Sensuality รัก? รัญจวนใจ?

-

เขียนโดย Licht

วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 23.34 น.

  12 ตอน
  1 วิจารณ์
  11.36K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 2 เมษายน พ.ศ. 2561 23.44 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

12) Find me (NL)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

‘เรามีคนที่เหมือนกันอยู่ในโลก’ สัตตบรรณเคยบอกเธอออกไปเช่นนั้นแต่เธอไม่ยอมเชื่อก่อนทำแก้มป่องเหมือนทุกทีที่เธอโกรธหรืองอนเขา

 

“แกล้งแบบนี้เราไม่ชอบ มาทำเหมือนไม่รู้จักกัน คุยด้วยก็ไม่ตอบ” กุหลาบเด็กหญิงบ้านตรงข้ามที่เล่นด้วยกันมาแต่เล็กโกรธเขาเสียแล้ว เธอต่อว่าสัตตบรรณเรื่องเมื่อวานที่เธอเรียกก็แล้วชวนคุยก็แล้วแต่ทำเหมือนไม่รู้จักกัน สัตตบรรณผู้ประพฤติตนเป็นเด็กดีในฐานะลูกชายเจ้าของบ้าน และทำหน้าที่ต้อนรับแขกที่มาเยือนบ้านเขาเมื่อวานจนไม่ได้ออกไปไหนงุนงง

 

เมื่อเห็นเด็กหญิงนวาระหรือกุหลาบยังคงมีอารมณ์กรุ่นโกรธ สัตตบรรณพยายามนึกทบทวนว่าเขาที่ไม่ได้ออกจากบ้านมาเจอเธอเมื่อวานเผลอไปทำเรื่องอะไรไว้ก่อนหน้านี้หรือไม่ พอทบทวนอยู่ครู่เขาจึงบอกเธอด้วยประโยคข้างต้น นั่นกลับยิ่งเหมือนการราดน้ำมันบนกองไฟเข้าไปอีก

 

“เราไม่ขอโทษเพราะเราไม่ได้ทำอะไรผิดนะกุหลาบ แต่ถ้ากุหลาบหายโกรธและอยากทำความเข้าใจกับเรา สัญญานะว่าจะมาหาอีก” เด็กชายสัตตบรรณพูดเสียงอ่อย “ช่วงนี้เราจะหลบหน้ากุหลาบก็ได้ แต่ถ้ามีอะไรเราจะคอยปกป้องกุหลาบนะ” นั่นคือคำยืนยันที่เขาให้ไว้

 

สัตตบรรณไม่รู้ว่าเธอหายโกรธหรือยังแต่เขาได้ยินแม่ถามอยู่ว่าช่วงนี้ไม่ไปเล่นกับกุหลาบหรือ เขาตอบแม่ว่า ยังไปพบหน้าไม่ได้ นั่นทำให้แม่เขาแปลกใจทั้งที่เคยเห็นตัวติดกันได้ทุกวัน จากนั้นแม่จึงกำชับว่า ถ้าทะเลาะกันอยู่ให้รีบไปคืนดีกันนะ ทิ้งไว้นานจะไม่มีโอกาสอีก เห็นคุณยายของกุหลาบบอกว่า แม่เขาจะมารับไปอยู่ด้วยที่กรุงเทพแล้ว

 

สัตตบรรณเบิกตาโตจ้องมองแม่ เขาแทบจะเปิดประตูรั้วออกไปหาเธอถ้าไม่ติดว่าเวลานี้เขาไม่ควรออกจากบ้านแล้ว พรุ่งนี้ก็แล้วกัน...สัตตบรรณคาดไว้ในใจ

 

พอเช้าเขาก็กลั้นใจก้าวออกจากบ้านตัวเองไป แต่รั้วบ้านล็อกกุญแจไปเสียแล้ว คนข้างบ้านกุหลาบเห็นเขามาเดินวนอยู่ก็บอกลอดรั้วออกมาว่า เขาออกไปกันตั้งแต่เช้ามืดแล้วล่ะ คุณยายก็ไปส่งกุหลาบด้วย ทั้งหมดนั้นทำให้สัตตบรรณต้องเดินคอตกกลับบ้านไป

 

เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่เขาได้เห็นกุหลาบ นับตั้งแต่เธอจากบ้านหลังนั้นไป เธอกลับมาบ้าง ไม่นานแล้วก็กลับกรุงเทพไปอีก สัตตบรรณก็เฝ้ามองเธออยู่จากในบ้าน ทว่าเธอไม่เคยหันมามองบ้านเขาอีกเลย ไม่รู้ว่าเด็กหญิงกุหลาบหรือหญิงสาวนวาระในตอนนี้จะยังจดจำเขาได้อีกหรือไม่ หากเขาก็ยังคงทำตามคำพูด

 

เท่าที่ได้ยินมาแม่ของกุหลาบอยากพาคุณยายไปเที่ยวจึงให้กุหลาบมาอยู่เฝ้าบ้าน เขาเห็นเธอหอบโน้ตบุ๊คลงมาจากรถตามด้วยสัมภาระอื่น พอตกเย็นแสงตะวันเริ่มหายไฟในบ้านของเธอก็เปิดขึ้นในห้องเดิมของเธอ แต่ไม่เห็นไฟในห้องครัวเปิดเลย สัตตบรรณเริ่มคิดแล้วว่าตอนนี้เธอได้ทานอะไรหรือยัง หรือมีเสบียงตุนไว้แล้วกันนะ ระหว่างคิดอยู่นั้น ไฟหน้าบ้านกับรั้วก็ถูกเปิดขึ้น กุหลาบก้าวออกมาจากบ้าน เดินออกจากรั้วไป ดูจากทิศทางแล้วสัตตบรรณเดาว่าเธอคงจะไปร้านขายอาหารตามสั่งที่อยู่ห่างไปไม่ไกล แต่ระหว่างทางมีร้านขายของชำที่พวกชอบสังคมจะมาตั้งวงดื่มน้ำเมากัน คิดได้ดังนั้นสัตตบรรณก็รีบออกจากบ้านตามเธอไปห่าง ๆ

 

ผู้หญิงออกมาคนเดียวกลางดึกไม่ปลอดภัย นั่นไงล่ะตาลุงขี้เมาในวงเหล้าจดจ้องสายตาไปยังกุหลาบไม่วางตาในขากลับ ซ้ำยังส่งเสียงแซวอีก กุหลาบหันไปมองแวบหนึ่งก่อนจะรีบจ้ำกลับบ้าน สัตตบรรณจึงส่งสายตาไปยังชายขี้เมาผู้นั้นอยู่พักหนึ่งก่อนจะผงะแล้วหยุดส่งเสียง กุหลาบเหลียวกลับไปมองสีหน้าชายคนนั้นแล้วถึงได้ปรับฝีเท้าเป็นปกติ

 

ในตอนที่กุหลาบกำลังไขกุญแจรั้วเข้าบ้านนั้นเอง สัตตบรรณเห็นว่าเธอหันมองไปยังบ้านของเขา ครู่เดียว...ครู่เดียวก็เรียกรอยยิ้มให้เขาแล้ว สัตตบรรณจึงกลับเขาบ้านที่เปิดไฟไว้สว่างเช่นกัน จากนั้นก็เฝ้ามองดูว่าเมื่อไรหญิงสาวจะดับไฟเข้านอน ดูท่ากุหลาบก็นอนดึกไม่เบา

 

วันต่อมาสัตตบรรณเห็นนวาระจากชั้นบนของบ้านว่าเธอกำลังเดินมายังรั้วบ้านพร้อมถาดใบหนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจลอบมองเธอผ่านรั้วบ้านเธอที่ปลูกไม้ดอกไว้ กุหลาบมัวแต่มองหาดอกไม้ก่อนจะเก็บวางลงบนถาด สัตตบรรณมองตามสายตาเห็นว่าเธอเล็งไปที่ดอกไม้ดอกหนึ่งก่อนจะพยายามเอื้อมจนสุดแขนก็ไม่ถึง สุดท้ายเธอก็ตัดใจก่อนวางถาดลงบนขอบรั้วแล้วหันไปเก็บดอกไม้อื่นแทน เขามองแก้มป่อง ๆ ของเธออันแสดงถึงอาการขัดใจ ก่อนจะเอื้อมเด็ดดอกไม้นั้นแล้วยื่นมือผ่านช่องว่างของแมกไม้ไปวางบนถาดให้ สัตตบรรณตัดสินใจถอยออกมาไม่ได้เฝ้ามองเธออีกจึงได้แต่เดาว่าหากเธอเห็นดอกไม้นั้นจะตกใจไหมนะ

 

ตอนบ่ายสัตตบรรณเห็นเธอขับรถออกไปแล้วกลับมาในตอนเย็นให้รู้สึกโล่งใจว่า คืนนี้กุหลาบคงไม่เผอเรอจนออกจากไปตอนดึกคนเดียว หลังไฟในบ้านเขาดับลง สัตตบรรณเห็นเธอดับไฟในบ้านเช่นกัน ราตรีสวัสดิ์นะกุหลาบ...สัตตบรรณคิดในใจ หลังจากนั้นเขาก็นั่งคิดอยู่ในความมืด นึกถึงสมัยเด็กก็มีแต่เรื่องราวที่ทำให้เผลอยิ้มออกมาได้ไม่ยาก สัตตบรรณมองผ่านหน้าต่างไปยังบ้านของกุหลาบอีกครั้งก่อนจะรู้สึกผิดสังเกต

 

วัยรุ่นดมกาวสองคนที่ยืนยังไม่ตรงกำลังงัดลูกบิดประตูบ้านกุหลาบอยู่ เขาจึงจัดการเสีย เมื่อสัตตบรรณเห็นแล้วว่าโจรงัดบ้านเผ่นป่าราบไป เขาจึงสบายใจก่อนจะล่าถอยกลับบ้านตัวเอง หวังว่าคืนนี้จะไม่มีเหตุอะไรอีก...

 

-----

 

นวาระตื่นขึ้นในรุ่งเช้าขณะที่จะออกไปหาอาหารเช้าเธอก็พบกับร่องรอยงัดแงะที่ลูกบิดประตูบ้าน แต่กลับไม่มีร่องรอยว่าผู้งัดแงะเข้ามาในบ้านหรือมีของหายสร้างความประหลาดใจให้เธอมาก อย่างไรก็ดีต้องไปแจ้งตำรวจให้มาเก็บหลักฐาน หาช่างมาเปลี่ยนลูกบิดประตูใหม่ เธอโทรศัพท์ไปแจ้งมารดาพร้อมได้รับคำแนะนำว่าจะไปหาช่างได้จากที่ใด พอมารดาบอกรายละเอียดมาเธอต้องค้นความทรงจำอยู่ก่อนจะคลำไปถึงบ้านช่าง ที่แย่กว่านั้นคือเธอแทบไม่มีความทรงจำถึงลุงช่างเท่าไร ในขณะที่ลุงช่างกับเรียกเธอทันที และคงเป็นโชคอีกที่พอเล่าเหตุผลที่มารบกวนแต่เช้า ลุงช่างก็รีบมาดูให้ก่อนไปซื้อลูกบิดกับกุญแจมาเปลี่ยนให้ทันที

 

ลุงช่างยังบอกว่างัดได้ขนาดนี้เธอช่างโชคดีมากแล้วที่ขโมยเกิดเปลี่ยนใจไม่เข้าบ้านไปเสียก่อน แต่นวาระเกิดนึกขึ้นได้จึงถามขึ้น

“ลุงคะ กุหลาบขอถามหน่อยสิคะ” พอเห็นลุงช่างละสายตามาสบตาเธอจึงบอกคำถามออกไปทันที

“บรรณที่อยู่บ้านตรงข้ามกุหลาบไปไหนหรือคะ”

 

ลุงช่างเหลียวไปทางหน้าบ้านก่อนดึงสายตากลับมาพร้อมคำตอบ

“อืม...ไปอยู่ต่างประเทศกันทั้งบ้านเลย ปีหนึ่งกลับมาสักครั้งสองครั้งได้”

 

ไปอยู่ต่างประเทศ? แต่เธอเห็นว่าพอค่ำไฟในบ้านก็เปิด พอดึกก็ปิดอยู่ตลอดนี่นา แต่ถึงอย่างนั้นนวาระก็ผงกศีรษะรับ อย่างน้อยเธอก็ได้ข่าวของบรรณบ้าง ก่อนหน้านี้เวลากลับมาที่นี่พอถามคนข้างบ้านที่น่าจะทราบดีก็เลี่ยงไปพูดเรื่องอื่นกัน

 

คืนนั้นนวาระถึงกับต้องสวดมนต์ปลุกปลอบใจตัวเองก่อนนอน พอเช้าอีกวันเธอจึงลุกขึ้นมาทำความสะอาดบ้าน จัดบ้านใหม่เพื่อให้คลายเครียดก่อนจะออกไปหาซื้อของกิน การกินนี่แหละทำให้ลืมความทุกข์ได้ดีที่สุดแล้ว เมื่อเห็นกระถางไม้ประดับหน้าร้านที่เดินผ่านเธอก็เลยเกิดความคิดว่าควรจะแวะร้านดอกไม้ด้วย นวาระตัดสินใจแวะเข้าไปซื้อดอกไม้ในร้านสัตตบงกช เธอเห็นร้านนี้อยู่มานานมากแล้ว ระหว่างรอเจ้าของร้านจัดดอกไม้ให้ตามต้องการ นวาระมองดอกไม้ประดิษฐ์ในครอบกระจกหน้าร้านด้วยความทึ่ง พอไล่สายตาไปในร้านก็พบกรอบรูปตั้งอยู่ด้านในเป็นรูปถ่ายของครอบครัว มีพ่อแม่ เด็กชายสองคนและเด็กหญิงอีกคน นวาระเบิกตาทันทีด้วยความตะลึงก่อนหันไปถามเจ้าของร้านขายดอกไม้ทันที

 

“คุณรู้จักบรรณหรือคะ คนที่อยู่ในรูปนั้น ที่บ้านเขาอยู่...” นวาระบอกตำแหน่งบ้านตัวเองออกไป

 

เจ้าของร้านดอกไม้สบตาเธอก่อนส่งยิ้มให้ ขณะที่สองมือยังคงจัดดอกไม้อย่างคล่องแคล่ว

“ในรูปไม่ใช่สัตตบรรณหรอกครับ”

 

คำตอบนั้นยืนยันให้นวาระทราบว่า ชายหนุ่มตรงหน้ารู้จักสัตตบรรณ

 

“แต่ผมรู้จักเขา บรรณเป็นลูกพี่ลูกน้องของผมเอง ผมชื่อบุณฑริกหรือบัวขาว” เจ้าของร้านเฉลย ก่อนถามกลับ “แล้วคุณเป็น...”

 

“เพื่อนค่ะ เพื่อนสมัยเด็กบ้านเราอยู่ตรงข้ามกัน” นวาระเฉลยก่อนจะขยายความ “ก่อนที่ฉันจะย้ายไปอยู่กรุงเทพหลายปีเลย”

 

บุณฑริกนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวออกมา

“เอ ถ้าจำไม่ผิดบรรณเคยเล่าให้ฟังว่ามีเพื่อนแถวบ้าน ชื่อ...กุหลาบ”

 

“ใช่ค่ะ ฉันชื่อ นวาระ แปลว่ากุหลาบ” ตอนนี้เธอรู้สึกดีใจที่มีคนให้สอบถามเรื่องบรรณแล้ว นวาระสบตาเจ้าของร้านกึ่งอ้อนวอน “ฉันลองถามเรื่องของเขาจากคนข้างบ้านแต่ดูพวกเขาจะเลี่ยงที่จะตอบ ตอนที่จากกันฉันทะเลาะกับเขาอยู่”

 

แววตาของบุณฑริกเปลี่ยนไปก่อนจะกล่าวออกมา

“สัตตบรรณเสียไปหลายปีแล้วครับ”

 

“...” นวาระรู้สึกชาไปทั้งร่างเมื่อได้ยินเช่นนั้น

 

บุณฑริกระบายลมหายใจช้า ๆ ก่อนมองกลับไปยังรูปเก่าในกรอบ

“พ่อแม่ของเขา...อากับอาสะใภ้ทำใจไม่ได้ที่จะอยู่บ้านนั้นต่อไป เลยย้ายไปอยู่ต่างประเทศครับ ส่วนในรูปนี้เป็นน้องชายคนเล็กของผม เขาหน้าเหมือนบรรณ อาก็เลยขอเป็นลูกบุญธรรมแล้วก็พาไปอยู่เมืองนอกด้วยกัน”

 

สิ่งที่เพิ่งได้ทราบตรงกับที่ลุงช่างบอกอยู่ส่วนหนึ่ง และนั่นทำให้นวาระนึกอะไรขึ้นได้ถึงเรื่องที่ทำให้เธอกับบรรณทะเลาะกัน

“สมัยเด็กพวกคุณพี่น้องไปที่บ้านของบรรณบ่อยไหมคะ แล้วน้องชายคนเล็กของคุณนี่อายุเท่าไรคะ?” นวาระถามออกไปรวดเดียว

 

บุณฑริกเลิกคิ้วเมื่อได้ยินคำถาม ก่อนจะตอบออกไป

“สมัยเด็กก็ไปอยู่บ้างครับ ส่วนปัทม์น้องชายผมกับบรรณอายุเท่ากัน”

 

นวาระเข้าใจแล้ว บรรณไม่ได้โกหกเธอ เป็นเธอที่โกรธเขาฝ่ายเดียวโดยที่เขาไม่ได้ผิด

 

บุณฑริกเห็นหญิงสาวนิ่งเงียบไปจึงยื่นดอกไม้ที่จัดเสร็จให้พร้อมกับกล่าวขึ้น

“คุณอยากเข้าไปเจอบรรณไหม โกศกระดูกเขาอยู่ในบ้าน บางครั้งที่บ้านผมจะเข้าไปทำความสะอาดให้อยู่”

 

เมื่อได้ยินเช่นนั้นนวาระจึงถามต่อ

“ถ้าในบ้านไม่มีคน แต่ฉันเห็นไฟติดทุกคืนนี่คะ”

 

“เราใช้ที่ตั้งเวลาเปิดปิดไฟครับ ทำเป็นว่ามีคนอยู่ไม่อย่างนั้นอาจจะเป็นที่หมายตาของโจร” บุณฑริกตอบ

 

คำตอบนั้นช่วยคลายข้อสงสัยได้ดีเลยทีเดียว นวาระจึงสอบถามบุณฑริกว่าเขาจะว่างเมื่อไร จากนั้นก็คิดถึงเรื่องราวแปลก ๆ ที่เกิดขึ้นตั้งแต่กลับมาบ้านในครั้งนี้ ไม่ว่าจะครั้งที่ทำงานเพลินจนลืมดูเวลา พอนึกจะไปหาซื้ออะไรทานแล้วขากลับเจอตาลุงขี้เมาแซวเอา เมื่อเธอหันกลับไปดูให้แน่ใจว่าเขาหยุดแซวเธอแน่หรือกลับพบสีหน้าคล้ายกับหวาดกลัวมาก ตอนที่เธอไปเก็บดอกไม้ริมรั้ว ก็เหมือนมีใครช่วยเก็บดอกไม้ที่เอื้อมไม่ถึงให้ หรือตอนที่ถูกงัดลูกบิดประตู...บางทีอาจจะมีใครมาช่วยเธอไว้ก็เป็นได้

 

เมื่อถึงวันที่นัดหมาย นวาระได้ก้าวเข้าบ้านที่เธอไม่ได้เข้ามากว่าสิบปี สองขาเธอก้าวตามบุณฑริกเข้าไปในตัวบ้าน ตอนนี้เครื่องเรือนบางตาจากเมื่อครั้งเธอเคยเข้ามาเล่นกับลูกชายเจ้าของบ้านถูกคลุมเอาไว้ด้วยผ้าเพื่อกันฝุ่น บุณฑริกพาเธอมาหยุดอยู่หน้าหิ้งไม้

 

นวาระหาจนเจอแล้ว เขาอยู่ตรงนั้น...ที่นั่น ใต้หิ้งพระ มีหิ้งกว้างวางโกศกระดูกสีทองกับรูปของเขาอยู่ บ่งบอกว่าเขาจากไปหลังจากที่เธอไปกรุงเทพไม่นานนัก

 

นวาระประนมมือขึ้น ระลึกถึงเพื่อนในวัยเยาว์ กลับมาหาตามสัญญาแล้วนะ ขอบคุณนะที่ยังนึกถึงกัน ขอบคุณนะที่ช่วยไว้ คนที่หายไปในตอนนั้น ขาดการติดต่อไปในที่สุดก็ได้กลับมาพบกันสักที

 

บุณฑริกมองหญิงสาวที่ยืนนิ่งอยู่หน้าหิ้ง เขาได้ยินเสียงจากประตูรั้วจึงหันไปบอกเธอ

“น่าจะมากันแล้ว คุณรออยู่ตรงนี้คนเดียวสักครู่นะ”

 

นวาระมองตามบุณฑริกที่เดินกลับไปยังรั้วบ้านที่ตอนนี้มีรถคันหนึ่งจอดอยู่ด้านหน้า เขาเปิดประตูรั้วออกกว้างเพื่อให้รถเลี้ยวเข้ามาจอด ก่อนผู้โดยสารด้านหลังจะก้าวลงมากล่าวทักทายกับบุณฑริก ซึ่งทำให้นวาระต้องตกตะลึงอีกครั้ง ชายหญิงวัยกลางคนก้าวนำเข้ามาในบ้านเมื่อเห็นเธอกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อยู่ในความทรงจำ

 

“หนูกุหลาบสินะ ไม่ได้พบกันนาน บัวเขาเล่าว่าเจอหนูถามหาสัตตบรรณ และเรากำลังจะกลับมาเยี่ยมบ้านพอดีเลยให้เขานัดวันให้”

 

“คุณลุง คุณป้าสวัสดีค่ะ” นวาระยกมือขึ้นไหว้พ่อแม่ของสัตตบรรณ เป็นเช่นนี้เองเธอคิดในใจว่าจะรบกวนไหมหากเธอจะถามถึงลูกชายผู้ล่วงลับของพวกเขา จากนั้นสายตาของเธอก็ไปหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มผู้เดินเข้ามาพร้อมกับบุณฑริก

 

“นี่ปัทม์คนที่อยู่รูป หน้าเหมือนบรรณเลยใช่ไหม ถ้าบรรณโตมาคงหน้าตาแบบนี้” บุณฑริกกล่าวพร้อมวางมือบนบ่าน้องชาย “นี่กุหลาบที่บรรณเคยเล่าให้ฟังไง”

 

ชายนามว่าปัทม์มองนวาระอยู่ครู่หนึ่งก่อนรอยยิ้มจะแต้มบนมุมปาก

“ผมน่าจะเคยเจอ ตอนมาที่นี่สมัยเด็ก”

 

นวาระพลันนึกถึงคำพูดของสัตตบรรณที่กล่าวต่อเธอ

...เรามีคนที่เหมือนกันอยู่ในโลก...กุหลาบ

 

#เรื่องสั้นร้านดอกไม้

Talk:

เรื่องนี้ทิ้งเวลาห่างจาก 2 เรื่องก่อนพอควรเลย ในที่สุดก็เขียนจบจนได้ คนที่คอยเฝ้ามองนี่เราว่าน่าสงสารมากจริง ๆ

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา