เถื่อนร้ายบัญชารัก

10.0

เขียนโดย Phaky

วันที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 14.31 น.

  37 ตอน
  0 วิจารณ์
  32.80K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2561 08.47 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

15) BadDay

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เว็บขีดเขียน

 

เว็บขีดเขียน

 

“นั่นนังพิ้งค์นี่นา มันมาทำอะไรที่นี่”

ระหว่างที่เลื่อนสายตามองผ่านแขกในงานไปเรื่อยๆ ดวงตาเย้ายวนของนาตาชาก็สะดุดอยู่กับเรือนร่างเล็กบางของผู้หญิงในชุดสูทกางเกงเข้าชุดสีดำคนหนึ่ง จากลักษณะเครื่องแต่งกายบ่งบอกว่าหญิงสาวคือพนักงานของโรงแรม แต่บังเอิญว่าพนักงานคนนั้นกลับมีใบหน้าสวยหวานละม้ายคล้ายนังแพรชมพูนี่นะสิ นาตาชาจึงขยับตัวลุกขึ้นนั่งตรงๆแล้วเพ่งมองอย่างตั้งใจจึงได้รู้ว่าเป็นแพรชมพูจริงๆ ไม่รอช้า นางแบบสาวรีบปรี่เข้าหารุ่นน้องสุดรักสุดชังทันที

“อุ้ย!”

“มานี่!”

แขนเรียวถูกกระชากอย่างแรงจนร่างบางต้องหมุนตัวกลับหลัง ตอนแรกนึกว่าแขกในงานที่เมามากจนขาดสติ แต่กลับไม่ใช่ ดวงตาหวานซึ้งเบิกกว้างเมื่อรู้ว่าผู้ที่กล้ากระทำอุกอาจตรงหน้าคือนาตาชา ใบหน้าสวยเฉี่ยวของรุ่นพี่ที่เคยอ่อนหวานดูดุกร้าวจนน่ากลัว แต่เพียงแค่อุทานสั้นๆไม่ทันได้ทักทาย แพรชมพูก็ถูกนาตาชาลากพาไปยังโต๊ะรับรองที่หญิงสาวจับจองเมื่อครู่พอจับร่างเล็กของรุ่นน้องสาวกระแทกลงบนโซฟาได้ นาตาก็เปิดปากซักในสิ่งที่อยากรู้ทันที

“แกหายหัวไปไหนมาฉันโทร.ไปทำไมไม่รับ!”

พอเห็นใบหน้าของแพรชมพูก็เหมือนเห็นภาพที่ฟรานซิสโก้กำลังยืนกอดจูบกับผู้หญิงคนอื่นซ้อนทับขึ้นมา ความทรงจำในวันที่โกรธจัดหวนกลับ ความคั่งแค้นผิดหวังที่ถูกชายหนุ่มสลัดทิ้งโดยไม่รู้ตัวบวกความเกลียดชังสตรีหน้าด้านที่มาแย่งความสนใจจากมหาเศรษฐีหนุ่มไปทำให้นาตาชาลืมตัว หญิงสาวจึงจิกหัวเรียกแทนตัวแพรชมพูเหมือนที่ชอบเรียกลับหลังและไม่ทันปรับสีหน้าให้อ่อนหวานอย่างที่เคยทำ

“คือ...พิ้งค์ พิ้งขอโทษค่ะพี่แน็ตตี้ พอดีพิ้งค์...”

“แกเห็นหน้านังนั่นไหม รู้จักหรือเปล่าว่ามันเป็นใคร” ความร้อนใจอยากรู้ทำให้นาตาชาขี้เกียจฟังคำแก้ตัว

“มะ...ไม่ค่ะ พิ้งค์เห็นไม่ชัดค่ะเลยไม่รู้ว่าใคร”

แพรชมพูก้มหน้ามองตักตัวเองก่อนปฏิเสธออกไปด้วยความรู้สึกผิด รู้ดีว่าคำถามของนาตาชานั้นหมายถึงใบหน้าของผู้หญิง แต่ไม่รู้ทำไมในห้วงความคิดของคนถูกถามยามนึกถึงเรื่องราวในวันวานจึงปรากฏแต่เพียงใบหน้าคมแข็งกระด้างของผู้ชายใจร้ายคนนั้น ไม่ว่าจะพยายามตั้งสมาธิตัดเขาออกไปเท่าไร ก็ยังมีแต่ภาพของเขากำลังส่งยิ้มเย้ยหยันมาให้เธอจนความเจ็บร้าวหัวใจที่คิดว่าหายไปพร้อมกับอาการป่วยทางกายมันย้อนกลับมาอีกครั้ง

“ไม่ได้เรื่อง!”

คำตอบของแพรชมพูน่าผิดหวังจนทำให้นาตาชาพลั้งเผลอแสดงตัวตนที่แท้จริงออกมาอีกครั้ง จริงอยู่ว่าหลังจากส่งไฟล์ภาพหน้าโรงแรมให้เธอแล้วหลังจากนั้นนักสืบสาวก็ขาดการติดต่อ แต่การพบเจอแพรชมพูตัวเป็นๆในวันนี้ทำให้นาตาชายังพอมีความหวังว่าจะได้รู้ความจริงว่านังผู้หญิงหน้าด้านที่ฟรานซิสโก้ลากไปกกกอดคือเพื่อนร่วมอาชีพสังกัดเดียวกันจริงหรือเปล่า จะได้รู้ว่าควรจัดการกับเพื่อนทรยศอย่างไรจึงจะสาสมกับความคัน แต่นี่กลับไม่มีข้อมูลอะไรให้เธอเลย ขอเพียงแค่แพรชมพูมีคำตอบให้ว่าใช่หรือไม่ใช่แค่นั้น มันก็เพียงพอจะให้เธอเลิกฟุ้งซ่านและคิดต่อไปได้ว่าจะทำอะไรและอย่างไร แต่กลายเป็นว่าเธอต้องทนอยู่กับความกังขาและสายตามีเลศนัยของนังอลีนาต่อไปไม่จบสิ้น เธอใช้คนผิดจริงๆ นังพิ้งค์มันโง่สิ้นดี!

“พิ้งค์ขอโทษค่ะ”

สีหน้าท่าทางและสายตาเกรี้ยวกราดของนาตาชาไม่ได้ทำให้แพรชมพูนึกโกรธรุ่นพี่คนสวย แต่กลับทำให้หญิงสาวรู้สึกผิดที่ทำงานไม่สำเร็จอย่างที่ได้รับความไว้ใจ แพรชมพูยังเข้าใจว่าฟรานซิสโก้เป็นคนรักกับเพื่อนของนาตาชา และคิดไปว่าภาพถ่ายของสองคนนั้นในห้องพักจะต้องมีความสำคัญมากกับชีวิตของลูกผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกคนรักนอกใจ เป็นต้นว่าใช้เป็นหลักฐานสำคัญในการฟ้องหย่า เมื่อเธอทำไม่สำเร็จ มันจึงส่งผลกระทบกับเพื่อนของนาตาชา และตัวนาตาชาก็คงถูกเพื่อนตำหนิมาอีกทีเรียกว่าเดือดร้อนกันเป็นทอดๆเพราะความไม่ได้เรื่องของเธอคนเดียว

“พี่แน็ตตี้คะ พิ้งค์ขอโทษด้วยจริงๆค่ะที่ทำงานไม่สำเร็จ ไม่ต้องห่วงนะคะ พิ้งค์จะคืนเงินให้”

ถึงจะเดือดร้อนเรื่องเงินมากแต่แพรชมพูกลับไม่กล้าแตะต้องเช็คเงินสดจำนวนห้าหมื่นบาทใบนั้น แค่มองเห็นน้ำตายังพาลจะไหลทุกครั้ง นั่นเพราะมันคือตัวการที่ทำให้เธอถูกตีตราอัปยศบนเรือนร่าง อย่าว่าแต่เช็คห้าหมื่นเลย แม้แต่เช็คเงินสดจำนวนสามล้านบาทที่ผู้ชายใจโฉดคนนั้นยัดใส่กระเป๋า แพรชมพูยังฉีกมันทิ้งจนไม่เหลือสภาพเดิม

“อืม ไหนพิ้งค์เล่าให้พี่ฟังซิว่าเหตุการณ์วันนั้นเป็นยังไงบ้าง”

อันที่จริงเงินห้าหมื่นไม่ได้มากมายจนทำให้นาตาชานึกเสียดาย เพียงแต่คนที่ต้องจ่ายให้คือแพรชมพูที่เธอชังน้ำหน้าจึงไม่อยากให้เงินที่ตัวเองหามาได้ไปช่วยต่อชีวิตนั่งเด็กนี่ พอได้ยินเสียงสั่นเครือบอกว่าจะคืนเงินค่าจ้างให้นาตาชาก็เลยยิ้มออก อารมณ์เกรี้ยวกราดดีขึ้นมากพอจะกลับมาเรียกแทนตัวว่าพี่และเรียกขานชื่อเล่นน่ารักของรุ่นน้องที่นั่งก้มหน้ามองตักอย่างคนกำลังถูกความรู้สึกผิดเล่นงานได้อีกครั้ง เท่ากับว่างานนี้คนว่าจ้างไม่ได้เสียอะไรเลย มีแต่แพรชมพูคนเดียวเท่านั้นที่ต้องรับกรรมเป็นฝ่ายสูญเสียทุกอย่าง

“คือพิ้งค์นั่งรอผู้ชายคนนั้นตั้งแต่หน้าผับค่ะ พอเห็นเขาออกมาก็ให้คุณลุงแท็กซี่ขับตาม จนไปถึงหน้าโรงแรมที่พิ้งค์ส่งรูปให้พี่แน็ตตี้ แต่พอพิ้งค์ตามเข้าไปถ่ายภาพข้างใน...”

น้ำเสียงแผ่วเบาขาดห้วงเพราะภาพเหตุการณ์เลวร้ายที่ถูกฟรานซิสโก้ยัดเยียดราคีคาวไปทั่วร่างมันปรากฏชัดเหมือนฉายภาพยนตร์ ผิวกายทุกตารางนิ้วร้อนผ่าวเหมือนมีมือสากของเขาลากไล้คลอเคลีย ดวงตากลมจำต้องหลับลงเพื่อหยุดความทรงจำปวดร้าว แต่ก็เหมือนฟ้าดินกลั่นแกล้งเพราะมันยังตามมาหลอกหลอนจนริมฝีปากสั่นระริกเม้มแน่นไม่กล้าเอ่ยต่อ น้ำตาหยดใสคลอหน่วยจนแพรชมพูต้องกลั้นมันสุดกำลัง กว่าที่คนอ่อนแอทั้งร่างกายและจิตใจจะเงยหน้าขึ้นสบตากับนาตาชาที่จ้องมองเขม็งได้ ก็เสียเวลาไปครู่ใหญ่

“การ์ดของผู้ชายคนนั้นเห็นพิ้งค์ซะก่อนค่ะ พิ้งค์ก็เลยรีบหนีออกมา”

“แน่ใจใช่ไหมว่าฟรานเขาไม่รู้ว่าพี่เป็นคนจ้างเธอ”

ณ เพลานี้ คำถามนี้จริงจังและต้องการความแน่ใจกว่าเรื่องผู้หญิงหน้าด้านที่แย่งผู้ชายของเธอไปกกเสียอีก ก็เพราะวันรุ่งขึ้นงานของเธอก็ถูกปลดกลางอากาศแบบไม่มีเหตุผลแนบท้ายหลายรายการ ทั้งแฟชั่นโชว์ งานถ่ายปก ที่สำคัญคือพรีเซ็นเตอร์เครื่องดื่มกระชับรูปร่างที่เงินค่าตัวจำนวนเจ็ดหลักปลายๆก็ถูกถอดทั้งที่ใกล้ถ่ายทำเต็มที นั่นทำให้นาตาชาเครียดจัดเรื่องงานจนลืมเรื่องฟรานซิสโก้ไปชั่วคราว ต้องบากหน้าวิ่งหาผู้หลักผู้ใหญ่ในวงการให้ช่วยเหลืออยู่นานกว่าจะค่อยๆได้งานกลับคืนมา แม้ยังไม่มากเท่าเดิมก็ดีกว่ากลายเป็นนางแบบตกกระป๋อง พอวันนี้ได้เจอแพรชมพู นางแบบสาวจึงฉุกใจคิดว่า เอ๊ะ! หรือเป็นเพราะฟรานซิสโก้จับได้ว่าเธอให้นักสืบสะกดรอยตาม เลยต้องการสั่งสอน

“แน่ใจค่ะ พี่แน็ตตี้ไม่ต้องกังวล”

แพรชมพูยืนยันเสียงหนักแน่น แม้จะถูกจับได้ซ้ำยังถูกลงทัณฑ์หนักหน่วงจนแทบขาดใจตายคาอกกว้างของฟรานซิสโก้ แต่เธอก็มั่นใจมากว่าไม่เคยปริปากสารภาพความจริงเรื่องผู้ว่าจ้างตั้งแต่วันแรกจนถึงวินาทีสุดท้ายที่ถูกย่ำยี เพราะแค่ทำงานพลาดก็รู้สึกผิดจะแย่ ไอ้เรื่องจะให้หักหลังผู้มีพระคุณให้เดือดร้อน เธอจึงไม่คิดทำแน่นอน

“งั้นก็ดี”

ได้ยินคำยืนยันหนักแน่นจากปากของแพรชมพู นาตาชาจึงเป่าปากค่อยเบาใจ ร่างระหงเอนแผ่นหลังพิงพนักโซฟายกขาเรียวไขว่ห้างพลางหรี่ตาใช้ความคิด สีหน้าผ่อนคลายลงเมื่อได้บทสรุปว่าเธอคงกังวลมากเกินไปเอง คิดเล่นๆว่าหากฟรานซิสโก้จับได้จริง ก่อนที่เธอจะโดนปลดงาน นังเด็กโง่นี่คงไม่มีโอกาสมานั่งทำหน้าสนิมสร้อยอยู่ตรงนี้หรอก เพราะคนอย่างฟรานซิสโก้ ฮอร์นสัน ที่ขึ้นชื่อเรื่องความเฉียบขาดภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยคงไม่ใจดีปล่อยให้คนที่กล้าละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของเขามีชีวิตรอดอยู่แน่

“ขอโทษนะครับ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ”

สองสาวหันไปมองตามเสียงทักทายพร้อมกัน แพรชมพูส่งยิ้มเจื่อนให้หัวหน้าฝ่ายจัดเลี้ยงของเธอ เปรมทัชเดินมาตรวจความเรียบร้อยในงาน พร้อมกวาดสายตามองหาสาวน้อยยิ้มหวานขวัญใจเขาไปในตัว จนกระทั่งเห็นว่าแพรชมพูนั่งอยู่ตรงโต๊ะรับรองมุมหนึ่งกับแขกของงาน จะไม่มีปัญหาอะไรเลยถ้าเขาไม่เห็นว่าแพรชมพูดูคล้ายเหมือนกำลังถูกต่อว่า ในฐานะที่เขาเป็นหัวหน้าและเป็นคนที่กำลังอยากมีสิทธิ์ดูแลหัวใจของแพรชมพู เปรมทัชจึงรีบเดินเข้ามาถามไถ่

“ไม่มีอะไรค่ะพี่เปรม”

“เรารู้จักกันน่ะค่ะ ก็เลยทักทายกันนิดหน่อย แต่พี่ไม่รบกวนแล้ว พิ้งค์ไปทำงานเถอะจ้ะ อย่าลืมเรื่องที่บอกพี่ด้วยนะจ๊ะ ขอตัวนะคะ”

ต้องยอมรับว่านาทีนี้จิ้งจกเปลี่ยนสียังต้องพ่ายให้แน็ตตี้คนเปลี่ยนหน้า ก็เพราะเมื่อมีบุคคลที่สามเข้ามาสมทบ ซ้ำยังเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี นาตาชาจึงไม่รีรอที่จะแปลงร่างจากนางมารร้ายกลายเป็นนางฟ้าแสนอ่อนโยนทันตาเห็น ลืมไปเลยว่าคำพูดจิกหัวและน้ำเสียงกร้าวกระด้างเคยมีมาก่อน ร่างเพรียวระหงตามประสานางแบบลุกขึ้นยืนช้าๆแล้วเยื้องย่างเรียวขาสวยเดินห่างออกไปด้วยมาดนางพญา และแน่นอนว่านางแบบเจ้าเสน่ห์อย่างหล่อนจะต้องไม่ลืมโปรยรอยยิ้มหวานฉ่ำพร้อมทิ้งหางตามอบให้เปรมทัชก่อนจาก

“น้องพิ้งค์ หน้าซีดจังเลย เหนื่อยไหม อยู่ต่อไหวหรือเปล่า”

“พิ้งค์ไม่ได้เป็นอะไรค่ะ สงสัยจะตาลายเพราะแอบดูแขกในงานเต้นมากไปหน่อย”

เพื่อไม่ให้หัวหน้างานต้องเป็นกังวล แพรชมพูจึงรีบสูดน้ำหูน้ำตาที่เตรียมจะไหลออกมารอมร่อให้กลับที่ของมัน พลางเตือนตัวเองว่าเธอจะร้องไห้ตรงนี้ไม่ได้เด็ดขาด เมื่อมั่นใจว่าปรับสีหน้าได้เหมือนเดิม แพรชมพูจึงเงยใบหน้าสวยขึ้นพร้อมฉีกยิ้มหวานส่งให้เปรมทัชสบายใจ และแอบบุ้ยปากให้หัวหน้าหนุ่มหันไปมองแขกที่กำลังวาดลวดลายสะเด่าฟลอร์ด้วยฤทธิ์น้ำเมาตรงกลางเวที ว่านั่นละสาเหตุที่ทำให้เธอเวียนหัว ก็แหม! พ่อคุณเล่นเต้นเพลง I will Survive ได้ตามต้นฉบับเป๊ะซะจนน่าสงสัยว่า...ใช่ ใช่ไหม? ทำให้เปรมทัชถึงกลับยกมือปิดปากกลั้นเสียงหัวเราะจนแก้มตุ่ย พอแน่ใจว่าสาวน้อยขวัญใจเขาไม่เป็นอะไร ทั้งสองจึงแยกกันเดินออกไปสำรวจความเรียบร้อยของงานตามหน้าที่

..................................................................................................................................................................

ตามเวลาที่แจ้งจองห้องจัดเลี้ยงลงเวลาเลิกงานไว้ตอนตีสอง แต่เอาเข้าจริงกว่าแขกขาแด๊นซ์ในงานแต่งไฮโซพันล้านจะทยอยกันกลับก็ปาเข้าไปตีสี่กว่า เดือดร้อนถึงพนักงานที่คอยให้บริการในงานต้องอยู่ต่อ รวมทั้งเปรมทัชกับแพรชมพูด้วยที่ต้องอยู่ดูแลความเรียบร้อยของงานจนจบ พอแพรชมพูเปลี่ยนชุดยูนิฟอร์มเตรียมตัวออกไปโบกแท็กซี่กลับที่พัก เปรมทัชจึงไม่รอช้าที่จะอาสาเป็นฝ่ายมาส่งหญิงสาวด้วยตัวเอง โดยอ้างเรื่องความไม่ปลอดภัยจากแท็กซี่ขาหื่นขึ้นมาขู่ แพรชมพูที่แอบกังวลอยู่แล้วเป็นทุนเดิมจึงได้แต่กล่าวขอบคุณพลางก้าวขาขึ้นรถที่เปรมทัชเปิดประตูไว้รอ

“เลี้ยวขวาตรงไฟด้านหน้านี่เลยค่ะพี่เปรม”

“ได้เลยจ้ะ” 

‘เดอะไพรเวท การ์เดนท์ เพลส’

ดวงตาอบอุ่นของเปรมทัชมองตามปลายนิ้วเรียวขาวของแพรชมพูที่ชี้ไปยังดวงไฟสว่างไสวระยะห่างประมาณสองร้อยเมตรด้านหน้า พอขับใกล้เข้ามาก็เห็นป้ายชื่อคอนโดมิเนียมอันเป็นที่พักส่วนตัวของขวัญใจหน้าหวาน เปรมทัชแอบท่องจำมันไว้ในใจพลางสอดส่ายตาสังเกตบรรยากาศโดยรอบหลังจากแพรชมพูยื่นคีย์การ์ดให้ยามหน้าโครงการ ที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าคือคอนโดฯแฝดที่สร้างติดกันความสูงประมาณสิบห้าชั้น ไม่แน่ใจว่าภายในห้องพักออกแบบอย่างไร แต่เดาจากระเบียงหลังห้องที่มีเนื้อที่กว้างขวางจนสามารถเนรมิตสวนหย่อมขนาดย่อมได้อย่างไม่กลัวเปลืองเนื้อที่ ก็พอจะเดาได้ว่าห้องพักภายในคงกว้างขวางพอตัว ส่วนบริเวณด้านนอกก็ไพรเวทสมชื่อ เพราะมีกำแพงปูนล้อมสูงและติดตั้งกล้องวงจรปิดไว้เพียบจนไม่ต้องกังวลเรื่องขโมยขโจร พอรถเก๋งสีขาวของเปรมทัชขับผ่านลานจอดรถเพื่อไปจอดหน้าคอนโดฯ หัวหน้าฝ่ายจัดเลี้ยงก็ต้องร้องอู้หูในใจ เพราะที่จอดเรียงรายเกือบครึ่งลานคือรถยุโรปราคาแพง บ่งบอกว่าประชากรที่พักอาศัยอยู่ที่นี่คือคนที่มีคุณภาพชีวิตจัดว่าดีถึงดีมาก

“โอเค ถึงแล้วจ้ะคนสวย”

“ขอบคุณมากนะคะ เดือดร้อนพี่เปรมเลย”

“ไม่ต้องเกรงใจ พี่ยินดีมาก ถ้าเป็นไปได้พี่อยากมาส่งน้องพิ้งค์ทุกวันด้วยซ้ำถ้า...น้องพิ้งค์อนุญาต”

พอมีช่องมีโอกาสเปรมทัชจึงไม่รอช้ารีบสื่อความรู้สึกให้สาวเจ้ารับรู้ว่าเขาคิดอย่างไร เพราะดูท่าว่าที่ผ่านมาแรมเดือนแพรชมพูจะไม่รู้ตัวเลยว่าเขาพยายามสานสัมพันธ์มากกว่าเพื่อนร่วมงาน ดวงตากลมกะพริบปริบๆกับคำพูดของเปรมทัช ก่อนริมฝีปากบางจะอ้าค้างน้อยๆเมื่อเริ่มมั่นใจความหมายของหัวหน้าหนุ่มที่ส่งผ่านมาทางดวงตาอีกทาง

“น้องพิ้งค์ คือพี่...”

“พิ้งค์ขอตัวก่อนนะคะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะที่มาส่ง”

ไม่คิดอยู่ฟังว่าคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถกำลังจะพูดว่าอะไร แพรชมพูรีบเปิดประตูขยับตัวลงจากรถทันทีที่เห็นว่าเปรมทัชกำลังจะวางมือของเขาทาบทับบนมือบางของเธอ เขาไม่ได้น่ารังเกียจเลยสักนิด หากเทียบกับคนทั่วไปเปรมทัชก็คือผู้ชายรูปร่างหน้าตาดีคนหนึ่งด้วยซ้ำ แถมท่าทางยังสุภาพน่าคบหา แต่อยู่ๆก็เกิดความรู้สึกไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนจับต้อง แม้สัมผัสเล็กน้อยก็ไม่ได้ ลึกๆในใจเหมือนถูกสั่งการว่าเรือนร่างอรชรนี้ไม่ใช่ของเธอแต่เป็นของ... แล้วสมองไม่รักดีก็เผลอคิดถึงใบหน้าคมกระด้างของซาตานสุดเถื่อนนามว่าฟรานซิสโก้ ไม่นะ !

“ไม่จริง ไม่ใช่! ฉันไม่ใช่ของใคร ฉันไม่ได้เป็นของไอ้บ้านั่น ไม่เป็น!”

นี่คือถ้อยคำที่แพรชมพูพร่ำย้ำเตือนกับตัวเองตั้งแต่ก้าวลงมาจากรถของเปรมทัช จนกระทั่งตอนนี้ลิฟต์เคลื่อนตัวมาถึงชั้นเจ็ด อันเป็นชั้นที่พักของเธอเอง แพรชมพูก็ยังไม่หยุด กลายเป็นยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ เพราะใบหน้าของฟรานซิสโก้นั้นยิ่งแจ่มชัดในมโนภาพราวกับเขายืนอยู่ตรงหน้า แพรชมพูจึงหลับตาปี๋หลีกหนีการมองเห็น แล้วเดินจ้ำอ้าวไปยังหน้าห้องพักของตัวเองอย่างไม่กลัวจะเดินชนใคร ก็ตอนนี้เป็นเวลาเกือบตีห้า ทุกคนในคอนโดฯคงกำลังนอนหลับกันสบาย

“อื้อ! อ่อย อ่วยอ้วย ฮื้อ!”

แต่การคาดเดาของแพรชมพูกลับผิดคาด เมื่อกลายเป็นว่าห้องพักที่อยู่ตรงข้ามกันนั้นยังมีผู้ชายคนหนึ่งที่เพิ่งย้ายมาอยู่ใหม่ยังไม่ได้นอน ชายหนุ่มแง้มประตูห้องพักรอคอยการมาของสาวสวยที่สะดุดตาตัวเองและพักอยู่คนเดียวอย่างใจเย็น เพราะเฝ้าสังเกตมาหลายครั้งแล้วว่าหลายวันมานี้สาวสวยห้องตรงข้ามมักกลับถึงที่พักช่วงดึก ซึ่งมันเป็นเวลาที่ปลอดคนมากๆ โอกาสที่จะร้องเรียกขอความช่วยเหลือจากห้องอื่นๆในชั้นเดียวกันก็เป็นเรื่องยาก โดยเฉพาะในคืนนี้ที่เหยื่อสาวหลับหูหลับตาเดินส่งผลให้คนเฝ้ามองสบโอกาส มองซ้ายแลขวาไม่เห็นใคร ชายหนุ่มร่างสูงเก้งก้างจึงตัดสินใจพุ่งเข้ามาปิดปากแล้วรวบร่างของผู้หญิงที่หมายตาเข้ามากอด พร้อมดันร่างที่พยายามดิ้นรนขลุกขลักของแพรชมพูเข้าไปในห้องของหญิงสาว ใช้ส้นเท้าถีบประตูปิดดังโครม

“โอ๊ย! แกเป็นใคร ไอ้บ้า อย่าเข้ามานะ ช่วยด้วย”

เพราะมีประสบการณ์ถูกรุกรานมาก่อน ทันทีที่ร่างถูกจับเหวี่ยงลงไปบนโซฟาตัวยาวกลางห้องนั่งเล่น แพรชมพูจึงรีบพลิกตัวกลับขึ้นมานั่งพลางส่งเสียงกรีดร้องให้คนช่วย แต่ดูท่าการขอความช่วยเหลือจะเป็นไปได้ยาก หญิงสาวจึงสอดสายตามองหาอุปกรณ์ใกล้มือเพื่อช่วยเหลือตัวเองโชคร้ายที่ใกล้ตัวมีแต่ตุ๊กตาตัวเล็กๆน่ารักกับหมอนอิงเนื้อนุ่ม

“คนสวย อย่าร้องไปเลยนะจ๊ะ พี่ชอบน้องมากนะ แอบมองทุกวันเลย พี่จริงใจ รับรองว่าได้แล้วจะไม่ทิ้ง”

“อ้าย! ไอ้บ้า อย่าเข้ามานะ ออกไป๊! ไม่งั้นฉันจะเอาแกเข้าคุก”

“คิดว่าจะรอดมือพี่ไปฟ้องตำรวจไหมล่ะจ๊ะ ฮ่าๆๆ”

คำขู่ของแพรชมพูดูไร้เดียงสาจนไอ้หื่นไม่คิดกลัวซ้ำยังเห็นเป็นเรื่องตลก ยิ่งเห็นท่าทีหวาดหวั่นของเหยื่อสาวมันก็ยิ่งเปิดปากหัวเราะลั่นพลางสาวเท้าเข้ามาใกล้ด้วยท่าทางเหมือนพวกโรคจิต รู้ดีว่ากำลังถูกไอ้หื่นต้อนให้ห่างจากประตูหน้าห้องเข้าไปด้านในเรื่อยๆ แต่แพรชมพูก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากก้าวถอยหลังให้อยู่ห่างมันมากที่สุด กลัวว่าถ้าวิ่งสวนออกไปแล้วจะถูกมันคว้าตัวไว้ได้เหมือนตอนที่ถูกฟรานซิสโก้รังแก น้ำตาแห่งความกลัวไหลพรากเมื่อประวัติศาสตร์กำลังจะซ้ำรอย น้อยใจโชคชะตานักว่าทำไมชีวิตเธอต้องพบเจอกับเรื่องแบบนี้อีกแล้ว

ไม่ได้เด็ดขาด!

แพรชมพูเงยหน้าขึ้นมองหน้าคนชั่วอีกครั้ง รอยยิ้มแสยะที่มันกวาดโลมไปตามเนื้อตัวของเธอดูน่ารังเกียจนัก เพียงแค่คิดว่ามือและเนื้อตัวของมันจะสัมผัสตัวเธอก็รู้สึกเหมือนอยากอาเจียน ต่อให้ก่อนหน้านี้เธอจะถูกย่ำยีจนเยื่อพรหมจรรย์ขาดกระจุยไปสักกี่ร้อยกี่พันครั้งแต่มันไม่ได้หมายความว่าเธอจะต้องยอมตกเป็นเหยื่อให้ผู้ชายสารเลวพวกนั้นรังแกได้ตามใจชอบซ้ำแล้วซ้ำเล่าเหมือนคนไร้ความรู้สึก ที่ผ่านมามันคือบทเรียนชีวิตที่สอนให้เธอเข้มแข็งและเรียนรู้ที่จะต่อสู้ เกิดแรงฮึดแรงกล้าเมื่อหัวใจดวงน้อยมีคำสั่งตะโกนก้องมาว่าเธอจะไม่ยอมให้ไอ้ชั่วนี่แตะต้องเธอได้

“โอ๊ย! อีเวร มึงทำกูเลือดออก แล้วอย่าหาว่ากูใจร้ายนะมึง มานี่!”

ไอ้หื่นคำรามร้องลั่นห้องเมื่อจมูกได้กลิ่นเลือดคาวๆ มันจึงรีบใช้มือหยาบเท่าใบตาลของมันแตะที่ศีรษะ ของเหลวสีแดงฉานที่เลอะติดปลายมือทำให้มันของขึ้น ใบหน้าของมันคล้ำเขียวด้วยโทสะร้ายเมื่อแพรชมพูขว้างกล่องเหล็กใส่เครื่องเขียนปาเข้าแม่นๆที่ศีรษะจนเลือดชั่วไหลซึมข้างขมับ จากที่เดินต้อนเข้าหาช้าๆมันจึงกระโดดตะครุบร่างสั่นเทาของแพรชมพูล้มลงไปนอนบนพื้นห้อง ความได้เปรียบเรื่องเพศและสรีระที่สูงแขนขายาวเก้งก้าง แพรชมพูจึงดิ้นไม่หลุดเพราะแขนและขาถูกมันคร่อมทับไว้จนหมด แต่ขณะที่จวนเจียนจะเสียท่าถูกมันก้มหน้าลงจูบปาก ประตูห้องที่อ้าค้างเพราะไม่ได้ล็อกด้วยคีย์การ์ดก็เปิดผลัวะด้วยฝ่าเท้าของผู้มาใหม่ หัวใจของแพรชมพูกระตุกวูบเมื่อคิดว่ามีเพื่อนของไอ้หื่นตามมาสมทบ แต่เหตุการณ์กลับตาลปัตรเมื่ออยู่ๆร่างสูงที่คร่อมทับถูกผู้ชายสองคนที่มาใหม่ล็อกคอแล้วลากมันออกไปจากห้อง มันเป็นอะไรที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ สั้นจนสมองมึนงงของเธอคิดอะไรไม่ทัน นอกจากเข้าใจถ่องแท้ถึงคำว่า ‘พระมาโปรด’

“ไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

น้ำเสียงเอ่ยถามด้วยความสุภาพของหนึ่งในคนที่เข้ามาช่วยเหลือเรียกสติของแพรชมพูให้กลับคืน หญิงสาวนอนกะพริบตาปริบๆเงยหน้ามองผู้ชายที่นั่งยองๆชะโงกหน้ามองเหมือนต้องการดูให้แน่ใจว่าเธอได้รับบาดเจ็บหรือไม่ แพรชมพูจึงรีบขยับตัวลุกขึ้นนั่ง พอนั่งได้ก็สะบัดศีรษะไปมาอีกครั้งเพื่อทบทวนว่าเมื่อครู่เป็นเรื่องจริงหรือความฝัน แต่พอดวงตาตระหนกมองเห็นเครื่องเขียนที่เคยอยู่ในกล่องเหล็กบนโต๊ะอ่านหนังสือกระจายเกลื่อนพื้น หญิงสาวจึงมั่นใจว่าไม่ได้ฝันไป จึงอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นไหว้ขอบคุณผู้มีพระคุณกับเพื่อนของเขาด้วยความซึ้งใจ น้ำตาที่เอ่อไหลตอนนี้เกิดจากความดีใจล้นปรี่

“ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ ขอบคุณมากนะคะที่เข้ามาช่วย ไม่งั้นฉันแย่แน่”

“ไม่เป็นไรครับ” ‘เป็นหน้าที่ของพวกผมอยู่แล้ว’ ประโยคหลังทำได้เพียงเอ่ยในใจ

“คุณคะ แล้วเพื่อนคุณอีกคนไปไหนคะ แล้วไอ้ชั่วนั่น...”

“ไม่มีอะไรแล้ว เชิญคุณแพรชมพูพักผ่อนเถอะครับ ที่เหลือพวกผมจัดการเองรับรองว่าจะไม่ปล่อยให้มีเหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นอีก ขอตัวก่อนนะครับ”

“ค่ะ ขอบคุณมากจริงๆแล้ว...เอ๊ะ! เดี๋ยวนะ หมายความว่ายังไง คุณ!”

มีคำถามอยากถามมากมายร้อยแปด แต่กว่าสติสตังที่กระเจิงหายจะกลับคืน กว่าสมองน้อยๆจะจับต้นชนปลายและไตร่ตรองกับคำพูดของผู้มีพระคุณว่าพวกเขาพูดเหมือนมีหน้าที่คอยตามอารักขาเธอ พอตั้งสติได้แพรชมพูจึงรีบวิ่งออกไปหน้าห้อง ชะโงกมองแล้วไม่เห็นทั้งสองคน รวมทั้งไอ้หื่นนั่นก็หายไปไหนแล้วไม่รู้ แพรชมพูจึงรีบกลับเข้าห้องแล้วแตะคีย์การ์ดล็อกประตูให้แน่นหนาเพราะไม่กล้าไว้ใจอะไรอีกร่างบางยืนพิงหลังกับประตู ทาบมือบางที่อกข้างซ้ายแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

‘ไม่น่าสับเพร่าเลยเรา เกือบไปแล้ว’

จริงๆระบบความปลอดภัยของที่นี่เข้มงวดมาก เพราะแต่ละชั้นจะมีคีย์การ์ดเฉพาะชั้นนั้นๆ และห้องพักแต่ละห้องก็จะใช้คีย์การ์ดที่มีรหัสเฉพาะเป็นตัวเปิดปิดล็อกแทนกุญแจ แต่เป็นเธอเองที่สับเพร่ามัวแต่คิดเรื่องฟุ้งซ่านจนเปิดโอกาสให้คนชั่วจู่โจม ซึ่งต่อไปนี้สัญญากับตัวเองว่าจะไม่เผลอเรอแบบนี้อีกแล้ว

******************************************************************************************

วันนี้มาให้อ่านกันแบบยาวๆ ไถ่โทษที่เมื่อวานเค้าลืมอัพ ฮ่าๆๆ แอบกระซิบว่าเดี๋ยวพ่อพระเอกของเราก็จะกลับมาเถื่อนมาถ่อยโชว์กันอีกแล้ว อยากรู้ว่าอิพี่ฟรานจะร้ายกาจได้ขนาดไหนก็รีบไปลงชื่อจับจองหนังสือกันโลด

ปล.สำหรับค่าสินสอดพี่ฟรานกะหนูพิ้งค์ในราคาพิเศษ 299 บาทจะหมดโควต้าในวันพรุ่งนี้แล้วนะคะ หลังจากนี้ราคาเต็มตามปก 359 บาทขาดตัวค่ะ ไม่อยากพลาดโอกาสดีๆก็รีบพุ่งไปจองกันให้ไวนะจ๊ะสาวๆจ๋า

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา