสาวนายใช่ไหม แล้วมีเรื่องอะไร ทำไมถึงต้องลงมือลงไม้กันด้วย” อัลเฟรดหันหน้ากลับมามองสาวน้อยที่ยังร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะเส้นผมยาวประบ่าของเด็กสาวยังถูกมือของกำพลขยุ้มเอาไว้ไม่ปล่อย

“มันดื้อน่ะครับ”

 “เป็นหนี้ใช่ไหม ครั้งนี้เท่าไรล่ะ”

“คือผม…” กำพลอ้ำอึ้งหน้าซีดเผือดเมื่ออยู่ๆถูกอดีตนายจ้างถามอย่างรู้ทัน

“ฉันถามว่าเท่าไร!”

“สองแสนครับ”

กำพลตอบออกไปรัวเร็วไม่กล้าอิดออดเมื่อถูกอดีตเจ้านายตะคอกถามเสียงลั่น ไม่กล้าโกหกเพราะสายตาของเจ้านายเก่าบอกว่ารู้ทันสันดานเขาทุกอย่าง ยังจำได้ว่าเจ้านายที่เคยใจดีมีเมตตาอย่างอัลเฟรดนั้นมีความเด็ดขาดซ่อนอยู่ข้างในมากมายขนาดไหน เห็นท่าทางหน้าตาใจดีๆแบบนี้อย่าให้โมโหก็แล้วกัน ลองอัลเฟรดโมโหขึ้นมาไม่ว่าใครก็เข้าหน้าไม่ติด เขานี่แหละเคยโดนมาแล้ว

“สองแสน!”

ช่ออัญชันเบิกตาโพลงตกใจกับคำตอบของบิดายิ่งนัก หัวใจดวงน้อยหดหู่ รู้สึกท้อแท้เหลือเกินที่รู้ว่าเงินจากความยากลำบากที่เธอเพียรทำมาทั้งหมดไม่เคยเพียงพอกับความต้องการของบิดาเลยสักนิด

“เอาเช็คนี่ไปใช้หนี้เสี่ยชาญชัยซะ ส่วนนี่ ฉันให้”

กระดาษแผ่นเล็กๆสองใบถูกยื่นมาตรงหน้ากำพล ไม่มีเหตุผลอะไรที่คนโลภจะทำหยิ่งแล้วปฏิเสธมันเมื่อดวงตาแดงก่ำราวจิ้งจอกป่าของผีพนันตัวยงเห็นตัวเลขในกระดาษแผ่นนั้นอยู่ทนโท่ แผ่นแรกที่ยื่นมาเท่ากับจำนวนหนี้ที่เขาติดไว้กับเสี่ยชายชัย ส่วนอีกใบนี่สิที่ทำให้กำพลตาลุกวาวด้วยความสุข เพราะเช็คใบที่สองที่ลูกน้องของอัลเฟรดยื่นมาให้มีจำนวนมากถึงสามแสน! กำพลมีเงินใช้ฟรีๆตั้งสามแสน รวยแล้วโว๊ย!

“แลกกับลูกสาวของนาย”

เมื่อเช็คทั้งสองใบถูกมือหนาหยาบกร้านสีคล้ำของกำพลตะครุบไปเก็บไว้ในกระเป๋าเสื้อมิดชิดเหมือนกลัวเขาจะเปลี่ยนใจขอคืน อัลเฟรดจึงถือว่ากำพลตกลงรับข้อเสนอของเขาแล้ว จากนั้นคำพูดของหนุ่มใหญ่ก็ทำให้สองพ่อลูกคู่กรณีถึงกับผงะ คนหนึ่งตกใจไม่คิดว่าจะถูกเจ้านายเก่าตลบหลังแบบนี้ ยังคิดอยู่เลยว่าหากเงินสามแสนที่ได้มาหมดลงเขาจะให้เสี่ยชาญชัยมาดูตัวช่ออัญชัน เผื่อเสี่ยชาญชัยชอบเขาจะได้เรียกค่าเลี้ยงดูให้หนักๆหน่อย ขาวๆเอ๊าะๆแบบนี้ รวยๆอย่างเสี่ยคงทุ่มไม่อั้น

แต่ก็นั่นแหละ ถ้าเขาไม่ยอมให้นังอัญชันมันไปกับคุณอัลเฟรดตอนนี้มีหวังเขาคงถูกลูกน้องของเจ้านายเก่ากระทืบ แล้วเช็คในกระเป่านี่ก็คงถูกยึดคืนไปด้วย ซึ่งเขาจะไม่ยอมแน่ ปล่อยให้คุณอัลเฟรดเอาตัวนังอัญชันไปก่อนแล้วกัน มันถูกเฉดหัวกลับมาเมื่อไรเดี๋ยวเขาค่อยจับใส่ตะกร้าล้างน้ำมาเร่ขายอีกที

 “พ่อ อัญไม่ไป พ่ออย่าให้อัญไปนะ อัญจะกลับบ้านไปหาแม่ อัญจะไปหาแม่”

ช่ออัญชันรีบพลิกตัวเกาะขาของคนเป็นพ่อเมื่อตอนนี้สองมือของกำพลกำลังหยิบเช็คที่ใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อออกมาดูอีกครั้งเหมือนไม่อยากจะเชื่อว่ามันคือเรื่องจริง เด็กสาวนั่งร้องไห้จนตัวสั่นพยายามอ้อนวอนให้กำพลเห็นใจ เพราะตอนนี้เธออยากเจอแม่เหลือเกิน กลัวว่าหากเธอต้องไปอยู่กับชายต่างชาติสูงวัยคนนี้แล้วเธอจะไม่ได้กลับมาเจอหน้าแม่อีก

“โถ่โว๊ย! อีนี่! น่ารำคาญฉิบหาย แกไม่ต้องมาร้องไห้คร่ำครวญ ยังไงแกก็ต้องไปกับนายใหญ่ แกไม่มีทางได้เจอนังนวลจันทร์แล้ว แม่แกมันไม่อยู่แล้ว ได้ยินไหมว่าแม่แกมันตายไปแล้ว ตายเมื่อวาน แล้วก็เผาไม่เหลือซากแล้วตั้งแต่เมื่อวานด้วย เพราะฉะนั้นแกก็ไม่มีข้ออ้างที่จะไม่ไปกับนายใหญ่เข้าใจไหมนังลูกงี่เง่า!”

“แม่…ตายแล้ว!”

ช่ออัญชันทิ้งตัวลงนั่งแปะกับพื้นอย่างคนหมดเรี่ยวแรง ดวงตากลมหม่นดูเลื่อนลอยอย่างคนที่กำลังช็อกหนักเมื่อได้ฟังข่าวร้ายที่สุดในชีวิต เหมือนมีมีดพุ่งปักหัวใจจนมันแตกสลายออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยจนยากจะต่อติด ในที่สุดสิ่งที่เธอนึกกลัวมาตลอดก็เกิดขึ้นจริง สุดท้ายเธอก็มาไม่ทัน แม่อยู่ไม่ทันเห็นวันที่เธอสวมชุดครุย

“เออ! ที่สำคัญ…บ้านที่แกเคยอยู่น่ะกำลังจะถูกธนาคารยึด แกกลับไปก็ไม่มีที่ซุกหัวนอนอยู่ดี ไปอยู่กับนายใหญ่นั่นแหละ แกจะได้สบาย”

เผลอๆถ้านายใหญ่หลงช่ออัญชันมากจนถึงขั้นยกย่องออกหน้าออกตา เขาจะได้พลอยสบายไปด้วย กำพลกระหยิ่มในใจอย่างมาดหมายเมื่อคิดถึงวันข้างหน้าที่เขาอาจเลื่อนขั้นจากอดีตลูกน้องไปเป็นพ่อตาของเจ้าของไร่ดวงหทัย พลาดจากเสี่ยเจ้าของบ่อนก็ยังมีเจ้าของไร่ขนาดใหญ่มารับช่วงต่อ ลูกสาวเขานี่มันตัวทำเงินทำทองชัดๆ!

“บ้าน! ถูกยึด!”

ความจริงอีกเรื่องทำให้ช่ออัญชันผงะอ้าปากค้าง ดวงตากลมๆที่มีน้ำตาคลอขังไม่ขาดมองหน้าบิดาด้วยความไม่เข้าใจ จริงอยู่ว่าบ้านหลังน้อยที่เธอเคยอาศัยนั้นถูกบิดานำไปจำนองไว้กับธนาคารแล้วนำเงินที่ได้ไปเล่นไพ่ แต่ตลอดระยะเวลาที่เธอไปเรียนที่กรุงเทพฯ เธอก็ทำงานส่งเงินมาให้กำพลนำไปจ่ายทุกเดือนไม่เคยขาดเลยนี่นา แถมทุกครั้งกำพลก็ยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่านำเงินไปชำระที่ธนาคารเรียบร้อยแล้ว ซ้ำยังบอกอีกด้วยว่านี่คือมรดกชิ้นสุดท้ายของปู่กับย่ายังไงก็ไม่มีวันที่บิดาจะยอมให้มันถูกยึดไปเป็นของคนอื่น แล้วทำไม…

“เออน่ะสิ ถูกยึด”

ซึ่งเพราะสาเหตุนี้นี่แหละที่ทำให้นวลจันทร์เสียชีวิต เพราะเมื่อสัปดาห์ก่อนมีเจ้าหน้าที่จากธนาคารนำเอกสารเรื่องการยึดบ้านมาแปะที่หน้าบ้าน ทำให้นวลจันทร์อาการทรุดหนัก เอาแต่ร้องไห้ตรอมใจเพราะสงสารลูกสาว ความทุกข์ใจแสนสาหัสกอปรกับอาการเจ็บป่วยเรื้อรังทำให้นวลจันทร์ไม่สามารถต่อสู้กับโรคที่รุมเร้าจนสิ้นใจตายก่อนได้เห็นความสำเร็จของลูกสาวในที่สุด

“แล้วเงินที่อัญส่งมาให้พ่อเอาไปใช้หนี้ที่ธนาคารทุกเดือนนั่นละ ไหนพ่อบอกว่า…”

“เศษเงินแค่นั้นมันจะไปพออะไร แล้วแกก็ไม่ต้องถามมากนังอัญชัน ถูกยึดก็คือถูกยึด น่ารำคาญ! แกรีบกลับไปกับนายใหญ่ได้แล้ว ฉันจะได้รีบเอาเช็คนี่ไปใช้หนี้เสี่ยชาญชัย ขอบคุณมากนะครับนายใหญ่ ยังไงก็…ฝากนังอัญชันไว้กับนายใหญ่ด้วยนะครับ ถ้ามันดื้อด้านพยศมากนักนายใหญ่บอกผมได้เลย ผมจะจัดการมันให้เอง รับรองว่าไม่มีปากไม่มีเสียง”

กำพลเงยหน้าขึ้นจากกระดาษแผ่นน้อยในมือแล้วตวาดลูกสาวเสียงดังเมื่อโดนซักไซ้ ใจจริงเขาก็ไม่ได้อยากเสียบ้านไป แล้วเงินที่ช่ออัญชันส่งมาให้ทุกเดือนนั่นเขาก็แค่หวังดีอยากให้จำนวนมันเพิ่มมากขึ้น บ้านจะได้ไถ่ออกมาเร็วขึ้น เลยเอาเงินจำนวนนั้นไปเข้าบ่อนหวังให้ได้เงินมาเพิ่ม แต่เขาโชคไม่ดีที่เล่นเสียแค่นั้นเอง

“ขอบใจ”

“งั้นผมลานายใหญ่ตรงนี้เลยแล้วกันนะครับ สวัสดีครับ”

พอได้เงินมาแล้วก็ไม่รู้จะรั้งรออยู่ทำไมให้เสียเวลา กำพลจึงหันไปพนมมือไหว้ลาอัลเฟรดอย่างนอบน้อมแล้วรีบเดินห่างออกไปไม่สนใจลูกสาวที่นั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นจนตัวโยนอยู่บนถนน ซึ่งเป้าหมายของกำพลไม่ใช่ที่ไหน แต่เป็นบ่อนของเสี่ยชาญชัยที่เขามาเป็นลูกค้าประจำของที่นี่มายาวนานหลายสิบปีแล้วนั่นแหละ แต่สิ่งที่คนยืนมองตามอย่างอัลเฟรดไม่แน่ใจก็คือระหว่างเอาเงินไปใช้หนี้กับเอาเงินไปละลายในวงไพ่ กำพลจะเลือกทำสิ่งไหนก่อน เพราะดูจากแววตาเป็นประกายเหมือนคนติดยาที่กำลังลงแดงของกำพลเมื่อครู่ อัลเฟรดเดาว่าน่าจะเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า

“หนูอัญชัน ไปขึ้นรถกันเถอะ ตรงนี้แดดแรงแล้ว มีอะไรค่อยไปคุยกันที่บ้าน”

อัลเฟรดถือวิสาสะเรียกชื่อของสาวน้อยอาภัพตรงหน้าตามที่บิดาของแม่หนูเรียกให้ได้ยินเมื่อครู่ด้วยแววตาเวทนา แต่คนถูกเรียกไม่ยอมลุกขึ้นจากพื้นแถมยังร้องไห้หนักกว่าเดิมเหมือนคนจะขาดใจจนคนแถวนั้นเข้ามาเมียงมองกันใหญ่ อัลเฟรดจึงพยักหน้าให้กิลล์ลูกน้องคนสนิทเข้ามาช่วยพยุงร่างอ่อนปวกเปียกไร้การทรงตัวของช่ออัญชันขึ้นจากพื้นถนนไปขึ้นรถแวนคันใหญ่ของเขา ท่ามกลางหัวใจแหลกสลายของช่ออัญชันที่เอี้ยวตัวกลับไปมองบ่อนของเสี่ยชาญชัยอีกครั้งด้วยแววตาเจ็บปวดร้าวราน

………………………………………………………………………………………………………………………………………………

“ไม่ต้องกลัว ที่นี่บ้านของฉันเอง”

น้ำเสียงอ่อนโยนของอัลเฟรดเอ่ยบอกเมื่อรถมาจอดอยู่หน้าประตูบ้านไม้หลังใหญ่ แม้จะอยู่ในภาวะจิตใจห่อเหี่ยวจากการสูญเสียมารดาอย่างไม่ทันตั้งตัว อีกทั้งยังถูกบิดาขายให้หนุ่มใหญ่ชาวต่างชาติคนนี้ราวกับเธอคือสิ่งของไร้ค่า แต่ช่ออัญชันก็ต้องยอมรับว่าบ้านที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าช่างสวยงามน่าอยู่นัก

โครงสร้างตัวบ้านภายนอกสไตล์คันทรี่ผสมผสานกันระหว่างไม้กับคอนกรีต ตกแต่งด้วยไม้ตีเกล็ดสีเทาเข้ม ตัดขอบประตูหน้าต่างด้วยกรอบวงกบสีขาวอย่างลงตัว ตรงหน้าบ้านมีระเบียงแต่งเสาด้วยอิฐมอญไล่ระดับกันลงมาจนถึงพื้นหญ้าหน้าบ้าน พื้นที่ด้านหน้ามีสนามหญ้าสีเขียวอ่อนขึ้นชอุ่มดูสบายตา สองข้างทางเดินเทด้วยคอนกรีตมีต้นพุทธชาดออกดอกสะพรั่งส่งกลิ่นหอมปลูกเรียงเป็นแถวยาวตลอดแนว แต่ที่ช่ออัญชันถูกใจมากเป็นพิเศษคงไม่พ้นดอกไม้หลากหลายชนิดที่เบ่งบานชูดอกสีสันสวยงามเป็นแปลงใหญ่อยู่ตรงข้างบ้านที่ทำให้ความตึงเครียดมหาศาลในร่างกายของเธอผ่อนคลายลงได้บ้าง

“เข้าไปข้างในกันเถอะ ป่านนี้แม่เนียมคงเตรียมห้องไว้ให้แล้ว”

เป็นอีกครั้งที่อัลเฟรดต้องเป็นฝ่ายเปิดปากชวนแม่หนูอัญชันพูดคุยแล้วเดินนำเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ แม้ว่าตั้งแต่ที่เริ่มขึ้นมานั่งบนรถที่เบาะหลังด้วยกันไม่ว่าอัลเฟรดจะพยายามชักชวนช่ออัญชันพูดคุยขับไล่ความเงียบงันที่เกิดขึ้นภายในรถสักเท่าไร แต่หนุ่มใหญ่วัยหกสิบปีกลับได้แต่เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของสาวน้อยนัยน์ตาโศกกลับมาแทน จนกระทั่งลงมายืนตรงประตูหน้าบ้าน อัลเฟรดก็ยังไม่สามารถทำให้ช่ออัญชันเปิดปากพูดคุยกับเขาได้สักคำ ดีหน่อยที่ไม่ว่าจะบอกอะไรแม่หนูอัญชันก็ไม่พยศกรีดร้องโวยวายให้ต้องปวดหัว ดูท่าทางจะเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย

“นี่แม่เนียม เป็นหัวหน้าแม่บ้านของที่นี่ แม่เนียม นี่หนูอัญชัน ที่โทรมาสั่งให้จัดห้องไว้ให้”

“สวัสดีค่ะ”

“ไหว้พระเถอะแม่คุณ”

หัวหน้าแม่บ้านรับไหว้อย่างเอื้อเอ็นดูในความมือไม้อ่อนของสมาชิกใหม่ในบ้านที่นายใหญ่พาเข้ามา ใบหน้าคลอด้วยหยาดน้ำตาทำเอาหัวหน้าแม่บ้านสงสารจับใจ ทีแรกที่ได้รับโทรศัพท์จากคุณอัลเฟรดบอกตามตรงว่าเธอตกใจจนต้องยกมือทาบอก คิดว่าคุณท่านที่รักเดียวใจเดียวมาตลอดจะตบะแตกตอนแก่เสียแล้ว ถามไปถามมาได้เรื่องคร่าวๆว่าแม่หนูอัญชันคนนี้เป็นลูกของอดีตคนงานที่เคยทำงานที่นี่ นายใหญ่เห็นว่ากำลังลำบากเลยรับมาอยู่ด้วย คงกะว่าจะหางานให้ทำเพราะที่ไร่ดวงหทัยแห่งนี้มีตำแหน่งงานว่างอีกมากมาย

“เดี๋ยวแม่เนียมเอากระเป๋าหนูอัญชันไปเก็บที่ห้องนะ แล้วก็หาของว่างมาให้ด้วย เผื่อหนูอัญชันจะหิว”

“ได้ค่ะนายใหญ่ มาค่ะหนูอัญชัน เดี๋ยวป้าเอากระเป๋าไปเก็บให้”

“ขอบคุณค่ะป้าเนียม”

ช่ออัญชันกระพุ่มมือไหว้ขอบคุณหัวหน้าแม่บ้านไม่กล้าสบสายตากับท่าน ด้วยกลัวว่าจะเจอกับสายตาดูแคลนจากหัวหน้าแม่บ้านที่เธอยอมมาเป็นผู้หญิงของชายรุ่นพ่ออย่างง่ายดายทำเหมือนผู้หญิงใจง่ายไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้ เมื่อกระเป๋าเสื้อผ้าถูกแม่บ้านดึงไปจากไหล่ ช่ออัญชันจึงยืนก้มหน้ามองพื้นปูนหินอ่อนสีขาวขุ่นอยู่กับที่ไม่ยอมขยับ เดือดร้อนอัลเฟรดที่ต้องเป็นฝ่ายเรียกสมาชิกใหม่ให้ไปนั่งด้วยกันที่โซฟาในห้องรับแขก

“หนูอัญชัน มานั่งที่โซฟากับฉันสิ ฉันมีเรื่องจะคุยด้วย”

“ค่ะ นายใหญ่”

รู้ว่าคงไม่มีทางหลีกเลี่ยงแล้ว ช่ออัญชันจึงยอมพยักหน้ารับคำสั่ง พลางเอ่ยเรียกผู้ชายที่ซื้อตัวเธอมาจากพ่อตามที่ได้ยินหัวหน้าแม่บ้านเรียกแม้ว่าตอนอยู่บนรถอัลเฟรดจะบอกให้ช่ออัญชันเรียกชื่อเขาได้ก็ตาม จากนั้นจึงทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาสีสนิมตรงข้ามกับอัลเฟรด แต่ที่ยังเหมือนเดิมคือใบหน้ามอมแมมคราบน้ำตาที่ยังคงก้มหน้าจนปลายคางแนบติดกับลำคอ

“หนูอัญชัน ฉันรู้ว่าตอนนี้หนูกำลังกลัวฉันมาก แต่ฉันอยากจะบอกว่าอย่ากลัว ฉันไม่ได้คิดจะหาผลประโยชน์จากตัวหนู ฉันแค่อยากช่วย”

คำพูดนี้ทำให้สาวน้อยที่นั่งกัดปากแน่นจนมันห้อเลือดและกุมมือเข้าหากันด้วยความกดดันบนตักค่อยๆเงยหน้าขึ้นมองคนพูดด้วยสายตาขลาดกลัว แต่เมื่อเห็นสายตาอ่อนโยนที่มองมา ไม่รู้ว่าเธอเชื่อคนง่ายไปหรือเปล่า แต่ช่ออัญชันกลับรู้สึกว่าความหวาดกลัวที่กดดันหัวใจจนเหมือนจะหายใจไม่ออกมันค่อยๆทุเลาลง ดวงตาหม่นเศร้ากะพริบปริบๆในขณะที่สบสายตากับบุรุษที่เรียกได้ว่าผู้มีพระคุณหากเขาไม่ได้หวังเรือนกายของเธอจริงอย่างที่พูด พยายามค้นหาความจริงจากสายตาปรานีคู่นั้น คำถามที่ตามมาหากเขาไม่ได้หวังเรือนกายของเธอ แล้วเขาต้องการอะไร เขาช่วยเธอไว้ทำไม?

“พ่อของหนูเคยทำงานกับฉันที่นี่ นานแล้วล่ะ ตอนนั้นหนูยังไม่เกิดเลยมั้ง”

อัลเฟรดเล่ายิ้มๆเมื่อเห็นแววตาสงสัยของช่ออัญชันที่มองมา แววตากลมโตคู่นั้นซื่อใสอ่อนต่อโลกเกินไปจึงปิดบังซ่อนเร้นความคิดในใจไม่ได้เลย แต่อัลเฟรดไม่ได้ลงรายละเอียดว่าที่เขาทนเห็นเด็กสาวถูกพ่อแท้ๆขายให้เสี่ยเจ้าของบ่อนไม่ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะความสงสารเมื่อเห็นคนเดือดร้อนอยู่ตรงหน้า จะปล่อยให้ช่ออัญชันถูกพ่อแท้ๆลากเข้าไปสังเวยกามให้กับเสี่ยชาญชัย อัลเฟรดทำไม่ได้ก็จริงอยู่

แต่อีกส่วนนั้นเกิดจากความรู้สึกผิดที่ยังติดอยู่ในใจเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ดวงตามากประสบการณ์เหม่อลอยเมื่อนึกถึงเหตุการณ์อดีต ในตอนนั้นกำพลมาสมัครเป็นคนงานในไร่คนหนึ่ง แรกๆก็ขยันขันแข็ง ตั้งใจทำงานเก็บเงินเมื่อรู้ว่าภรรยากำลังตั้งครรภ์ แต่อยู่ๆคนที่ตั้งใจทำงานกลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคนเมื่อเริ่มจับกลุ่มกับคนงานด้วยกัน กำพลเริ่มตั้งวงดื่มเหล้า ติดการพนัน จนสุดท้ายก็ทำให้ความอดทนของเขาหมดลง เมื่อลูกน้องคนนี้ไม่มีเงินซื้อเหล้าเล่นการพนันจนเริ่มขโมยเงินของคนงานในไร่ด้วยกันเอง เมื่อจับได้คาหนังคาเขา เขาจึงไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะทำตามกฎของไร่นั้นคือไล่ออก

ในตอนนั้นนวลจันทร์กำลังตั้งครรภ์ได้ประมาณแปดเดือน ใช่ว่าเขาไม่สงสารคนท้องแก่ใกล้คลอดที่มีผัวไม่ทำงานและไม่มีเงิน แต่เมื่อกำพลถูกไล่ออกจากไร่ และนวลจันทร์ยืนยันว่าจะไปด้วย เขาจึงได้แต่ยอมรับการตัดสินใจของลูกน้อง ทั้งที่ในใจยังห่วงแสนห่วง พอจะคาดเดาได้ว่าชีวิตของนวลจันทร์กับลูกหลังจากนั้นคงไม่ได้สุขสบายนักหากกำพลยังมีพฤติกรรมเช่นนั้น แต่กฎก็ต้องเป็นกฎ หากยกเว้นหนึ่งคน อีกสักพักคนอื่นคงเอาเยี่ยงอย่าง เขาจึงจำใจต้องปล่อยครอบครัวของกำพลออกจากไร่ แต่ในใจยังติดค้างอยู่เสมอว่าเขาทำถูกแล้วหรือเปล่า เขาใจร้ายกับสองแม่ลูกนั่นไปไหม เด็กน้อยที่กำลังจะลืมตาดูโลกคนนั้นจะมีชีวิตอย่างไร เขาไม่อาจรู้เลย

มาในวันนี้เหมือนโชคชะตารับรู้ถึงความรู้สึกติดค้างของเขาตลอดมา จึงดลให้เขาได้เจอกับลูกสาวของกำพลที่กำลังเดือดร้อน ซึ่งเป็นความเดือดร้อนจากความไม่เอาไหนของอดีตลูกน้องเขาอีกนั่นแหละ อัลเฟรดจึงไม่รอช้ารีบให้การช่วยเหลือทันที นอกจากจะได้คืนชีวิตที่สดใสให้กับแม่หนูอัญชันคนนี้ ความรู้สึกที่เคยติดค้างในใจของอัลเฟรดยังถูกลบออกไปด้วย

“นายใหญ่ไม่…”

“ไม่ต้องกลัว ฉันช่วยเพราะอยากช่วยจริงๆไม่ได้คิดเป็นอื่น ที่ต้องพามาด้วยเพราะรู้ว่าถ้าปล่อยหนูไว้ที่นั่น กำพลก็ต้องมาลากตัวหนูไปขายอีก แต่ถ้าอยู่กับฉันเป็นคนของฉัน กำพลจะไม่กล้า”

“ขอบคุณค่ะนายใหญ่ หนูขอบคุณนายใหญ่มากค่ะที่ช่วยหนูไว้”

ช่ออัญชันเงยหน้าขึ้นมองหนุ่มใหญ่ตรงหน้าเต็มตาก่อนละล่ำละลักคำขอบคุณออกมาพร้อมพนมมือขึ้นไหว้อัลเฟรด หยาดน้ำตารินไหลอีกครั้งด้วยความดีใจ ดีใจที่นอกจากจะไม่ต้องถูกขายให้เสี่ยชาญชัยแล้วเธอยังไม่ต้องพลีกายแลกกับเงินห้าแสนที่อัลเฟรดมอบให้บิดา ริมฝีปากสีชมพูแย้มยิ้มออกมาเป็นครั้งแรกนับจากได้เจอหน้ากำพล อย่างน้อยๆในความโชคร้ายยังมีความโชคดีเหลืออยู่บ้าง

“เงินห้าแสนนั่น…”

“ช่างมันเถอะ ไม่ต้องคิดมาก ฉันแค่อยากช่วย”

“ไม่ได้หรอกค่ะนายใหญ่ เงินตั้งเยอะแยะจะให้นายใหญ่เสียไปฟรีๆได้ยังไง”

ช่ออัญชันยังคงไม่สบายใจกับเงินที่บิดาได้ไป ขึ้นชื่อว่าเงิน จะให้มากหรือน้อยในสายตาของอัลเฟรด แต่สำหรับช่ออัญชัน แม้อัลเฟรดให้ยืมแค่บาทเดียว เธอก็ต้องหามาคืนให้จนได้ แล้วนี่ตั้งห้าแสน จะให้เธอทำไม่รู้ไม่ชี้ เธอทำไม่ได้แน่

พูดมาถึงตรงนี้ดวงตาของอัลเฟรดจึงหรี่ลงเล็กน้อยในขณะที่มองคนพูด อยากรู้ว่าสาวน้อยลูกสาวของกำพลจะมาไม้ไหนหรือไม่ อยากรู้เหมือนกันว่าธาตุแท้ของแม่หนูช่ออัญชันคนนี้จะเป็นสาวน้อยใสซื่อไร้เดียงสาอย่างที่เขาคิดหรือเปล่า หรือว่าสาวเจ้าจะเสนอแลกเปลี่ยนเรือนกายเพื่อแลกกับเงินก้อนโตนั่นด้วยหวังต่อยอดขึ้นมาเป็นนายหญิงคนใหม่ของไร่ดวงหทัย

“อัญจะหาเงินมาใช้หนี้ให้นายใหญ่ค่ะ แต่อาจจะต้องทยอยๆใช้ เพราะงานของอัญเงินเดือนไม่มาก นายใหญ่ไม่ว่าอะไรใช่ไหมคะ”

ช่ออัญชันถามออกไปเกรงๆ เพราะไอ้ทยอยๆใช้ของเธอน่ะมันหมายถึงเดือนละไม่กี่พันบาท คำนวณคร่าวๆหากเธอใช้หนี้ให้อัลเฟรดเดือนละห้าพัน เธอต้องใช้เวลาเกือบเก้าปีเลยทีเดียวกว่าจะใช้หนี้ห้าแสนนี้หมด แล้วอย่างนี้อัลเฟรดจะยอมหรือเปล่า

“หนูทำงานอะไร”

คำถามของช่ออัญชันทำให้อัลเฟรดยิ้มออกที่สาวน้อยใสซื่อในสายตาของเขาเป็นอย่างที่เขาคาดเดาไว้ และรอยยิ้มของอัลเฟรดยิ่งกว้างขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าของช่ออัญชันขมวดมุ่นกับการคำนวณตัวเลข นั่นจึงทำให้อัลเฟรดอยากรู้ว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆคนนี้จะมีวิธีหาเงินอย่างไรมาใช้หนี้ให้เขา ยกหนี้ให้ก็ไม่ยอม แปลกคน!

“คือก่อนหน้านี้อัญยังเรียนไม่จบค่ะเลยทำได้แต่งานพาร์ทไทม์ อัญเป็นพนักงานเสิร์ฟที่ร้านไก่ทอด แล้วก็รับทำความสะอาดห้องพักเวลามีลูกค้าย้ายเข้าย้ายออกที่หอพักที่อัญพักอยู่ค่ะ ถ้ามีเวลาก็รับซักรีดผ้าของคนที่หอ ช่วยพี่แววชายเสื้อผ้าหน้าปากซอย เอาของไปส่งที่ไปรษณีย์ พับเหรียญโปรยทาน พับถุงกล้วยแขก บางทีก็รับซื้อข้าวซื้อน้ำให้เพื่อนนักศึกษาที่ตึกค่ะ หรือไม่ก็รับทำรายงาน อ้อ! แล้วก็ช่วยขนของเวลามีคนย้ายเข้าย้ายออกที่หอด้วยค่ะ ที่เหลือก็แล้วแต่ว่าใครจะเรียกใช้อะไร ถ้าเป็นงานสุจริตแล้วได้เงิน อัญทำได้ทุกอย่างค่ะ”

อัลเฟรดทำหน้าทึ่งๆกับสารพัดงานที่ช่ออัญชันเล่าให้ฟัง ไม่อยากจะเชื่อว่าสาวน้อยตัวแค่นี้จะทำงานทุกอย่างไม่มีเกี่ยงขนาดนี้ ทั้งๆที่เด็กคนอื่นๆในวัยเดียวกันส่วนใหญ่ยังเที่ยวเตร่แบมือขอเงินพ่อแม่กันอยู่เลย แต่ช่ออัญชันกลับทำทุกอย่างตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ ชีวิตของยายหนูคนนี้ช่างน่าเวทนานัก

“แต่ตอนนี้อัญเรียนจบแล้ว อีกไม่นานคงขอใบรับรองเพื่อนำไปสมัครงานได้ แต่อัญไม่แน่ใจว่าพนักงานใหม่จะได้เงินเดือนเท่าไร อัญคงต้องทยอยๆหามาใช้คืนนายใหญ่อยู่ดี นายใหญ่ไม่ว่าใช่ไหมคะ”

“หนูทำงานกับฉันไหมล่ะ นอกจากไร่ดวงหทัย ฉันยังมีโรงแรม แล้วก็โรงงานทำกะทิ ถ้าหนูสนใจ เดี๋ยวฉันให้ลูกน้องหาตำแหน่งงานให้ หรืออยากทำงานแบบไหนก็บอกได้”

เห็นความตั้งใจของช่ออัญชัน อัลเฟรดจึงออกปากชวนให้เด็กสาวทำงานกับเขาเสียเลย เห็นดวงตาใสๆของช่ออัญชันแล้วก็ให้นึกเป็นห่วง กลัวว่าถ้าไปอยู่ที่อื่นผู้หญิงตัวคนเดียวมันอันตราย ไหนจะไอ้พ่อผีพนันที่ไม่รู้ว่ามันจะมาลากไปเร่ขายอีกเมื่อไร ให้อยู่ในสายตาเขานี่แหละดีแล้ว

“จริงเหรอคะนายใหญ่ ขอบคุณมากค่ะ อัญทำงานอะไรก็ได้ค่ะ ขอแค่มีงานทำก็พอ”

ช่ออัญชันกระพุ่มมือไหว้ขอบคุณผู้มีพระคุณตรงหน้าอีกครั้งด้วยความดีใจ ไม่นึกไม่ฝันว่านอกจากอัลเฟรดจะช่วยให้เธอรอดพ้นจากเสี่ยชาญชัยแล้วเขายังจะช่วยหางานให้เธอทำอีกด้วย เธอยังกังวลอยู่ว่าหากเรียนจบแล้วจะทำงานอะไรที่ไหนดี เดิมทีอยากกลับมาอยู่ใกล้ๆมารดา จะได้คอยดูแลท่านยามเจ็บป่วย เมื่อตอนนี้ท่านไม่อยู่ก็รู้สึกเคว้งคว้าง แต่พออัลเฟรดรับปาก เธอค่อยรู้สึกว่าชีวิตเริ่มมีความหวังมีหนทางขึ้นมาหน่อย

“จริงสิ ระหว่างรองาน หนูก็พักอยู่ที่นี่ไปก่อนไม่ต้องเกรงใจ คิดว่าฉันเป็นญาติผู้ใหญ่ของหนูก็ได้ ได้งานแล้วค่อยว่ากันอีกที”

“ขอบคุณค่ะนายใหญ่ อัญขอบคุณจริงๆ”

“ไปๆ ขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าล้างหน้าล้างตาได้แล้ว นอนพักเอาแรงสักหน่อย แล้วตอนเย็นค่อยลงมากินข้าวด้วยกัน”

ช่ออัญชันจึงยกมือไหว้ขอบคุณอัลเฟรดอีกครั้งด้วยความซาบซึ้งใจ แล้วเดินขึ้นบันไดไปยังห้องพักตามที่แม่บ้านนำทางเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าตามที่อัลเฟรดบอก แต่หญิงสาวไม่ได้นอนพัก ช่ออัญชันลงมาช่วยแม่บ้านทำอาหารในครัวและช่วยทำงานบ้านอีกเล็กน้อยเพื่อเป็นการตอบแทนที่อัลเฟรดให้ที่พักและอาหารกับตัวเอง ทำให้คนงานในบ้านต่างเอ็นดูความมีน้ำใจและความขยันของช่ออัญชันกันทุกคน

********************************************************************************************

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
7 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
7 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
7.5 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา