มนต์รักในคำสัญญา

-

เขียนโดย Hanuna

วันที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 00.42 น.

  10 ตอน
  0 วิจารณ์
  8,594 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2561 00.44 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) งานวัด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

ตั้งแต่นทีเห็นพศินกับพิมลักลอบมีอะไรกัน เขาก็มองหน้าคนที่เป็นอาไม่ติด และอยากบอกรัตนาแทบใจจะขาด แต่กลัวว่าเธอจะเสียใจและคิดมาก จึงแอบมานั่งที่หนองน้ำเหมือนเคย

เขานั่งใต้ต้นไม้ใหญ่โดยเอาหลังพิงกับต้นไม้ และหลับตาคิดทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่าง คิดไปก็ถอนหายใจไป เพราะหาทางกำจัดความอึดอัดในใจไม่ได้เสียที

“เจ้าควรปล่อยวางเสียบ้างนะ” น้ำเสียงที่คุ้นหูดังขึ้นข้างตัว ทำให้นทีถึงกับสะดุ้งในการปรากฏตัวของชายแปลกหน้า และเป็นครั้งที่สองที่เขาเห็นใกล้ขนาดนี้

“คุณจะมา ก็ส่งเสียงให้กันบ้าง ไม่ใช่ทำให้ตกใจเล่นแบบนี้” นทีหันไปมองชายหนุ่มข้างตัวด้วยความตกใจและคิดว่า ถ้าเขาเป็นโรคหัวใจคงหัวใจวายตายไปแล้วแน่นอน

“เจ้าไม่เป็นหรอกโรคหัวใจ คนที่เป็นควรจะเป็นพี่เสียมากกว่า” ศรยิ้มให้กับความมึนงงของนที ซึ่งนั่นทำให้นทีต้องขมวดคิ้วงงหนักกว่าเดิม

“พูดเรื่องที่ไม่เข้าใจอีกแล้ว”

“หึ บางเรื่องปล่อยไปเสียบ้าง มันจะดี”

“แสดงว่าคุณรู้สินะ เรื่องเมื่อวานนี้” นทีมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่ขุ่นมัว เขาไม่ชอบใจที่โดนห้ามไม่ให้ทำอะไร ทั้งที่คนผิดอยู่ตรงหน้า

“อย่างที่พี่บอกเจ้า” ศรยังคงยืนยันคำเดิม จนนทีต้องเบนหน้าหนี

“ที ทำอะไรอยู่นะ” เสียงเรียกของปถวีทำให้นทีหันไปมอง ส่วนศรนั้นหายตัวไปตั้งแต่ปถวีเข้ามา

“เรากำลังคุยกับคนชื่อศรอยู่นะ อ้าวหายไปไหนแล้ว”

“ไม่เห็นมีใครเลย” ปถวีชำเลืองมองตามสายตาของนที แล้วหันมามองหน้านทีด้วยสีหน้าที่มีคำถาม นทีไม่รู้จะตอบยังไง เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ว่าทำไมคนที่คุยกับเขาหายไปไหน

“ชั่งเถอะ...เราว่าจะชวนทีไปข้างนอกนะ” ปถวีกลับมายิ้มอย่างคนอารมณ์ดี

“ไปไหนเหรอ” นทีหันไปถาม พอได้ยินว่าจะออกไปข้างนอก หูของเขาก็ผึ่งแล้ว

“งานวัด!” ปถวีบอกด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง นทียู่ปากใส่ เขารู้สึกไม่ค่อยอยากไปเลยสักนิด

“วันนี้มีงานวัด ไปเป็นเพื่อนเราหน่อยนะ เราอยากปาโป่ง” ปถวีทำท่าทางการปาลูกดอกไปด้วยให้นทีเห็น

“อ...อื้ม...ก็ได้”

นทีเดินกลับบ้านไปเอาของ และออกมาพร้อมกับปถวี โดยไม่ได้บอกใครเพราะไม่มีใครอยู่บ้าน แล้วทั้งคู่ก็ได้มาอยู่ในงานวัด

“จะไปไหนก่อนล่ะ” นทีมองผู้คนเริ่มพลุกพล่านภายใต้บรรยากาศที่ค่อย ๆ มืดมิด ซุ้มของกินและซุ้มเกมพร้อมให้บริการมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ฮิฮิ ต้องปาโป่งอยู่แล้ว เราจะเอาตุ๊กตามาให้”

“ไม่เอาอ่ะ ผู้หญิงชะมัด จะให้ตุ๊กตา คิดได้ไง” นทีส่ายหน้าห้ามปถวีทันที เขานั้นไม่ชอบตุ๊กตาตั้งแต่เด็กแล้ว อีกอย่างเขาเป็นผู้ชายนะ ของแบบนี้ไม่จำเป็นต้องมาให้เลย แต่ต้องทำใจเมื่อปถวีวิ่งหายไปในงานเสียแล้ว

“เจ้าชอบหรือ ตุ๊กตาที่พ่อหนุ่มนั่น จะเอามาให้เจ้า” เสียงของศรดังข้างหู ซึ่งเขามายืนอยู่ข้างนทีตั้งนานแล้ว เพียงแต่นทีไม่เห็น

“เอ๋! คุณมาได้ยังไงตกใจหมด” นทีตกใจที่ศรโผล่มาโดยไม่ให้เสียง และที่น่าสงสัยกว่านั้น เขามาที่นี่ได้อย่างไร

“ตามเจ้ามาไง” ศรยกยิ้มให้อย่างกวน เขาตามนทีมาตั้งแต่นทีออกจากบ้านแล้ว เพียงแต่ไม่มีใครเห็นเท่านั้นเอง นทีมึนงงกับคำพูดของชายตรงหน้า ที่แต่งตัวไม่เหมือนชาวบ้านและที่น่าแปลกไม่มีใครสงสัยหรือมองเลยสักนิด

“เจ้าสงสัยอะไรในตัวพี่” ศรยืนมองนที ที่มองเขาด้วยสายตาที่แปลกออกไป

“คุณทำตัวเหมือนพวกผีเลย แวบไปแวบมา” การพูดและพิจารณาชายตรงหน้า ทำให้ผู้คนที่เดินไปมารอบตัวเขาต้องหันมามอง

“ใช่ พี่เป็นวิญญาณที่รอเจ้ามานานแล้ว เจ้าจะเชื่อพี่ไหม” ศรรับรู้ได้ว่าผู้คนรอบตัวแปลกใจที่นทียืนคุยอยู่คนเดียว จึงตัดปัญหาบอกความจริงไป แต่นทีกลับตะโกนร้องออกมาเสียงดัง

“อ๊าก!” นทีวิ่งกลับไปที่รถของปถวีโดยไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น โดยไม่ลืมปิดล็อกประตูด้วยความหวาดกลัว แล้วจะมีหรือที่ศรจะไม่ตามไป

“อย่ามาหลอกผมเลยนะขอร้อง”

นทีก้มหน้าพนมมือร้องขอกับสิ่งที่ตนคิดกลัวว่าเป็นผี โดยที่ไม่ได้สังเกตเลยสักนิดว่าศรนั้น มานั่งตรงด้านคนขับและจ้องมองนทีด้วยสีหน้าเมื่อย เขาไม่เข้าใจว่านทีจะกลัวอะไรมากมายนัก กับคนรักเก่าในชาติภพก่อน ทำเป็นจำไม่ได้ว่าก่อนหน้านี้ ทั้งคุยและอยู่ใกล้กันตั้งหลายครั้งแล้ว

“แม่จัน...เจ้าจะกลัวพี่อะไรมากมายนัก นึกให้ดี ว่าพี่น่ากลัวจนถึงขั้นเอาชีวิตเจ้าเชียวหรือ” ศรขมวดคิ้วกับคนข้างกาย ที่ทำเป็นลืม ว่าก่อนหน้านี้เราทั้งสองสนิทกันเพียงใด แล้วสิ่งที่ศรบอกก็ทำให้นทีได้สติ

“ก...ก็จริงนะ” นทีค่อย ๆ เงยหน้ามองคนข้างกายตนอย่างเชื่องช้า พยายามปรับความรู้สึกที่มีต่อคนข้างตัว

“ดีแล้ว ถ้าอย่างนั้นแม่จัน กลับมาคุยกับพี่เหมือนเดิมเถอะ”

ถึงเขาจะไม่เข้าใจว่าวิญญาณข้างกายตนนี้ ทำไมต้องตามติดเขาตลอดเวลา แต่ครั้งนี้คงต้องยอมไปก่อน ส่วนศรที่รับรู้ถึงจิตใจของนที ได้เผยรอยยิ้มให้อย่างสบายใจ เขาจะได้ไม่ต้องมาคอยกังวลว่า คนรักพยายามหนีเขาทุกครั้งที่เจอหน้ากัน ทำอย่างกับว่ากำลังจับจ้องเอาชีวิตอย่างนั้น

“ผมขอถามคุณหน่อยนะครับ” นทีเว้นจังหวะการพูด เพื่อเตรียมใจว่าตนกำลังคุยกับวิญญาณอยู่

“ว่ามาสิ” ศรตั้งใจฟังสิ่งที่นทีจะพูด

“ค...คือ...ทำไมคุณถึงเรียกผมว่า แม่จัน” นทีคิดสงสัยเกี่ยวกับชื่อนี่มานานแล้ว และได้โอกาสถามเสียที

“เจ้าคงจำพี่ไม่ได้ ว่าเจ้ากับพี่เคยเป็นผัวเมียกันมาก่อน” ศรมองหน้านทีอย่างมีความหมาย

“ห๊ะ!” นทีแทบช็อก นี่เป็นรอบที่สองของวันที่เขาต้องตกใจ ตัวเขานี่นะ! เคยเป็นเมียวิญญาณตนนี้ ฟังแล้วอยากจะเป็นลม

“จะตกใจกระไร ชาติที่เราทั้งสองได้ครองคู่เป็นผัวเมียกัน เจ้าชื่อ ‘จัน’ แต่ด้วยเหตุผลอะไรหลายอย่างทำให้ต้องแยกจากกัน และเจ้าลืมสัญญาที่ให้ไว้กับพี่ ลืมแม้แต่ใบหน้าและความผูกพันระหว่างเราสอง” ศรเล่าอดีตด้วยความรู้สึกเจ็บปวดจนนทีรู้สึกได้

นทียังคงขมวดคิ้วทำสีหน้าบ่งบอกว่างงสุดฤทธิ์ แต่คงไม่มีอะไรแปลกประหลาด เท่ากับการคุยกับสิ่งที่ไม่มีตัวตนตรงหน้าแบบนี้หรอก

“เรื่องอดีต ถ้าเจ้านึกไม่ออกไม่เป็นไร ประเดี๋ยวก็นึกขึ้นได้เอง” ศรมองคนข้างกายพร้อมกับส่งยิ้มไปให้ ถึงยังไงต้องมีสักวัน ที่คนรักจะนึกทุกอย่างออกได้ คงมีแต่นทีที่มึนกับคำพูดของวิญญาณตนนี้

“ที ก๊อก ก๊อก” ปถวีเคาะกระจกรถให้นทีมองเห็นเขา เขาเห็นนทีอยู่ข้างใน แต่ไม่เห็นว่านทีทำอะไรอยู่

“อืม มีอะไรเหรอ” นทีหันไปมองศรอีกครั้ง ก่อนที่จะเปิดประตูคุยกับคนข้างนอกที่ทำท่าทางเหมือนตื่นตกใจ

“นายมาอยู่ที่นี่ ทำไมไม่บอก ทำเราตกใจหมด นึกว่าโดนอุ้มไปแล้วซะอีก” ปถวีพูดด้วยความหอบเหนื่อยจะไม่ให้เขาเหนื่อยได้ยังไง ในเมื่อเขานั้นวิ่งตามหานทีแทบจะยกร้านตามหาเลยทีเดียว

“พอดีมันเมื่อยนะ เลยเดินมานั่งรอ แล้วได้อะไรไหม” นทีจำใจต้องโกหกไป ใครจะบอกว่าหนีสิ่งไม่มีตัวตน บอกไป คงโดนหามเข้าโรงพยาบาลบ้าแน่

“ไม่ได้ตุ๊กตาหมีตัวโต แต่ได้ตุ๊กตาผีมาแทน” ปถวีชวดลูกโป่งไปหลายใบ ปาแทบไม่โดน หมดเงินไปหลายบาท ผลสุดท้ายได้ตุ๊กตาหน้าตาน่าเกลียดเป็นรางวัลปลอบใจ

“อืม” นทีมองตุ๊กตาที่หน้าตาน่าเกลียด เส้นผมยุ่งตัวกลมหัวเล็ก มีแต่ลูกตากลอกไปมาเท่านั้น มองแล้วชวนไม่อยากได้

“เดี๋ยวเราเอาไปทิ้งดีกว่า เราว่ามันไม่เหมาะกับทีเท่าไหร่” ปถวีกำลังจะเดินไปทิ้งลงถังขยะใต้ต้นไม้ใหญ่ แต่ถูกนทีดึงแขนเสื้อเอาไว้ก่อน

“ไม่เป็นไร เอามาเถอะ เราจะเก็บไว้เอง ขอบใจนะ”

นทีหยิบตุ๊กตาตัวนั้นจากมือของปถวีมาวางไว้บนตักเขา เขาไม่อยากทำให้เพื่อนต้องเสียใจ ปถวียิ้มอย่างดีใจที่นทีรับของเขา ไม่เสียแรงที่หมดไปหลายร้อยบาท

“พวกเรากลับกันเถอะ เราไม่อยากเดินต่อแล้ว”

ก่อนรถจะออก สายตาของนทีกลับเหลือบไปเห็นอาพศินกับพิมแอบออกมาเที่ยว เขาจ้องมองคนทั้งสองไม่วางตา แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ คืนนี้อารัตนาไม่อยู่บ้าน เธอออกไปค้างบ้านเพื่อน คงได้แต่กัดฟันระงับอารมณ์โกรธในใจ ไม่ให้วิ่งตรงไปกระชากหน้ากากคนหลอกลวง แล้วประจานให้อับอายต่อหน้าชาวบ้าน ให้มันไม่มีที่ยืนอยู่ตรงนี้ได้ จึงมีเสียงกัดฟันดังเล็ดลอดตามไรฟันด้วยความโกรธ

“ที เป็นอะไร” ปถวีรีบเขย่าตัวนทีด้วยความเป็นห่วง เสียงกัดฟันดังจนเขาตกใจ

ส่วนศรนั้นย้ายตัวไปนั่งข้างหลัง เขารับรู้ถึงกระแสความคิดของนทีจึงได้แต่มอง เพราะไม่สามารถทำอะไรได้เช่นกัน

“หึ ไม่มีอะไร กลับกันเถอะ”

นทีเมื่อได้สติ เขารีบปรับอารมณ์ให้คงที่ แล้วหันไปพูดกับปถวีด้วยท่าทางปกติ ส่วนปถวีเห็นว่านทีกลับมาเหมือนเดิม เขาจึงตั้งใจขับรถออกจากที่นี่ ตามที่นทีต้องการและส่งนทีด้วยความปลอดภัย

ทั้งสองได้แยกย้ายกันกลับเข้าบ้านของตน และนทีทำความสะอาดร่างกายและจิตใจ ด้วยสายน้ำจากฝักบัวเป็นที่เรียบร้อย จึงหันหลังเพื่อที่จะหยิบผ้าขนหนู

“เฮ้ย! ทำอะไรของคุณ” นทีต้องตกใจอีกครั้ง เมื่อศรใช้พลังทำให้ผ้าขนหนูลอยและมาอยู่ตรงหน้าของเขา มันยิ่งกว่าเห็นผีเสียอีก

“พี่ช่วยหยิบผ้าขนหนูให้เจ้า” ศรพูดขณะยืนพิงกำแพง มองนทีด้วยสีหน้าที่นิ่ง แต่สายตาที่มองมานั้น ทำให้นทีขนลุกซู่เลยทีเดียว

“ท...ทำไมคุณถึงเข้ามาได้ล่ะ” นทีรับคว้าผ้าขนหนูมาพันไม่ให้เห็นของสงวนของตน ถึงจะเป็นวิญญาณผู้ชายเขาก็เขินได้เหมือนกัน

“เจ้าให้พี่เข้ามาเอง พี่จึงเข้ามาได้ เทวดารักษาบ้านเรือนเห็นพี่ตามเจ้ามา ท่านจึงไม่ว่าอะไร” ศรอธิบายให้นทีฟัง โดยปกติเขาถูกสั่งห้ามไม่ให้เข้ามาในบ้าน เพราะเป็นเขตที่มนุษย์อยู่อาศัย ตั้งแต่นทีกลับมา เขาก็สามารถไปไหนมาไหนได้ จะเข้าออกบ้านก็ได้ เพราะนทีอนุญาตโดยที่เขาไม่รู้ตัว

“จำไม่ได้นะว่าเคย แต่ชั่งเถอะ” ก่อนที่ขาของนทีจะก้าวออกไป สายตาของเขาเหลือบไปเห็นวิญญาณที่ถือวิสาสะเข้ามาโดยไม่ขออนุญาต กำลังยืนมองเขาไม่วางตา

“มองผมทำไม!” นทีเหลืออด เขาจะไม่หงุดหงิดถ้าสายตาที่มองนั้น ไม่ใช่สายตาที่ผู้ชายแทะโลมผู้หญิง

“ถึงเจ้าจะเกิดในร่างผู้ชาย แต่ว่า...ในร่างนี้ช่าง...ยั่วยวนเหลือเกิน” ศรพูดออกมาโดยที่ไม่รู้สึกอายอะไรสักนิด ทำให้นทีรีบเอามือปิดช่วงบนและหันหลังหนีทันที โดยไม่ลืมทิ้งท้ายเสียงบ่นก่อนออกไป

“จะบ้าหรือไง! พูดออกมาได้ และอีกอย่าง อย่ามามองว่าผมเคยตกเป็นของคุณจะได้ไหม ได้ยินแล้วมันน่ากลัว”

“หึหึ” น้ำเสียงที่ไล่หลังนทีได้ลอยตามมาและยืนมองคนตัวบางในห้อง ซึ่งทำเหมือนเป็นเรื่องปกติที่เขาทำเป็นประจำ

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา