The Witch stories

8.0

เขียนโดย weirdwitch

วันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 15.33 น.

  3 ตอน
  1 วิจารณ์
  4,524 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2561 23.41 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ความลับภายในใจ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 2 ความลับภายในใจ

                                                         

อีตุ้ด!’

เสียชาติเกิดจริง ๆ เกิดมาก็ผิดเพศ

                                    มีดีอะไรบ้างแกอะ?’ ‘นี่เต็มปะ?

ไม่น่าเป็นเลยเนาะแก... (ทำไม?) ก็ชีวิตแกคงจะดีกว่านี้

เกะกะน่า!’  ‘ไม่ต้องมายุ่งเลยนะ เดี๋ยวของก็เสียหายกันหมด

อย่ามั่นหน้า!’ ‘ไม่มีประโยชน์ซะเลยแกเนี่ย’ ‘น่ารังเกียจ!!’

นี่คิดว่าฉันชอบแกจริงๆเหรอ ฮ่าๆๆ ตลกเป็นบ้าเลยว่ะ แกมันก็แค่เครื่องมือ! สำเนียกตัวเองไว้ซะ!’

ทำไม!

... .. .

ซ่า

ร่างสูงสมส่วนผมสีดำนิลผิวกายขาวละมุน กวักน้ำอันเย็นเฉียบจากฝักบัวเยื้องเหนือศีรษะของเขาสาดสู่ใบหน้ามลของตัวเพื่อเรียกสติของตัวเองกลับมา “เฮ้อ อีกแล้วนะเรา ลืมเรื่องบ้าๆพวกนั้นไปสักทีเถอะ” เพื่อน มักพร่ำบอกตัวเองอยู่บ่อยครั้งแต่ก็ไม่มีครั้งใดที่เขาจะทำมันได้เลย แม้น้ำอันเย็นยะเยือกในยามเช้าตรู่ก็ไม่อาจดับไฟในใจเขาลงได้เลย ไฟของความแค้นและความเจ็บปวด... เป็นเครื่องหมายว่าเขาไม่มีทางลืมอดีตอันเจ็บปวดเหล่านั้นได้เลย

“เรื่องมันก็ผ่านไปตั้งครึ่งปีแล้ว หลังจากนี้น่ะเริ่มต้นใหม่ได้แล้วนะ! สู้โว้ย” เมื่อเรียกสติตนเองกลับมาได้ ความร่าเริงของเขาก็กลับมาฉายสู่ใบหน้าอีกครา ความร่าเริงที่เคยเป็นพิษกับเขา แต่มันก็คือจุดแข็งที่สุดของเขาเช่นกัน

“เอ วันนี้แต่งตัวยังไงดีนะ ได้เข้าเมืองหลวงกับเขาบ้างสักที ตื่นเต้นเป็นบ้า” หลังจากอาบน้ำเสร็จ เพื่อนก็ง่วนอยู่กับการหาชุดสำหรับวันมอบตัวนักศึกษาและเปิดเทอมมหาลัยวันแรกของเขา

“ใส่อะไรดีเนี่ย โอ้ย ยืดดี หรือเชิ้ตดี หรือ คูล ๆ ดี เลือกไม่ถูกเล้ย” เพื่อนบ่นไปพลางรื้อค้นตู้เสื้อผ้าของเขาอย่างบ้าคลั่ง

 

ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก... เสียงเคาะดังขึ้นที่ประตูห้องนอนของเพื่อน

“เสร็จหรือยังลูก เดี๋ยวเราต้องนั่งรถรางเข้าเมืองอีกนะ มันจะไม่ทันเอาเน้อ” ลลนา ผู้เป็นแม่ของเขาตะโกนขึ้นมาจากชั้นหนึ่งเร่งให้บุตรชายของเธอ รีบออกเดินทาง

“ลงไปแล้วครับผม~” เพื่อนตอบกลับด้วยน้ำเสียงร่าเริง พลางกึ่งวิ่งกึ่งเดินลงไปยังชั้นหนึ่งโดยที่ไม่ลืมจะค้อมตัวเล็กน้อยในขณะที่เดินผ่านออกมาจากประตูห้องของตน

“โอ้โห! วันนี้แม่แต่งตัวสวยมาก สวยจนเว่อร์ ฮ่า ๆ นี่แค่ไปรายงานตัวนะแม่ ทำไมจัดเต็มขนาดนี้” เมื่อเพื่อนลงมาถึงห้องนั่งเล่น เขาต้องอุทานตาโตเมื่อได้เห็นว่ามารดาของตนใส่ชุดผ้าไหมซิ่นยาวครามดิ้นทอง หายาก ลายนาคของตระกูลพร้อมเครื่องประดับหินสีเลอค่าอย่าง เทอย์คอยส์ สำหรับเพียงแค่โอกาสนี้

“เอ้า ก็เข้าเมืองหลวงทั้งทีมันก็ต้องมีบ้างสิ เล็ก ๆ น้อยน่า ป่ะ! ไปกันเถอะลูก” ลลนาเร่งบุตรของเธอแล้วเดินนำออกไป

“ใครตื่นเต้นกันแน่เนี่ย” เพื่อนพูดพลางส่ายหัวน้อย ๆ เดินตามมารดาตนออกไป

“แล้วเราเถอะแต่งตัวอะไรเนี่ยลูก เสื้อยืด กางเกงยีนส์ แหน่ะ แถมใส่แตะอีก ทำไมไม่แต่งตัวให้ดี ๆ กว่านี้ ห้ะ” ลลนา อดบ่นกับการแต่งตัวของบุตรเธอไม่ได้ 

“เอาน่าแม่ก็น้องเพื่อนมีแต่ชุดพวกนี้อะ ก็แม่แหละซื้อให้” เพื่อนบ่นอุบอิบ แล้วสาวเท้าให้เร็วขึ้นเพื่อหนีคำบ่นของมารดาตน

ระหว่างที่ทั้งสองเดินออกไปจากหมู่บ้านก็ผ่านพบเพื่อนบ้านในหมู่บ้านมากมาย ทุกคนก็ต่างพากันทักทายลลนา และเพื่อนอย่างสนิทสนมพร้อมทั้งชวนพูดคุยบ้างตามประสา ทั้งสองแม่ลูกได้อาศัยอยู่ในอานานิคมหมู่บ้านชานเมืองที่เรียกได้ว่ามีความเป็นธรรมชาติสูง พร้อมทั้งบรรยากาศอันร่มรื่นตลอดปี ผลหมากรากไม้ ต้นไม้นานา ถูกเลี้ยงและดูแลเอาไว้อย่างอุดมสมบูรณ์จนอานานิคมหมู่บ้านนี้แทบกลายเป็นป่าย่อมๆเลยทีเดียว รวมถึงพลังวิวัฒน์ของหัวหน้าหมู่บ้าน พลังแห่งการสกัดกั้น นั้นทำให้หมู่บ้านของชาววิวัฒน์เป็นสถานที่ ต้องใจหมายปองของเหล่าวิวัฒน์ทั้งหลายแม้แต่เหล่าพละเองก็ต้องการมาอาศัยในใต้ร่มเงานี้เช่นกัน

“อ้าว ลลนารีบพาลูกไปมหาลัยเหรอจ้ะ” สตรีที่มีออร่าผู้ดีที่แผ่ออกมาอย่างประหลาดหรือก็คือป้าศรีป้าบ้านตรงข้ามที่กลับจากลานตลาดเดินสวนมา เธอเอ่ยทักทายสนิทสนม

“สวัสดีค่ะพี่ศรี ใช่จ่ะพี่ เดี๋ยวเย็นๆนาคงมาเปิดร้าน ฝากพี่บอกด้วยนะจ้ะ ถ้ามีลูกค้ามาถาม” ลลนา ไหว้วานให้เพื่อนบ้านอาวุโสช่วยเป็นธุระให้ เผื่อลูกค้าของเธอมาติดต่อซื้อสมุนไพรที่ร้าน

“ได้จ่ะ รีบไปเถอะเดี่ยวไม่ทันรถรางเอา” ป้าศรียกยิ้มใจดีเอ่ยรับคำ สองแม่ลูกเดินต่อไป โดยที่เพื่อนไม่ลืมที่จะยกมือไหว้เคารพป้าศรี เพื่อนมักรู้สึกอบอุ่นพร้อมเกร็ง ๆ ทุกครั้งที่ได้พบป้าศรีเพราะเขารู้สึกราวกับความเป็นผู้ดีแทรกชอนไชเขามาในตัวเขาตลอดเวลา มารดาของเขาก็ไม่ต่างกันกับเขานัก

การคมนาคมสาธารณะของสมัยนี้จะมีเพียงรถรางและเรือบินเท่านั้น ด้วยบทเรียนในอดีตที่ผ่านมาทำให้มนุษย์ทุกคนใส่ใจธรรมชาติมากขึ้น ทุก ๆ อย่างในยุคสมัยจึงต้องสอดคล้องไม่ทำร้ายธรรมชาติไม่ทำร้ายใครทั้งสิ้นเครื่องมืออุปกรณ์ทุกชนิดใช้พลังงานสะอาด รวมถึงพลังงานผลิตจากชาววิวัฒน์ถือว่าเป็นทรัพยากรหลักที่สำคัญที่สุดของโลกปัจจุบันนี้

“ทันพอดี” เพื่อนเอ่ยพลางนั่งลงบนที่นั่งในรถรางข้างๆมารดาของเขา พลางปาดเหงื่อจากการวิ่งมาให้ถึงรถรางทันเวลา

เมื่อรถรางกำลังเริ่มเคลื่อนตัวออกสู่จุดหมายคือเมืองหลวง ‘อารามเทพ’ ลลนาสะกิดบุตรชายแล้วกล่าว

“แม่ขอพักสายตาสักครู่นะ” ลลนาเอ่ยต่อบุตรชายของเธอจากนั้นก็หลับตาลง เพื่อนรู้ทันทีว่าคำพูดนั้นมีความหมายแท้จริงคืออะไร

จู่ ๆ เขารู้สึกถึงกระแสพลังงานโดยรอบเคลื่อนไหวอย่างแปลกประหลาดเหมือนสายน้ำที่กำลังไหลอย่างมีจุดหมาย แต่เขาหาได้สนใจไม่ เขาเพลิดเพลินกับทิวทัศน์โดยรอบระหว่างเส้นทางมากกว่า เส้นทางโดยสารนี้ตัดผ่านป่าเบญจพรรณอันอุดมสมบูรณ์เต็มไปด้วยแมกไม้ธรรมชาตินานาพรรณ สัตว์น้อย และน้ำตกธรรมชาติขนาดย่อม ให้ผู้โดยสารได้เพลินเพลินพร้อมสัมผัสธรรมชาติไปด้วยกัน

สักพักเพื่อนก็ผล่อยหลับไปด้วยความเพลียจากการออกแรงวิ่งเช่นกัน...

ณ เมืองหลวงอารามเทพ หน้าทางเขามหาวิทยาลัยจตุยักษา มหาวิทยาลัยที่มีตำนานแห่งยักษ์ ...

ทั้งสองเริ่มเดินทางเวลา 8.00 น. จากหมู่บ้านของพวกเขาเดินทางสู่เมืองหลวงให้เวลาทั้งสิ้นหนึ่งชั่วโมงและการมอบตัวจะเริ่มเวลา  9.15 น. ดังนั้นทั้งคู่มีเวลาเพียง 15นาทีไปให้ทันการมอบตัวก่อนที่ประตูชั้นในมหาวิทยาลัยจะปิด ถึงเวลาวิ่งอีกคราแล้วกระมัง

“เอาว่ะ วิ่งก็วิ่ง ป่ะลูก! วิ่งตามแม่มาให้ทันนะ” พูดจบลลนาก็ออกตัววิ่งไปในทางเข้าของมหาลัยที่เป็นอุโมงต้นไม้สวยงาม ที่ทั้งคู่ไม่มีเวลาจะหยุดชมแม้แต่น้อย

“เอ้า แม่รอด้วยย” เพื่อนก็วิ่งตามมารดาของเขาไปติด ๆ ณ เวลานี้เขาไม่สนใจความธรรมชาติใดใดแล้ว

...

“เกือบไม่ทันแหน่ะแม่” เพื่อนยืนหอบอยู่หน้าประตูชั้นใน ทั้งคู่เข้ามาทันในนาทีสุดท้ายก่อนประตูจะปิดลง และเลือนหายไปทันที

“แปป อย่าเพิ่งบ่นแม่ของหายใจก่อน พระเทวา!3กิโลกว่าภายใน 14 นาที เราทำได้ไงเนี่ย!” ลลนานั่งหอบถึงแม้เธอจะมีอายุเล็กน้อย ทว่านั่งเพียงไม่กี่นาทีเธอก็หายเหนื่อยพร้อมไปต่อทันที ต่างจากบุตรชายของเธออย่างสิ้นเชิง เดินไปเหนื่อยไปยังไม่หาย

จุดรายงานตัว เป็นบันไดทางขึ้นไปสู่โถงกว้างที่มีนักศึกษาและผู้ปกครองยืนต่อแถวกันอย่างเนืองแน่น ลักษณะโถงกว้างเป็นครึ่งวงกลมสูงขึ้นไปบนเนินรอบข้างเต็มไปด้วยต้นไม้เช่นเคย กระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่อาจเห็นตัวมหาวิทยาลัย ต้องขึ้นไปยังเนินโถงถึงจะมองเห็นตัวตึกเรียนซึ่งอยู่ไกลลิบตา บนเขาอีกลูกหนึ่งส่วนทางเข้าในเมืองนั้นเป็นเพียงจุดเชื่อมต่อเพื่อข้ามมาเพียงเท่านั้น

 มหาวิทยาลัยนี้ความจริงแล้วตั้งอยู่บนภูเขาในป่าลึกแต่รายล้อมด้วยการป้องกันจากกำแพงแก้ว อุปกรณ์ล้ำวิวัฒนาการจากฝีมือเหล่าวิวัฒน์นั่นเอง ปัจจุบันอุปกรณ์ล้ำยุคต่าง ๆ ก็คือผลผลิตของชาววิวัฒน์ทั้งสิ้น แต่ทุกอย่างมีกฎหมายโลกระบุว่าต้องผลิตให้ทั้งวิวัฒน์และพละใช้งานได้ในประสิทธิภาพที่เท่ากันเพื่อความเท่าเทียม หากพบอุปกรณ์ที่นอกเหนือจากที่ระบุนี้หรือดัดแปลง ถือว่าเป็นอุปกรณ์ผิดกฎหมายผู้ครอบครองและผู้ผลิต หรือ ผู้ดัดแปลง ต้องรับโทษจากสภาศาลโลก   

“ยังต้องเดินขึ้นอีกเหรอเนี่ย” เมื่อเห็นบันไดทางขึ้นไปจุดรายงานตัว เพื่อนก็แทบจะคลานไปกับบันได

“คนเยอะจริงเชียว” เมื่อถึงลานโถง ลลนาก็มองหาแถวที่สั้นที่สุดเพื่อให้บุตรชายของเธอได้ไปต่อแถว

“นั่นๆทางนั้นดีกว่าแม่” เพื่อนชี้ไปยังเกือบแถวริมสุดด้านซ้ายของโถง ที่มีชายหนุ่มในชุดนักศึกษาขาวสะอาดร่างสูงโปร่งคนหนึ่งยืนต่ออยู่ ซึ่งมองหาได้ไม่ยากเพราะมีเพียงเขาคนเดียวที่แต่งกายเช่นนั้นและเป็นแถวที่สั้นที่สุดแล้วในเวลานี้ด้วย

‘หล่อจัง เก็บไว้ก่อนเดี๋ยวแม่รู้’ ภายในใจของเพื่อนร้อนรุ่มขึ้นเล็กน้อย ถึงแม้เขาจะออกอาการไม่ได้เพราะเกรงใจมารดาตน เมื่อไปต่อแถวก็อดไม่ได้ที่จะทำชำเลืองมองชายด้านหน้าตน ผมสีดำขลับขับให้ผิวสีขาวอมชมพูนั้นสว่างยิ่งขึ้น รูปหน้าของเขามองเพียงด้านข้างก็รับรู้ได้ว่าดีงามเช่นใด ยิ่งสันจมูกโด่งราวกับสามารถเก็บน้ำยามหน้าแล้งไว้ได้แต่กลับรับเข้ากับใบหน้าของเขาอย่างพอดี ทุกอย่างบนร่างกายของเขามันช่างพอดีพอเหมาะพอสมราวกับจัดวางไว้

มาถึงลำดับของชายเบื้องหน้าของเพื่อน เขาก็เดินไปยังแท่งผลึกสแกนเพื่อลงทะเบียนและมีพนักงานคอยประจำอยู่ เมื่อเขาทาบมือลงไปบนผลึกหน้าต่างข้อมูลมากมายก็โผล่ขึ้นมาเบื้องหน้าของพนักงาน สักครู่เมื่อระบบประมวลผลเสร็จสิ้นทุกอย่างก็เหลือเพียงหน้าต่างเดียวที่ระบุข้อมูลไว้ทั้งหมด

“อายุ 19 ปี นายพิพัฒนา รัชเทวากุล เหล่า : วิวัฒน์ ประเภทวิวัฒน์ : ทำลาย, ต่อสู้ บรรจุเรียนสาขาวิศวะการสร้าง” พนักงานอ่านข้อมูลออกเสียงให้เจ้าของข้อมูลได้ฟัง

“ถูกต้องใช่ไหมครับน้อง” พนักงานเงยหน้าถาม

“ถูกครับ” ร่างสูงเอ่ยตอบ

“นี่เอกสารมอบตัวจากผู้ปกครองครับ” ร่างสูงรีบยื่นแผ่นเอกสารให้พนักงานเมื่อเห็นว่าทำท่าทีจะถามเขาต่อ

“ครับ...เรียบร้อยครับ” พนักงานผายมือเชิญเขาไปด้านหลัง

“ขอบคุณครับ” ร่างสูงโค้งให้เล็กน้อยเมื่อเดินผ่านพนักงานไป

การสนทนาเมื่อครู่ทั้งหมดถูกเพื่อนแอบฟังเก็บไว้ทุกเม็ดหมดจด แล้วแอบลอบมองตามเขาไปลับ ๆ และก็ถึงลำดับของเขา

“อ้าว! น้าลลนานี่ครับ สวัสดีครับน้า” พนักงานคนนั้นกล่าวขึ้นเมื่อเงยหน้าเห็นลลนา

“น้องพร้าวนี่ มาเรียนอยู่ที่นี่เองเหรอ น้าไม่เจอตั้งนานเลย ตั้งแต่หนูย้ายบ้านไป” ลลนาเมื่อถูกทักจึงเพ่งสายตาพิจารณาคนเบื้องอย่างละเอียดแล้วก็จำขึ้นได้ ว่าเขาเป็นบุตรชายของอดีตเพื่อนบ้านของเธอ

“ใครอะแม่” เพื่อนที่ยืนฟังอยู่ถามด้วยความสงสัย มองหน้ามารดาตนกับพนักงานเบื้องหน้าสลับไปมา

“ก็พี่พร้าวไง แหม่ทำเป็นจำไม่ได้ ลูกป้าแอ้ว ที่เคยมาเล่นกับลูกบ่อย ๆ ตอนเด็กน่ะ ลูกติดพี่เขามาเลยรู้มั้ยตอนนั้น จนแม่แทบจะเอาพี่พร้าวไปซ่อนเพราะลูกไม่ยอมกลับมากินข้าวที่บ้านสักทีน่ะ ติดพี่เขาแจเลย” ลลนาเล่าทวนความจำบุตรตน และขำออกมาเล็กน้อยเมื่อนึกถึงช่วงเวลานั้น

“ไม่เป็นไรหรอกครับน้าลลนา ตอนนั้นน้องก็เด็กมากปกติที่จะจำไม่ได้ครับ” พร้าวยกยิ้มกล่าวบอกแก่ลลนา

เพล้ง!

เพื่อนสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงนี้เกิดขึ้นในหัวตนจากนั้นบังเกิดความรู้สึกเสียววูบเหมือนกำลังตกจากที่สูง ความทรงจำมากมายพุ่งปะทะไม่ต่างจากลมพัดตีใบหน้า ลลนาก็ไม่ต่างกันแต่เธอเก็บอาการได้ดีกว่าบุตรเธอนัก

“อ๋อ ผมจำได้แล้วครับ พี่พร้าว จำได้หมดเลยครับทั้งหมดเลย คิดถึงพี่มาก ๆ เลย” เพื่อนจงใจเน้นเสียงพร้อมมองค้อนไปยังมารดาตน แต่ลลนาก็ทำเป็นมองนกมองไม้ชมวิวไปซะงั้น

“หล่อขึ้นเยอะนะเนี่ยพี่พร้าว ดูดิหล่อกว่าผมแล้วอะ” เพื่อนหยอกพร้าวพร้อมทั้งลืมตัวเดินไปจับมือพร้าวไว้อย่างเคยชินเสียอย่างนั้น

พร้าวยิ้มก้มหน้าเกาหัวเขินกับคำหยอก ใบหูขึ้นสีอย่างห้ามไม่ได้ ทำให้ใบหน้าภายใต้แว่นสีดำทรงเหลี่ยมนั้นยิ่งน่ารักขึ้นไปอีก ถ้าใครได้เห็นใบหน้าขาวมล ปากทรงกระจับสีชมพูธรรมชาติ ดวงตาสีน้ำตาลเล็กเรียวสดใสที่หากได้มองนาน ๆ ก็หลงเสน่ห์ได้ง่าย ๆ กอปกกับอยู่ในชุดออฟฟิตยิ่งทำให้เข้ากันมากขึ้นอีก เพื่อนเองเชื่อว่าถ้าใครได้มาเห็นพร้าวในมุมนี้แบบเขา 7 ใน 10 ต้องหลงไปกับความน่ารักของพร้าวเป็นแน่แท้

“อะแฮ่ม แตะมือเถอะจ่ะคุณลูก” ลลนากระแอมขัดความคิดบุตรชาย เธออดหมั่นไส้เพื่อนไม่ได้ ‘ยืนจับมือกับผู้ชายอย่างนั้นได้ใครมานะ ดู๊ดู” เธอคิดในใจพลางบอกให้บุตรของเธอดำเนินการรายงานตัวต่อ

 เมื่อได้ยินดังนั้น พร้าวก็ไม่วายค่อยๆบรรจงจับมือของเพื่อนวางลงบนผลึกอย่างแผ่วเบา

วิ้ง ข้อมูลของเพื่อนค่อย ๆ โผล่ขึ้นมากมายสลับกันไปมาสักครู่ แล้วรวบจบรวมกับเป็นหน้าต่างเดียว

“อายุ 18 ปี นายพันธมิตร หัตถ์อารีย์  เหล่า : วิวัฒน์* ประเภทวิวัฒน์ : รักษา, จิต, ??? เอกลักษณ์ : เยียวยา หยั่งรู้, ???บรรจุสาขาการแพทย์ธรรมชาติ” ข้อมูลแสดงออกมาอย่างแปลกประหลาด พร้าวเองก็ไม่เข้าใจเช่นกัน เพื่อนเมื่อเห็นท่าทีสงสัยของพร้าวจึงรีบดึงความสนใจพร้าวออกจากหน้าจอทันที แม้แต่ลลนาเองก็ร่วมด้วยเช่นกัน

“พี่พร้าวไปส่งต่อหน่อยสิครับ” เพื่อนฉุดให้พร้าวลุกขึ้น พร้อมทั้งกุมมือทั้งสองของพร้าวไว้แน่น

“ตะ แต่ว่า...” พร้าวกำลังจะเอ่ยปฏิเสธเพื่อนเพราะยังเหลือขั้นต่อยืนยันข้อมูลอยู่อีก แต่ลลนาก็พูดโผล่งขึ้นมาขัดเสียก่อน

“น้า ทำเอกสารยืนยันให้เสร็จแล้วนะจ้ะ ไปได้เลยเนาะ” ลลนาพูดตัดบทลากตัวเพื่อน เดินจากไปทันที พร้าวได้แต่ยืนงงหน้าเหรอหลา แล้วกลับมานั่งแท่นทำงานของตนต่อ ทำได้เพียงเก็บความสงสัยไว้ข้างใน

“นานจังครับพี่ สิทธิพิเศษเหรอ ถ้าจะรวมญาติก็ให้คนอื่นมาทำแทนสิครับ” ชายตัวเล็กในแถวลำดับต่อจากเพื่อนเอ่ยประชด

“ขอโทษครับ” พร้าวเมื่อโดนติ จึงรีบก้มหัวผงก ๆ  ขอโทษแล้วทำหน้าที่ต่อทันที

...

เดินจากจุดรายงานตัวถัดไปเบื้องหลังเมื่อเดินลงจากบันไดลงไปเล็กน้อยจะพบทางเดินหินยาวกว้างตรงสู่หอประชุมรวมเป็นโดมสีทองขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่

ณ หอประชุมรวม

“เกือบไปแล้วแหน่ะแม่ ใครมันจะคิดว่าข้อมูลมันจะออกมาแบบนั้น” เพื่อนกล่าวคุยกับมารดาตนเบา ๆ ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังเดินตรงสู่โดมสีทอง

“แม่เองก็ตกใจเหมือนกัน” ลลนากล่าวตอบ

“แต่ก็ดีอย่างหนึ่งที่ได้รู้ว่าแม่ก็แอบเล่นแสบใส่ผมอยู่เหมือนกัน” เพื่อนเอ่ยเหตุการณ์เมื่อครู่ขึ้นมา

“ก็ตอนนั้นลูกยังเด็กนี่นา แถมดื้อม๊าก ไม่ฟังอะไรเลย แม่ก็จำเป็น” ลลนาเน้นเสียงเพื่อแสดงให้เห็นว่าลูกเธอดื้อแค่ไหน

“ครับ ครับ ช่างมันเถอะมันผ่านไปแล้ว” เพื่อนปลงตก และพามารดาตนเข้าไปจับจองที่นั่งภายในโดมสีทองนั้น

สักครู่ผ่านไปเมื่อผู้คนเข้ามาในโดมสีทองนี้จนแน่นขนัด ก็มีชายแต่งตัวด้วยชุดเสื้อยืด กางเกงขาสั้นธรรมดาๆ ที่ใครเห็นก็ต้องนึกว่าเป็นตาลุงขายไอศกรีมแถวนี้ เดินขึ้นไปยังแท่นพูดบนเวทีเสียอย่างนั้นท่ามกลางความสงสัยของทุกคน แล้วตาลุงก็เริ่มกล่าวขึ้น

“สวัสดีนักศึกษาและผู้ปกครองทุกท่าน ผมอธิการบดีมหาวิทยาลัยจตุยักษาขอต้อนรับ” เมื่อตาลุงผู้นั้นเอ่ยขึ้น ทั้งหอประชุมถึงกับตกตะลึง ในลุคการแต่งตัวของท่านผู้นั้น

“ผมจะไม่พูดพร่ำทำเพลง จะขอแนะนำข้อมูลปฐมนิเทศเลยเสียแล้วกัน มหาวิทยาลัยนี้เป็นมหาวิทยาลัยที่มุ่งเน้นสร้างบุคลากรที่มีคุณภาพต่อสังคม และต่อส่วนรวม เพื่อต่อยอดแนะนำความสามารถต่าง ๆ ให้เป็นประโยชน์กับตัวอง ในปัจจุบันที่โลกของเราที่ขนาดใหญ่มากขึ้นจากอดีต ผืนดินเองก็เพิ่มขึ้นตาม ประเทศต่าง ๆ ผุดสร้างขึ้นใหม่เป็นประเทศใหม่ทรัพยากรมนุษย์ใหม่ ๆ ความก้าวหน้า ความเจริญเองก็เพิ่มขึ้นตามไปติด ๆ ส่วนขณะที่เราเป็นประเทศดั้งเดิม ที่เหลือเพียงไม่กี่ประเทศ ก็ต้องพยายามตามพวกประเทศใหม่ ๆ เหล่านั้นไปให้ทัน ไม่เช่นนั้นเราก็ไม่ต่างจากอสูรป่าเถื่อนในป่าดิบนั้นเอง...ขอโทษครับ ผมอาจกล่าวคล้ายการหาเสียงไปสักนิด แต่ผมจะสื่อว่า เรามหาลัยนี้จักตั้งใจ ผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพ พาประเทศเราให้เจริญมากขึ้นและพัฒนาฟื้นฟูให้มากขึ้น จุดนี้ผมยินดีอย่างยิ่งที่จะรับช่วงต่อดูแลบุตรหลานของท่าน ๆ อยู่ภายในมหาลัยนี้ ขอบคุณครับ และเรื่องสุดท้ายที่ผมจะกล่าวคือ นักศึกษาปีแรกทุกคนให้เข้าหอพักและเริ่มอยู่ในมหาลัยตั้งแต่วันนี้ครับ” พอเขากล่าวจบก็เดินลงไปจากเวทีทันทีและเดินหายไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้เหล่าผู้ปกครองงงงวย แต่ก็ได้ไม่นานเมื่อเริ่มมีพนักงานมหาลัยเดินมาเชิญทุกคนออกไปจากหอประชุมทั้งคัดแยกต้อนนักศึกษาให้เข้าประตูอีกทางโดยให้เวลาในการพูดคุยกับผู้ปกครองคนละสิบนาที และก็เป็นพร้าวนั้นเองที่เขามาดูแลสองแม่ลูก

“แม่ เพื่อนต้องไปแล้วนะ เดี๋ยวช่วงวันหยุดเพื่อนจะกลับบ้านไปหานะ อีกอย่างเพื่อนลืมเอาสมุดนั้นมา ผมขอแม่ช่วยให้เจ้าปีกนิลของแม่เอาส่งให้ทีนะครับ” เพื่อนรีบบอกลามารดาตนเนื่องจากเหลือเวลาอีกไม่มากนัก

“ได้ ๆ เดี๋ยวแม่จัดการให้นะลูก อย่าลืมติดต่อไปหาพี่พรายด้วยนะ อยู่มอเดียวกันก็ดูแลติดต่อกันด้วยนะลูก น้องพร้าวน้าฝากเพื่อนด้วยนะ ดูแลแทนแม่หน่อยนะถ้าดื้อก็ตีได้เลยนะลูก” ลลนากล่าวฝากฝัง พร้อมทั้งขำออกมาเล็กน้อย

“ได้ครับน้าลลนา เรื่องเสื้อผ้าเครื่องใช้เดี๋ยวทางมอเขาดูแลให้นะครับแต่เดี๋ยวของน้องเพื่อนผมจะดูแลให้ครับ ไม่ต้องห่วง” พร้าวก้มค้อมรับคำ พรางยิ้มด้วยความจริงใจ

“พร้าวจ้ะแม่ขอคุยกับเพื่อนสองคนสักแปปนะ” ลลนาเอ่ย พร้าวพยักหน้าแล้วเดินห่างออกไปยืนรอ

“เพื่อนลูก อย่าลืมนะว่าห้ามให้ใครรู้ตัวตนของเราเด็ดขาด เก็บให้มิด แม้แต่พร้าวก็ห้ามบอกเราไว้ใจใครไม่ได้ ถ้าฝั่งนั้นรู้เราคงโดนล่าจนตายแน่ ๆ อยู่เมืองเขาเราต้องตามเขา แต่ก็อย่าลืมฝึก อย่าลืมใช้ เรายังเป็นเรานะลูก สักวันโลกจะยอมรับเราเอง...” ลลนากล่าวย้ำบุตรของตน เพื่อนพยักหน้ารับ แล้วเข้าสวมกอดมารดาตนเพื่อกล่าวลา

“น้าไปก่อนนะจ้ะ แม่ไปก่อนนะลูก” ลลนาเอ่ยลาครั้งสุดท้ายแล้วยิ้มโบกมือน้อยให้ทั้งคู่ ทุกก้าวเดินของเธอช่างยากลำบากแม้เธอจะทำใจมาแล้วที่จะปล่อยให้ลูกน้อยออกจากอกไปเผชิญโลกแต่มันก็ยังทำใจยากอยู่ดี

 เมื่อเธอไปถึงยังจุดประตูที่มีพนักงานค่อยส่งผู้ปกครองไปยังประตูทางเข้าในเมืองด้วยพลังวิวัฒน์ประเภทเคลื่อนย้ายทำหน้าที่ มือเป็นระวิงคอยระบายผู้คนออกไป

เพื่อนและพร้าวยืนโบกมือลา ลลนาปอยๆ แต่พร้าวสังเกตได้ว่าเพื่อนหงอยลงอย่างเห็นได้ชัด

จู่ ๆ ช่วงที่เพื่อนกำลังเหมอใจลอยอยู่นั้นก็โดนพร้าวดึงตัวเข้ามาในอ้อมกอดอย่างนุ่มนวลพร้อมทั้งลูบหัวปลอบเบาๆ

“ไม่เป็นไรนะเพื่อน เดี๋ยวอยู่มอไปเรื่อย ๆ ก็ไม่เหงาเองนะ” เพื่อนที่ยังตกใจกับอ้อมกอดนี้อยู่ จึงไม่สามารถตอบอะไรกลับได้  จากนั้นพร้าวก็เดินจูงมือเพื่อนไปยังทางเข้ามอต่อไป…

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
6 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
8 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา