เทพร้ายปีศาจรัก

-

เขียนโดย Ronin

วันที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2561 เวลา 11.49 น.

  3 ตอน
  0 วิจารณ์
  4,324 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 เมษายน พ.ศ. 2561 11.59 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) เปิดหน้ากากฮีโร่ของฉัน

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     08:30 น. ณ.บริเวณประตูใหญ่หน้ามหาวิทยาลัย พี่บิ๊กไบค์ได้จอดรถแล้วหันมาถามผมว่า
พี่บิ๊กไบค์ : “ มึงเรียนคณะไหน”
ปันปัน :” คณะบริหาร” (ผมก็ตอบเขาไปแบบ งง งง).... แล้วผมก็พูดต่อไปว่า “ แต่เดี๋ยว”
แต่ผมยังพูดไม่ทันจบพี่บิ๊กไบค์ก็ออกรถอย่างรวดเร็ว ผมกะจะบอกพี่เขาว่า ( “แต่เดี๋ยวผมลงตรงนี้แล้วเดินต่อไปเองก็ได้”) แต่ก็ไม่ทันการณ์เสียแล้ว
พี่บิ๊กไบร์ทได้มาจอดมอเตอร์ไซค์เทียบอยู่หน้าคณะที่มีคนเดินขวักไขว่มากมาย... แล้วผมก็ก้าวขาออกลงจากรถบิ๊กไบค์ ในขณะเดียวกันนั้นเองก็ได้ยินเสียงแว่วของนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่อยู่บริเวณโต๊ะนั่งเล่นหน้าคณะ
เสียงจากกลุ่มนักศึกษา : “ แกนั่นไง ปันปัน คนที่ฉัน เล่า ให้พวกแกฟัง คนที่นั่งติดกับฉันตอนประถมนิเทศเมื่อคราวที่แล้ว “ พร้อมกับเสียงโห่หิ้วกริ้วกร้าวของบรรดาสาวแท้สาวเทียมในกลุ่ม
เสียงจากกลุ่มนักศึกษา “ งานดีงานดี” (เสียงหนึ่งในนั้นที่ดังออกมาพอจะจับใจความได้)
แต่ผมก็ไม่ได้สนใจสักเท่าไหร่ ผมสนใจแต่ว่าพี่บิ๊กไบค์ หรือพี่เสือหมอบคนนี้ต่างหากเขาคือใคร ผมจึงพูดกับพี่เขาว่า ปันปัน : “ขอบคุณครับพี่ เออว่าแต่ พี่ชื่ออะไรครับ” (พร้อมกับพยายามมองผ่านไปที่ช่องตาบริเวณแผ่นกันลมของหมวกกันน็อค )
นอกจากจะมองไม่เห็นหน้าพี่เขาแล้ว หมวกกันน็อกกลับกลายเป็นเสมือนกระจกสะท้อนให้เห็น ทรงผมของตัวเองที่ตั้งชี้ฟูเพราะแรงลมจากการซิ่งมอเตอร์ไซค์ จนผมเผลออุทานออกมาว่า “ เชี้ยยย. หัวกู” พร้อมกับรีบเอามือมาจัดทรงผมให้เป็นทรงหน้าม้าเกาหลีเหมือนเดิม พี่บิ๊กไบค์ ก็มีสะดุ้งกับคำอุทานของผมเล็กน้อย
แต่ที่ทำให้ผมต้องสะดุ้งเสียยิ่งกว่านั้น ก็ตอนที่พี่เค้า ยื่นมือของเค้ามาลูบที่หัวผม พร้อมกับเก็บใบไม้ที่ติดอยู่บนหัวผมออกไป ในขณะที่ผมก็กำลังจัดทรงผมอยู่ มันราวกับว่าพี่เค้ากำลังช่วยผมจัดทรงผมยังไงยังงั้น... ตอนนั้นผมได้แค่ยืนนิ่งแม้กระทั่งมือก็ยังหยุดนิ่ง ปล่อยให้พี่เขาใช้มือรูดเศษใบไม้ที่ติดบนหัวผมออกไปอย่างช้าๆ ..... เสียงโห่หิ้วกริ้วกร้าวจากโต๊ะด้านหลังของกลุ่มเดิมกลับมาดังขึ้นอีกครั้ง เมื่อเห็นโมเมนต์มุ้งมิ้ง.. ... “ อะไร ยังไง เขาคือใคร คือใช้ใช่ไหม ” เสียงแว่วที่ผมพอจะได้ยินจากโต๊ะนั้น....
จากนั้นพี่บิ๊กไบค์ก็ทำท่าจะเร่งเครื่องบิดมอเตอร์ไซค์ ออกไป ผมถึงได้ตื่นจากภวังค์ ในขณะที่รถมอไซค์เริ่มออกตัวไปได้ซักพัก
ปันปัน : “ พี่ครับ พี่ครับ พี่ชื่ออะไรนะ ” (ผมตะโกนไล่หลังทันทีที่ พี่บิ๊กไบร์ทขับออกไป)
พี่บิ๊กไบค์ จึงได้เบรครถอีกครั้งแล้วเอี้ยวตัวหันมาหาผมพร้อมกับ เปิดที่บังลมครอบตาออก แล้วตะโกนชื่อของ เขากลับมาว่า “ คิว กูชื่อ คิว “ แล้วก็ปิดที่บังลมครอบตากลับไปเหมือนเดิมแล้วขับมอเตอร์ไซค์ออกไปอย่างรวดเร็ว
2 / 5
แค่เสี้ยววินาทีของการแนะนำตัวเองว่า “ กูชื่อคิว “ ก็ทำเอาผมถึงกับจำได้ติดตา เพราะแววตาของพี่เขาคมกริบดูเท่ห์ มีเสน่ห์ คิ้วเข้มได้รูป พอจะเห็นสันจมูกเพียงนิดเดียว ก็รู้เลยว่าโด่งเป็นสันอย่างแน่นอน (ทำเอาผมปลื้มเสมือนหนึ่งเป็นไอดอลของผม อยาก ให้มาเป็นพี่ชายแท้ๆ เลยทีเดียว เพราะผมเป็นลูกคนเดียวก็เลยอยากมีพี่ชายเทห์ๆ แบบนี้กับเค้าบ้าง)ผมได้แต่หยิบถุงก๊อบแก๊บที่พี่คิวช่วยเก็บไว้ให้ขึ้นมาดูแล้วก็คิดในใจว่า (อยากเห็นหน้าเต็มๆของพี่เค้าจัง เจอคราวหน้าคราวหลังจะได้ทักกันได้)
พอผมเดินขึ้น เข้ามาที่หน้าคณะ ต้องผ่านโต๊ะของกลุ่มสาวแท้สาวเทียมที่ เมื่อกี้ส่งเสียงกรี๊ดกร๊าด หนึ่งในนั้นก็ถามผมว่า
สาวเทียมคนที่1 : “ ปันปันจำเราได้ไหม”
ปันปัน : ( ผมพยักหน้าแล้วยิ้มให้)
สาวแท้คนที่ 2 “ ใครอ่ะที่มาส่งตัวเอง แฟนหรอ หรือว่าพี่ชาย เท่ห์ เอาการอยู่นะ” ( แล้วทั้งกลุ่มก็ทำท่ากระดี๊กระด๊าเขินอาย)
ผมไม่รู้จะตอบยังไงเพราะว่าตัวผมเองก็ยังไม่รู้จัก พี่เค้าดีพอ ผมจึงได้แต่ทำทาเงอะๆงะ มองซ้ายทีขวาที แล้วตอบแบบส่งเดชไปว่า “ วินมอไซด์” ทั้งกลุ่มก็ดูทำหน้าตา งง งง แล้วผมก็เดินจากไป.... มีเสียงหนึ่งในนั้นไล่หลังผมมาติดๆ
“ มีความหวงนะเนี๊ยะ ”
หลังจากเรียนเสร็จ ตอนนี้ก็เป็นเวลาพักเที่ยง ซึ่งผมก็นั่งกินข้าวอยู่ที่โรงอาหารรวม กับไอ้พีท ( ไอ้พีทก็เรียนคณะวิทยาศาสตร์ที่มหาลัยเดียวกับผมนี่แหละ) ผมก็ได้แต่เล่าวีรกรรมของพี่คิว ให้ไอ้พีทฟังอย่างเพลินปาก ไอ้พีทก็ฟังผมเล่าไปพร้อม กินข้าวในจานของตัวเองบ้างแอบมาตักในจานของผมบ้าง ตามภาษาของเพื่อนตัวแสบ. แล้วมันก็พูดขึ้นว่า
พีท : “ ไอ้พี่คิวอะไรของมึงเนี่ย กูว่านะมันคงเป็นซุปเปอร์ฮีโร่อย่างที่กูบอกแหละ”
ปันปัน : “ เพ้อเจ้อ”
พีท : “อ้าว กี่ทีแล้ววะ ที่เค้ามาช่วยมึง เมื่อวานก็ทีนึงเมื่อเช้าก็ทีนึง เหมือนเค้าอยู่รอบๆตัวมึงเลยว่ะ”
ปันปัน : ( ผมได้แต่ส่ายหัวกับความไร้สาระของไอ้พีท เพื่อนที่ไม่สามารถพึ่งพาอะไรได้เลย)
พีท : “เออว่าแต่มึงจะเข้าชมรมอะไรวะ กูว่ากูจะเข้าชมรมเทควันโดหว่ะ เห็นเค้าบอกว่าปีนี้สาวๆ ลงชื่อเข้าชมรมนี้กันเพียบเลยนะเว้ย เป็นโอกาสดีที่เราจะได้ใกล้ชิดสาวๆ เลยนะเว้ย”
ปันปัน : “ เหอะ ที่ไหนๆ ก็มีสาวๆทั้งนั้นหละวะ “ ( แล้วผมก็ส่ายหัว)
3 / 5
พีท : “ ใช่ซี้ กูไม่ได้หล่อขั้นเทพแบบพี่เตโช ไม่ได้หล่อใสมุ้งมิ้งแบบน้องปันปัน” (น้ำเสียงทั้งประชดและหมั่นไส้...และมันก็พูดต่อว่า “ แต่กูก็มีดีนะเว้ย กูสายซิกแพคเว้ย หน้ากูกลางๆแต่หุ่นกูฟิตเวอร์ ” (อันนี้ต้องยอมรับมันครับ เพราะความจริงแล้วมันเป็นนักกีฬามาตั้งแต่อยู่มัธยมแล้ว หุ่นดีกล้ามแน่นสุดๆ )
ปันปัน : “ ค้าบไอ้คุณพีท สายซิกแพค กูไปละกูมีเรียนต่อตอนบ่าย ไว้ค่อยคุยกันนะ”
ระหว่างคาบบ่ายที่เรียน จู่ๆ ภาพแววตาของพี่คิว ก็เข้ามาในหัวผมเป็นระยะๆ ทำเอาผมสับสน ว่าคนอย่างผมจะสามารถปลื้มอะไรกับผู้ชาย ได้ถึงขนาดนี้ แต่ในใจผมก็คิดว่า น่าจะเกิดจากการที่พี่เค้าเข้า มาช่วยเหลือผมในยามวิกฤติ ( ยามที่มีปัญหากับไอพี่เตโช) แต่อีกใจหนึ่งผมก็กลับคิดว่าหรือกูเป็นเกย์วะเนี่ย คิดจนผมเผลอพูดออกมาเบาๆ ว่า “ ไม่จริง ไม่จริง ไม่จริง” จนเพื่อนร่วมคณะที่นั่งอยู่ข้างๆ สะกิดถามผมว่า “ ไม่จริงอะไรของมึงวะ” จนผมตกใจมองหน้ามัน แล้วส่ายหัวบอกมันว่า “เปล่า ๆ ไม่มีอะไร “ มันก็มองมาที่สมุดเลกเชอร์ของผม แล้วเอาปากกาชี้มาที่สมุดเลกเชอร์ของผม พร้อมกับถามผมว่า “ มึงจดอะไรของมึงวะ “ ผมก้ม มองสมุดเลกเชอร์ของผม ก็พบกับ ภาพวาดแววตาของพี่คิวที่ผมได้สเก็ตช์ภาพไว้เองกับมือ อย่างแทบไม่รู้ตัว ( โดยไม่ได้จดเลกเชอร์ อะไรที่อาจารย์กำลังสอนเลย)
4 โมงเย็น ผมเดินออกจากห้องเรียน วิชาสุดท้าย กะว่าจะรีบกลับบ้านไปตั้งสติสักหน่อยกับการเรียนวันแรกที่ไม่มีสมาธิเอาเสียเลย พอลงมาที่ใต้ตึกก็พบว่าฝนตกหนักพอสมควร ฟ้าก็มืด ราวกับเป็นเวลาซัก หนึ่งทุ่ม ระหว่างที่ผมยืนรอให้ฝนซาอยู่ใต้ตึกริมถนนในมหาวิทยาลัย ผมสังเกตุเห็นว่า ฝั่งตรงกันข้ามมีหมานั่งตากฝนอยู่ ไม่ยอมไปหลบที่ใต้อาคารหรือใต้ต้นไม้ เนื้อตัวหนาวสั่น ขามันคงจะเจ็บจนเดินไม่ได้ ผมรู้สึกสงสารมันมาก เลยกะว่าจะรีบข้ามถนนไปช่วยพามันให้มาอยู่ใต้กำบังฝน ผมจึงรีบวิ่งข้ามถนน อย่างรวดเร็ว
ทันใดนั้นเอง แสงไฟของรถบนถนน ทางด้านขวามือก็สาดเข้ามาที่ตาของผม พอผมหันไปผมจึงรู้ว่าผมกำลังจะถูกรถมอเตอร์ไซค์ชน.. วินาทีนั้นผมตกใจและแสบตามากกับแสงไฟที่สว่างจ้าแทงเข้าลูกตา จนไม่รู้ว่าจะต้องเดินหน้าหรือถอยหลังถึงจะพ้นกับการถูกชนครั้งนี้ ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนผมยืนนิ่ง ทำอะไรไม่ถูก
เสียงเบรคของมอเตอร์ไซค์ดังขึ้น ท่ามกลางสายฝน-----เอี้ยดดดดด---- รถมอเตอร์ไซค์ สะบัดส่ายไปมาเหมือนจะล้ม------โคร้มมมม.----- และแล้วมอเตอร์ไซค์ ก็ล่มคว่ำ ทั้งมอเตอร์ไซค์ แล้วคนขับก็ลื่นไถลเข้ามาที่ตัวผม เพียงไม่กี่วินาทีนั้นเอง คนขับมอเตอร์ไซด์ดูเหมือนจะมีสติมาก เพราะเขาใช้เท้าถีบมอเตอร์ไซค์ ที่ลื่นมาด้วยกัน ให้กระเด็นไปอยู่ข้างทาง ส่วนตัวของเขายังคงไถลพุ่งตรงมาที่ตัวของผม แล้วตัวของชายผู้นั้นก็ไถลโดนตัวผมล้มไปด้วยกัน ทั้งผมและชายผู้นั้นก็ได้นอนไถลลื่นไปตามทางถนน....
ระหว่าง ที่เราทั้งคู่ไถลไปตามท้องถนน ผมได้อยู่ในอ้อมกอดของเค้าโดยปริยาย มือข้างหนึ่งของเค้าได้กอดไว้ที่เอวของผมไว้แน่น ส่วนอีกข้างหนึ่งของเค้าได้จับไว้ที่ท้ายทอยของผมพร้อมกับกดคอของผมลงมาให้แนบชิดกับตัวเค้า เสมือนประหนึ่งว่าจะคุ้มกันปกป้องแรงกระแทกทั้งหมดเพื่อไม่ให้ผมได้รับบาทเจ็บใดๆ... ใบหน้าของผมซุกอยู่ที่ซอกหน้าอก
4 / 5
ด้านขวาของชายผู้นี้..... เวลาช่างดูยาวนานเหลือเกินแต่หากความเป็นจริงแล้วมันเกิดเพียงไม่กี่วินาที แต่เพียงไม่กี่วินาทีนี้ผมก็พยายามเงยหน้ามองชายผู้นั้นผ่านไปยังหมวกกันน็อก ซึ่งที่บังลมครอบตาได้เปิดขึ้นแล้ว จนเห็นแววตา.........
พระเจ้า.... แววตาคู่นั้นผมจำได้แม่น “ พี่คิว พี่คิว” ผมพลั่งพูดออกมา พี่คิวก้มหน้ามองตามเสียงที่ผมเรียกพี่เค้า แววตาของพี่เขาดูเป็นกังวลและเป็นห่วงผมมากๆ ประหนึ่งเหมือนจะให้กำลังใจ คิ้วขมวดเล็กน้อย เสมือนจะบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วงพี่จะปกป้องน้องเอง ------ โคร้มมมม------- เราทั้งคู่ได้ไถลไปชนกับถังขยะและกองขยะข้างถนน ตัวพี่คิวเข้ารับแรงปะทะแทนผมเต็มๆ บอกตามตรงว่าวินาทีนั้นผมไม่รู้สึกเจ็บเลย เหมือนเด็กเล่นสไลเดอร์ ซะมากกว่า แต่พี่คิวคงจะเจ็บน่าดู เพราะทั้งตัวพุ่งชนกับถังขยะเต็ม....
ผมลุกขึ้นยืนได้ก่อนพี่คิว ในขณะที่พี่คิวยัง กึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่ตรงกองขยะ และดูทีท่าว่าจะเหมือนเจ็บ ทั้งแขนทั้งขาและลำตัว ผมจึงค่อยๆพยุงพี่คิวขึ้น พี่คิวยืนขึ้นทั้งๆ ที่ยังใส่หมวกกันน็อคอยู่ พร้อมกับท่ายืนเหมือนคนขากระเผลก พี่คิวถามผมว่า
พี่คิว “ มึงเจ็บตรงไหนป่ะเนี่ย” ( พร้อมกับจับไหล่ผมเหมือนว่าจะจับตัวผมหมุนไปมาเพี่อดูร่องรอยการบาดเจ็บ)
ปันปัน : “ ไม่เลยครับพี่ ไม่เจ็บตรงไหนเลย พี่คิวหล่ะพี่ต่างหาก ดูพี่น่าจะเจ็บกว่าผมนะ “ ( พร้อมจับแขนพี่คิวออกจากตัวผม แล้วไปพยุงที่ตัวพี่เขาแทน)
พี่คิว : “ ไม่เป็นไรกูโอเค” ( พร้อมกับเดินถอยหลังออกไป 2 เก้า) แล้วก็ค่อยๆ ถอดหมวกกันน็อกออกอย่างช้าๆ.......
เป็นช่วงเวลาที่ผมจะได้เห็นหน้าพี่คิวแล้วสินะ ผมตื่นเต้นซะยิ่งกว่าถูกมอเตอร์ไซค์ชนเสียอีก... พี่คิวค่อยๆ ถอดหมวกกันน็อกขึ้นอย่างช้าๆ (ในหัวของผม ทุกอย่างเหมือนภาพสโลโมชั่น) ผมเริ่มเห็นจากคางของพี่คิวที่เรียวได้รูป สีผิวก็ขาวเนียนละเอียดมาก ไล่มาที่ริมฝีปากก็ค่อนข้างจะแดง และสวยเข้ารูปอย่างบอกไม่ถูก ปลายจมูกก็โด่งเด้งขี้ออกมา จมูกโด่ง เป็นสัน แล้วก็ขึ้นมาเป็นดวงตาอันคมกริบที่คุ้นเคย คิ้วคมเข้มได้รูป หน้าใสขาวผิวละเอียดมาก ถึงแม้เส้นผมจะเปียกเพราะโดนฝน ก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อลดลงเลยทำเอาผมถึงกับตะลึงกับการเห็นหน้าฮีโร่ของผมเป็นครั้งแรก...
ในใจคิดถึงคำพูดของไอ้พีทที่ว่า.. พี่เค้าต้องเป็นซุปเปอร์ฮีโร่แน่ๆ. แต่ผมว่าไอ้พีทคงผิดแล้วล่ะ ผมว่าพี่เค้าคือเทพเจ้ามากกว่า (หล่อขั้นเทพ) ผมอ้าปากค้าง กับความเกินคาดของหน้าตาพี่คิว (จากที่ปลื้มพี่เค้าอยู่แล้วเป็นทุนเดิม 100% พอเห็นหน้าของพี่เค้า มันทำให้ผมยิ่งถูกชะตาอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งปลื้มเค้าอีกเป็น 200% แต่ก็แปลกที่มีความเขินอายผสมปนอยู่ในความรู้สึกนี้ด้วย) ไม่รู้โชคชะตาเป็นใจหรือกลั่นแกล้งซ้ำเติม ความเขินของผมกันแน่ เมื่อผมเหลือบไปเห็น สมุดเลกเชอร์เล่มที่ผมวาดแววตาของพี่คิว ตกอยู่ตรงหน้าระหว่างเราทั้งสองคน ซ้ำร้ายไปกว่านั้นสมุดได้เปิดไปยัง หน้าที่ผมวาดเป็นดวงตาของพี่คิวอย่างชัดเจน
ผมได้แต่กัดริมฝีปากตัวเอง แล้วภาวนาว่าอย่าให้พี่คิวก้มลงไปมอง แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ พี่คิวได้ก้มลงไปมองภาพสเก็ตช์ แววตานั้นอย่างสนใจพร้อมทั้งค่อยๆ นั่งคุกเข่าลงไปดูภาพนั้น อย่างพินิจพิจารณา(ความรู้สึกตอนนั้น จากความอาย
5 / 5
กลายเป็นกลัวและสับสนไม่รู้ว่าพี่คิวจะคิดยังไงกับผม ที่แอบวาดรูปเขาเก็บไว้ในสมุดของตัวเอง ) พี่คิวค่อยๆ เงยหน้าขึ้นพร้อมกับ ลุกขึ้นยืน และมองมาที่หน้าผมด้วยสีหน้าเรียบเฉยยิ่งทำให้ผมกังวลใจ และพี่คิวได้ยื่น สมุดเลกเชอร์เล่มนั้นมาที่มือผม แล้วพี่คิวก็พูดว่า “ ..............”

--------- โปรดติดตามตอนต่อไป --------------- 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา