หวานใจสาวนักดริฟ

-

เขียนโดย ไอติมโคนนี่

วันที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2561 เวลา 17.00 น.

  11 ตอน
  0 วิจารณ์
  10.22K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 มกราคม พ.ศ. 2561 17.09 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

9) บอกรัก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตอนที่ 9 บอกรัก

 

            ทางด้านครอบครัวคนหน้าคมเมื่อรู้ข่าวจากลูกน้องคนสนิทของคนหน้าคม จึงรีบตรงมายังโรงพยาบาลทันทีก็เจอกับคนหน้าหวานที่กำลังร้องไห้จนตัวโยนอยู่หน้าห้องผ่าตัด โจจึงเข้าไปสวมกอดคนหน้าหวาน

            “ไอ้เซนมันไม่เป็นไรไปง่ายๆหรอกนะ” โจนาธารพูดบอก

            “ใช่ค่ะ พี่ฉันหนังเหนี่ยวค่ะ” แซนนี่พูดปลอบ

            สักพักคุณหมอก็ออกมาจากห้องผ่าตัด “คนไข้เสียเลือดมากครับ มีใครเลือดกรุ๊ปเดียวกับคนไข้บ้างครับ”     

            เมื่อคนหน้าหวานได้ยินอย่างนั้นจึงหันไปถามว่าคนหน้าคมเลือดกรุ๊ปอะไร

            “เซนเลือดกรุ๊ปอะไรคะ”

            “กรุ๊ปโอน่ะ”

            “ฉันก็กรุ๊ปโอค่ะ” คนหน้าหวานดีใจที่จะได้ช่วยคนหน้าคม

            “งั้นพ่อฝากหนูด้วยนะ เซนเขากรุ๊ปเลือดเดียวกับแม่น่ะ” ถึงจะไม่อยากให้คนหน้าหวานไปให้เลือดก็เถอะ กลัวจะเป็นลม แต่ไม่มีทางเลือกนิ่ แซนก็กรุ๊ปเดียวกับเค้า

            “หมอ ฝากด้วยนะครับ”

            “ได้ครับ” พยาบาลจึงพาตัวคนหน้าหวานไปยังอีกห้องหนึ่ง เพื่อจะได้เจาะเลือด

            ทางครอบครัวคนหน้าหวานเมื่อรู้เรื่องจึงเดินทางมาที่โรงพยาบาล เดินตรงมาก็เจอกับโจนาธารที่นั่งหน้าเครียดอยู่ แซนที่เห็นจึงแนะนำตัวเอง ก่อนจะเล่าถึงเหตุการณ์ให้ฟัง

            คนหน้าหวานที่เดินเซออกมา เมื่อให้เลือดเสร็จ วรภพจึงรีบไปประคองน้องสาวให้มานั่งลง

            “หนูเมลเขาให้เลือดหลายรอบแล้วน่ะ” โจนาธารบอก “ผมว่าพาไปนอนพักก่อนดีกว่า”

            แต่ดูเหมือนคนหน้าหวานจะไม่ยอม คุณหญิงจึงเกลี้ยกล่อมจนคนหน้าหวานยอมไปนอนพัก วรภพจึงพาน้องสาวตนไปยังห้องพัก

            ขณะที่ทุกคนนั่งรอคุณหมออยู่หน้าห้องผ่าตัด คุณหมอก็ผละประตูออกมา ทุกคนจึงลุกขึ้นถามด้วยความเป็นห่วง

            “เซนเป็นไงบ้านครับ” โจนาธารถาม

            “คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ กระสุนยิงถูกอวัยวะสำคัญ ทำให้คนไข้เสียเลือดมากตอนนี้จึงต้องให้เลือดไว้”

            “ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ” คุณหมอยิ้มให้ก่อนจะเดินออกไป

            ในขณะที่ทุกคนยังคงเฝ้ารอคนหน้าคมฟื้นอยู่ คนหน้าหวานที่ได้พักบ้างแล้วจึงรู้สึกตัวตื่น เมื่อพี่ชายที่ค่อยเฝ้าอยู่จึงบอกถึงความปลอดภัย

            “เมล เซนปลอดภัยแล้วนะ รอแค่ฟื้นเท่านั้น” คนหน้าหวานได้ยินอย่างนั้น จึงยิ้มออกมาทั้งน้ำตาแห่งความดีใจ วรภพจึงพาน้องสาวมายังห้องพักฟื้นที่คนหน้าคมนอนอยู่

            เมื่อเปิดประตูเข้ามา คนหน้าหวานค่อยๆเดินไปนั่งลงข้างเตียง มองดูสายที่โยงไปมาเต็มไปหมด เห็นแล้วเจ็บปวด คนหน้าหวานหันมามองมือคนหน้าคม ก่อนจะจับขึ้นมาและวางมือตัวเองทับอีกที ‘ฉันรอคุณอยู่นะ’

            คุณกิตติกับคุณหญิงที่ขอตัวกลับก่อน จึงเหลือวรภพกับคนหน้าหวาน ส่วนโจนาธารกับแซนนั้นกลับไปก่อนแล้ว คนหน้าหวานไม่ยอมทานอะไรเลยตั้งแต่เกิดเรื่องจึงโดนพี่ชายบังคับ

            “กินหน่อยนะ ถ้าเซนฟื้นขึ้นมาเห็นว่าเมลไม่สบาย เซนก็จะรู้สึกผิดนะ” คนเป็นพี่กล่าว

            “ก็ได้ค่ะ” คนหน้าหวานจึงลุกไปนั่งบนโซฟา หยิบช้อนตักข้าวที่พี่ชายซื้อมาให้เข้าปาก กินไปได้ไม่กี่คำก็วางช้อนลง ก่อนจะดื่มน้ำและไปนั่งที่เดิมมองดูคนหน้าคมที่ยังคงหลับตาอยู่

            คนเป็นพี่ชายคิดว่าเมลคงไม่ยอมกลับแน่ๆ จึงกลับไปเอาชุดมาให้น้องสาว ก่อนจะไล่ให้ไปอาบน้ำ ระหว่างรอ วรภพจึงเดินออกมาหน้าห้องบอกกล่าวกับคนเฝ้าหน้าประตู คงจะเป็นลูกน้องของเซน

            “ผมฝากเมลไว้อีกคนนะครับ” ลูกน้องคนสนิทพยักหน้ารับปาก วรภพจึงเดินเข้ามาในห้อง คนหน้าหวานก็ออกมาจากห้องน้ำพอดี จึงลาน้องสาวกลับบ้าน

            ตอนนี้เหลือก็แต่คนหน้าหวาน ที่ยังคงนั่งเฝ้ารอคนหน้าคมฟื้นขึ้นมา คนหน้าหวานยืนมองดูคนหน้าคมสักพักก่อนจะก้มลงไปสัมผัสปากด้วยปาก และผละออกมาเอื้อนเอ่ยถ้อยคำ

            “ฉันรักคุณ ฉันรู้แล้วฉันขาดคุณไม่ได้ ฟื้นสักทีเถอะ ได้โปรด” คนหน้าหวานพูดออกมาทั้งน้ำตา

            ในขณะนั้นเองคนหน้าหวานรู้สึกถึงการขยับมือ จึงลืมตามองคนหน้าคมก่อนจะพบว่าคนหน้าคมเริ่มรู้สึกตัวและลืมตาตื่นขึ้นมา

            คนหน้าคมที่รู้สึกตัวตื่นขึ้น จึงค่อยๆกะพริบตาอย่างช้าๆเพื่อปรับสายตา พอเริ่มมองชัด คนหน้าคมจึงหันไปตามกลิ่นที่ชวนให้คิดถึง ก่อนจะเรียกชื่อออกมาเมื่อเห็นว่าคือใคร

            “เมล” คนหน้าคมเรียกด้วยเสียงแผ่วเบา ทำให้คนหน้าหวานยิ้มดีใจอย่างมากเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากคนหน้าคม จึงค่อยๆเข้าไปสวมกอด

            “ฉันดีใจที่คุณปลอดภัยนะ”

            คนหน้าหวานรอหมอตรวจอาการคนหน้าคม เมื่อได้รับรู้ว่าปกติดี คนหน้าหวานจึงกล่าวขอบคุณคุณหมอ และออกไปบอกคนเฝ้าประตูให้รู้ ว่าเจ้านายฟื้นแล้ว คนหน้าหวานจึงเข้ามาและกดเบอร์โทรไปยังพี่ชายตนบ้าง

            เมื่ออยู่กันสองต่อสอง คนหน้าคมจึงเรียกคนหน้าหวานให้เข้ามาใกล้ๆ ก่อนจะลักหอมแก้มคนหน้าหวาน

            “ชื่นใจจัง” คนหน้าคมยิ้ม

            “ชอบฉวยโอกาส” คนหน้าหวานบ่นอุบอิบ แต่ดังพอให้ได้ยิน

            “ก็พี่ชอบ” คนหน้าคมตอบตามความจริง

            “ค่ะ อีกอย่างเรามีเรื่องต้องคุยกันนะคะ” คนหน้าหวานกอดอก กดคิ้วต่ำมองคนหน้าคม

            “รู้แล้วค่ะๆ” ก่อนจะเริ่มพูดถึง คนหน้าคมคว้ามือคนหน้าคมมาจับไว้ก่อนจะเริ่มเข้าโหมดจริงจัง “คือแด๊ดอ่ะ เขามีธุรกิจหลายอย่างใช่มั๊ยล่ะ นั่นแหละบางทีก็เกิดการแย้งชิงกันไง แล้วพี่เองก็มีธุรกิจของพี่เหมือนกันจึงเกิดการแย้งชิงดีชิงเด่นไง อีกอย่างพี่เป็นนักแข่ง มีบ้างที่ต้องมีศัตรูที่คิดหาวิธีล้มพี่ลง” คนหน้าคมบอกตามความจริง

“ที่แด๊ดเรียกพี่ไปคุยเพราะว่าแด๊ดเผลอไปขัดขาใครเข้าไง เลยเตือนพี่ไว้” คนหน้าหวานพยักหน้าเข้าใจ

            “ถึงว่าทำไมคุณถึงสอนฉันได้เข้าใจง่าย” คนหน้าหวานพยักหน้าเข้าใจ “แล้วอย่างนี้ฉันจะปลอดภัยมั๊ยคะ?” คนหน้าหวานถาม

            “ถ้าไม่ปลอดภัย เมลจะยังอยู่กับพี่หรือเปล่า?” คนหน้าคมถามกลับ

            “ไม่ว่ายังไงฉันก็จะอยู่กับคุณค่ะ” เป็นคำตอบที่ทำเอาคนหน้าคมยิ้มแก้มปริ

            “ขอบคุณนะคะ พี่จะคอยปกป้องเมลเอง” คนหน้าหวานรู้สึกดีใจที่อีกคนยังคงพร้อมปกป้องตน จึงโน้มตัวลงไปจะกอดคนหน้าคม พอคนหน้าคมอ้าแขนออกจะรับกอด ความหวานซึ้งจึงเปลี่ยนเป็นเสียงร้อง

            “โอ๊ยย! โอ๊ย!” คนหน้าคมทำหน้าเหยเก เมื่อรู้สึกเจ็บที่บาดแผล

            “คุณเจ็บมากหรือเปล่า” คนหน้าหวานทำน้ำเสียงตกใจ ที่อยู่ๆอีกคนก็สงเสียงร้องออกมา

            “เจ็บค่ะ” คนหน้าคมนำมือไปจับที่บาดแผลตนที่มีผ้าปิดแผลอยู่

            “งั้นคุณนอนพักเถอะค่ะ รอให้หายดีก่อนนะคะ” คนหน้าหวานยิ้มให้ด้วยความห่วงใย

            “ก็ได้ค่ะ” คนหน้าคมยอมอย่างง่ายดาย ก่อนจะค่อยๆหลับตาลง คนหน้าหวานจึงเดินไปนอนที่ห้องข้างๆที่มีเตียงสำหรับคนเฝ้า

            ในช่วงที่คนหน้าคมอยู่โรงพยาบาล ไม่มีใครรู้ทั้งนั้น ต้องปิดให้เงียบที่สุดเพราะคนหน้าคมมีหน้ามีตาทางด้านธุรกิจและอีกหลายๆอย่าง หากข่าวหลุดออกไปอาจจะกระทบเรื่องงานได้

หลังจากคนหน้าคมออกจากโรงพยาบาลมาพักที่บ้าน คนหน้าหวานจะแวะเวียนมาเยี่ยมคนหน้าคมแทบตลอด ช่วงนี้แผลของคนหน้าคมเริ่มดีขึ้นบ้างแล้วจึงออกมาเดินเล่นที่สวนหน้าบ้าน

            “คุณมานั่งทำไรตรงนี้คะ” คนหน้าหวานที่กำลังเดินมาหาเอ่ยถาม

            “พี่อยากออกมารับลมบ้างเท่านั้นเองค่ะ”

            “อากาศเริ่มร้อนแล้วเข้าบ้านเถอะค่ะ” คนหน้าหวานก้มลงหอมแก้มคนหน้าคมก่อนจะชวนเข้าบ้าน

            “ก็ได้ค่ะ” ตั้งแต่เกิดเหตุ คนหน้าคมเชื่อฟังคนหน้าหวานมาตลอด ถึงแม้มีบ้างเรื่องที่ยังไม่ค่อยตอบก็เถอะ

            หลังจากที่เข้ามาในบ้านแล้ว คนหน้าหวานจึงพาคนหน้าคมขึ้นห้องไปเพื่อจะได้นอนพัก พอคนหน้าคมนั่งลงบนเตียงนอน จึงถอดเสื้อคลุมออก เหลอแต่เสื้อกล้าม

            “คุณดูจะร้อนนะคะ เหงื่อคุณออกเต็มเลย” คนหน้าหวานมองดูเม็ดเหงื่อที่ยังคงเกาะที่คอ

            “อืมม พี่รู้สึกร้อนน่ะ”

            “เดี๋ยวฉันเช็ดตัวให้นะคะ แผลคุณยังปิดไม่สนิทใช่มั๊ยคะ” คนหน้าคมทำลอยหน้าลอยตาก่อนจะหันมาตอบ

            “ใช่ค่ะ” คนหน้าคมตอบ

            “งั้นเดี๋ยวฉันมาค่ะ”

            ก่อนจะเข้ามาในห้องพร้อมภาชนะใส่น้ำและผ้าขนหนูผืนเล็ก คนหน้าหวานวางภาชนะที่โต๊ะหัวเตียงก่อนจะชุบน้ำบิดมาดๆ นั่งลงข้างๆคนหน้าคมที่นั่งรออยู่ คนหน้าหวานค่อยๆบรรจงนำผ้าขนหนูเช็ดที่คอขาวคนหน้าคม ก่อนคนหน้าคมจะค่อยๆดึงเสื้อกล้ามขึ้น ให้คนหน้าหวานเช็ดบริเวณท้อง พอคนหน้าหวานจะเริ่มหันไปเช็ดด้านหลังบ้าง ก็งงเมื่อไม่เห็นบาดแผลของคนหน้าคม เหลือแต่รอยจางๆ จึงทำให้คนหน้าหวานทำหน้ามุ่ยใส่

            “หายแล้วนิ่คะ”

            “ค่ะ แต่อยากอ้อนแฟน” คนหน้าคมยิ้มให้ ก่อนจะโน้มตัวลงไปกอดคนหน้าหวาน “คิดถึงอ้อมกอดจังค่ะ”

            “ค่ะ” คนหน้าหวานยอมคนหน้าคมทุกอย่าง เพราะตนเองก็คิดถึงเช่นกัน

            คนหน้าคมเริ่มอยู่ไม่นิ่ง จมูกเริ่มสูดดมกลิ่นที่ลำคอคนหน้าหวานอย่าโหยหา คนหน้าหวานที่ได้รับการสัมผัสอย่างไม่รู้ตัวก็เกิดอาการเคลิ้มตาม เริ่มกอดรัดคนหน้าคมมากขึ้นเมื่อมือคนหน้าคมเริ่มซุกเข้าไปใต้เสื้อคนหน้าหวาน คนหน้าคมที่รู้สึกว่าคนหน้าหวานไม่ขัดขืนอะไรจึงค่อยๆดันคนหน้าหวานให้นอนราบลงบนเตียงนอน และก้มลงประกบริมฝีปากคนหน้าหวาน ต่างคนต่างขยับปากอย่างต้องการกันเป็นจูบที่เร่าร้อนแต่แฝงไปด้วยความอ่อนโยน

            คนหน้าคมเหมือนจะรู้สึกว่าคนหน้าหวานจะขาดอากาศจึงละออกจากริมฝีปากออกมาที่ซอกคอขาวซุกไซร้ไปมา คนหน้าหวานที่รู้สึกเสียวซ่านเมื่อได้รับการสัมผัสจึงจิกลงที่ไหล่คนหน้าคม กัดริมฝีปากตนเองเพื่อข่มความเสียว คนหน้าหวานรู้สึกตัวอีกทีเมื่อเสื้อตนได้หลุดออกไป คนหน้าคมจึงก้มไปกระซิบข้างหูเบาๆ

            “คนสวย พี่ขอนะคะ” คนหน้าหวานเพียงแค่พยักหน้าเพราะความเขินอาย

            เมื่อคนหน้าคมได้รับอนุญาต จึงก้มลงไปป้อนสัมผัสอันอ่อนโยนที่ปาก คนหน้าหวานจึงค่อยๆนำมือขึ้นลูบท้ายทอยคนด้านบน คนหน้าคมค่อยๆใช้มือบรรจงถอดชั้นในคนด้านล่าง คนหน้าหวานให้ความร่วมมืออย่างดี ก่อนจะรู้สึกเสียวขึ้นมาเมื่อคนหน้าคม ค่อยๆใช้ปากสัมผัสลงมายังคาง ลงมายังลำคอขาว มือค่อยๆลูบก้อนเนื้อกลมปลายหัวเริ่มเป็นไต ก่อนจะใช้ปากสัมผัสที่ปลายหัวนั้น

            “อื้อออ” คนหน้าหวานครางออกมาเมื่อได้รับสัมผัสแปลกใหม่

            คนหน้าหวานเริ่มใช้มือจิกผ้าปูที่นอนเมื่อคนด้านบนเริ่มใช้มือข้างหนึ่งปลดกางเกงคนหน้าหวานออกจึงเหลือเพียงแพตตี้ตัวน้อย และตามลงมาใช้ลิ้นลากไล่วนใกล้ๆจุดเสียว และใช้ปากดึงแพตตี้ลงมาอยู่ระหว่างขาละดึงออกไปให้พ้นทาง ก่อนจะแยกขาคนหน้าหวานออกและก้มลงไปสัมผัสจุดสงวน ทำให้คนหน้าหวานรู้สึกเสียวจนต้องกดหัวคนหน้าคม เมื่อเริ่มมีความรู้สึกร้อนรุ่มไปทั้งร่างกาย คนหน้าคมที่ปากยังคงทำหน้าที่ดูดดุนติ่งเสียว

            “อื้อ..อื้อออ คุณ” อยู่ๆคนหน้าคมก็หยุดและพูดขึ้น

            “เรียก ชื่อพี่ สิคะ” คนหน้าคมพูดจบจึงใช้ลิ้นลากไปตามรอยแยก

            “อื้อออ เซ...น เซน เมลเสียววว” เมื่อคนหน้าคมได้รับคำที่ต้องการ จึงขึ้นไปหาคนหน้าหวาน

            “พี่รักเมลนะคะ” คนหน้าหวานพักพยักหน้ารับก่อนจะป้อนจูบคนหน้าคมและบอกเช่นกัน

            “เมลก็รักเซนนะคะ” คนหน้าคมยิ้มให้ก่อนจะก้มลงไปยังก้อนกลมๆและดูดดุน และใช้มือลากตามรอยแยกกีบ

            “อื้ออ...อออ” คนหน้าหวานเริ่มครางอีกครั้ง มือเริ่มจิกที่แผ่นหลังคนด้านบน

            “เมลทนไม่ไหวแล้ว เซนช่วยเมลที” เมื่อได้ยินอย่างนั้นคนหน้าคมจึงแทรกนิ้วเข้าไปยังรอยแยก คนหน้าหวานที่เพิ่งเคยได้รับสิ่งแปลกเข้ามาจึงทำหน้าเหยเก น้ำตาคลอ

            “ซี้ดดด! อ้า” คนหน้าคมเริ่มขยับข้อมือช้าๆ จากที่รู้สึกแสบ ค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความเสียวแทน

            “อื้อออ เสีย....ว” คนหน้าหวานเริ่มโยกสะโพกตาม เมื่อความเสียวเริ่มจะทนไม่ไหวอีกต่อไป

            “เซน เมล ไม่ไหวแล้...ว” เมื่อคนหน้าคมได้ยินอย่างนั้นจึงเร่งการขยับให้ถี่กว่าเดิม

            “อ้า....อ้า อื้ออ” คนหน้าหวานกระตุกสองสามครั้ง ก่อนจะนอนหอบหายใจ คนหน้าคมจึงค่อยๆถอนนิ้วออกมา

            “อื้อออ” ความเสียดสีระหว่างช่องกับนิ้ว ทำให้คนหน้าหวานครางออกมา

            คนหน้าคมจึงใช้ลิ้นทำความสะอาดที่จุดสงวนคนหน้าหวาน และที่นิ้วตนต่อหน้าคนหน้าหวาน

            “เซนคะ เมลจะอารมณ์ติดอีกรอบแล้วนะคะถ้ายังอ่อยขนาดนี้”

            “ก็ติดสิคะพี่...” พูดไม่ทันจบ คนหน้าหวานก็ขึ้นคร่อมคนหน้าคมทันที ก่อนจะเริ่มบรรเลงรักอีกครั้ง

            ตกช่วงค่ำ คนหน้าคมตื่นขึ้นมาเมื่อรู้สึกถึงไออุ่น จึงก้มลงไปมอง คนหน้าหวานที่กำลังซุกหน้าอยู่ที่อกนั่นเอง คนหน้าคมจึงใช้มือสัมผัสเบาๆที่แก้มคนหน้าหวาน แต่คนหน้าหวานก็รู้สึกตัวจึงลืมตาขึ้นมา

            “ตื่นแล้วเหรอคะ” คนหน้าคมถามเมื่อเห็นอีกคนเริ่มขยับตัว

            “ค่ะ”

            “งั้นไปอาบน้ำกัน ลุกเดินไหวมั๊ย?”

            “เหมือนจะไม่ไหวค่ะ” คนหน้าหวานค่อยๆลุกขึ้นมาก็รู้สึกเจ็บจี๊ดที่ช่วงล่าง

            “โอ๊ย!”

            “เดี๋ยวพี่อุ้มเองค่ะ” พูดจบ คนหน้าคมก็ใช้แขนสอดไปใต้ร่างคนหน้าหวาน ก่อนจะออกแรงอุ้มขึ้นมา

            “ว้ายยย!” คนหน้าหวานร้องตกใจ เมื่อร่างลอยขึ้นจากเตียงโดยไม่มีอะไรปกปิด

            “เห็นกันมาแล้ว ไม่ต้องอายหรอกค่ะ” คนหน้าคมยิ้ม และพาไปอาบน้ำด้วยกัน

 

 

            รอติดตามตอนต่อไป

            เค้า...กันแล้วน๊า ไรท์เขียนฉากแบบนี้ไม่เป็นจริงๆ ต้องอภัย

            ไรท์หายไปเลยเพราะช่วงนี้ติดเรียนและไม่ค่อยว่าง ยังไงจะพยายามลงให้นะ

            คอมเม้นต์ติชมให้กำลังใจกันด้วยน๊า

           

           

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา