Your Blood เลือดของคุณ

-

เขียนโดย JustADreamYouSee

วันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2561 เวลา 18.56 น.

  3 chapter
  0 วิจารณ์
  4,220 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 มีนาคม พ.ศ. 2561 19.04 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) คืนนั้นน่ะ กับ ความทรงจำที่จำไม่ได้

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

    บทที่ 2

 

    ‘คืนนี้เจอกันนะครับ

   

    ผมนั่งคิดสิ่งที่ได้ยินจากร่างสูง อ่า ผมว่าเขาคงมีปัญหาเกี่ยวกับจิตล่ะมั้ง ผมขำกับความคิดตัวเองเล็กน้อย แต่พอรถสุดหรูเคลื่อนตัวผ่านรั้วขนาดใหญ่ อารมณ์ดีๆ ของผมก็เลือนหายไป ทันทีที่รถหยุด ประตูรถก็ถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว โดยฝีมือของหัวหน้าพ่อบ้านผม ตลอดทางมีสาวใช้ค้อมหัวให้ จนถึงห้องโถงใหญ่ อ่า ง่วงจัง รีบขึ้นห้องนอนดีกว่า

 

    “อย่า..กวน” ผมหันไปบอกหัวหน้าพ่อบ้านที่เดินตามหลังมา

 

    “ครับ คุณชาย” เขาค้อมหัวให้ แล้วบรรดาสาวใช้ก็หายไปอย่างรวดเร็ว

 

    ผมเดินเข้าห้องของตัวเอง ล้มตัวนอนบนเตียงคิงส์ไซส์เหมือนคนหมดแรง มันก็เหมือนคนหมดแรงจริงๆ นั้นแหละครับ ผมเหนื่อยแต่พูดไม่ได้ ผมไม่อยากเรียน ผมอยากไปในที่ต่างๆ อยากเที่ยวรอบโลก มันก็ดูเด็กๆดีใช่ไหมล่ะครับ แต่มันเป็นความฝันของคนที่ไม่เคยสัมผัสได้ถึงอิสรภาพอย่างผม อ่า ผมควรนอนสินะ ผมคลานขึ้นเตียง ก่อนจะหลับไปในที่สุด

 

  1.      oo.oo น.

   

    คุณเห็นเวลาด้านบนนั้นไหม บางคนอาจจะคิดว่ามันคือเวลาเริ่มวันใหม่ แต่มันไม่ใช่อย่างนั้นน่ะสิ มันคือเวลาล่าเหยื่อของปีศาจร้ายในคราบมนุษย์ต่างหาก บ้านหลังใหญ่ที่มีการรักษาความปลอดภัยแน่นหนา กลับกลายเป็นเหมือนสวนหลังบ้าน เมื่อปีศาจร้ายในคราบมนุษย์มาเยี่ยมเยียน

 

    หน้าต่างระเบียงที่เปิดอ้าไว้ทำให้มันส่ายหัวไปมาด้วยความระอา กับความประมาทของเจ้าของห้อง มันก้าวเท้าผ่านผ้าม่านผืนหนา ดวงตาพราวระยับมองร่างบนเตียงขนาดใหญ่ มันเคลื่อนกายเขาไปหาร่างนั้นแผ่วเบา ค่อยๆ คลานขึ้นเตียงไปหาอย่างเชื่องช้า ก้มลงสูดกลิ่นหอมจากเจ้าของเตียงตัวน้อย

 

    มันคิดย้อนไปเหตุการณ์เมื่อตอนกลางวัน ทำให้มันหัวเราะน้อยๆ ออกมา เด็กคนนี้ยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองโปรยเสน่ห์ไว้มากแค่ไหน มันคงต้องจัดการให้หมด มันไม่อยากให้ใครมองดูร่างตรงหน้าด้วยซ้ำ เด็กคนนี้ต้องเป็นของมัน

 

    ของมันคนเดียวเท่านั้น..

 

    มันคิดได้ดังนั้นก็เลียริมฝีปาก พยายามสะกดกั้นความรู้สึกภายในที่เริ่มล้นออกมา มันตัดสินใจล้มตัวลงนอนข้างร่างของเด็กน้อย ดึงร่างหอมกรุ่นเข้ามาสวมกอด สูดกลิ่นกายหอมอย่างหลงใหล เพื่อข่มความรู้สึกนั้น แต่มันกลับข่มไว้ไม่อยู่ ปากบางเฉียบซีดของมันอ้าออกช้าๆ เขี้ยวสีขาวแหลมคมต้องแสง โผล่จากปากมัน ทั้งๆที่ จมูกมันยังคงสูดดมกลิ่นหอมจากซอกคอขาว ดวงตาปีศาจของมันเป็นประกาย เมื่อมองผ่านช่องโหว่ของเสื้อแล้วเห็นว่า ร่างกายที่มันหลงใหลนั้น งดงามแค่ไหน ลิ้นสีสดค่อยๆแลบออกมาเลียซอกคอที่มันสูดดมเจ้าของซอกคอ เพียงครางอื้ออึงเล็กน้อย แล้วนิ่ง

 

    มันยิ่งได้ใจ ก่อนจะกดเขี้ยวคมลงที่ซอกคอขาวเบาๆ แล้วดูดดื่มเลือดหวานหอมอย่างกระหาย จนเกิดเสียงดังทั่วห้อง มันกอดร่างบางแน่นขึ้น มือลูบไล้ร่างนุ่มนิ่มอย่างหยามใจ เสียงหวานของร่างบางเริ่มอื้ออึง มันจึงผละออก เลียซ้ำบนรอยอย่างแสนเสียดาย ภาวนาในใจให้พรุ่งนี้ ร่างบางจำเรื่องราวของพวกเราได้ซะที

 

   

 

    6.00 น.

 

    ผมตื่นขึ้นมานั่งมองนาฬิกาอย่างมึนๆ รังเกียจตัวเองชะมัด น้ำก็ไม่อาบ แถมเล่นบาสด้วยนะนั้น ผมขยี้ตานิดหน่อย ค่อยๆ ลุกขึ้น เดินเตาะแตะเหมือนเด็กหัดเดิน ตาทั้งสองข้างก็แย่งกันจะปิด ง่วงจัง

 

    จะว่าไป ไม่เห็นรุ่นพี่คนนั้นมาหาเลย หรือว่าผมรีบนอนไปนะ อ่า นี้ผมกำลังหวังให้เขามาหาหรอไงกันเนี่ย ผมขมวดคิ้วไม่เข้าใจตัวเอง รู้สึกรุ่นพี่สุดหล่อคนนั้นกำลังก่อกวนความคิดผมสินะ จะว่าไป เขาเคยบอกว่า ผมกับเขารู้จักกันสินะ

 

    ผมพยายามนึกเรื่องของรุ่นพี่คนนั้น พอรู้ตัวอีกที ก็อาบน้ำแต่งตัวเสร็จซะแล้ว อ่า เขาเข้ามาก่อกวนผมจริงๆ นั้นแหละ ผมเดินลงมาจากห้อง ก่อนจะพบว่าโต๊ะอาหารที่มักเป็นของผม ตอนนี้มีผู้ชายวัยกลางคนหนึ่งนั่งอยู่

 

    “…” ไม่มีบทสนทนาใดๆ เกิดขึ้นระหว่างเราความเงียบและความอึดอัดเข้าปกคลุมไปทั้งโต๊ะ

 

    “นั้นรอยอะไร แมลงกัดหรอ” จู่ๆ เขาก็ถามขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ

 

    “…” ผมเพียงพยักหน้า แล้วความเงียบก็ปกคลุมโต๊ะอีกครั้ง

 

    อ่า รอยอะไรกันน่ะ ผมยกมือลูบต้นคอเล็กน้อย มันมีรูเล็กสองรูห่างกันพอสมควร สงสัยผมต้องหาอะไรมาปิดมัน ผมคิดแล้วบอกให้หัวหน้าพ่อบ้านไปหาโช้กเกอร์มาให้

 

    หลังจากจบการกินข้าวอันน่าอึดอัด ผมก็ขึ้นรถมาโรงเรียน ส่วนพ่อก็ไปที่บริษัท อ่า ผมลืมบอกไปสินะ ว่าเขาคือพ่อแท้ๆ ของผมน่ะ เขาชื่อ อเมริกา พ่อเคยบอกผมว่า ที่ปู่กับย่าตั้งชื่อนี้ให้พ่อ เพราะอเมริกาคือ มหาอำนาจของโลก ปู่กับย่าเชื่อว่า สักวันพ่อจะยิ่งใหญ่เหมือนชื่อ และมันก็เป็นจริง เมื่อพ่อคือผู้ส่งออกอัญมณี รายใหญ่ของโลก อ่า ถึงโรงเรียนแล้ว

 

    เมื่อผมเดินลงจากรถ เสียงกรี๊ดก็ดังลั่น จะว่าไป สาวๆ มากมาย มารวมตัวกันตอนไหนนะ ผมพยายามมองหาทางเดิน แต่มันไม่มีเลยนี่สิ

 

    “เจ้าชายขา!! กรี๊ด >/////<”

 

    “เจ้าชายหล่อมากเลยอ่ะแกร๊!!! ^O^”

 

    “น่ารักมากเลยอ่า!!>//////<”

 

    “ฉันเลิกแอนตี้แล้วนะ ถ้าเจ้าชายจะน่ารักขนาดนี้อ่ะ >O< อ๊าย!!”

 

    “เจ้าชายใสโช้กเกอร์แล้วเซ็กซี่มากเลย งื้อ!!”  

 

    หนวกหูจังแฮะ สาวๆ พวกนี้ไม่มีอะไรจะทำหรือไงนะ ถึงได้ มากรี๊ดกร๊าดบ้าผู้ชาย(คือผม) อย่างนี้กันนะ เสียงกรี๊ดคุณเธอก็ไม่ได้เบาเลยแม้แต่น้อย แต่ล่ะคนนกหวีดเรียกแม่ ทางออกก็ไม่มี

 

    อ่า ถ้าผมพูดพวกเธอคงไม่ได้ยินแน่ๆ ผมเลยยกนิ้วชี้จรดปากช้าๆ เป็นสัญญาณมือบอกให้พวกเธอเงียบ และได้ผลเกินคาด พวกเธอเงียบกริบ แต่กลับยกโทรศัพท์ถ่ายรูปกันไม่หยุด พร้อมกับพยายามปิดปากตัวเองกันแน่น ผมเลยใช้โอกาสนี้เดินออกมาจากกลุ่มสาวๆ พวกเธอพยายามจะตามมา

 

    “นี่! หยุดเดี๋ยวนี้นะ ขืนตามไปเจ้าชายอารมณ์ขึ้นมาทำไงล่ะ” เสียงแหลมๆ ที่เหมือนเสียงสวรรค์ของผมยามนี้ดังขึ้น พวกเธอเลยไม่ตามผมมา พร้อมกับบ่นคร่ำครวญกันเสียงดัง

 

    แต่เหมือนผมสบายใจไปหน่อย พอเปิดประตูห้องเรียนเข้ามา ก็เจอกับกลุ่มสาวๆอีกครั้ง อ่า พวกเธอเป็นเพื่อนร่วมห้องผมนี่เอง พวกเธอรุมถ่ายรูปผม บางคนก็ชวนคุยไม่หยุด จนผมเริ่มอารมณ์เสีย ทั้งหนวกหูทั้งปวดตา ผมขมวดคิ้ว พวกเธอชะงักแต่ก็ยังไม่หยุดกัน

 

    “พะ…”

 

    “แหม น้องครับๆ ทำแบบนี้เจ้าชายของพี่ก็พังหมดสิครับ”

 

    ผมที่กำลังอ้าปากพูดบอกให้พวกเธอพอ จำต้องหุบปาก เมื่อมือหนาของใครบางคนโผล่มากอดคอผมไว้จากข้างหลัง พร้อมกับเสียงนุ่มและยิ้มบางๆ ที่เอ่ยแทนผมออกไป จะว่าไป ประโยคมันดูทะแม่งๆ ชะมัด

 

    เสียงกรี๊ดดังขึ้นมาอีกระลอก ก่อนกลุ่มสาวๆ จะสลายตัวกันไป ผมเหลือบตามองคนที่เนียนกอดไหล่ผมไม่ยอมไป แต่เขาก็เพียงยิ้มบางกลับมาให้แล้วยกมือลูบต้นคอผมที่มีโช้กเกอร์อยู่ อ่า เหมือนในตาเขามีความไม่พอใจฉายขึ้นมาชั่ววินาทีด้วย แต่มันก็หายไปอย่างรวดเร็ว

 

    “…” ปล่อย

 

    “ไม่ปล่อยครับ”

 

    “…” จะเรียน

 

    “อีกตั้งนานนะครับ กว่าอาจารย์ห้องเมฆจะสอน” เขาบอกแล้วยื่นหน้ามาใกล้ๆ เหมือนผมจะได้ยินเสียงกรี๊ดเบาๆด้วยล่ะ

 

    ผมมองคนตรงหน้า แล้วปัดมือเขาออกอย่างแรง อ่า คิดถึงเมื่อวานที่เขาลูบหัวผมจัง เป็นไปได้ก็อยากให้เขาทำมันอีก ผมมองหน้าเขาอีกครั้ง ก่อนจะเอื้อมมือไปดึงมือหนาของเขามาวางบนหัวตัวเอง เขาสะดุ้งเล็กน้อย แต่ก็ยอมให้ผมดึงมือเขามา พอรู้ว่าผมหมายถึงอะไร เขาก็เบิกตากว้างๆ แล้วหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น

 

    “เดี๋ยวตอนเที่ยงพี่มารับนะครับ” เขาว่าหลังหัวเราะเสร็จ มือหนาลูบหัวผมเบาๆ อ่า ผมชอบมันชะมัด

 

    หลังจากนั้นไม่นานอาจารย์ก็เข้าสอน ตอนแรกอาจารย์(หญิง) ตกใจเล็กน้อยที่เห็นเขา แต่พอรู้ว่าเป็นนักเรียนใหม่คนดัง ก็ทำท่าดีอกดีใจ บอกว่าเป็นเกียรติมากที่ได้เจอ ผมก็ไม่เข้าใจที่อาจารย์พูดสักเท่าไหร่ ถ้าเขาดังขนาดนี้ แล้วทำไมผมถึงจำเขาไม่ได้นะ หน้าตาของเขาก็เป็นเอกลักษณ์ดีออก หล่อขนาดนี้

 

    ผมนั่งคิดเรื่องเขาไปด้วย เรียนไปด้วย รู้ตัวอีกที ก็หมดคาบสุดท้ายของคาบเช้าซะแล้ว  ผมรวบของเก็บเข้าใต้โต๊ะ ก่อนมือจะสัมผัสกับอะไรสักอย่างใต้โต๊ะ พอล้วงออกมาดู มันคือลูกอมมิ้นต์กับโพสต์อิสหน้ายิ้มเหมือนเมื่อวาน และผมก็ทำกับมันเหมือนเมื่อวานเหมือนกัน คือทิ้งกระดาษแล้วแกะลูกอมกิน มันทำให้ผม มีความสุขขึ้นอีกหน่อย

 

    ผมเริ่มรู้สึกเรียนไม่ค่อยเข้าหัวเลยแฮะวันนี้ อาจเป็นเพราะว่าผมนอนมากไป หรืออาจเป็นเพราะ..เอ่อ ..รุ่นพี่คนนั้นมั้ง จะว่าไปผมยังไม่รู้ชื่อพี่คนนั้นเลย จะทำยังดีนะ อ่า ผมว่าผมรู้แล้วล่ะ

 

    ผมเขียนกระดาษเล็กๆ แล้วเดินตรงไปหาสาวๆ กลุ่มหนึ่งที่นั่งมองผมตั้งแต่ต้นคาบแล้ว พวกเธอส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดเล็กน้อย ก่อนคนหนึ่งจะยื่นมือมารับกระดาษด้วยท่าทีเขินอายจัด ผมก็เดินกลับโต๊ะไป ไม่ถึงห้านาที กระดาษเอสี่แผ่นหนึ่งก็มาอยู่ตรงหน้า อ่า ผมทำอะไรน่ะหรอ ก็แค่เขียนถามพวกเธอไปว่า ‘เขาคือใคร’

   

    ไมโดนิก เอเฟนต์ (ไมโดนิก)

    อายุ 18 ปี ม.ปลาย ปี 3

    ผลการเรียน : ดีเยี่ยม A ทุกเทอม

    กีฬา : เกณฑ์ ดีเยี่ยมทุกชนิดกีฬา

    ดนตรี : เล่นได้ทุกชนิด ดีเยี่ยม

    สถานะ : โสด

    หน้าที่การงาน : รองประธาน KKY กรุ๊ป

   

    ผมไล่สายตาอ่านข้อความ 7 บรรทัด ที่อยู่ในกระดาษเอสี่ พวกคุณคิดเหมือนผมไหมว่า เดี๋ยวนี้คนเราชักจะใช้กระดาษเปลืองไปแล้วนะ ความจริงพวกเธอเอากระดาษเล็กมาให้ผมก็ได้ อ่า ผมควรโฟกัสกับข้อความในกระดาษมากกว่าใช่ไหม KKY กรุ๊ปงั้นหรอ มันเป็นบริษัทเกี่ยวกับงานและสถานบันเทิงต่างๆ อ่า ใช่แน่หรอ ที่บริษัทยักษ์ใหญ่จะรับเด็กสิบแปดเป็นประธาน

 

    จะว่าไป ตกลงเขาชื่อ ไมโดนิกสินะ ทำไมเหมือนไม่เคยได้ยินมาก่อนนะ ผมเคยติดต่อกับบริษัทนี่มาก่อน เพราะต้องสร้างสัมพันธ์ไมตรีให้มากที่สุด แต่ทำไมผมไม่รู้ล่ะ อ่า คิดไปชักปวดหัวแล้วแฮะ ผมยกมือคลำหัวเล็กน้อยแล้วภาพเหตุการณ์บางอย่างก็ผุดขึ้น

 

    ‘น้องเมฆครับ ตามพี่มาเร็ว!’

 

    ภาพแผ่นหลังของเด็กสิบขวบอยู่ตรงหน้าผม แต่มันก็เลือนรางเกินกว่าที่ผมจะบอกได้ว่าเป็นใคร เขาดึงมือผมพาไปที่ไหนสักที่ มันคุ้นเคยแปลกด้วย แต่ผมก็ไม่เห็นมัน

 

    ‘พี่มิค! สวยจังเลย น้องชอบที่สุด’

 

    ‘งั้นถ้าโตขึ้นเรา….กันนะ น้องเมฆสัญญากับพี่นะครับ’

 

    ‘อือ น้องสัญญาครับ!’

 

    อ่า ไอ้คำพูดที่หายไป มันคืออะไรนะ พวกคุณอย่าคิดลึกกันนะครับ ปวดหัวจัง ภาพเหตุการณ์นั้นก็ขาดๆ หายๆ สลับกับ ภาพตรงหน้าผม จนตาลายไปหมด หัวใจรู้สึกโหวงๆ แปลกๆ ผมลุกขึ้นจากโต๊ะเรียน พยายามทรงตัวออกจากห้องมือสองข้างก็กุมหัวไว้แน่น

 

    “ว้าย! เจ้าชายเป็นอะไรค่ะ!”

 

    “นี่ พวกผู้ชายน่ะ มาแบกเจ้าชายไปห้องพยาบาลที!”

 

    ปวดหัว หนวกหูชะมัด ทั้งเสียงตกใจ เสียงกรี๊ด เสียงพวกเขาตะโกนกันลั่น มันตีกันจนมั่วไปหมด ภาพข้างหน้าเริ่มมืดลงเรื่อยๆ อ่า ทำไมโลกมันเอียงอย่างนี้นะ

 

    “น้องเมฆ!!!

 

    นั้นเป็นเสียงสุดท้ายก่อนที่ทุกอย่างจะดับไป แล้วผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา