My Darling Twenty l ไพน์รักเมียมาก l

10.0

เขียนโดย labellprincess

วันที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 18.26 น.

  6 ตอน
  0 วิจารณ์
  7,309 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 9 มกราคม พ.ศ. 2561 18.41 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) {อัพครบ}My Darling EP : 1 มนุษย์เมีย มนุษย์เมนส์

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ


Pine talk

             “เชี่ยแล้วแบบไหนมันแบบเย็นว่ะเนี้ย” ผมพูดออกมาตอนที่กำลังเลือกซื้อผ้าอนามัยให้มนุษย์เมนส์ขี้งอนที่นอนโอดโอยอยู่บนห้อง สาวสาวที่เดินผ่านผมไป ยิ้มๆแล้วก็มองผม มองทำซากไรก็ไม่รู้นะไม่เคยเห็นคนซื้อผ้าอนามัยกันหรือไงครับ? คือมันไม่บ่อยหรอกที่ผมมาซื้อให้ยัยนั่นคือปกติก็รู้แต่แบบกลางคืนกับกลางวันผมก็เลือกๆไปซอลมันก็ใช้ได้หมด

               แต่พอครั้งนี้ซอลมันย้ำนักย้ำหนาว่าให้ซื้อแบบเย็นไปซึ่งผมไม่เคยมาซื้อไงประเด็นแล้วซอลก็บอกต่อไปอีกว่าเป็นแบบใหม่ที่พึ่งผลิตออกมาใช้ดีมากเวอร์แล้วย้ำว่าต้องเอารุ่นนี้เท่านั้นถ้าซื้อไปไม่ถูกผมจะโดนเธอฆ่าตาย

               คลืด คลืด

               มือถือในกระเป่ากางเกงผมสั่น ให้ทายว่าใครโทรมาผมลงสิบบาทเลยว่าอีหัวเหม่งที่นอนอยู่บนห้องโทรมา

               แพนกวิน

               ทายไม่ถูกแต่หวยบอกเลย ซอลโทรไลน์มา ผมเมมชื่อเธอไว้ว่าแพนกวินเพราะว่ามันเหมือนเธอ

               “ไพน์เมื่อไหร่จะมาสักทีเลือดจะหมดตัวแล้ว” เสียงดูอิดโรยปนหงุดหงิดส่งมา ผมยังไม่ได้ตอบแต่กดเปิดกล้องเพื่อที่จะให้เธอดูว่าตกลงมันผ้าอนามัยยี่ห้อไหนกันแน่

               “เธอดูดิมันยี่ห้องไหนว่ะไม่รู้เนี้ย” ผมกดสลับกล้องเป็นกล้องหลังแล้วบอก

               “โอ้ยแค่นี้ก็ต้องเปิดกล้องไม่มีปากหรือไงทำไมไม่ถามพนักงานหรือไม่ก็ทำไมไม่อ่าน” อ้าวทำไมคุณเมียพูดหน้าเตะขนาดนี้ครับ คือผมคิดในใจแค่นั้นแหละไม่ได้พูดออกไปหรอก ไม่ใช่ว่าผมกลัวนะแต่แค่ไม่อยากพูดเท่านั้นแหละ

               “เออๆรีบบอกดิ๊ คนมองแล้วยิ้มใหญ่เลยไม่รู้ยิ้มทำแป๊ะอะไร" ผมบ่นใส่มือถือแล้วมอง ซอลกำลังมองอยู่หมายถึงมองชั้นวางของที่ผมถ่ายอยู่มั้ง

               “ห่อสีฟ้าอ่อนๆที่เขียนว่าแอร์ฟิตอ่ะ ทางซ้าย” ซอลบอกแล้วผมก็มองตามแล้วจิ้มนิ้วลงบนห่อนั่น “เออนั่นแหละๆ”

               “อือๆ แล้วเอาไรอีกป่ะ”

               “ไม่เอาโว้ยรีบมา” ปลายสายร้องโอดโอยแล้วก็ตัดไปสายไป เมียใครจะแม่งถ้าอยู่ใกล้จะตบให้หัวทิ่มเลยเหอะๆ พอวางสายผมก็หยิบผ้าอนามัยแบบเย็นที่คุณนายบนห้องสั่งสองห่อใหญ่แล้วก็แบบกลางวันแบบกลางคืนใส่ลงไปในตะกร้าด้วยกะจะซื้อให้ใช้ได้ถึงเดือนหน้าเลยจะได้ไม่ใช้ผมลงมาซื้อให้อีก

               “ทั้งหมดสามร้อยแปดสิบค่ะ” พนักงานยิ้มให้ผมตอนที่เห็นผ้าอนามัยในตะกร้า ผมยื่นแบงค์พันให้พนักงาน “รับมาหนึ่งพันบาทนะคะ” คือไม่ได้ซื้อแค่ผ้าอนามัยให้เธอไงซื้อขนงขนมให้ด้วยเดี๋ยวหิวดึกๆอีกขี้เกียจพาลงมาแต่เผลอๆอาจจะใช้ผมลงมาอีก

               “หกร้อยยี่สิบบาทเงินทอนค่ะ” ผมรับเงินแล้วเดินออกมาพนักงานซุบซิบด้วยว่าผมน่ารักมาซื้อผ้าอนามัยให้แฟน พวกเขาเหล่านั้นหารู้ไม่ว่าอีเหม่งมันบังคับผมมาผมไม่ได้เต็มใจสักนิด ผมต้องฟ้องศาลไหนดีข้อหาโดนเมียทารุณกรรม

 

***

               “นึกว่าตกท่อระบายน้ำตายไปแล้วกว่านจะมา” แหมเมียครับมาถึงก็ให้พรกูเลยนะ พรที่เมียให้ถือเป็นพรอันประเสริฐ ถุย ซอลรับของจากมือผมไปแล้วหยิบแค่ผ้าอนามัยแล้วโยนถึงไว้บนเตียง คนตัวเล้กหายเข้าไปในห้องน้ำสักพักแล้วก็ออกมา สีหน้าดูดีขึ้นกว่าเดิมนิดนึง

               “ปวดท้องป่ะ” ผมที่นั่งล่นมือถือเธออยุ่บนเตียงปรายตาไปมองแล้วก็ถามออกไป

               “ไม่ค่อยอ่ะแต่เพลียๆ” ซอลครานขึ้นเตียงมาผมเลยหยิบหมอนยื่นให้ซอลรับมันไปแล้วก็นอนลง

               “แล้วทำไงถึงจะหายเพลีย” ผมถามต่อ

               “..............” เธอไม่ได้ตอบแต่นอนนิ่งๆพอมองก็เห็นว่าเธอทำใบหน้าครุ่นคิดอะไรอยู่ “ไพน์ไปกินหมูกระทะกันเถอะ” นั่นไงกูว่าล่ะ คือกูพึ่งเดินขึ้นมาถึงห้องเมื่อห้านาทีเองนะครับเมีย

“โถ่ซอลนี่มันจะสองทุ่มแล้วนะ” ผมทำหน้ายุ่งๆนิดหน่อยคือขี้เกียจขับรถไง

“ไพน์อ่ะ สองทุ่มแล้วไงก็หิวป่ะ” คนตัวเล็กดีดดิ้นไปมากับเตียงแล้วมุดหัวลงกับหมอน ทำท่าแบบนั้นคงจะงอนอีกแล้วสิท่า “แค่นี้ให้ไม่ได้หรออยากเจอห้านาทีสี่ร้อยตัสหรอไพน์” พอได้ยินแบบนั้นผมนี่ลุกขึ้นเลย

               “ไปจ้าที่รักลุกขึ้นเร็วๆจะพาไปเดี๋ยวนี้แหละ”  

               “เออพาไปดีๆแต่แรกก็สิ้นเรื่อง” ซอลลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบเอากระเป๋า “ชอบจังชอบให้ใช้โหมดขู่” บ่นอยู่ได้อีเหม่งเอ้ย

               “ไหนบอกว่าเพลียไงยังจะอยากออกไปข้างนอกอีก”

               “นี่แหละวิธีรักษาอาการเพลียคือการกินไงคะ” พอตามใจแล้วก็มาทำเป็นพูดดี

               ไม่นานผมก็พาซอลขับมาร้านหมูกระทะแบบบุพเฟ่ต์ที่ชอบพามาประจำ ซอลดูมีความสุขมากกับการกินในครั้งนี้แหละมีผมเป็นคนย่างหมูให้หมูต้องเป็นหมูสามชั้นด้วยนะเบื่อครับผมเบื่อเมีย กินหมูจนจะเป็นหมูอยู่ล่ะ

               “หายเพลียยัง” ผมถามต่อไปอีกแต่ดูท่าแล้วคงจะหายตั้งแต่ผมพาออกมาแล้วล่ะนั่งหน้าละลื่นขนาดนั้น

               “หายแล้ว อ่ะ” ซอลตอบแล้วก็คีบหมูยื่นมาตรงหน้าผม ผมกินๆไปถ้าไม่กินเดี๋ยวงอนอีกจะงานเข้า แต่เห็นเป็นแบบนี้เราคบกันมาจะเข้าปีที่สามแล้วนะ เราคบกันมาตั้งแต่มอหกแหนะ

               “ซอลวันครบรอบเราไปทะเลกันเนอะ” ผมบอกแล้วก็มองซอล

               “อือเอาสิปีนี้ตรงกับวันเสาร์ด้วยนี่เราไม่ได้ไปทะเลกันนานแล้วเนอะ” คนตัวเล็กพยักหน้ายิ้มๆถึงซอลมันจะแบบเอาแต่ใจไปนิดแต่ก็น่ารักนะ "เอ๊ะไพน์นั่นพี่ชายเธอป่ะพี่พีคอ่ะ” ซอลว่าแล้วก็ใช้ตะเกียบที่ถืออยู่ชี้ไปทางด้านหลังผม

               “อือคงใช่มั้ง” ผมหันไปมองแล้วก็เห็นว่าใช่จริงๆ ไอ้พี่พีคเป็นพี่ชายแท้ๆผมเอง อายุห่างผมสองปี แล้วผมก็มีน้องสาวฝาแฝดอีกคนหนึ่งชื่อแพร

               “แล้วนั่นพี่มะนาวนี่นาเขาเป็นแฟนกันหรอไพน์” ผมก็หันกับไปมองอีกพี่ชายผมมากับพี่มะนาวเหมือนที่ซอลว่าจริงๆแหละแต่ผมไม่รู้ว่าสองคนนั้นคบกันไหม หมายถึงกลับมาคบกันไหมเพราะเขาเคยคบกัน ส่วนที่ซอลรู้จักพี่มะนาวเพราะว่าเป็นเพื่อนกับพี่โซ่พี่ชายเธอ “เขาดูเหมาะกันเนอะคนนึงก็ส๊วยสวยคนนึงก็หล๊อหล่อ”

               “เหมือนคู่เราไง” ผมพูดนิ่งๆแล้วคีบหมูใส่จานให้เธอ

               “ห่ะ” ซอลขมวดคิ้วแล้วก็มอง “เธอไม่หล่อแต่ฉันสวย จะเหมือนได้ไง” อ้าวเมียทำไมพูดงี้ว่ะ

               “หลงตัวเอง คนสวยที่ไหนจะหัวเหม่งแบบนี้ว่ะ” ผมว่าแล้วก็ส่ายหัวไปมาเมียผมหลงตัวเองที่หนึ่งล่ะ

               “รู้สึกหนักๆคอไหมไพน์” เอ้ายัยนี่ถามอะไรของเธออีก

               “ก็ไม่นะ” ผมเอียงคอไปมาก็ไม่หนักนะอะไรของอีเหม่งมันวะ

               “เอองั้นแสดงว่าฉันหัวเหม่งมันก็ไม่หนักหัวเธอนะเดือดร้อนไปได้” อ้าวอีเมีย!

“ล้อเล่นน่ามาทำหูกางใส่ไปได้” ซอลยิ้มๆแล้วก็ยื่นหมูมาตรงหน้าผมอีก “เอ้ากินๆโอ๋นะ” ตบหัวแล้วลูบหลังเก่งนักล่ะ แต่ถามว่ากินไหมผมก็กินนะ

               “แล้วตกลงไม่หล่อจริงหรอ” ผมถามต่อไปอีก

               “ยังไม่จบอีกหรอ” ผมส่ายหัว “ถ้าซอลสวยไพน์ก็ต้องหล่ออยู่แล้ว” ว่าแล้วก็ยิ้มกว้างเลยเมียใครว่ะขี้อวยตัวเองชิบหายเลย

               “ซอลวันศุกร์จะไปบ้านยายด้วยกันป่ะ” ซอลคิดอยู่สักพักเธอยังไม่ได้ตอบ บ้านยายที่ผมว่าอยู่จันทบุรี เป็นสวนผลไม้แล้วก็ไร่องุ่นที่ใหญ่มากๆแล้วก็ปลูกส่งออกแล้วก็ทำไวน์ช่วงนี้ไม่ค่อยยุ่งมากแม่จะไปอยู่ที่นั่น ส่วนพ่อจะไปๆมาๆถ้างานที่บริษัทไม่ยุ่ง "เมื่อวานแม่โทรมาบอกว่าทุเรียนเริ่มสุกล่ะนะ"

               “ไป” พอพูดถึงของโปรดก็ตอบทันทีตอนแรกก็คิดตั้งนาน “แล้วพาไปเก็บองุ่นด้วยนะ” ซอลดูตื่นเต้นแล้วก็ดีใจมากด้วย ซอลเคยไปบ้านยายผมนานมากแล้วตอนนั้นคบกันได้ปีครึ่งมั้งแต่ตอนนั้นองุ่นยังไม่โตมากเท่าไหร่เธอเลยอด

               “ได้ๆ แล้วเดี๋ยวพาไปทะเลแถวนั้นอีก”

               “งั้นถ้าไปรอบนี้ก็ไม่ต้องไปตอนวันคบรอบก็ได้นะมันก็ไม่ห่างกันมากหนิเธอขับรถหลายรอบมันเหนื่อย” เมียเป็นห่วงผมด้วยซึ่งใจเหลือเกิน

               “ไม่เป็นไรเดี๋ยวพาไปอีกรอบ” ผมบอก  "ครบรอบจะได้อยู่กันสองคนไง" ผมยิ้มกรุ่มกริ่มใส่

               “เกือบดีล่ะไพน์ถ้าไม่ทำหน้าแบบนั้นคิดเรื่องลามกๆอยู่แน่ๆ”  เธอว่า

               “รู้ดี” ผมว่าแล้วไหวไหล่ใส่

               “รู้ยิ่งกว่ารู้แค่อ้าปากก็เห็นทะลุถึงลำไส้ใหญ่แล้วล่ะอีไพน์” เมียมันชอบเรียกผมเหมือนผู้หญิงอีกละ

***

               “ซอลเช็ดหัวให้หน่อยดิ” ผมดินออกจากห้องน้ำมาแล้วยื่นผ้าเช็ดหัวให้ คนที่นั่งดูซีรี่ย์เกาหลีสบายใจอยู่บนเตียง

               “นั่งลงเร็วมันบังเนี้ย” ซอลรับผ้าไปแล้วบอกให้ผมนั่งลง เออใช่สิผมยืนบังทีวีเธออยู่เดี๋ยวเธอจะคลาดสายตาจากสามีในอุดมคติในทีวีไป

               “ดูไรนักหนาดูได้ทั้งวี่ทั้งวันไม่เบื่อไง?”

               “ถามมาได้ถ้าเบื่อจะดูหรอ” คนที่เช็ดหัวให้อยู่ก็พูดซะกวนตีนเลยครับ ผมคงผิดเองที่ไปถามคุณนายเขาแบบนั้น

               “ขอโทษที่ถามครับ” ผมก็บอกแล้วตาก็มองดูจอทีวีตาม พลางคิดว่าไอ้พระเอกซีรี่ย์มันหล่อมากมายขนาดนั้นเลยหรอเห็นซอลมันพร่ำเพ้อจิกหมอนเวลาดูเห็นแล้วล่ะหมั่นใส่  “โอ้ย” รู้สึกเหมือนโดนคนถอนผมตัวเอง

               “ไพน์ดูดิเธอมีผมหงอกด้วยอ่ะ” ไม่ว่าเปล่าเอาเส้นผมยื่นมาให้ผมดูด้วยในมือมีผมอยู่สี่ห้าเส้นแต่ที่หงอกมีอยู่เส้นเดียว

               “ถ้าจะดึงออกมาเยอะขนาดนี้ไม่เอากรรไกมาตัดออกเลยล่ะ” ผมประชดเธอพร้อมกับลูบหัวตรงที่โดนเธอถอนผมออก “เออถ้าหงอกแล้วเธอก็ย้อมดำให้ดิเบื่อสีนี้แล้วเหมือนกัน”

               “ไม่ล่ะย้อมดำเดี๋ยวหล่อสีนี้แหละขี้เหล่ดี” ซอลพูดแล้วก็เช็ดผมให้ผมต่อไปเงียบแล้วพอฉากพระเอกออกมาก็พูดพร่ำเพ้ออยู่คนเดียว บอกว่าหล่ออย่างนั้นอย่างนี้ ไม่เห็นจะหล่อเลยเหอะ

 

*** 

               Seol talk

               “อปป้ายาส์ อปป้าซารังเฮ” ฉันว่าแล้วก็เอาหมอนขึ้นมากอดแล้วก็กัดขอบหมอนเบาๆ ตอนนี้นอนหนุดตักไอ้ไพน์คนบ้าอยู่ ไพน์มันไม่พูดไม่จาทำหน้าเป็นหมาท้องเสียอยู่นี่แหละแหงนมองก็รู้ว่ามันคงหึงอีกสิท่า

               เพี้ยะ

               “โอ้ยบักไพน์” ฉันว่าแล้วตวัดสายตามองไอ้บ้าที่ประทับฝ่ามือลงกลางหน้าฝากฉัน

               “เรียกอะไรมาแต่ละอย่างหนินะถามจริงเรียกไพน์คะไพน์ขาไม่ได้ไงทำไมต้องเติมคำนำหน้าให้ตลอดวะ” ไพน์มันล่ายยาวแล้วก็บีบแก้มฉันแรงๆทีนึง

              " ยังมีหน้าจะมาให้เรียกคะขาตบทำซากไรเนี้ย"

               ง่ำ

               ฉันหมั่นไส้ไพน์มันเลยกัดเข้าที่ขามันทีนึง

               “โอ้ยเหม่งกัดทำไรวะ” ไพน์ว่าแล้วก็ลูบตรงที่ฉันกัด

               “เออแล้วตบทำไมวะ” ฉันยอมที่ไหนล่ะ ฉันหยัดตัวลุกขึ้นนั่งแล้วก็กอดอกมอง

               “ดูดิเธอบอกว่ารักไอ้ในจอนั่นแถมยังพูดเสียงสองอีกทีกับฉันไม่เห็นพูดแบบนี้เลยสองมาตรฐานว่ะ” ไพน์ว่าแล้วก็กอดอกเชิดหน้าใส่ ฉันอยากจะหัวเราะเป็นภาษาเกาหลีใส่ไพน์มันจริงๆนะอิจฉาแม้กระทั่งพระเอกซีรี่ย์

               “บอกรักแล้วไงเนี้ยเขารับรู้ด้วยไหม”

               “เออไม่รู้เว้ยแต่ผัวนั่งทนโท่อยู่นะ” แหนะสามีทำหูกางใส่อีกล่ะ

               “เห้อ ถ้าจะจริงจังขนาดนั้นนะไอ้หยอย” ฉันว่าแล้วก็ลูบแก้มไอ้คนตัวโตกว่าเบาๆ พอหันไปมองทีวีก็เห็นว่าพระเอกกับนางเอกกำลังจูบกัน “กรี๊ดเขิน” ฉันเด้งตัวไปหลังอีไพน์แล้วก็หมุดหัวลงกับหลังมันคือเวลาฉันดูซีรี่ย์ก็จะเป็นแบบนี้แหละ

               “เขินบ้าไรทำเหมือนเป็นสาวแรกรุ่นไม่เคยไปได้นะ” ดูปากอีไพน์สิดูมันดูมันพูด

               “ก็พระเอกเขาหล่อป่ะหุ่นก็แซ่บดูดิ พูดแล้วเขิน”

               “เอาป่ะฉันจูบแซ่บกว่ามันอีก” ไพน์พูดแล้วหันหน้ามาหาฉัน

               “ไปไกลๆไป๊” ฉันว่าแล้วก็ผลักหน้าไพน์มันให้ออกห่างจากหน้าตัวเองแล้วก็หันไปสนใจทีวีต่อ

               ไพน์มันก็เป็นเงี้ยแหละเวลาฉันดูซีรี่ย์ไพน์มันก็ชอบขัดโน่นขัดนี่ชอบทำตัวแป็นสก๊อตไบท์ไปได้ขัดๆอยู่นั่นอะไรขัดได้มันก็ขัดหมด มันน่ะชอบบ่นเวลาฉันหวีดผู้ในจอมากพาลจะไปมีเรื่องแม้กระทั้งโปสเตอร์ที่ฉันติดไว้ที่ห้องฉันด้วย

 

***  

 “วุ้ยกูล่ะเบื่ออีซอลชวนมากินแต่ข้าวโรงอาหารคณะวิดวะ” นาฟเพื่อนสาวสองของฉันบ่นแต่ก็เดินตามมาแต่โดยดี

               “กูก็เห็นมึงบ่นตลอดอ่ะแต่ก็มาตลอด” ฉันแขวะมันแล้วก็เดินไปหาไพน์ที่อยู่โต๊ะเกือบริมสุดของโรงอาหารกับพวกเพื่อนเขาไพน์เรียนวิศวะแล้วฉันก็มากินข้าวโรงอาหารนี้บ่อยแล้วเพื่อนสองคนของฉันมักจะพ่วงมาด้วยเสมอเพื่อนสองคนของฉันคืออีนาฟอีตุ๊ดที่บ่นเมื่อกี๊กับอีเมย์ที่นางจะไม่ค่อยพูดแล้วก็ง่ายๆไม่เรื่องมากพาไปไหนไปหมด

               “ไพน์แม่มึงมา” ดลเพื่อนคนหนึ่งของไพน์มองเห็นฉันแล้วก็สะกิดให้อีไพน์หันมามอง ไพน์ขยับไปติดแทนเพื่อนเขาเพื่อให้ฉันนั่งลงข้างๆ ที่ฝั่งไพน์เหลือสำหรับสามคนพอดีนะแต่

               “โอมจ๋านาฟนั่งด้วย” อีนาฟเดินไปนั่งฝั่งตรงข้ามที่มีที่ว่างอีกที่นึงพอดีมันที่นั่งมันก็ไม่แคบนะแต่นาฟมันขยับไปเบียดโอมจนโอมตัวหดเหลือสองนิ้ว

               “แหมอีนาฟเมื่อกี๊ยังบ่นว่าเบื่อโรงอาหารวิดวะอยู่เลยแต่เจอผู้แล้วระริกระรี้” ฉันว่าแล้วก็มอง เพื่อนในกลุ่มไพน์มีห้าคนนั่งฝั่งตรงข้ามไพน์สามคือดลโอมแล้วก็จินส่วนที่นั่งฝั่งไพน์คือแทน ทุกคนในนี้รู้จักฉันดีเพราะฉันเป็นแฟนไพน์แล้วก็พาลมารู้จักเพื่อนฉันสองคนด้วยเพราะสองคนนี้ติดสอยห้อยตามฉันมาประจำ แล้วก็ฉันกับแทนก็สนิทกันมาตั้งแต่เด็กๆเพราะพ่อแทนกับพ่อฉันสนิทกัน แทนมีพี่ชายคนนึงชื่อพี่เก้าพี่เก้าแป็นเพื่อนสนิทของพี่โซ่พี่ชายของฉันแล้วก็พี่ลาเบลอีกคนนึง

               แล้วฉันได้มาคบกับอีไพน์ก็เพราะแทนนี่แหละคือถ้าวันนั้นฉันไม่ไม่รอแทนหน้าโรงเรียนของเขาก็คงจะไม่เจออีไพน์แล้วก็คงไม่ได้คบกัน แทนกับไพน์เรียนจบจากโรงเรียนเดียวกัน

               “กินไร” ไพน์หันมาถาม

               “อะไรก็ได้” ฉันตอบคำถามวัดใจไพน์มันไปเลยว่าไพน์มันจะเอามาถูกใจฉันไหม

               “อิจชะนีมีผัวบริการค่า” เสียงแป๋นๆของอีนาฟแขวะฉัน “โอมจ๋าโอมไปซื้อข้าวให้นาฟบ้างสิ” อีนาฟกระแซะไหล่โอม

               “มีขาเดินไปเอง” เพื่อนโอมผู้พูดน้อยต่อยหนักบอกแล้วอีนาฟก็ทุบไหล่เขาทีนึงแล้วเดินหนีไปซื้อข้าวกับเมย์ส่วนอีไพน์เดินไปตอนไหนไม่รู้ ตอนนี้เป็นว่าฉันนั่งอยู่ท่ามกลางเพื่อนของอีไพน์

               “ซอล” เสียงโอมเรียกฉันทำให้ฉันละสายตาจากจอมือถือขึ้นมอง “เนี้ยเรารู้ว่าเธอสนิทกับคนที่ชื่อลาเบลมอโน้นติดต่อให้หน่อยดิ” คือเราสนิทมานานแล้วมั้ยอ่ะฉันคิดในใจ

               “ทำไมไม่ใช้แทนล่ะแทนมันก็สนิท” ฉันบุ้ยไปหาแทนที่กำลังเคี้ยวข้าวกระเพราหมูกรอบแบบเดียวกับในจานของไพน์อยู่  สองคนนี้ชอบทานอะไรคล้ายๆกันแถมสนิทกันมาก นี่ถ้าอีไพน์มันมีชู้ฉันจะสงสัยแทนมันคนแรกเลย

               “ใช้มันแล้วมันไม่ทำ” โอมบอกแล้วก็ตักข้าวเข้าปากไป

               “อ๋อ” ฉันพยักหน้ายิ้มกริ่มเพราะพึ่งคิดอะไรออก “แทนมันไม่ทำหรอกเฟิร์สเลิฟแทนมันเลยนะ” ฉันแฉความลับเพื่อนรักให้คนอื่นฟังซ่ะแล้วล่ะ ฮ่าๆ ตอนนั้นประมาณอนุบาลสองสามมั้งแล้วพี่ลาเบลก็อยู่ปอหนึ่งแทนมันไปสารภาพรักกับพี่เขาแล้วโดนปฏิเสธมาแล้วฉันนี่แหละที่เป็นคนปลอบใจมัน

               “ไร้สาระว่ะซอล” แทนมันส่ายหัวแล้วก็เอาหูฟังมาเสียบ ทำเป็นยอมรับความจริงไม่ได้นะเพื่อนรักเอ๋ย

               “ติดต่อให้ไม่ได้แม่เราจองให้พี่ชายเราแล้ว” ฉันตอบปัดๆไปความจริงแม่น่ะรักพี่ลาเบลม๊ากมากเลยล่ะถ้าไอ้พี่โซ่มันคบกับพี่ลาเบลแม่คงปิดหมู่บ้านฉลอง แม่กับป้าฉัตรแม่แทนฟาดฟันกันมากเลยท่านอยากได้พี่ลาเบลเป็นสะใภ้มากเลยนะขอบอก ไม่เห็นมีใครมาแย่งฉันสักคน

               “โด่วไรว่ะเพื่อนขอแค่นี้ไม่ได้” โอมมันโอดครวญต่อตอนนี้ฉันก็ถูกสถาปนาให้เป็นเพื่อนกับเพื่อนอีไพน์เรียบร้อยแล้วล่ะ

               “ฟ้าครึ้มเหมือนฝนจะตกเลยอ่ะ” นาฟเดินกลับมาพร้อมเมย์วางจานข้าวลงแล้วก็บ่น “อีซอลไปปักตะไคร้ซิเย็นนี้กูต้องกลับบ้านค่ำอีกเนี้ยไม่อยากให้ตก” แหมมาบอกให้ฉันปักตะไคร้เนี้ยนะ

               “อย่าให้อีเหม่งมันปักเลยนาฟ” ระหว่างนั้นไพน์เดินมาถึงก็พูดออกมา “ถ้าให้ซอลปักนะฝนจะตกหนักกว่าพายุใต้ฝุ่นเข้าอีก”

               เพี๊ยะ

               ฉันตีเข้าที่เอวอีไพน์แรงๆทีนึง มาทำเป็นพูดก็เพราะมันนั่นแหละทำให้ฉันปักตะไคร้ไม่ได้แกเป็นคนพรากเวอร์จิ้นฉันแกนั้นแหละอีไพน์ ฉันเบ้ปากอีไพน์แล้ว ก้มลงมองจานอาหารที่ไพน์มันซื้อมาให้ ราดหน้าหมีกรอบของโปรด ถือว่าสามีทำได้ดี

               “ทำไมซอลปักตะไคร้แล้วฝนจะตกหนักอ่ะ” เพื่อนเมย์คนซื่อก็ถามออกมาหลังจากเงียบอยู่นาน

               “โถ่เมย์เพื่อนรักช่างไม่รู้อะไรเลยนะคะ”  อีนาฟว่าแล้วก็เอามือมาลูบหัวเมย์ “ก็อีซอลลี่มันมีผัวแล้วไงคะ”

               “มีแฟนแล้วปักตะไคร้ฝนจะตกหนักหรอ” เมย์ถามต่อไปอีก นี่สรุปเพื่อนกูโง่หรือเพื่อนกูโง่กันแน่ไม่ทันมุกไม่ทันโลกเอาซ่ะเลย

               “โอ้ยอีหยืดคือแบบคนที่ไม่เวอร์จิ้นแล้วปักตะไคร้ไม่ได้ไงส่วนจะตกหนักไพน์มันแค่ประชดเข้าใจป่ะ” นาฟอธิบายด้วยความที่จะรำคาญเพื่อนรักนิดหน่อย

               “ตุ๊ดมึงรู้ได้ไงว่ากูไม่เวอร์จิ้น กูยังเวอร์จิ้นอยู่นะ” ฉันจีบปากจีบคอพูดเห็นว่าอีตุ๊ดมันเบะปากเตรียมจะพูด

               ป๊าบ

               “หยุดมโนแล้วกินข้าวนะครับเมีย” อีไพน์มันตบหัวฉันเบาๆไม่เจ็บหัวหรอกแต่เจ็บใจมันหาว่าฉันมโนอีไพน์มึ้งงงงง!

___________________________________

ผัวนั่งทนโท่อยู่จะเวอร์จิ้นได้ไงเนอะไพน์เนอะ 55555555555555 อีไพนมันออกตัวแรงแซงทุกโค้งครับผม

เชิญหวีดพี่ไพน์ได้ใน  #ไพน์รักเมียมาก  เจอกันในทวิต รักส์จากสมาคมแม่บ้านฆ่าผัว

ตามทวงตามฆ่าตามตบไร์ได้ในเพจ Labell princess

หนึ่งเม้น = หนึ่งล้านกำลังใจ ไรท์ชอบอ่านเม้นมาก

      

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา