ยามเมื่อสายลมกรีดร้อง!

-

เขียนโดย GCodename

วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 20.29 น.

  16 บท
  5 วิจารณ์
  14.50K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 11 เมษายน พ.ศ. 2561 15.25 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

14) บทที่13 จุดจบของจุดเริ่มต้น

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บท13  จุดจบของจุดเริ่มต้น

 

 

 

 

              ไอ้โอ  เป็นดั่งมือขวาของไอ้ฉัตรที่ถ้าให้เรียกในภาษานักเลงมันคือ “ตัวเปิด” ที่แปลว่าคนที่เข้าไปหาตีนคนแรกอยู่เสมอ   ตัวมันนั้นมีบางอย่างที่คนเป็นลูกพี่อย่างไอ้ฉัตรเท่านั้นที่รู้คือมันเป็นคนที่มักจะเจอผีบ่อยมาก!  เรียกว่าเป็นคนที่มีสัมผัสวิเศษคนหนึ่งทีเดียว   เคยเจอแบบยืนโบกรถข้างทางหรือเงาดำตามวัดร้างก็เจอมาไม่รู้กี่ครั้ง   แต่คราวนี้ไอ้โอได้รู้ซึ้งถึงความน่ากลัวที่ตัวมันปฏิญานกับตัวเองไว้เด็ดขาดว่าจะไม่มีวันเหยียบย่ำเข้ามาในบ้านวังสาอีก

              “เฮ้ย  พวกมึงเหยียบให้เร็วกว่านี้หน่อยมันตามมาแล้ว”

              ไอ้โอที่นั่งประคองแม่ของสรอยู่ที่กระบะหลังอยู่นั้นตะโกนบอกพรางทุบกระจกอย่างเร่งรีบ   เนื่องจากสายตาของมันเห็นผีจำนวนหลายสิบตนกำลังลอยละลิ่วตามรถกระบะมาอย่างกระชั้นชิด!    ผีแต่ละตนที่ลอยเข้ามาใกล้มีทั้งหญิงและชายสภาพดูเละเทะไม่สมประกอบ   ตาโบ๋ทั้งสองข้างแขนขาขาดบ้างบางตนไส้ไหลทะลักออกมาเลือดเต็มตัวแต่สิ่งที่ไอ้โอต้องผวามากที่สุดคือผีทุกตนที่มันเห็นนั้นมีเขี้ยวยาวน่าสะพรึงอยู่เต็มปาก!!

              “มันมาแล้วโว๊ยยยยย!”

              ไอ้โอแหกปากลั่นมีผีปอบตนหนึ่งไล่จี้จนถึงตัวของนางวันที่มันประคองอยู่  ไอ้โอเผลอยกมือที่มีตะกรุดขึ้นกันไว้ผีปอบตนนั้นถึงกับกระเด็นถลาจนหลุดออกนอกรถกระบะไป   ไอ้โอมองดูตะกรุดในมือที่สัปเหร่อขามให้ไว้ก่อนเข้าหมู่บ้านด้วยสาตาที่ทึ่งและศรัทธาขณะที่ผีปอบตนอื่นๆก็เริ่มเกาะที่กระบะหลังได้หลายตน

              “ไอ้อึ่งโว๊ยอย่ารอช้า  มึงรีบยกตะกรุดที่อาจารย์ขามขึ้นมากันเร็ว!”

              ไอ้อึ่งเป็นอีกหนึ่งคนที่นั่งกระบะหลังรีบยกตะกรุดขึ้นมากันไว้ตามที่เพื่อนบอก  แม้ตัวมันจะไม่มีประสาทสัมผัสวิเศษเห็นผีได้แบบไอ้โอแต่มันก็มั่นใจว่าผีปอบได้โดนฤทธิ์ของตะกรุดเพราะเสียงกรีดร้องที่ยาวโหยหวนราวกับคนโดนไฟเผาอย่างไรอย่างนั้น

              “ดีมากไอ้อึ่ง  มึงคอยยกตะกรุดกันไว้ตลอดเวลาอย่าลดลงมาเด็ดขาดเข้าใจไหม?”

              ไอ้อึ่งมีสีหน้ามึนงงกับคำพูดของเพื่อนโดยไม่รู้เลยว่าในสายตาของไอ้โอตอนนี้มองเห็นผีปอบหลายสิบตนเกาะอยู่เต็มรถกระบะที่วิ่งอยู่!

              ที่สวนหลังบ้านลมพัดแรงกรรโชกกลิ่นเน่าเห็นคละคลุ้งไปทั่ว  สรที่แย่งปืนลูกกรดของลุงคำมาได้เดินมาอยู่ข้างๆชินกรที่ประของมารดาของตน   ชินกรเห็นสรก็ส่ายหน้า

              “ฉันอุตส่าห์บอกน้าหำให้ปล่อยแกแล้วให้แกหนีออกไปกับน้าวัน  ทำไมแกยังยืนอยู่ตรงนี้อีก?”

              “ฉันจะมาขอโทษแกว่าฉันไม่ได้ตั้งใจจะร่วมมือกับพวกไอ้ชม”

              “ฉันรู้  แกโดนพวกมันหลอกใช่ไหมล่ะ?”

              “แกรู้ได้ยังไง?”

              “ก็แกเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กไง  โดนพวกไอ้ชมหลอกอยู่เป็นประจำคราวนี้มันก็คงจะเอาเรื่องหวานมาหลอกแกน่ะสิ”

              สรรู้สึกทึ่งที่ชินกรรู้แม้กระทั่งเหตุผลที่เขาโดนพวกไอ้ชมกล่อมด้วยซ้ำ  ย้อนกลับไปหนึ่งวันก่อนที่ชินกรจะกลับมาเขาได้เอาเรื่องนี้ไปบอกกับไอ้ชมซึ่งทั้งคู่ล้วนแต่เป็นผู้แพ้ในสังเวียนรักกับหวาน   หนำซ้ำยังต้องเผชิญกับความสูญเสียในคืนที่ปอบลงหมู่บ้านเช่นกัน   โดยไอ้ชมย้ำกับสรว่าเมื่อมีโอกาสให้มาบอกกับมันโดยที่มันจะแค่สั่งสอนชินกรเท่านั้น   ซึ่งสรมารู้ทีหลังจากเหตุการณ์บนเขาว่าไอ้ชมต้องการจะฆ่าชินกรจริงๆ   

              “ฉันขอโทษแกจริงๆว่ะเพื่อน”

              “ถ้าแกจะขอโทษฉันก็รับไว้  แต่ตอนนี้แกกับคนอื่นๆถอยไปให้เร็วที่สุดเพราะแกไม่รู้หรอกว่ากำลังเจอกับอะไร?”

              “รู้สิ  ฉันได้ยินแกเล่ามาให้ฟังหมดแล้ว  ว่ามันนี่เองที่เป็นคนฆ่าหวาน!  ฉันจะช่วยแกฆ่ามัน”

              ชินกรมองสรอย่างซาบซึ้งใจ  ในความทรงจำที่เขาได้คืนมาสรคือเพื่อนแท้ที่อดทนกับตัวเขามากที่สุด  หลายครั้งหลายหนที่ตัวเขานิสัยไม่ดียังไงแต่สรก็เป็นเพื่อนคนเดียวที่ไม่เคยเก็บเรื่องแย่ๆของตัวเขามาใส่ใจ   ชินกรตบไหล่พร้อมกับยิ้มให้

              ควันสีดำเริ่มก่อเป็นรูปร่างที่คุ้นเคยในสายตาของชินกรแต่กับคนอื่นนั่นคือภาพชวนสยองขวัญที่สุดที่เคยพบเจอแม้แต่สัปเหร่อขามที่พบเจอผีตายโหงมานักต่อนักยังรู้สึกขนหัวลุก     ร่างสูงชะรูดผอมแขนขาเรียวยาวพร้อมกับมือที่ใหญ่โต  นิ้วมือแต่ละนิ้วผอมเหมือนโครงกระดูกที่มีเล็กแหลมที่ปลายนิ้วขณะที่ศีรษะเป็นรูปวงรีท่ามกลางผมที่แห้งยาวกระเซอะกระเซิงดูน่าเกลียดน่ากลัว   ตาสีแดงก่ำราวกับหลุดออกมาจากขุมนรกรับกับฟันแหลมเล็กทั่วทั้งปากพร้อมกันนั้นลิ้นสีดำยาวไหลออกมาจากปากขยับไปมาราวกับงูเลื้อยก็ไม่ปาน!!         ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นต่างขาแข็งอยู่กับที่โดยไอ้ฉัตรถึงกับฉี่ราดออกมารดกางเกงยีนต์ที่สวมใส่

              “ไอ้หนุ่มนี่เอ็งอยู่กับไอ้ปอบนรกตัวนี้มาตั้งแต่เด็กจริงเหรอ?”

              สัปเหร่อขามถามขึ้นขณะที่ตัวเขาจ้องมองดูปอบเจ้าตัวเป็นๆ

              “ทีนี้รู้หรือยังล่ะสัปเหร่อขามว่าทำไมผมถึงได้เกลียดหมู่บ้านนี้  แล้วอยากออกไปจากที่นี่เหลือเกิน”

              “เป็นฉันก็ไม่อยู่หรอกพี่ชาย   ฉันคงโครตของโครตของโครตเกลียดหมู่บ้านนี้จนแทบอยากจะเผาทิ้งเลยถ้าต้องอยู่กับไอ้ตัวแบบนี้ทุกวัน”

              ไอ้ฉัตรพูดแทรกขึ้นมาบ้างขณะกลิ่นฉี่ของมันหึ่งไปทั่วบริเวณ   ซึ่งเหมือนปอบเจ้านั้นจะเข้าใจสิ่งที่สองศิษย์อาจารย์พูดถึงมันสังเกตุได้จากดวงตาที่แดงก่ำจ้องมองทั้งสองคนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

              “ตอนนี้ข้าพอจะมองออกแล้วว่าเอ็งซ้อนแผนของซ้อนแผนได้ดีขนาดไหน  เอ็งหลอกทั้งข้ากับอีปอบนรกนี่ได้แยบยลมาก  ความจำเอ็งมันฟื้นมาตอนไหนวะ?”

              “เมื่อคืน  ตอนที่เจอกับมันตนนี้จังๆนั่นแหละ  ผมเกิดอาการช็อคจนสลบฟื้นขึ้นมาก็จำทุกอย่างได้  หนำซ้ำยังรู้ด้วยว่ามันรู้ตัวเรื่องที่เราวางแผนกันมาแล้วเลยต้องแก้สถานการณ์อย่างที่เห็น”

                 แผล่บ!     แผล่บ!     แผล่บ!

              เสียงเลียปากที่ปลุกทุกรูขุมขนในร่างกายให้ลุกชัน  ลุงคำที่ตัวสั่นเทาตั้งแต่ต้นสลัดตัวเองจนหลุดจากการคุมตัวของไอ้ฉัตรทันใดนั้นเองขณะที่ทุกคนไม่ทันได้ตั้งตัว   เหมือนแรงดึงดูดกระชากตัวลุงคำเข้าไปหาปอบเจ้าตนนั้น   เมื่อชินกรกับสรแหงนหน้าไปมองพบว่าลิ้นที่ยาวสีดำที่ยืดออกไปรัดคอลุงคำผู้โชคร้ายนั่นเอง!

              “ช่วยด้วยๆ  ช่วยลุงด้วยกร อ๊ากกกก”

              นั่นคือเสียงสุดท้ายก่อนที่ปอบเจ้าตรงหน้าจะใช้มือที่เหมือนอสุรกายกะซวกเข้าไปที่ท้องพร้อมกับลากเครื่องในของลุงคำออกมากินอย่างตระกะตระกราม

              “ทุกคนหนีไปไม่อย่างนั้นตายกันหมดตรงนี้แน่!”

              ชินกรตะโกนลั่นไปทั่วสวนทำให้ทุกคนที่ต่างตะลึงในความน่ากลัวตรงหน้าต่างได้สติวิ่งออกจากที่ตรงนั้นไป  สรช่วยชินกรประคองนางภาอย่างรีบเร่งเพื่อออกไปจากที่สวนหลังบ้านให้เร็วที่สุด

              “ไอ้สรแกพาแม่ฉันออกไปจากที่นี่  ปล่อยฉันไว้ตรงนี้ฉันจะจัคการกับมันเอง”

              “แกจะบ้าเหรอวะไอ้กร?  ไม่เห็นที่มันทำกับลุงคำหรือไงแกจะตายนะเว้ย”

              “ไม่ต้องห่วงหรอก  ฉันรู้จักมันดีมันไม่ฆ่าฉันเด็ดขาด  แต่กับคนอื่นโดยเฉพาะแกมันฆ่าแน่!  ฉะนั้นแกรีบพาแม่ฉันออกไปจากที่นี่เดี๋ยวนี้   ไม่นานฉันจะตามออกไป”

              สรมองชินกรอย่างลังเลใจแต่สุดท้ายเขาก็เลือกที่จะฟังชินกรโดยพานางภาที่ยังคงหมดสติออกมาจากสวนตามคนอื่น   ชินกรมองดูสรและคนอื่นๆไปจากสวนหลังบ้านจนลับสายตาจึงกับมามองที่ปอบเจ้าที่กำลังกินเครื่องในลุงคำทว่าดวงตาของมันกลับมองมาที่ชินกรด้วยแววตาที่เศร้าแลเว้าวอนมาที่ตัวเขา

 

 

              สรกึ่งเดินกึ่งวิ่งประคองพานางภาออกมาจากภายในบริเวณบ้านซึ่งสัปเหร่อขามและไอ้ฉัตรต่างยืนรออยู่   เมื่อเห็นสรออกมากับนางภาสัปเหร่อขามจึงถามด้วยความร้อนใจ

              “อ้าว  ไอ้หนุ่มชินกรล่ะมันหายไปไหน?”

              “เจ้ากรบอกว่ามันจะจัคการกับไอ้ปอบนรกตัวนั้นเอง  แล้วก็ให้ฉันพาน้าภาออกมา”

              “ปั๊ดโธ่  คิดยังไงที่จะไปจัคการไอ้ตัวแบบนั้น” สัปเหร่อขามพูดพรางส่ายหน้า “ข้าเคยคิดว่าข้าน่าจะปราบไอ้ปอบเจ้าตัวต้นเหตุได้  แต่พอมาเจอมันจริงๆถึงย่ามพระข้าจะไม่ถูกเผาข้าก็ยังไม่มีความมั่นใจที่จะชนะไอ้ตัวพรรค์นั้นเลยเอ็งรู้ไหม?”

              “เห็นเจ้ากรบอกว่ามั่นใจว่ายังไงไอ้ปอบตัวนั้นมันไม่ฆ่าเจ้ากรเด็ดขาด  ตอนนี้ชะตาชีวิตของพวกเราทุกคนรวมไปถึงคนในหมู่บ้านคงต้องอยู่ในมือของเจ้ากรคนเดียวแล้ว”

              สรบอกกับสัปเหร่อขามและไอ้ฉัตรที่พากันมองเข้าไปข้างในบ้านนางภาอย่างเป็นห่วงผู้ที่ถูกพูดถึง   ท่ามกลางเมฆครึ้มหม่นย้อมหมู่บ้านบ้านวังสาให้ตกอยู่ภายใต้เงาดำทมิฬ

 

 

              “ถ้ากินอิ่มแล้วฉันรู้ว่าแกมีเรื่องจะคุยกับฉันอยู่สินะ  ฉันรอฟังอยู่”

              ชินกรพูดกับปอบเจ้าโดยไม่มีท่าทางเกรงกลัวแม้แต่น้อย   ตั้งแต่เล็กจนโตเขาต้องทนอยู่กับอสุรกายตนนี้ตลอดเวลาจนไม่รู้สึกว่าตัวมันน่ากลัวอีกแล้ว   จะมีแค่เพียงความเกลียดแค่อย่างเดียวเท่านั้นที่คนอย่างเขาจะมอบให้กับมัน   ปอบเจ้าตัวนั้นโยนศพที่เละของลุงคำไปให้ดงว่านผีปอบไอ้พวกวัชพืชอาถรรพ์เหล่านั้นต่างพากันส่ายเอนอย่างดีใจที่ได้สัมผัสกับเลือดและศพของลุงคำ   ปอบเจ้าค่อยๆก้าวเข้ามาหาชินกรก่อนที่ตัวมันจะนั่งลงด้านหน้าชายหนุ่มโดยชินกรต้องทนกับกลิ่นเน่าเหม็นคละคลุ้งจากปอบนรกที่ตลบอบอวล

              “ฉันรู้ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แกมาคุยกับฉัน  กลายร่างที่แกใช้หลอกฉันตั้งแต่กลับที่หมู่บ้านนี้ตลอดมาเดี๋ยวนี้”

              ชินกรสั่งด้วยเสียงกร้าวกับปอบเจ้าที่นั่งมองเขาอย่างว่าง่าย   มันมีท่าทางลังเลชั่วอึดใจก็ค่อยๆกลายร่างลดขนาดลงมา   จากสภาพของปอบนรกที่น่าเกลียดน่าสยองพองเกล้ากับผู้พบเห็นกลับกลายสภาพเป็นเด็กสาวที่ดูคุ้นเคยที่ในหลายวันมานี้ช่วยเหลือเขาได้ตลอดเวลาที่มีอันตราย  นั่นคือหวานนั่นเอง!   

              ชินกรมองด้วยสายตาที่เย็นเฉียบจนน่ากลัวในขณะที่หวานที่อยู่ตรงหน้านั้นทำท่าทางจะร้องไห้

              “เธอรู้ได้ยังไงว่านี่คือฉัน?  ฉันปลอมตัวไม่เหมือนเหรอ?”

              “เหมือนสิ  เหมือนมากเกินไปด้วยซ้ำถึงได้หลอกผู้ชายโง่ๆที่ความจำเสื่อมคนหนึ่งได้”

             “ฉันไม่อยากให้เธอโกรธหรือเกลียดฉัน  ฉันเลยเลือกแปลงเป็นคนที่เธอ......รักมากที่สุด”

              เป็นคำตอบที่ชินกรต้องอดกลั้นอย่างมากต่อสิ่งที่น่ารังเกียจที่สุดในโลกสำหรับเขาตรงหน้า

              “แกกล้ามากที่ฆ่าหวานกับลูกของฉัน  แล้วยังกล้ามาปลอมเป็นเธอฉันไม่รู้จริงๆว่าจะเกลียดแกได้มากกว่านี้ไปได้ยังไง?”

              เป็นคำตอบที่ทำให้ปอบเจ้าในร่างหวานถึงกับร้องไห้โฮตรงหน้า   ชินกรมองดูอย่างไม่สนใจในแววตามีแต่ความรังเกียจชิงชัง   ทันใดนั้นเองจู่ๆมันก็หยุดร้องพร้อมกับแสยะยิ้มด้วยปากที่กว้างและเขียวแหลมเล็กเต็มปาก

              “เกลียดฉันเข้าไป  เธอก็รู้ดีว่าเธอเกลียดฉันแค่ไหน? เธอก็ไม่มีวันหนีจากฉันไปได้”

              “เฮอะ  ก็เคยหนีไปแล้วรอบหนึ่งไง  ถ้าความจำแกสั้นฉันจะหนีไปอีกรอบก็ได้นะ”

              “ไม่มีทางชินกร  ฉันไม่มีทางปล่อยเธอไปอีกแล้ว!!!”

              ดั่งเสียงของสัตว์นรกอเวจีที่หลุดออกมาที่ทรงพลังแลน่าสะพรึงในน้ำเสียงที่เปล่งใส่ชินกร   ตัวบ้านไม้ถึงกับสั่นน้อยๆเพราะแรงของคลื่นเสียงแม้แต่ชินกรยังรู้สึกสะท้านไปกับเสียงนั่น

              “แกจะมาบังคับอะไรคนอย่างฉันได้  จะฆ่าฉันหรือไง?  เอาสิ   ฉันยอมตายดีกว่าอยู่กับปอบนรกอย่างแก”

              “ถ้าเธอหนีไปจากฉันฉันรับรองว่าคราวนี้ฉันจะฆ่าแม่ของเธอ   จะฆ่าไอ้สรเพื่อนของเธอกับแม่ของมัน   จะฆ่าทุกๆคนในหมู่บ้านนี้และจะตามเธอไปทุกที่   ฆ่าทุกๆคนที่เธอรู้จักให้เธอไม่มีความสุขตลอดไป!!!”

              คราวนี้เสียงนั้นดังก้องไปทั้งหมู่บ้านราวกับเสียงตามสายไว้ประกาศเรื่องฉุกเฉิน   ไม่เพียงแค่สร,สัปเหร่อขามและไอ้ฉัตรที่ได้ยินยังรวมไปถึงชาวบ้านทุกคนในบ้านวังสาก็ได้ยินประโยคนี้พร้อมกันทุกคน   นางภาค่อยๆมีสติฟื้นขึ้นมาก็ทันได้ยินประโยคที่ข่มขู่ลูกชายเธอเช่นกัน   โดยพยายามจะวิ่งไปหาชินกรแต่สรก็ใช้แรงรั้งไว้

              ด้านคนที่ถูกหมายหัวแลอยู่ตรงหน้าของสิ่งที่เป็นผีสายยักษ์มีสีหน้าเคร่งเครียดพร้อมกับขบฟันแน่นอย่างเจ็บใจที่คราวนี้ปอบรกตรงหน้ามันถือไพ่เหนือกว่าเขาจริงๆ   ซึ่งมันก็เหมือนจะดูออกเช่นนั้นมันในร่างหวานก็ผลุบดวงตาสีเลือดแดงก่ำแล้วยิ้มเยาะจนฟันแหลมเล็กทั่วปากยื่นเด่นมาอย่างน่ากลัว

              “ตรงข้ามถ้าเธอยอมให้ฉันเข้าไปอยู่ในร่างเธอเหมือนเดิม   ฉันสัญญาว่าจะไว้ชีวิตทุกคนเธอจะใช้ชีวิตได้ตามสบายโดยมีฉันอยู่ข้างๆเธอ”

              “หึๆ   ท่าทางคราวนี้ฉันจะแพ้แกจริงๆว่ะอีปอบนรก   เอาสิถ้าอยากได้ร่างกายฉันมากแกก็มาเข้าเลยขออย่างเดียวอย่าคิดเตะต้องแม่ฉันกับคนอื่นๆอีก   รับปากฉัน!”

              “ฉันรับปากเธอ!”

              ปอบเจ้าในร่างหวานยิ้มด้วยฟันแหลมเล็กอย่างดีใจพร้อมกับก้าวเดินตรงเข้ามาหาชินกร   ชินกรหลับตาอย่างยินยอมก่อนที่ปอบเจ้าจะค่อยๆโน้มจูบไปที่ริมฝีปากของชายหนุ่มอย่างดูดดื่ม   ชินกรแทบสำรักในความเน่าเหม็นที่ประดังเข้ามาในลมหายใจ   พริบตานั้นเขาก็รู้สึกถึงควันที่เน่าเหม็นราวกับซากสัตว์ตายเป็นฝูงเข้ามาในปากผ่านเข้าไปในลำคอจนไปสู่ร่างกายด้านใน   ชินกรรู้สึกเหมือนในร่างกายมีตัวของอีกผู้หนึ่งแทรกแซงอยู่ภายในโดยเขาสัมผัสได้ว่ามันดีใจขนาดไหนที่ได้กลับมาอยู่ในร่างของชายที่มันรักหมดใจ!

              “ในที่สุดเราก็ได้อยู่ด้วยกันตลอดกาล”

 

 

              นางภาดิ้นรนออกจากการรั้งไว้ของสร   เริ่มที่จะดิ้นรนหนักขึ้นจนสรต้องขอให้ไอ้ฉัตรช่วยอีกแรงแต่แล้วนางภาก็หลุดจากการรั้งของสรพร้อมกับวิ่งเข้าไปในบ้าน   สร,สัปเหร่อขามและไอ้ฉัตรจึงวิ่งตามโดยนางภารีบตรงไปที่สวนหลังบ้านก็เจอชินกรยืนนิ่งอยู่จึงโผเข้ากอดด้วยความเป็นห่วง   สัปเหร่อขามมองไปรอบๆไม่เห็นปอบเจ้าอีกแล้วแต่สายตาก็สะดุดที่ศพลุงคำที่ตายอย่างอนาถท่ามกลางดงว่านผีปอบ   แกมองดูอย่างสังเวชใจขณะที่ไอ้ฉัตรมีอาการจะอาเจียนอยู่ใกล้ๆ

              “ไอ้ฉัตรเว้ย   เอ็งมีไฟแช็คไหมวะ?”

              ไอ้ฉัตรรีบหยิบไฟแช็คมาจากกระเป๋ากางเกงส่งให้กับอาจารย์ขามของมันทันที   แกรับไฟแช็คมาแล้วเดินไปหยิบขวดน้ำมันไฟแช็คที่ตกอยู่ที่พื้นสวนหลังบ้าน   ก่อนจะเดินไปที่ดงว่านผีปอบแล้วจัคการเทน้ำมันไฟแช็คที่เหลือภายในขวดลงบนว่านผีปอบเหล่านั้น

              “จบสิ้นกันเสียทีเจ้าว่านอัปรีย์   หวังว่าชีวิตนี้ข้าจะไม่ได้เห็นพวกเอ็งอีกนะ”

              พูดจบ   สัปเหร่อขามก็จุดไฟตรงบริเวณที่แกราดน้ำมันไฟแช็คไว้กองไฟลุกพรึบขึ้นทันที   มันลามไปทั่วบริเวณนั้นตามที่น้ำมันไฟแช็คจะราดไปถึงลามไปยังศพของลุงคำด้วย   สัปเหร่อขามได้ยินเสียงกรีดร้องเบาๆขณะที่ว่านผีปอบต่างส่ายไปมาอย่างดิ้นรนหนีตายจากเปลวเพลิง   ไม่นานจากนั้นดงว่านผีปอบสวนหลังบ้านก็จบสิ้นด้วยอำนาจแห่งไฟที่แผดเผาจนเพียงซากสีดำเท่านั้น!

 

 

              ไอ้โอที่กำลังเผชิญวิกฤตหนักกับไอ้อึ่งเพื่อนสนิทที่บัดนี้ผีปอบที่ลอยตามมานับสิบตัวขึ้นมาอยู่บนกระบะหลังเต็มไปหมด   อีกสองคนที่นั่งด้านหน้าแม้จะไม่ได้เห็นตัวก็สัมผัสได้กับแรงอืดของรถกระบะที่ขับอยู่ราวกับบรรทุกคนมาร่วมร้อยเสียอย่างนั้น   แม้ตะกรุดของสัปเหร่อขามจะได้ผลแต่กับผีปอบหลายสิบที่ใช้มือตะกายเข้ามาหมายจะกินคนบนรถให้ได้ก็สร้างความยากลำบากเนื่องจากมือที่น่าเกลียดน่ากลัวมาจากทั่วสารทิศจนไม่รู้จะกันอย่างไร?   ในช่วงเวลาที่ทั้งหมดคิดว่าถึงวาระสุดท้ายนั่นเอง   จู่ๆผีปอบเหล่านั้นก็สลายหายไปพร้อมกับเสียงกรีดร้องเนื่องจากไฟได้เผาทำลายว่านผีปอบอันเป็นที่สิงสถิตของพวกมันจนมลายสิ้น!   

 

 

              ระหว่างที่สัปเหร่อขามกำลังมองดูเปลวไฟที่ลุกโชติช่วงแกได้ยินเสียงร้องเรียกของนางภาที่ดูจะขาดใจอยู่ด้านหลัง

              “กรลูกเป็นอะไร?   ทำไมถึงไม่พูดไม่จาอะไรเลย?”

              ชินกรยังคงยืนนิ่งอยู่อย่างนั้น   ไม่มีใครรู้เลยว่าขณะนี้ภายในจิตใจชินกรกำลังพยายามต่อสู้กับปอบเจ้าที่สิงสู่พยายามจะควบคุมร่างกายของเขา   สัปเหร่อขามเดินเข้ามาดูอาการแลรู้ได้จากอาการทันทีว่าชินกรเป็นอะไร

              “ไอ้หนุ่ม   นี่เอ็งยอมให้อีปอบนรกตัวนั้นเข้าไปในร่างเอ็งอย่างนั้นเหรอวะ?”

              นางภาได้ยินเช่นนั้นเธอมีอาการแทบขาดใจขณะที่สรกับไอ้ฉัตรต่างมองดูชินกรด้วยแววตาที่เป็นตกใจระคนเป็นห่วง

              “.....ผมบอกสัปเหร่อขามแล้วไง   ว่าทุกอย่างจะต้องจบลงภายในวันนี้   นี่เป็นโอกาสอันดีที่จะทำให้มั่นใจว่ามันหนีไปไหนไม่ได้แน่ๆ”

              ชินกรพยายามที่จะฝืนพูดก่อนที่ชั่วอึดใจเขาจะล้วงเอามีดหมอของสัปเหร่อขามที่แอบซ่อนเอาไว้ออกมา   ทุกคนที่ยืนรายล้อมต่างอุทานและรู้ได้ทันทีว่าชินกรนั้นกำลังจะทำสิ่งใด!

              “กร  อย่านะลูก  อย่าทำแบบนี้แม่ขอร้อง!”

              “......แม่ครับ   แม่ทำเพื่อผมมามากแล้ว   มากเกินไปด้วยซ้ำที่ยอมให้อีผีปอบนี่สิงสู่ร่าง   ยอมโกหกชาวบ้านเพื่อให้เกลียดแม่แทนที่จะเป็นผม  วันนี้จะเป็นวันที่ผมรู้สึกอิสระจากความรู้สึกผิดบาปที่อยู่ในใจมาหลายปีกับเป็นอิสระจากปอบนรกตัวนี้เสียที!”

              ชินกรรู้สึกได้ว่าปอบเจ้าที่แฝงร่างอยู่นั้นเริ่มที่จะรู้ตัวว่าได้เสียทีเขาแล้ว   มันพยายามจะดิ้นรนออกมาจากร่างของชายหนุ่ม   ชินกรยิ้มร่าที่ได้รู้ว่าแม้แต่สัตว์นรกอย่างมันก็กลัวตายเป็นเหมือนกัน!!   ทันใดนั้นชินกรก็จัคการเอามีดหมอแทงลงไปที่หน้าอกของเขา   ที่ที่ตัวเขารู้ดีว่ามันอยู่ที่นั่นเสียงกรีดเนื้อเถือหนังทิ่มแทงเข้าไปที่ตัวมันซึ่งมีแต่ชินกรเท่านั้นที่ได้ยินเสียงกรีดร้องที่ดังโหยหวนของปอบเจ้าได้ปากออกมาจากภายในร่างกายของชินกร   ชายหนุ่มทรุดตัวลงกับพื้นสรจะเข้าไปประคองแต่ชินกรยกมือห้าม

              “อย่าเข้ามา  อีปอบในร่างฉันมันยังไม่ตายถ้าขืนใครเข้ามาใกล้ตอนนี้มันได้ย้ายร่างฉันไปร่างคนอื่นแน่ๆ  แล้วสิ่งที่ฉันทำมันจะเสียเปล่า!”

              ไม่เพียงแต่บอกสรแต่ชินกรก็หันไปบอกกับนางภาด้วยเช่นกันที่พยายามจะเข้าหาใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา   ชินกรจับที่ด้ามมีดหมอแล้วออกแรงกดมีดหมอเข้าไปในร่างกายตนจนมิดด้าม!

              “อ๊ากกกกกก”

              เสียงชินกรกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดในขณะที่เสียงปอบเจ้าก็โหยหวนอย่างทุกข์ทรมานแทบขาดใจ   ชินกรหัวเราะที่ได้รู้ว่าวาระสุดท้ายของมันได้มาถึงแล้วรวมไปถึงวาระสุดท้ายของตัวเขาเองเช่นกัน!   สิ่งที่ทุกคนที่อยู่ในสวนหลังบ้านเห็นคือควันสีดำที่ลอยออกมาจากปากของชินกรแต่คราวนี้มันกลับเบาบางเป็นเพียงควันจางๆเท่านั้น   สัปเหร่อขามมองเห็นเงาของยมทูตปรากฏขึ้นที่ใกล้ๆพร้อมกับร่างของปอบนรกที่หาได้เกรงขามเหมือนอย่างที่เห็น  กลับกลายเป็นหญิงซูบผอมอัปลักษณ์สิ้นดีกำลังถูกลากไปในนรกเพื่อชดใช้กับเวรกรรมที่มันทำมานานแสนนาน!

              “ทุกอย่างมันจบแล้วล่ะ  ไอ้หนุ่มแกทำสำเร็จแล้วนะ”

              สัปเหร่อขามพูดกับชินกรเบาๆพร้อมกับมีน้ำตาคลอในเวลานี้เขารู้ได้จากแววตาที่ว่างเปล่าว่าชินกรได้เสียชีวิตลงไปแล้ว   นางภาวิ่งเข้าไปโผกอดลูกชายร้องไห้โหยหวนแทบคลั่งขณะที่สรกับไอ้ฉัตรก็น้ำตาไหลกับเหตุการณ์ที่เศร้าสะเทือนใจตรงหน้ากับการเสียสละตัวเองของคนที่ตลอดชีวิตเป็นเพียงคนเห็นแก่ตัวคนหนึ่งเท่านั้น

 

 

              งานศพของชินกรจัดขึ้นอย่างเรียบง่ายที่วัดบ้านนาดุม  แม้จะมีคนมางานบางตาแต่ก็เป็นคนคุ้นเคยทั้งสรกับนางวัน  น้าหำ  ไอ้ฉัตรกับลูกสมุนรวมถึงชาวบ้านไม่กี่คนที่ได้รับรู้การเสียสละของชินกรในครั้งนี้   หลังจากที่ปอบเจ้าได้ตายไปพร้อมกับชินกรและสัปเหร่อขามก็เผาดงว่านผีปอบที่เหลืออยู่ชาวบ้านบ้านวังสาก็หายจากอาการโดนปอบเข้าสิงหมดทุกคน   หลายคนต้องการเอาผิดกับนางภาและสาปแช่งดวงวิญญาณของชินกรขณะที่หลายคนก็อโหสิกรรมให้   ในงานศพนี้นางภาร้องไห้ตลอดสวดอภิธรรมศพสามวันจนถึงวันเผาซึ่งสัปเหร่อขามก็รับหน้าที่เป็นคนจัคการเผาศพชินกรด้วยตัวของเขาเอง   ระหว่างประกอบพิธีอยู่นั้นสัปเหร่อขามก็ได้พูดคุยกับสรที่ในเวลานี้หน้าตาของเขาดีขึ้นมาดูมีราศีแตกต่างกับตอนที่โดนปอบเข้าสิงร่าง   โดยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่สรสารภาพกับสัปเหร่อขามโดยเล่าเรื่องบางอย่างที่น่าสนใจให้สัปเหร่อขามฟัง

              “สัปเหร่อขามรู้ไหม?  ว่าตอนที่ผมโดนปอบเข้าสิงมันก็ไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกนะ  อย่างน้อยมันก็ทำให้ผมได้เห็นวิญญาณของหวาน”

              “วิญญาณของหวาน  คนรักของไอ้หนุ่มนั่นน่ะเหรอ?”

              “ใช่ครับ   ผมได้พบวิญญาณของหวานที่โรงเรียนร้างที่เธอ....ถูกฆ่าตายแขวนศพไว้ที่นั่นแหละ   หวานก็ยังเป็นหวานเธอคิดถึงแต่เจ้ากร   อยากเจอแต่เจ้ากรเมื่อเจ้ากรได้กลับมาผมถึงได้พาเจ้ากรพาไปให้หวานเจอที่โรงเรียนร้าง   ผมเห็นหวานมีท่าทีดีใจใหญ่แค่นี้ผมก็ดีใจแล้วกับเธอ”

              “ไม่รู้ว่าไอ้หนุ่มชินกรมันจะได้เจอกับดวงวิญญาณนังหนูหวานหรือเปล่าน่ะสิ  มี ก.ข.ค  เป็นปอบเจ้าอย่างนั้น”

              “นี่แหละครับที่ผมจะบอกกับสัปเหร่อขาม   เมื่อคืนนี้ไม่รู้อะไรดลใจให้ผมขับรถกระบะไปที่โรงเรียนประถมเก่า   ผมไปตอนสองทุ่มไปยืนมองต้นไทรที่หวานถูกผูกคอตาย   ผมยืนอยู่แบบนั้นอยู่ร่วมชั่วโมงก็ไม่เห็นอะไรนอกจากความมืดผมจึงหันหลังจะกลับแต่ก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อผมเบาๆ   เมื่อผมหันไปก็เห็นเจ้ากรยืนจับมืออยู่กับหวานที่บนอาคารไม้ของโรงเรียน   ผมเห็นเจ้ากรกับหวานยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะหายไปต่อหน้า”

              เกิดความเงียบไปชั่วขณะกับเรื่องเล่าของสร   สัปเหร่อขามมองไปยังกองฟอนที่ลุกไหม้ศพของชินกร

              “อย่างน้อยเพื่อนเอ็งมันก็ได้พบความสุขในตอนสุดท้ายนะไอ้สร”

              สรยิ้มแล้วพยักหน้าพร้อมกับน้ำตาที่รินไหลให้กับเพื่อนที่สนิทที่สุดของเขา

              “ครับ  ผมดีใจกับเจ้ากรที่อย่างน้อยมันก็ได้อยู่กับหวานอย่างมีความสุขเสียที”

             

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา