มนต์รักในคำสัญญา

-

เขียนโดย Hanuna

วันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 00.42 น.

  10 ตอน
  0 วิจารณ์
  8,622 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2561 00.44 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) พศินกับคืนที่แปลก

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เข้าสู่เช้าวันใหม่ นทีโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่มที่ใช้คลุมตัว เขามองไปรอบห้องด้วยขอบตาที่คล้ำจากการอดนอน เมื่อคืน ยอมรับว่ายังระแวงเสียงที่หลอนเมื่อวาน แต่พอมองไปรอบห้องไม่มีอะไรผิดปกติจึงโล่งใจ เขาจึงรีบเก็บที่นอนและทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อยก่อนที่จะลงไปข้างล่าง

“อ้าวที ตื่นแล้วนี่” รัตนาถามนทีที่เดินลงมาจากชั้นบนด้วยสีหน้าที่อิดโรย

“ครับ”

“หน้าเราเหมือนคนไม่ได้นอนเลยนะ นอนไม่หลับหรือไง” รัตนาเป็นห่วงหลานชายขึ้นมา เพราะหน้าตาเหมือนคนไม่ได้นอนมาทั้งคืน

“ค...คือผม” นทีอยากบอกว่าตนได้เจอกับอะไรมาบ้าง แต่เหมือนมันจุกที่คอ ไม่สามารถพูดออกมาได้ คงเป็นเพราะกลัวว่าคนตรงหน้าจะไม่เชื่อ

“เป็นอะไรไปที”

“ไงที หลานรักของอา กลับมาก็ไม่มาหาเลยนะ” พศินเห็นหลานชายเพียงคนเดียวของตระกูล ยืนคุยกับภรรยาของตนจึงเข้าไปทักทาย

“ครับ อาศินสวัสดีครับ โห อามาถึงเมื่อไหร่กันครับเนี่ย”

“อะไรกัน อาก็บอกรัตแล้วไง ว่าอาจะกลับค่ำ อามาถึงก็ไม่เห็นเราเลยนะ รีบขึ้นนอนก่อนไม่รอรับอาเลย” รอยยิ้มกับท่าทางของพศิน ทำให้นทีต้องยอมโกหก

“แฮะ แฮะ ผมขอโทษครับ เมื่อวานผมเหนื่อยไปหน่อย”

“ไม่เป็นไร ไม่ต้องคิดมากนะ ไปทานข้าวกัน” พศินไม่อยากให้หลานเป็นกังวล จึงรีบเปลี่ยนเรื่องไปนั่งคุยกันที่โต๊ะอาหารดีเสียกว่า

“ครับ”

นทีเดินตามอาทั้งสองไปทานข้าวเช้า ตั้งแต่เมื่อคืนเขายังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยสักนิด เอาเข้าจริง หิวจนไส้กิ่วแล้วเหมือนกัน

ทั้งสามนั่งทานข้าวกันพร้อมหน้า และพูดคุยอย่างสนุกสนานบนโต๊ะอาหาร ได้คุยแลกเปลี่ยนเรื่องราวชีวิตที่ผ่านมาอย่างคนที่ไม่ได้พบหน้ากันมานาน

แต่หารู้ไม่ว่า มีสิ่งที่มองไม่เห็นกำลังจับตามองพวกเขาอยู่ ความลับของบ้านหลังนี้ รวมถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับคนในครอบครัวยังมีความลับแฝงอยู่ แต่คงไม่สามารถรอดพ้นสิ่งที่มองไม่เห็นตนนี้ไปได้ เขานั้นรับรู้ทุกอย่างในบ้าน และรู้ด้วยว่าใครเป็นคนพรากบิดาและมารดาไปจากคนรักของเขา

ความแค้นของคนหนึ่งคนที่ฝังลึกข้ามภพข้ามชาติ ตามมาแก้แค้นและทวงสมบัติของเขาคืน มันรุนแรงจนไม่สามารถห้ามได้ สิ่งดี ๆ ที่มองผิวเผินแต่ลับหลังกลับมีความชั่วร้ายแฝงอยู่ ยังไงสักวันต้องปรากฏ

ตอนนี้ทั้งสามกำลังนั่งดูรายการโทรทัศน์ที่น่าสนใจตรงหน้า ภายในห้องรับแขกอย่างสนอกสนใจ

“ทีรู้หรือยัง ว่าอาทิตย์หน้า จะมีการเปิดพินัยกรรม” พศินเกริ่นนำเรื่องสำคัญก่อนอันดับแรก หลังจากทุกคนเงียบไปนาน

“อารัตบอกผมเหมือนกันครับ”

“รัตบอกหลานหมดแล้วค่ะ” รัตนาได้บอกสมทบอีกครั้ง แล้วหันไปปอกแอปเปิลที่สามีถือติดมาฝาก พศินจึงพยักหน้าเข้าใจ

“ว่าแต่เพื่อนตัวดีของเรา ทำไมวันนี้ถึงเงียบจัง” รัตนาหันไปถามหลานของตน เนื่องจากเธอไม่ได้เห็นหน้าเพื่อนชายของนทีตั้งแต่เช้า ซึ่งดูผิดวิสัยไปเสียหน่อย

“คงโดนคุณลุงกับคุณป้ากักตัวให้ทำงานบ้าน ผมไม่อยากคิดสภาพเลยครับ เวลาวีโดนคุณป้าดุจะเป็นยังไง” เขาจำได้ตอนสมัยเด็ก ปถวีมักจะโดนต่อว่าเป็นประจำ เรื่องที่ชอบทำบ้านรกและไม่ยอมเก็บของตนเองให้เข้าที่

“ฮ่า ฮ่า ยังเหมือนเดิมเลยนะ นิสัยขี้เกียจทำความสะอาดบ้านเนี่ย” พศินหัวเราะชอบใจกับการกระทำที่คงเส้นคงวาของเพื่อนหลานชายตนเอง

“ครืด ครืด” เสียงโทรศัพท์มือถือของพศินดังขึ้นบนโต๊ะ เขาจึงต้องรับสายเพราะมันสำคัญ

“ครับ”

“ได้ครับ”

“เดี๋ยวอากลับมานะ คงกลับดึกหน่อยนะรัต” พศินได้บอกนทีและหันไปบอกรัตนาต่อ

“ไปไหนอีกค่ะ พึ่งจะกลับมาเอง” รัตนาไม่เข้าใจในเมื่องานที่ต้องทำ ก็เสร็จเรียบร้อยแล้วทำไมยังต้องไปอีก

“งานด่วนนะ มีลูกค้าสั่งออร์เดอร์เพิ่ม พี่ต้องไปดูก่อนว่าสินค้าเรามีพอไหม” พศินพูดจบเขาได้ลุกขึ้นยืนและเดินออกไปพร้อมกับโทรศัพท์ในมือ

“ดูอาศินจะยุ่งตลอดเลยนะครับ”

“ก็ตั้งแต่คุณย่าเสีย คนคุมงานในบ้านก็ลดลง คนงานก็มีบ้างที่จะไม่ฟังอาศิน เรากลับมาก็ดีเหมือนกันนะ จะได้มาช่วยกันดูแลสวนคุณย่า อาศินทำคนเดียวคงไม่ไหวแน่” เธอบอกนทีเพราะสวนผลไม้ที่มารดาของเธอทำไว้ มีจำนวนไม่น้อย ถึงจะมีคนงานจำนวนมาก แต่มีหลายคนที่ยังยึดติดกับมารดาของเธอ

“แต่ผมทำอะไรไม่เป็นเลยนะครับ” นทีบ่นกับตนเอง จะให้เป็นได้ยังไง ในเมื่อคณะที่เขาจบมาเป็นคณะบริหารและที่สำคัญยังไม่เคยทำเรื่องเกษตรเลยสักครั้ง

“ไม่เป็นไรที เรื่องเหล่านี้เราเรียนรู้ไปด้วยกันได้นะ ไม่ต้องเครียดหรอกนะจ๊ะ ยังไงอาศินต้องสอนเราอยู่แล้วไม่ต้องห่วง” เธอให้กำลังใจหลานของเธอ เพราะเข้าใจว่านทียังคงเป็นเด็กน้อย ที่กำลังเริ่มต้นเรียนรู้

เมื่อตะวันลับขอบฟ้าทุกคนต้องเข้านอน รวมถึงนทีด้วยเหมือนกัน ตอนนี้เขากำลังจัดที่นอนให้เรียบร้อยเตรียมพร้อมที่จะนอนหลับ แต่หูกลับได้ยินเสียงชายปริศนาเข้า

“แม่จัน”

เสียงที่ได้ยินไม่ใช่เสียงที่โหยหวนเหมือนครั้งก่อน แต่เป็นเสียงที่ตั้งใจเรียกใครบางคนให้ออกไปหา ด้วยความที่นทีคาใจกับชายปริศนา ไม่ว่าจะเป็นผีหรือคนตอนนี้ความอยากรู้มีมากกว่าความกลัวที่เคยครอบงำจิตใจของเขาเมื่อคืนนี้ จึงก้าวขาออกจากห้องตามเสียงเรียกของชายปริศนาไป

“แม่จัน แม่จัน”

เขาได้เดินตามเสียงเรียกไปเรื่อย ๆ ถึงแม้ว่าจะมืดจนไม่เห็นทาง แต่ยังพอมีเเสงจันทร์ที่ทำให้เขาสามารถเห็นทางเดินได้ เขาเดินตามเสียงจนมาหยุดอยู่ที่หนองน้ำขนาดใหญ่ ที่เขาชอบมานั่งเล่นเป็นประจำ สิ่งที่เขาเห็น กลับทำให้เขายกยิ้มขึ้นมาทันที

แสงจันทร์กระทบกับผิวน้ำและบริเวณรอบตัวของเขานั้น เต็มไปด้วยหิ่งห้อยน้อยใหญ่จำนวนมาก เป็นภาพที่สวยงามในสายตาของเขา

ตัวของนทีนั้นไม่เคยเห็น จึงได้ยื่นมือทั้งสองออกไปจับหิ่งห้อยตัวน้อยให้อยู่ในอุ้งมือ แล้วค่อย ๆ ส่องดูแสงที่ลอดออกมาตามรอยแยกของนิ้ว เหมือนกับว่าเขานั้น สามารถกำแสงไว้ด้วยมือทั้งสองข้าง

นทีมองหิ่งห้อยที่อยู่ในมือด้วยความเอ็นดูกับแสงที่สวยงามของมัน ก่อนที่จะปล่อยมันออกไป

“เจ้าชอบไหม” เสียงของชายปริศนาได้ดังขึ้น

ทำให้นทีหันไปตามเสียงนั้น และสิ่งที่เขาเห็นเป็นผู้ชายไว้ผมรองทรง เสื้อและกางเกงขายาวเป็นผ้าแพรอย่างดี เขามองคนที่เรียกเขาอย่างพิจารณาด้วยสีหน้าที่มึนงง

“หึ” ชายหนุ่มกลับหัวเราะในลำคอ นทีเห็นแบบนั้นยิ่งงงเข้าไปใหญ่ แต่เขากลับพูดขึ้นอีกครั้ง

“แม่จัน เจ้าชอบไหม ที่พี่ทำแบบนี้ให้”

“จัน คุณเรียกผมว่าจันเหรอครับ” นทีถามกลับไปเพื่อความแน่ใจ

“ใช่ แม่จันของพี่” ชายตรงหน้าพูดกลับมาด้วยน้ำเสียงที่อ้อนวอนอะไรสักอย่าง นทีได้ยินถึงกลับเกาหัวทันที

“ผมไม่ได้ชื่อจันนะครับ ผมชื่อ นที จะเรียกว่าทีก็ได้” นทีตอบกลับไปพร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นมิตร

“หึ ฉันชื่อ ศร” ชายตรงหน้าไม่พูดอะไรมากนัก แต่กลับแนะนำตนเองด้วยท่าทางที่สงบนิ่ง นทีเห็นแบบนั้นจึงยักไหล่ไม่ว่าอะไร

“เออ...คุณมีธุระอะไร กับผมเหรอครับ”

“พี่อยากให้เจ้าดูสิ่งเหล่านี้” ศรได้ชี้ไปยังหนองน้ำที่มีแสงจันทร์ส่องกระทบผิวให้เห็นระลอกคลื่นเล็ก ๆ มาตามกระแสลมที่พัดผ่าน และรอบตัวมีแต่แสงจากหิ่งห้อยบินเข้ามาหา ทำให้นทียกยิ้มอีกครั้งกับความสวยงามตรงหน้า

“สวยจังครับ” นทีได้บอกกับชายข้างกาย

ศรเห็นว่านทีชอบ เขาจึงยิ้มตามไปด้วย นทีมัวแต่สนใจสิ่งที่ศรทำให้และชื่นชมความสวยงาม จนลืมนึกไปว่าตนนั้นกำลังคุยกับใคร และไม่สังเกตว่าสิ่งเหล่านี้มันผิดวิสัยที่จะเกิดขึ้นจริง จนกระทั่งหูของเขาได้ยินเสียง ที่ไม่น่าจะได้ยินในยามค่ำคืน

“อย่าสิพี่ เดี๋ยวมีคนได้ยิน”

“พี่คิดถึงเราจะแย่อยู่แล้ว”

“ถ้าใครเห็นเข้าทำยังไงจ๊ะ”

“ไม่เป็นไรหรอก เรามาแถวนี้ใครมันจะได้ยิน”

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา