[My Love Is Idol] แฟนฉันเป็นไอดอล

10.0

เขียนโดย BettyLittle

วันที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2561 เวลา 22.49 น.

  5 ตอน
  0 วิจารณ์
  5,802 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2561 23.02 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

4) รางวัล

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ
     วันต่อมา~~
     และแล้วก็เช้าสักที ฉันที่ตาแข็งไปทั้งคืนต้องลุกขึ้นมาจากเตียงเพราะแสงอาทิตย์ที่ส่องผ่านผ้าม่านสีขาวที่หน้าต่างฉันหันไปมองดูนาฬิกาที่ตอนนี้มันบอกเวลาหกโมงสี่สิบห้า วันนี้ฉันต้องไปเผชิญกับอะไรที่ไม่คาดฝันอีกหรือเปล่าก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆเรื่องเมื่อคืนทำให้ฉันนอนยังไงก็ไม่หลับลองลงไปนอนที่พื้นก็ยิ่งไม่อยากหลับนึกถึงแต่ช่วงเวลาที่ปากบางๆของเอลิออสประกบมาที่หน้าผาก ฉันไม่กล้าคิดอะไรมากมายไปกว่าการบริหารเสน่ห์ในแบบแปลกๆของเขา ฉันลากสังขารตัวเองไปอาบน้ำด้วยสภาพเหมือนศพเดินได้ ฉันไปส่องกระจกในห้องน้ำตรงอ่างล้างหน้าก็ต้องตกใจกับตาตัวเอง ถ้าเอาฉันไปไว้กรงเดียวกับหมีแพนด้ามันคงคิดว่าเป็นเพื่อนมันแน่ๆ ฉันตัดสินใจอาบน้ำสระผมให้เรียบร้อยและรีบออกมาแต่งตัว วันนี้ฉันลงคอนซิลเลอร์เบาๆเพื่อปกปิดรอยคล้ำใต้ตาและทาครีมกันแดดเล็กน้อย ฉันไม่ชอบการแต่งหน้าถ้าไม่ใช่ไปร่วมงานรื่นเริงหรืองานช่วงค่ำเพราะฉันเป็นคนที่หน้ามันซึ่งมันทำให้ต้องซัพหน้าบ่อยๆ
 
     "สู้ๆไอริน วันนี้เป็นวันแรกที่เธอจะได้ทำงานอย่างเป็นทางการกับเอลิออสโอ๊ะ!ไม่สิ ตีตี้สินะ"ฉันยืนพูดกับตัวเองในกระจกวันนี้ฉันเลือกใส่สเวตเตอร์สีขาวและแน่นอนว่ากางเกงยีนส์เดฟสีขาวก็ต้องตามมาบวกกับรองเท้าผ้าใบสีชมพูคู่ใจคู่นี้เป็นรุ่นลิมิเต็ดที่ฉันต่อแถวถึงสองชั่งโมงเพื่อซื้อมันมา ฉันจะได้ใช้ก็งานนี้แหละเพราะด้วยฉันต้องการความคล่องตัวในการเดินนอนนั่งและเผื่อวิ่งฉันเลยชอบสะสมรองเท้าผ้าใบแทนที่จะเป็นรองเท้าส้นสูงเหมือนเพื่อนรักของฉันที่ตอนนี้มีส้นสูงอยู่ไม่ต่ำกว่าห้าสิบคู่
 
      ~ซารางงึล แฮซตา อูรีกามันนา~ เสียงริงโทนเสียงนี้ยัยวาเลนเซียตั้งให้ฉัน ที่จริงถ้าจะให้ฉันตั้งฉันคงตั้งของวงที่มีผู้ชายหล่อๆสติก็จะน่ารักหน่อยๆเจ็ดคนมากกว่า ฉันเดินไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเป็นเบอร์แปลกโทรเข้ามาหรือจะเป็นพวกขายประกัน
     [ฮัลโหลค่ะ]
     [ยินดีด้วยค่ะ ท่านคือผู้โชค...] ติ๊ด! ฉันกดตัดทันทีที่เสียงโอเปอเรชั่นดังขึ้น โชคดีบ้าอะไรล่ะฉันต้องมาเสียเงินก่อนแล้วได้กลับมาเท่าเดิมเนี่ยนะ พวกหลอกลวงประชาชน
     ~ซารางงึล แฮซตา อูรีกามันนา~ยังจะโทรมาอีก ฉันกดรับสายทันทีพร้อมจะพ่นคำด่าออกไปเพราะอาการนอนน้อยที่มีตอนนี้
     [นี่พวกบ้า ไม่มีทางทำมาหากินหรอถึงได้มาหลอกลวงชาวบ้านเค้าให้เสียเงินเพื่อตัวเองเนี่ยไอ้พวกบ้า ไอ้พวกสวะ ขยะสังคมไอ้...]
     [ฉันแค่ออกอัลบั้มกับจัดคอนเสิร์ตจัดงาสนแฟนมีทต่างๆนาๆแค่นี้ฉันกลายเป็นขยะสังคมเลยรึไง]
     [เอลิออส!!!]
     [ฉันบอกว่าให้เรียกตีตี้ ฉันแค่จุ๊บบอกฝันดีแค่นี้ฉันกลายเป็นขยะสังคมเลยเหรอ เธอเกลียดฉันแต่แรกก็บอกกันดีๆก็ได้นี่]
 
     [เปล่านะ เมื้อกี้มีพวกมิจฉาชีพโทรมาหลอกเอาเงินฉันแต่เช้าฉันเลยโมโห พอฉันตัดสายไปนายก็โทรมาพอดีเลยนึกว่าพวกนั้นโทรมาอีกเลยพูดอะไรแบบนั้นออกไป]
 
     [วันนี้ฉันสั่งเบรคฟัสมาสองที่กับนมสองแก้ว รีบมาก่อนมันจะเย็นถ้ามาช้าฉันจะบอกรองประธานว่าเธอละเลยหน้าที่ บาย]ติ๊ด ตีตี้ตัดสายไปโดยทิ้งท้ายไว้แบบนั้นมันทำให้ฉันลำบากนะอิตาบ้า ฉันรีบคว้าเอากระเป๋าสะพายข้างแบบแม่ลูกสีน้ำตาลฉันรีบวิ่งออกมาจากห้องพร้อมคีย์การ์ดจากนั้นฉันก็วิ่งมาไม่คิดชีวิตเลย ฉันต้องไปเร้วแค่ไหนอาหารจะได้ไม่เย็นก่อน อิตาบ้านี่วันนี้มันวันทำงานนะรถต้องติดแน่เลย ฉันรีบลงลิฟต์มาที่ลอบบี้และวิ่งแจ้นออกมาที่หน้าคอนโดก่อนจะเจอแลมโบกินี่สีเหลืองเรืองรองเหมือนอะไรสักอย่างจอดอยู่ข้างหน้าพร้อมกับชาหนุ่มร่างสูงผิวขาวใส่ชู้และเชิ๊ตสสีดำทั้งสแล็กและรองเท้าหนังก็สีดำแล้วแว่นตาสีดำนั่นมันอะไร คนๆนั้นจะไปงานศพใคร ผมที่เซ็ทมาอย่างดีทรงนี้ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชื่อว่ามาร์โก้ รอยส์ ไซด์คัท เขาหันมามองที่ฉันก่อนจะกระดิกนิ้วชี้เพื่อเรียกฉันไปหา นี่ฉันเป็นคนจริงๆใช่มั้ยในสายตาคนๆนั้น เขาเดินไปที่ฝั่งคนขับและขึ้นรถไปเงียบๆ ฉันก็เปิดประตูฝั่งตรงข้ามและรีบขึ้นไปด้วยท่าทีรีบร้อนซึ่งก็ไม่รู้จะรีบทำไม เขาล็อคประตูทันทีที่ฉันปิดมันและออกตัวมาอย่างนุ่มนวลผิดกับเมื่อคืน
 
     "ไหนบอกว่าสั่งเบรคฟัสไว้ แล้วนายมาโผล่ที่นี่ได้ยังไง แล้วไหนจะการแต่งตัวบบนี้อีก ไม่กลัวคนอื่นเห็นหรือไง"
 
     "ฉันมาคิดดูแล้วการที่ฉันมารับมาส่งหรือพาเทรนเนอร์ไปทานข้าวก็ไม่จำเป็นต้องปกปิดอะไรเพราะถ้ามีข่าวขึ้นมาจริงๆฉันจะแถลงข่าวเองว่าเธอเป็นผู้จัดการส่วนตัวที่ทางบริษัทให้มาประจำการแทนพี่ลี่ที่ตอนนี้ก็ยังไม่กลับมาจากเกาหลีเลย"
 
     "ฉันไม่อยากดังเพราะแบบนั้นหรอกนะ แล้วตกลงวันนี้ฉันจะได้ทานข้าวเช้าที่ไหนคะคนขับรถ"
 
     "อ๋อ คุณภาระก็ต้องไปทานที่ห้องผมนี่แหละครับ เพราะว่าทานเสร็จเราก็ลงไปชั้น7เพื่อใช้ห้องเรียนการแสดงอยู่แล้ว ว่าแตุ่ณภาระครับ...งานของคุณกับงานของครูสอนการแสดงมันต่างกันยังไงครับ"เป็นคำถามที่ฉันไม่เคยคิดมาก่อน แต่การที่มาเรียกฉันว่าภาระนี่มันยังไง อะไร แบบไหน ไอ้ลิงกังเอ้ย
 
     "ฉันก็จะช่วยทำให้นายสามารถปรับอารมณ์ได้สมกับบทบาทมากขึ้นแ่เป็นคนที่สอนนายเฉพาะมีซีนอารมณ์เท่านั้น ไม่เกี่ยวกับท่าทางการพูดการจาเหมือนการสอนการแสดง"
 
     "ฉันก็ถามไปงั้นแหละ เดี๋ยวเธอจะนั่งโง่ๆเกร็งๆเหมือนตอนอยู่ที่สนามบินมันดูน่าหงุดหงิดสำหรับฉัน"
 
     "..."ฉันเบ้ปากใส่เขาและนั่งเงียบๆโง่ๆต่อไปบนรถของเขา และในที่สุดเราก็มาถึงบริษัทที่วันนี้ค่อนข้าวุ่นวายเพราะพวกเขาต้องเปลี่ยนตารางการใช้ห้องหัดห้องฝึกห้องซ้อมใหม่ทั้งหมดเพราะพ่อซุปเปอร์สตาร์คนนี้คนเดียว  ทันทีที่เขาจอดรถฉันก็รีบปลดเข็มขัดนิรภัยออกและรีบเปิดประตูลงไปรอเขาข้างนอก เขาเปิดประตูลงมาด้วยท่าทางที่แสนจะธรรมดาแต่เวลามองแล่วมันไม่ธรรมดาเพราะอะไรฉแันก็ไม่เข้าใจแต่ฉันรู้สึกเหมือนเห็นออร่าสีขาวรางๆแผ่ออกมาจากตัวของเขา นีี่มันคือความฝันระดับเอชดีชัดๆ เขาปอดประตูรถและหันมามองฉันก่อนจะเดินนำหน้าฉันฉันไปอย่างไม่รีรอ "รอฉันด้วยสิ!"
 
     "ไม่!"เขาไม่หันมามองแต่กลับเดินเร็วขึ้นกว่าเดิม ฉันรีบวิ่งตามหลังเขาไปเกิดมาขาสั้นกว่าแค่นิดเดียวแต่ก็เดินไม่ทันชาวบ้านเค้าจะสงสารหรือสมเพชตัวเองดี เราเดินเข้ามาในลอบบี้เพื่อขอกุญแจเปิดใช้ห้องซ้อมไม่นานพนักงานที่ลอบบี้ก็นำกุญแจมาให้ ฉันรับเอาไว้และเราก็เดินไปขึ้นลิฟต์เพื่อไปทานเบรคฟัสที่ตีตี้สั่งไว้
     "เบรคฟัสไง จะให้สั่งหมูหันมากินแต่เช้าเลยรึไง!"ตีตี้ตอบเสียงเข้มบางทีฉันก็คิดนะว่าทำไมเวลาที่เราสองคนจะมาทานข้าวทีไรเขาต้องมีอารมณ์แปลกๆตามมาทุกที หรือครั้งนี้จะโมโหหิวถึงตอบแบบนี้
 
     "ฉันก็แค่สงสัย ทำไมต้องทำเสียงดุด้วย"ฉันเลิกพูดและสนใจแต่ประตูลิฟต์ที่อยู่ตรงหน้า ที่นี่มีลิฟต์หลายตัวก็จริงแต่คนก็มีเยอะเหมือนกันวันนี้เผื่อเราจะได้ขึ้นไปห้องของตีตี้ก็เกือบ10นาทีเพราะมีคนรอขึ้นลิฟต์เกือบจะทุกชั้นทำให้เราต้องใช้เวลามากกว่าเดิม และในที่สุดเราก็มาถึงสถานที่ที่เรียกว่าห้องพักสักที 
 
     "..."ตีตี้ไม่พูดไม่จาอะไรเขาเดินเข้าห้องไปเงียบๆและตรงไปที่โต๊ะอาหารทันที เขาถอดแว่นตาและสูทออกและที่สำคัญคือกระดุมเม็ดที่หนึ่งสองสามก็ถูกปลดออกเหมือนกันทำให้ฉันตอนนี้เริ่มจะอยากอาหารขึ้นมาสักหน่อย ฉันเดินมานั่งที่โต๊ะอาหารดูแล้วเหมือนอาหารเพิ่งจะมาเสิร์ฟเมื่อไม่นานเพราะยังมีควันสีขาวลอยขึ้นมาจากอาหารตรงหน้าในจานใบใหญ่ตรงหน้ามีไข่ดาวสองฟองเบคอนและสลัดน้ำใสพร้อมกับนมสดคนละแก้ว ที่จริงฉันทานไข่ฟองเดียวกับนมอีกแก้วก็อิ่มแล้ว ฉันเริ่มทานไข่ดาวฟองสวยตรงหน้าด้วยความรู้สึกหิวเล็กน้อย
 
     "ที่นี่ทอดไข่สวยจังเลย ฉันเพิ่งเคยทานอาหารที่นี่ครั้งแรกเลย"
 
     "..."อาตี้นั่งทานอาหารอย่างเงียบๆไม่สนใจที่ฉันพูดเลยแม้แต่นิดเดียวทั้งๆที่บนรถก็ยังคุยกันดีๆแท้ๆ 
 
     "อื้ม นมอร่อยจัง"ฉันทานไข่ฟองแรกเสร็จก็ดื่มนมในแก้วจนหมดแล้ววางมีดกับซ้อมไว้บนจาน
     "อิ่มแล้วเหรอ"และแล้วหุ่นยนต์ตัวนี้ก็สามารถวิวัฒนาการตัวเองจนสามารถพูดได้
 
     "อื้อ ปกติฉันก็กินแค่นี้แหละ"ฉันพูดเสร็จก็ลุกขึ้นและยกจานขึ้นมาเพื่อจะเอาไปทำความสะอาด
 
     "หยุด นั่งลงซะแล้วก้ทานต่อเป็นเพื่อนฉันจจนกว่าฉันจะอิ่ม"เสียงเรียบเย็นชาอันแสนน่ากลัวดังมาจากชายที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทำให้ฉันนั่งลงอย่างขัดไม่ได้และวางจานลงก่อนจะจับมีดและซ้อมขึ้นมาหั่นเบคอนเป็นชิ้นเล็กๆและค่อยๆจิ้มขึ้นมากินทีละชิ้นช้าๆถึงแม้ว่าจะอิ่มมากก็ตาม "ตัวผอมยิ่งกว่าเด็กขาดโปลิโอยังจะกินเท่าแมวดมอีกเหรอ เดี๋ยวก็ได้เป็นลมกันพอดี"คำพูดนี้ทำให้ฉันรู้สึกไม่เกร็งขึ้นมานิดหน่อย ที่แท้เขาก็เป็นห่วงฉันนี่เอง  "ฉันแค่กลัวเธอเป้นลมเพราะทำงานหนักแล้วเป็นภาระฉัน ฉันเลยต้องให้เธอกินเยอะๆ อย่าคิดว่าฉันเป็นห่วงเธอแล้วกันนะ" ใช่ฉันมันแค่มโนดีใจไปเอง
     "นายรีบทานเถอะ วันนี้วันแรกฉันจะทำหน้าที่ให้เต็มที่"
 
     "วันนี้ฉันให้เวลาเธอถึงเที่ยงนะเทรนเนอร์ ตอนบ่ายฉันอยากไปเดินเล่นห้างนิดหน่อยเผื่อได้ใช้เงินแล้วอารมณ์ดีขึ้น"
 
     "ว่าแต่ นายเป็นอะไรอยู่ดีๆลงจากรถก็ไม่พูดไม่จาอารมณืก็เหมือนจะไม่ค่อยดี"
 
     "เปล่าซะหน่อย ฉันแค่ไม่ชอบการแต่งตัวของเธอ เธอไม่เห็นเวลาสายคนอื่นเขามองเธอเหมือนจะกินเธอบ้างเลยเหรอ ฉันไม่ชอบที่จะเห็นสายตาแบบนั้น เพราะฉะนั้นช่วยแต่งตัวเหมือนยายเพิ้งจะได้มั้ย ถ้าจะแต่งสวยก็ไม่ต้องมาทำงานกับฉัน"
 
     "นายจะบอกว่าฉันสวยใช่มั้ย"
 
     "บ้าเหรอ ฉันแค่หมายความว่าฉันกลัวพวกตาถั่วจะมองเธอเป็นอย่างอื่นต่างหาก...ฉันอิ่มแล้ว เราลงไปห้องฝึกกันเลยดีกว่า" อยู่เขาก็เปลี่ยนเรื่องพูดซะงั้น แต่อย่างมากเขาก็มองว่าฉันสวยฉันมั่นใจว่าฉันได้ยินคำนั้นแน่นอน ฉันเก็บจานของเขาและของฉันไปเทเศษอาหารลงถังขยะและวางไว้ที่โต๊ะ เพราะพนักงานจะมารับจานคืนทุก2ชั่วโมงหลังจากมาเสิร์ฟ เขาเเปิดประตูห้องออกไปก่อนฉัน ฉันก็รีบออกมาจากห้องและลงไปห้องฝึกตามเขา ดูเหมือนอารมณ์จะยังไม่ดีเท่าไหร่ แต่เขาก็คจะมืออาชีพพอที่จะเรียนได้อย่างเรียบร้อยพูดน้อยอ่อนหวานน่ารักเรียบง่ายไม่ดื้อไม่ซน อาตี้เปิดประตูห้องฝึกเข้าไปอย่างไม่รอช้า ตอนนี้ก็ปาเข้าไปเก้าโมงเช้าแสดงว่าฉันมีเวลาแค่3ชั่งโมงในการเทรนวันนี้
 
     "งั้นฉันจะเริ่มที่บทดราม่าเรียกน้ำตาก่อนเลยแล้วกัน เอาเป็นเรื่่องนี้แล้วกันนะเป็นบทตอนที่พระเอกต้องเสียใจครั้งใหญ่เพราะนางเอกต้องมาประสบอุบัติเหตุเพราะนาย! เพราะพระเอกของเราหูเบาและมาสำนึกได้ตอนเห็นนางเอกนอนจมกองเลือดตรงหน้า มา...เริ่ม"
 
     "..."อาตี้เงียบยืนกอดออกมองมาที่ฉัน
 
     "ฉันให้นายเรียกน้ำตาเพราะบทดราม่านี้ไง"
 
     "ฉันไม่มีอะไรให้เศร้าทำไมต้องร้องไหด้วยล่ะ"
 
     "นั่นสินะฉันก็ลืมนึกไปว่าทำไมเขาถึงส่งนายมาเรียนเสริมเรื่องนี้ งั้นนายลองนึกถึงตอนที่นายเจอเรื่องที่เสียใจที่สุดสิ"
 
     "เรื่องอะไรล่ะ"
 
     "นายเสียใจมากเพราะหมาน้อยที่นายเลี้งต้องมาตายตรงหน้า"
 
     "ฉันไม่เลี้ยงหมา"
 
     "แมว"
 
     "ฉันไม่เลี้ยงสัตว์"
 
     "พ่อตายแม่ป่วย"
 
     "นี่เธอ!!!!!!"
 
     "ขอโทษที...แต่นายไม่เคยมีเรื่องที่เสียใจมาก่อนเลยรึไง"
 
     "....."อาตี้เงียบไปเขาก้มหน้าลงและมือของเขาก็เริ่มสั่นเหมือนกำลังกลัวหรือโกรธอะไรสักอย่าง ไม่นานก็เงยหน้าขึ้นมาพร้อมกับน้ำที่ตาไหลออกมาไม่หยุด ที่จริงเขาก็เก่งเหมือนกันนะไม่นานน้ำตาก็ไหลออกมา ไหนบอกว่าทำอารมณ์ไม่ได้
 
     "นายโอเคมั้ย"ฉันเดินเข้าไปไกล้เขา
 
     "ฉันโอเค" อาตี้เช็ดน้ำตาออกและปั้นหน้านิ่ง"ฉันเก่งใช่มั้ยล่ะ อึ้งล่ะสิ หึ!" เขาคงแค่พยายามทำอารมณืเท่านั้นแหละมั้ง แต่ในใจฉันกลับคิดว่าเขาต้งรู้สึกอัดอั้นอะไรสักอย่างจนมันล้นออกมาเป็นน้ำตา
 
     "นายคิดเรื่องอะไรอยู่ ทำไมน้ำตานายไหลออกมาเยอะขนาดนั้นล่ะ"
 
     "ฉัน ฉันนึกถึงตอนที่มีคนมาเอาเสื้อแจ็คเก็ทราคาหลักแสนของฉันไปน่ะสิ ฉันเลยร้องไห้หนักมาก"
 
     "ฟังดูเข้าท่าเนอะ"ฉันประชดเขา
 
     "ฉันเหนื่อยแล้ว ไปเดินห้างกันดีกว่าป่ะ" อาตี้เปลี่ยนเรื่องและจับมือฉันลากออกมาจากห้องฝึก นี่มันผ่านไปไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำเขากลับบ่นว่าเหนื่อย ฉันจะได้เงินเดือนเทาไหร่ล่ะเนี่ย 
 
     อาตี้ลากฉันออกมาจากตึกอย่างรวดเร้ว ด้วยแรงที่เขาดึงมามันทำให้ข้อมือฉันเป็นรอยแดง แต่ก็ใช่ว่าจะเจ็บอะไรมากมาย เราเดินออกมาที่โรงจอดรถ ฉันขึ้นรถไปเงียบๆโดยไม่พูดอะไร ท่าทางอาตี้ตอนนี้เขาดูเหมือนเศร้าอยู่ตลอดแต่ก็แกล้งยิ้มกลบเกลื่อน
 
     "..."
 
     "..." เราทั้งคู่เงียบตลอดทางจนตอนนี้ฉันเริ่มสงสัยแล้วว่าทำไมอาตี้ถึงร้องไห้ได้ในตอนนั้นแต่ก็ไม่กล้าถามอะไรเดี๋ยวเขาจะหาว่าฉันอยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา
 
     "ที่จริงเมื่อก่อนฉันเคยมีแฟนนะ แต่ว่าฉันต้องมาเสียเธอไปเพราะความไว้ใจที่มีให้พวกเค้ามากเกินไปทำให้คนพวกนั้นหักหลังฉัน นั่นคือเรื่องที่ฉันพยายามลืมมาตลอดตั้งแต่เกรด10(ม.4)จนทุกวันนี้ เพราะมันคือเรื่องที่ฉันเกลียดและกลัวมาก..."
     "ฉันขอโทษนะที่ทำให้นายต้องนึกถึงมัน"
 
     "ใช่ เธอทำให้ฉันเสียใจมากเทรนเนอร์ เพราะฉะนั้นวันนี้เธอต้องตามใจฉัน"
 
     "ได้สิ ถ้ามันไม่ยากเกินความสามารถของฉันน่ะนะ"อาตี้ส่องดูตึกสูงใหญ่ตรงหน้าที่เรียกว่าเซ็นทรัลฯ
 
     "ถึงแล้ว...เธอรอฉันข้างหน้านี้นะ เดี๋ยวฉันเอารถไปเก็บก่อน" เขาให้ฉันลงที่หน้าเซ็นทรัลฯและเอาไปเก็บสักพักหนึ่งทุกคนก็พากันมองไปที่ทิศทางเดียวกันนั่นทำให้ฉันเผลอหันไปมองด้วย เป็นอย่างที่คิดเมื่อชายหนุ่มที่ไม่ว่าจะมองยังไงออร่าของเขาก็เตะตาชาวบ้านไปหมดกำลังเดินมาทางฉัน อาตี้ที่ปกติจะต้องพรางตัวสไตล์นอกโลกแต่วันนี้กลับใส่เชิ๊ตโชว์หวิวปลดกระดุมสามเม็ดพร้อมกับผมที่เซ็ทมาอย่างดีทำให้ทุกคนรู้ทันทีว่าคนๆนี้คือใคร เขาเดินมาหาฉันอย่างรวดเร็วและพูดว่า"เธอช่วยเป็นการ์ดให้ฉันสักวันแล้วกันนะไอริน"พูดไม่ทันขาดคำฝูงชนทั้งหลายก็วิ่งเข้ามารายล้อมเราและฉันที่ต้องทำตัวเป็นการ์ดต้องกลายเป็นผักกาดไปก่อนเพราะตอนนี้โดนเบียดจนกระเด็นออกมาจากอาตี้เรียบร้อยแล้ว ตอนนี้แม้แต่เส้นผมของเขาฉันก็มองมาเห็นด้วยซ้ำไม่ว่าจะกระโดดยังไงก็ไม่เห็นอะไรเลยนอกจากผมของสาวๆตรงหน้า  ฉันรอสักพักให้คนที่มามุงค่อยๆลดน้อยถอยลงจนหายกันไปหมด"ขอบคุณที่รักผมนะครับ ผมขอตัวก่อนนะ"อาตี้โปรยเสน่ห์มหากาฬออกมาให้แฟนคลับและเดินมาหาฉัน
 
     "เป็นนายนี่ลำบากน่าดูเลยเนาะ"
 
     "ไม่หรอก บางทีฉันก็แค่อยากออกมาเป็นกำลังใจให้คนอื่นบ้าง"ที่จริงก็พูดถูกเพราะบางคนอาจจะเหน็จเหนื่อยแต่พอได้เห็นเขาแล้วกลับยิ้มเบิกบานได้ทั้งวันเหมือนฉันคนนี้

 

     "งั้นเราก็ไปกันเถอะ"

 

     "ไปสิ!"อาตี้เริ่มออกตัวด้วยการตรงไปที่ร้านเสื้อผ้าแบรนด์เนมทันที เขาเดินเข้ามาเลือกเสื้อผ้าที่อยู่ในราวราคาหลักหมื่นออกมา9ตัวและบอกให้พนักงานมาเอาไปใส่ถุงและคิดเงินทันที ฉันไม่เข้าใจนิสัยคนมีเงินจริงๆไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่ต้องมานั่งคิดว่าจะใช้เท่าไหร่ใช้ทำไมเหมือนชีวิตฉัน ไม่นานพนักงานก็ถือถุงใส่เสื้อผ้าของเขาออกมาทั้ง9ถุง อาตี้หันมามองฉันและเบือนหน้าใส่ถุงนั้น

 

      "ฉัน...อะไร"ฉันชี้มาที่ตัวเองด้วยความงง

 

     "มาถือสิ เธอจะใก้ฉันถือรึไง"

 

     "ของใครคนนั้นก็ถือสิ"

 

     "เธอบอกจะตามใจฉัน มาถือเลยนะ"อาตี้เริ่มชักสีหน้า เขาเดินไปรูดบัตรเครดิตในขณะที่ฉันเดินต้อยๆไปถือถุงให้เขา เราเดินออกจากร้านนี้และเขาก็เดินเข้าร้านรองเท้าต่อไม่ขาดสาย เขาซื้อรองเท้าหลายแบบหลายสไตล์และหลายสีจนฉันคิดว่าเขาต้องไปเดินแฟชั่นหรืออะไรสักอย่างแน่นอนเพราะฉันเป็นโรคไม่เข้าใจแฟชั่นและของทุกอย่างที่เขาซื้อต้องมาอยู่มือของฉัน น่าแปลกใจที่ตอนนี้ไม่มีใครมาขอลายเซ็นต์หรือถ่ายรูปกับเขาเลย แต่มันก็สบายใจไปอีกแบบถึงแม้บางครั้งเขาจะโดนจ้องเหมือนเป็นอาหารของเสือหิวก็ตาม

 

     2ชั่วโมงผ่านไป~~

 

     ฉันเดินขาลากพร้อมกับของที่อาตี้ซื้อที่ตินนี้มันกำลังจะท่วมหัวฉัน เขาเดินเข้าเกือบจะทุกร้านในห้างนี้ หรือการเป็นดารามันจะค่าตัวชั่วโมงละล้านทำไมเขาถึงได้ใช้เงินเปลืองแบบนี้ ฉันเดินหอบตามหลังเช้าอย่างเชื่องช้า ตอนนี้ก็บ่ายแล้วและฉันก็เริ่มท้องร้องแล้วด้วย

 

     "ฉันไม่ไหวแล้วนะ ไปพักทานข้าวกันนะอาตี้" อาตี้หันมามองฉันที่ตอนนี้เหมือนคนกำลังจะกลายเป็นซอมบี้

 

     "ฉันบอกแล้วว่าให้เธอทานข้าวเช้าเยอะๆ แต่ตอนนี้ก็บ่ายแล้ว งั้นฉันจะพาเธอไปร้านโปรดฉันแล้วกันนะ แต่ก่อนอื่นฉันขอไปห้องน้ำแปปนึงนะ"

 

     "รีบมานะ ไม่งั้นฉันได้กินหัวนายแทนแน่"อาตี้ยิ้มกรุ่มกริ่มก้อนจะเดินไปห้องน้ำ ตอนนี้ฉันก็เริ่มหาร้านอาหารเพื่อประทังชีวิตรอเขาก่อน ฉันเดินไปติดกลิ่นหอมของเนื้อย่างเตาถ่านจากร้านอาหารชื่อดังร้านหนึ่งที่ยู่ไม่ไกลนักและยืนมองอยู่ตรงนั้นด้วยการมโนถึงรสชาติอันหอมหวานของมันรออาตี้และฉันก็ต้องอยู่ในภวังนั้นไปสักระยะ

 

     [เอลิออส]

 

     หลังจากแกล้งเทรนเนอร์น้อยแล้วผมก็รู้สึกอย่างเข้าห้องน้ำขึ้นมา ที่จริงผมก็มัวแต่เพลินกับการใช้เงินจนลืมดูเวลาว่าเลยเวลาทานข้าวมาแล้ว ผมหันไปเห็นเทรนเนอร์ที่สภาพเหมือนไปวิ่งฝ่าสงครามอะไรมาแล้วก็อดสงสารไม่ได้ ผมเข้าห้องน้ำล้างมือเสร็จก็รีบเป่าให้แห้งและออกมาจากห้องน้ำ ระหว่างทางเดินที่เชื่อมกับทางไปห้องน้ำหญิงมีผู้หนึ่งกลุ่มหนึ่งกำลังยืนจับกลุ่มคุยกัน แล้วมีผู้หญิงคนหนึ่งหีนมามองผมผมจึงรีบเดินออกมาอย่างเร็วเพราะผมคิดว่าอีกไม่นานต้องมีการวิ่งมามาราธอนเกิดขึ้น ผมหันไปมองข้างหลังเพื่อตรวจดูว่าพวกเธอตามมาหรือเปล่าและแน่นอนว่าใช่ แต่พวกเธอวิ่งช้ามากเพราะใส่ส้นสูงและพื้นก็ค่อนข้างแข็งและลื่น ผมวิ่งออกมาอย่างรวดเร็วและมองหาเทรนเนอร์ตัวน้อยตอนนี้เธอยืนอยู่ที่ข้างร้านปิ้งย่างชื่อดังร้านหนึ่งท่าทางเหมือนจะเข้าไปสิงกับผนังกระจกใสของร้านมันเป็นภาพที่ค้อนข้างน่ากลัวนิดหน่อยผมวิ่งไปหาเธอทันทีและรีบดึงเธอวิ่งหนีกลุ่มสาวๆที่กำลังตามมา

 

     "นี่ อะไรของนายฉันกำลังดูอาหารแสนอร่อยอยู่นะ"ผมไม่สนใจจะตอบเธผมไม่สนใจจะตอบเธอและวิ่งมาเรื่อย ผมพาเธอเข้ามาที่ช่องทางขึ้นลงบรรไดผมกลัวพวกผู้หญิงที่จับกลุ่มใหญ่ๆแต่งตัวโชว์หน้าโชว์หน้าลงหลังมากเพราะผู้หญิงแบบนี้ชอบถ่ายรูปแล้วเอานั่นเอานี่มายัดใส่ตัวผมพูดให้นึกภาพออกก็คือชอบเอาหน้าอกหรือไม่ก็แก้มมาดันตัวผมนั่นเอง มันทำให้ผมรู้สึกวาบหวิวและกลัวในเวลาเดียวกันนั่นคือเหตุผลที่ผมต้องวิ่ง

 

     "เอลิออสวิ่งมาทางนี้นี่"เสียงของพวกเธอดังขึ้นไกล้ๆกับเรา ผมเอาของที่ซื้อมาจากเทรนเนอร์น้อยเพื่อถือเองเพราะดูท่าทางแล้วเธอคงจะเหนื่อยมากและเปิดประตูส่องดูสาวๆกลุ่มนั้น ตอนนี้พวกเธออยู่ด้านนอกใกล้กับเรามากและกำลังเดินมาทางนี้

 

     "นายลากฉันมาทำไมเอลิออส ฉันรินายตั้งนานแล้วยังหิวมากด้วย"

 

     "เงียบก่อนได้มั้ย เรียกฉันว่าอาตี้เหมือนเดิมด้วย"ผมพูดเสียงกระซิบกับไอรินบอกให้เธอเงียบเพราะสาวๆกลุ่มนั้นกำลังมา

 

     "เงียบบ้าอะไร ฉันหิวมากเลยนะเอลิออส แบ้วนายยังจะมาดึงฉันวิ่งอีกทำไมก็ไม่รู้ เอลิออสนายมันบ้า ใจร้ายที่สุด"โอ้ย ทำยังไงก็ไม่หยุดพูดสักทีมือก็ไม่ว่างจะปิดปากเธอก็ไม่ได้มันก็คงเหลือแค่วิธีเดียวแล้วล่ะ ผมดันตัวไอรินติดกับผนังข้างๆและจูบเธอเบาๆเพื่อมห้เธอหยุดพูด ขอโษนะเทรนเนอร์น้อย ฉันจำเป็นต้องทำแบบนี้จริงๆ ไอรินหลับตาลงและเงียบไป

 

     "หรือว่าเราจะคิดไปเองว่าเป็นเอลิออส"

 

     "นั่นสิ สงสัยจะแค่พวกศัลยกรรมแล้วหน้าเหมือนมากกว่า"

 

     "งั้นเราก็รีบไปชอปปิ้งกันต่อดีกว่า" เสียงของสาวๆกลุ่มนั้นคุยกันอยู่หน้าประตู ผมยังคงประจูบไอรินเอาไว้เพราะกลัวเธอจะโวยวายต่อ 

 

     "...."เสียงข้างนอกเงียบไปทำให้ผมดันตัวเองออกมาจากไอรินและเปิดประตูส่องดูคนข้างนอก ตอนนี้ทางสะดวกผมจึงสะกิดไอรินที่ตอนนี้ยังหลับตาอยู่ให้มองผม

 

     "ไปทานข้าวกันเถอะ เทรนเนอร์ตัวน้อย"

 

     "อะ อือ อื้ม"ไอรินท่าทางเกร็งๆพูดติดขัดทำเหมือนไม่เคยโดนจูบไปได้

 

     "ตามมาเร็วๆเลย หิวมากเลยไม่ใช่หรอ"ผมพูดเสียงนุ่มนวลกับเธอและพาเธอมาที่ร้านปิ้งย่างที่เธอมาสิงสถิตเมื่อครู่ที่นี่มีอาหารน่ากินเยอะแยะ ผมเลือกไปนั่งตรงจุดที่วิวสวยที่สุดในร้านและนั่งลงเลือกเมนูผมเลือกเป็นบุฟเฟ่ต์ปิ้งย่างชุดใหญ่แบะขอน้ำส้มคั้นกับน้ำเปล่า 

 

     "..."

    

     "เธอโอเครึเปล่า"ผมหันไปมองไอรินที่เงียบมาสักพัก ตินนี้หน้าเธอแดงมากเหมือนคนไม่สบาย ผมยื่นมือไปเตะที้หน้าผากของเธอเพื่อจะวัดไข้

 

     "เห้ย!!!"ไอรินสะดุ้งและอุทานเสียงดังด้วยท่าทางตกใจ

 

     "เธอไม่สบายหรือเปล่าไอริน หน้าแดงมากเลย"ไอรินเอามือสองข้างขึ้นมาจับแก้มตัวเอง

 

     "ฉันหิวน่ะสิ เลยอาการแปลกๆ"

 

     "ฉันขอโทษนะที่ไป จะ จะ จูบเธอน่ะ"และก็ติดอ่างตามกันไป

 

     "อึ๊ก สะอึก"ไอรินสะอึกทันทีที่ผมพูดเรื่องนั้นทำให้ผมรู้ได้เลยว่าตอนนี้เธอกำลังเขินกับเรื่องนั้น พนักงานนำน้ำและเนื้อวัวชุดใหญ่มาเสิร์ฟแล้วเราก็เปลี่ยนอารมณ์ทันทีที่เห็นอาหารตรงหน้า ตาไอรินเป็นประกายทันทีที่เธอเห็นเนื้อ ผมเริ่มย่างเนื้อทันทีเพราะหมาน้อยตรงหน้าท่าทางจะหิวมาก สำหรับผมแล้วเธอดูเป็นธรรมชาติและไม่เหมืนสาวๆที่ผมเคยรู้จัก วันนี้ได้รู้อะไรหลายอย่างและสนุกมากๆ ดพราะฉะนั้นการจูบเมื่อกี้ก็ถือเป็นรางวัลจากผมแล้วกัน

 

     "ขอโทษที่รบกวน ขอนั่งด้วยคนได้มั้ยครับ"เสียงทุ้มที่ผมคุ้นเคยดังขึ้นมาจากชายคนที่ยืนอยู่ข้างๆไอริน เขาคือคนที่ผมไม่อยากเห็นหน้าที่สุดในโลกนี้ เขาคือ'ลีโอ'

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา