Whose Fault? ผิด...ที่ใคร

-

เขียนโดย HozekiRui

วันที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2561 เวลา 15.52 น.

  6 ตอน
  0 วิจารณ์
  6,856 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 29 กันยายน พ.ศ. 2561 16.05 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) ผิดครั้งที่ 4

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

 

Whose Fault ?

 

ผิด...ครั้งที่ 4

 

 

 

 

 

          โปรดใช้วิจารณญาณในการรับชม

 

 

          ‘ต่อไปนี้ ชะเอม เด็กคนนี้จะกลายเป็นครอบครัวเดียวกันกับเรา’

 

 

          ‘คิน ลูกต้องคอยดูแลเอมไว้นะ ลูกเป็นตัวแทนของพ่อแล้ว พ่อฝากคินด้วยนะ’

 

 

          ‘คิน!’ เสียงใสที่เขามักได้ยินทุกครั้ง เด็กที่อายุเท่าเขาแต่ตัวเล็กและผอมบางกว่ามาก ผิวขาวละเอียด หน้าตาน่ารักเหมือนเด็กผู้หญิงทั้งๆ ที่เป็นผู้ชาย ‘คินเท่จัง...เท่มากๆ เลย! คินเหมือนอัศวินขี่ม้าขาวของเอมเลยนะ!’

 

 

          เด็กชายสองคนที่วิ่งเล่นในสวนสาธารณะกว้างซึ่งเป็นของโครงการในหมู่บ้านคนที่มีฐานะร่ำรวย มีทั้งต้นไม้ให้ความร่มเย็น และเครื่องเล่นไว้ให้ครอบครัวน้อยใหญ่มานั่งปิกนิก พาเด็กๆ มาวิ่งออกกำลังกาย แต่ในวันนี้เห็นจะมีแต่เด็กแค่สองคนตามลำพัง และระหว่างนั้นก็มีสุนัขตัวเล็กวิ่งผ่านมาเห็นเด็กทั้งสองคนจึงหวังเข้ามาเล่นสนุกด้วย แต่หารู้ไม่เด็กชายชะเอมที่ตัวใหญ่กว่าสุนัขแค่นิดเดียวหวาดกลัวสัตว์สี่ขาวิ่งแจ้นไปเกาะหลังเด็กชายคินที่ตัวใหญ่กว่าตนแน่นไม่ปล่อย และเด็กชายผู้กล้าก็ใช้กิ่งไม้ที่หล่นแถวนั้นกวัดแกว่ง ส่งเสียงชิ่วๆ ไล่สุนัขตัวนั้นวิ่งหนีหางจุกตูดไป

 

 

          และการกระทำนั้นทำให้เด็กชายชะเอมแสนจะปลื้มชื่นชม มองเด็กชายคินตาเป็นประกาย ไม่ว่าจะเจออะไรน่ากลัว คนนี้แหละจะต้องปกป้องเขาได้แน่นอน

 

 

            ‘จะบ้าเหรอ อัศวินขี่ม้าขาวน่ะต้องมาช่วยเจ้าหญิงสิ แล้วเอมก็ไม่ใช่ผู้หญิงสักหน่อย’ เด็กชายคินที่โดนชม แถมมองซะชื่นชมอย่างกับเทิดทูนเขา เก้อเขินจนต้องพูดอะไรไม่ตรงกับใจคิด

 

            ‘บะ...บ้า’ เด็กชายชะเอมเบะปาก น้ำตาคลอหน่วยอย่างสะเทือนใจ คินหาว่าเขาบ้า ทั้งๆ ที่ชอบคินมากแท้ๆ ‘คินว่าเอมบ้า ฮึก ฮือ คินเกลียดเอมแล้ว’

 

            เด็กชายชะเอมใสซื่อ และบริสุทธิ์เกินกว่าจะเข้าใจความรู้สึกที่มากกว่าชอบและเกลียด ดังนั้นอาการปากไม่ตรงกับใจของคิน แน่นอนว่าชะเอมต้องไม่เข้าใจ

 

            ชะเอมปล่อยโฮ มือเล็กกำเสื้อตัวเองแน่น ไม่คิดจะเช็ดน้ำตาที่ไหลอาบหน้าจนเปียกชุ่ม อยู่ๆ คนตัวเล็กกว่าก็ร้องไห้เสียงดังทำให้คินเลิ่กลั่กมองรอบข้างหวังหาคนช่วยแต่ไม่พบใคร จะปลอบก็ไม่รู้ต้องทำยังไง รู้แต่คำพ่อสอนว่าทำผิดต้องขอโทษ แต่...ว่าแต่เขาทำอะไรผิด ก็ยังไม่เข้าใจ

 

            ‘ฮึก...ฮือออ’ ชะเอมยังคงร้องไห้ เด็กชายไม่รู้อะไร รู้แต่ว่าคินเกลียดเขา แต่เขาไม่อยากโดนเกลียด เขาชอบคิน เหมือนที่ชอบคุณลุง รักคุณลุง และตอนนี้เขาทั้งเศร้า ทั้งเสียใจ...ก็เลยร้องไห้

 

            เสียงร้องไห้ดังต่อเนื่อง น้ำตาไหลไม่มีทีท่าจะหมดหยดลงบนเสื้อตัวน้อยจนคอเสื้อชื้น ตากลมเริ่มแดง จมูกเล็กก็แดง ทำให้คินตัดสินใจเอ่ย จะผิดอะไรก็ไม่รู้แล้ว! ช่างมันก่อนละกัน!

 

            ‘โอเคโอเค ขอโทษคินขอโทษ เอมไม่ร้องนะ ขืนร้องเสียงดังเดี๋ยวหมาตัวเมื่อกี้กลับมาอีกไม่รู้ด้วย’ จะขอโทษดีๆ เด็กชายคินมันก็ทำไม่เป็น แถมยังไปขู่ให้กลัวหวังให้หยุดร้องไห้ แต่ดันได้ผลตรงกันข้าม เด็กชายชะเอมร้องไห้ลั่นกว่าเดิม ทั้งเสียใจ ทั้งกลัว

 

            ‘ไม่มาๆ! มันไม่มาแล้วล่ะ แต่ถึงจะมาคินจะไล่ไปให้เองนะ เอมไม่ต้องกลัว มีคินอยู่เอมไม่ต้องกลัว’ คราวนี้เด็กชายคินเริ่มรู้ว่าจะต้องพูดยังไง เพราะเด็กชายชะเอมหยุดร้องทันทีแต่ยังมีสะอื้น

 

            ‘ละ...แล้ว ฮึก แล้วคินจะคอยไล่ให้ตลอดไปมั้ย’

 

            ‘หา?’ คินทำหน้างง ไอ้หมาตัวนั้นมันมีเจ้าของแล้วจะมายุ่งทำไมบ่อยๆ นั่นคือสิ่งที่เขาคิด แต่พอมองตากลมที่บวมแดงเพราะร้องไห้ของอีกคนแล้วต้องพูดเอาใจ ‘อะ...เอ่อ ตลอดไปสิ ตลอดไปเลย’

 

            ขืนให้ร้องอีกก็ไม่รู้จะหยุดได้เมื่อไหร่

 

            ‘แต่คินเกลียดเอม ฮึก’

 

            ‘จะบ้า...เอ่อ ไม่ใช่ คินไม่ได้เกลียดเอม คินไม่เคยเกลียดเอม’

 

            ‘แล้วคินชอบเอมมั้ย’

 

            ‘เอ๊ะ? ...เอ่อ’ คำถามนี้มันเกี่ยวอะไรด้วยเนี่ย เด็กชายคินอึกอัก เก้อเขินเกินกว่าจะตอบออกมาเป็นคำพูด จึงคิดเลี่ยงไม่ตอบคำถามนี้ หันหลังเดินนำออกไป ‘สายมากแล้ว ป่ะ รีบกลับบ้านกันเถอะ’

 

            ‘...ฮึก’

 

            เด็กชายคินหยุดชะงัก ค่อยๆ หันไปเห็นสายตาตัดพ้อ น้อยอกน้อยใจ หรืออะไรบางอย่างที่เจ้าตัวคงไม่รู้ตัวว่ากำลังทำส่งมายังเขา เด็กชายชะเอมเม้มปากแน่น ขมวดคิ้วและเริ่มผลิตน้ำตาออกมาอีกแล้ว และ...มันกำลังจะไหล

 

            ‘ชอบสิ! คินชอบชะเอม ชอบมาก’ สาบานได้ว่าเขาไม่เคยอายฟ้าดินขนาดนี้มาก่อนเลย

 

            นี่มันกลางสวนสาธารณะ! ...ของหมู่บ้านด้วย!

 

            ‘โอเค๊ พอใจยัง คราวนี้กลับบ้านได้แล้วนะ’ คินคว้ามือเล็กของเด็กชายชะเอมที่เริ่มยิ้มออกให้เดินตามมาด้วยกันเหมือนกับจะกลัวอีกคนหลงทาง ทั้งๆ ที่ไม่จำเป็น

 

            การกระทำชัดเจนขนาดนี้แล้วยังไม่รู้ตัวอีก

 

            ชะเอมมองมือใหญ่ที่กุมมือเขา ไล่สายตาจนถึงแผ่นหลังที่ก้าวเดินอยู่ด้านหน้า มืออีกข้างที่ว่างก็ปาดน้ำตาทิ้ง ริมฝีปากบางแอบอมยิ้ม

 

            ‘เอมก็ชอบคินนะ...ชอบที่สุดเลย’

 

            ขาทั้งสองคู่ยังคงก้าวต่อไป และชะเอมไม่อาจรู้ได้เลยว่าเด็กชายคินที่เดินนำอยู่ก็แอบยิ้มเหมือนกัน

 

 

            ...พร้อมกับความรู้สึกที่ชัดเจน และเสียงหัวใจที่เต้นดังอยู่ในอก

 

 

 

          และนั่น คือเรื่องราวระหว่างเขากับชะเอม สมัยยังอายุเพียงแค่สิบสองปี

 

 

 

          ************************Whose fault? ************************

 

 

 

 

            วันนี้เรย์ชวนพวกเขามานั่งกินไอติมที่ร้านใกล้ๆ มหาวิทยาลัยหลังจากเรียนเสร็จ ดังนั้นในร้านขนมหวานครบวงจรชื่อดังแห่งนี้ที่ปกติก็เต็มไปด้วยนักศึกษาอยู่แล้ว วันนี้ยิ่งคึกคักมากกว่าเดิมเมื่อกลุ่มของคินมาเยือน ก็ได้ชื่อว่าเป็นกลุ่มคนหน้าตาดีของคณะวิศวะและมีคินเป็นอดีตเดือนเมื่อสองปีที่แล้ว จึงโดนจับตามองจากสาวๆ ในร้านเป็นตาเดียว

 

 

            “กรี๊ด นั่นคินไม่ใช่เหรอแก”

 

            “ใช่ๆ วันนี้วันดีมากันทั้งกลุ่มเลย คิกคิก อาหารตาอาหารใจ”

 

            “คุณเม็ดทรายไม่มาสักหน่อย จะเรียกว่าครบได้ยังไง โธ่ เจ้าหญิงของผม”

 

            “มึงก็พูดเบาๆ หน่อย เดี๋ยวแฟนโหดเขามาได้ยินเข้ามึงได้กลายเป็นกระสอบทราย นอนแดกข้าวต้มที่โรงพยาบาลเป็นเดือนแน่”

 

            “บรึ๋ย นักกีฬามวยมือหนึ่งของมหาลัยนั่นอ่ะนะ น่ากลัวสัตว์”

 

            “เรย์ก็มานะ น่ารักกว่ารูปในเพจคิวท์บอยอีก หึย อิจฉาตากลมๆ เหมือนตุ๊กตาเลยอ้า”

 

            “สงสัยข่าวที่ว่าเรย์เป็นแฟนคินท่าจะจริงนะ ดูดิ หว๊านหวาน”

 

            “เสียดายผู้ชายกินกันเอง”

 

            “แต่ฉันว่าคินเหมาะกับชะเอมมากกว่านะ”

 

            “เขาว่าเรย์แย่งคินมาจากเอมว่ะ หน้าด้านชิบ แย่งแฟนเขามาหน้าตาเฉย”

 

            “จริงเหรอ แล้วข่าวที่ลือกันเรื่องนั้นล่ะ”

 

            และเสียงวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ อีกมากมายที่ลอยเข้าหูทั้งห้าคนที่นั่งอยู่กลางร้าน โต๊ะที่ใกล้เคาท์เตอร์ที่สุด เรย์ยกมือเรียกพนักงานด้วยรอยยิ้มนางฟ้าที่ทำเอาหนุ่มสาวใจละลาย แต่จะรู้หรือไม่ว่าในใจร้อนเป็นไฟกับคำนินทาที่ไม่เข้าหู แต่ต้องรักษาภาพพจน์เอาไว้

 

 

            คินกับเพื่อนๆ ที่ไม่สนใจรอบข้างก็นั่งดูเมนูกัน

 

            “มึงเอาไร”

 

            “อยากกินโทสต์ เอาหน้าไรดี กูอยากกินช็อคโกแลต มึงกินกับกูมั้ยเอก”

 

            “ก็เอาดิ แต่ขอกูเพิ่มท็อปปิ้งกล้วยกับสตอเบอรี่” เสียงทุ้มดังเรียบตอบกลับ

 

            “เหย ไม่เอา มันเสียรสชาติ” เสียงใสแย้งเบ้หน้าเมื่อนึกถึงรสเปรี้ยวๆ ของผลไม้

 

            “งั้นมึงกินคนเดียว” เอกบอกหน้านิ่ง กวาดตามองเมนูอื่น

 

            “เห้ย ไม่เอาดิ” ตาลอ้าปากค้าง “อ่ะๆ แค่กล้วยกับสตอเบอรี่นะ งั้น...ขอโทสต์ช็อกโกแลตเพิ่มท็อปปิ้งกล้วยกับสตอเบอรี่ครับผม” เจ้าตัวหันไปสั่งกับพนักงานหญิงที่รอรับออเดอร์ เอกยิ้มลับหลังตาลแต่ต้องรีบหุบเมื่ออีกคนหันมา

 

            “กูไม่เห็นเข้าใจ มึงกินไปได้ยังไง ผลไม้มันไม่เห็นเข้ากับของหวาน”

 

            “เอาน้ำอะไร”

 

            “อะไรวะ คนเขาถามก็ไม่ตอบ” ตาลบ่นอุบ แต่ชะโงกหน้ามองเมนูในมือเอก ไม่รู้ตัวว่าใบหน้าชิดกับอีกคนขนาดไหน “เอา...ช็อกโกแลตปั่นเพิ่มวิปครีม”

 

            “โทสต์ก็ช็อกโกแลต น้ำก็ช็อกโกแลต ไม่เลี่ยนหรือไง” เอกว่า แค่นึกก็ผะอืดผะอมแทน

 

            “ม่าย” ตาลทำเสียงยาน ยิ้มโชว์เขี้ยวตาหยี “ก็กูชอบอ่ะ”

 

           “เพิ่มชาเขียวเย็นแก้วนึงกับช็อกโกแลตปั่นเพิ่มวิปครีมแก้วนึงครับ” เอกสั่งของตัวเองและไม่ลืมที่จะสั่งเมนูหวานเลี่ยนของตาลด้วย

 

            “ผมขอไอติมชุด A แต่ขอเปลี่ยนรสไอติมเป็นนี่ นี่ นี่ แล้วก็นี่ครับ” เรย์ดูอยู่นานก่อนจะชี้เมนูสั่งพนักงานให้จด

 

            “มึงไม่กินเหรอคิน”

 

            “เออ แปป” ปากรับคำส่วนตากวาดมองกระดาษเคลือบอีกรอบนึง ไม่มีอะไรน่าสนใจไปกว่า... “กาแฟดำร้อนแก้วนึงครับ”

 

            “ดูเมนูตั้งนาน” ตาลหัวเราะกับคนที่เพิ่งสั่งเมนูขมๆ ในร้านขนมหวาน

 

           “ก็ไม่รู้จะสั่งอะไร เดี๋ยวแย่งพวกมึงกิน กูต้องล้างปากด้วยไอ้นี่แหละ” คินตอบขณะส่งแผ่นเมนูให้พนักงานหญิง

 

            “อะรายยย แย่งกูกินนิดเดียวกูหารเท่าเลยนะ” ตาลพูดเหมือนหวงเงินแต่จริงๆ หวงขนมตัวเองมากกว่า

 

            “จ่ายให้เลยก็ได้” คินยักคิ้วข้างเดียว ชวนยำตีน

 

            “ใช่ซี่ ไอ้หนุ่มหล่อพ่อรวย***ใหญ่” ตาลว่าฉายาคินอย่างหมั่นไส้ ถ้าแถวนี้มียางลบดินสอปากกาเขาหยิบปาใส่หัวไอ้หล่อมันไปแล้ว

 

             แต่เกรงว่าสาวๆ ในร้านจะมาทึ้งหัวเขาแทนน่ะสิ

 

           “กูไม่อยากแย่งขนมหวานๆ ของมึงหรอกไอ้น้ำตาลเบาหวานแดก” คินย้อนบ้าง

 

 

         “ไอ้เชี่ยคิน! อย่าพูดชื่อนั้นออกมาสิวะ แม่ง” ตาลแหวหน้าแดงสลับขาวเพราะกลัวใครมาได้ยิน นั่นมันชื่อเต็มเขาเอง ‘น้ำตาล’ ชื่ออันน่ารักผิดกับหน้าตาหล่อเหลาที่มารดาประทานให้ตอนเกิด ไม่ใช่ไม่ชอบ แต่เขาอายเลยบอกเพื่อนๆ ว่าชื่อตาลเฉยๆ

 

            แล้วไอ้คินมันรู้ได้ยังไงน่ะเหรอ...

 

          ก็เพราะไอ้เอกหน้านิ่งเพื่อนสนิทสมัยเด็กนี่แหละเป็นคนแฉ!!

 

            คิดแล้วแค้นใจ

 

            “น่ารักออก” นั่นไง ไม่ทันขาดคำ

 

            “เพราะมึงเลยเอก” เอาผิดกับคินไม่ได้ (กลัวคนในร้านรุม) ก็คนข้างๆ นี่แหละต้องรับเคราะห์

 

            “กู? กูทำไม?” ไอ้คนผิดมันยังไม่รู้ตัว

 

            “ก็เพราะมึงแฉกู”

 

            “แค่เพราะกูเรียกมึงว่าน้ำตาลเนี่ยนะ”

 

            “เชี่ย! อย่าพูดดัง” มือเรียวปิดปากคนข้างๆ แน่น “ไอ้ห่าหนิ บอกว่าอยู่ข้างนอกห้ามเรียก ห้ามเรียก ไม่เข้าใจหรือไง”

 

            “...” ขนาดไม่มีปากพูดมันยังกลอกตานิ่งๆ ได้กวนส้น

 

          “เข้า ใจ มั้ย” ตาลเน้นคำรอดไรฟัน เมื่ออีกคนพยักหน้าจึงยอมปล่อยมือ แต่ก็โดนมือใหญ่รั้งข้อมือเอาไว้ ไม่ทันผละหนีใบหน้าคมที่โน้มเข้าใกล้ใบหู

 

          “งั้นอยู่กันตาม ‘ลำพัง’ เรียกได้ใช่มั้ย” ลมร้อนๆ ที่เป่ารดทำให้ตาลต้องหดคอ ใบหูแดงก่ำ

 

          “...เชี่ยแม่ง” ตาลอุบอิบไม่ตอบดึงข้อมือออกจากการเกาะกุม ก้มหน้าจนหน้าม้าบังมิดไม่เห็นสีหน้า แต่ไม่อาจซ่อนหูกับคอแดงๆ ได้

 

          เอกยิ้มตาพราว

 

          “พวกมึงนี่ยังไง อย่างกับผัวเมีย” คินหัวเราะแซวไม่คิดเอาคำตอบ ไม่รู้ว่าคำพูดนั้นทำให้ตาลหน้าแดงเรื่อ

 

 

          คินเห็นเพื่อนสองคนที่สนิทกันตั้งแต่อนุบาล ประถม มัธยม จนเรียนมหาลัยยังเรียนคณะเดียวกันเอกเดียวกัน ทั้งคู่มาเจอกับคินตอนรับน้องพร้อมๆ กับเรย์ เอกจะเป็นคนหน้านิ่ง ไม่ค่อยพูด แต่ถ้าอยู่กับตาลก็จะพูดมากเป็นพิเศษ กับบุคลิกนิ่งๆ เข้ากับหน้าคมเข้ม ตัวสูงใหญ่พอๆ กับเขา ผิวสีเข้มกว่าแต่ก็ไม่ได้ดำ เอกก็โดนเลือกประกวดเป็นเดือนแต่เจ้าตัวปฏิเสธเพราะไม่ชอบความวุ่นวาย ยุ่งยากผิดกับเขาที่โดนบังคับเนื่องจากไม่มีคนยอมเป็นแล้ว ตำแหน่งที่ได้มานี้เพราะความจนใจ  ส่วนตาล หรือ ‘น้ำตาล’ บุคลิกขี้เล่น กวนๆ จุดเด่นที่เจ้าตัวชอบอวดคือฟันเขี้ยวอันเล็กๆ เวลายิ้ม ผมสั้นหยักศกน้อยๆ สีน้ำตาลอ่อนโดยพันธุกรรม เสริมความน่ารัก เหมาะกับใบหน้าขาว ความสูงไม่มากไม่น้อย แต่รูปร่างค่อนข้างบาง ของกินที่ชอบคือ ช็อกโกแลต(อันที่จริงเป็นของหวานทุกชนิด แต่อันนี้พิเศษสุด)

 

 

          คินล่ะสงสัยจริงว่าไอ้ตาลมันกินของหวานซะขนาดนั้นทำไมไม่อ้วน กลับผอมลงไปอีก มันชอบบ่นว่ากินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน เวลามาร้านของหวานทีไรจัดเต็มทุกที เขาจึงให้ฉายามันไปว่าน้ำตาลเบาหวานแดก

 

 

          คินมองเอกกับตาล ด้วยบุคลิกของพวกมันสองคนดูแล้วไม่น่าจะคบกันได้เลย แถมมันก็ยังชอบเถียงกันอย่างกับเป็นแฟน...ที่ได้กันแล้ว

 

            จู่ๆ คินก็คิดถึงชะเอมขึ้นมา

 

คินยังจำคำพูดที่เคยบอกกับชะเอมในวันวานได้

          คินชอบเอม ชอบมาก...

          แต่ความรู้สึกตอนนั้นเป็นยังไง เขาลืมไปหมดแล้ว...**\นั่นมันเป็นเพียงแค่ความรู้สึกของเด็กคนหนึ่งที่ยังไม่เข้าใจความรัก

 

          และตอนนี้คินไม่ใช่เด็ก...เขาโตแล้ว

          “คิน เหม่ออะไรน่ะ เอ้านี่ช้อน มาๆ กินไอติมกัน” คินรู้สึกตัวเมื่อใครอีกคนสะกิดแขน หันไปมองเห็นช้อนเหล็กเย็นๆ ที่สัมผัสแขนอยู่ คินรับช้อนมาพร้อมกับถ้วยไอติมยักษ์เลื่อนมาด้านหน้า มือใหญ่จึงผลักกลับไปหาคนตัวเล็ก

 

 

          “ไว้ตรงเรย์แหละ คินกินไม่เยอะหรอก”

 

          เรย์ยิ้มรับ ไม่พูดอะไร จัดการกับของหวานเย็นๆ ตรงหน้าอย่างรวดเร็ว ส่วนคินก็กินบ้าง สลับกับกาแฟดำ

 

 

          ที่คินคบกับเอมอยู่จนถึงวันนี้ เพราะอะไร?

          เพราะรัก...ไม่สิ เพราะพ่อที่เคยฝากให้เขาดูแล...เป็นตัวแทนของพ่อต่างหาก

 

          คินสังเกตเห็นไอติมช็อกโกแลตเลอะมุมปากเล็ก มือใหญ่หยิบทิชชู่แผ่นบนโต๊ะช่วยเช็ดให้

 

          “ค่อยๆ กิน เลอะหมดแล้ว”

 

          ทั้งแววตา ทั้งสัมผัสที่มุมปาก แผ่วเบาและอ่อนโยนจนทำให้เรย์หน้าแดง ใจเต้นแรงสูบฉีด

 

 

          แล้วทำไมใจถึงเจ็บปวดเมื่อเห็นร่างบางทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

          นั่นเพราะเป็นคนในครอบครัวไง...เพราะตั้งแต่เด็กจนโตเขาใช้ชีวิตกับชะเอมมาตลอดไม่ต่างกัน

 

          คินรู้และเห็นทุกอย่าง เรย์ชอบเขา ทั้งใบหน้าน่ารักที่แดงก่ำ ทั้งแววตาที่หลงใหล หลงรัก

 

 

          คินยังคงรู้สึกขัดแย้ง สับสน...และไม่เข้าใจ

          ดังนั้นเขาควรให้โอกาสตัวเอง เปิดใจคบกับใครคนใหม่

 

          ถ้าหากเป็นเรย์ จะทำให้เขาเข้าใจความรักได้รึเปล่า

 

 

          เพื่อเข้าใจคำว่า รัก ให้มากขึ้น

 

          “อะ อ...อืม ขอบใจนะคิน” ร่างบางยังคงหน้าแดงหูแดง ใช้ช้อนตักไอติมเข้าปากแก้เขิน เรียกรอยยิ้มของคินได้เป็นอย่างดี

 

 

 

 

 

          และนี่คือ จุดเริ่มต้น

 

 

 

 

          ************************Whose fault? ************************

 

 

 

 

          “...น”

 

          “...คิน”

 

          “คิน!”

 

          “อะ เอ่อ ว่า?” ร่างสูงสะดุ้งออกจากภวังค์ นี่เขากำลังเหม่อคิดอะไรอยู่ระหว่างขับรถเนี่ย ไม่รู้ตัวเลยจนกระทั่งได้ยินเสียงเรียกชื่อของตัวเอง

 

          ดีนะติดไฟแดงกลางสี่แยกอยู่

 

          พวกเรากำลังอยู่ระหว่างทางกลับคอนโดของเรย์หลังจากกินไอติมก็แยกย้ายกับพวกเอก ช่วงนี้เขามาอยู่กับร่างเล็กหลายวันแล้ว

 

           “โธ่ คิน ไม่ได้ฟังที่เรย์พูดเลยใช่ไหมเนี่ย” คนตัวเล็กที่อยู่ในระยะใกล้ หน้าเบลอจนโฟกัสไม่ได้ คินจึงต้องผละหน้าออกมาเว้นระยะห่าง เห็นใบหน้าน่ารักบูดบึ้ง แก้มพองลมจนมือใหญ่ต้องเอื้อมไปบีบ

 

          “ตัวอะไรเนี่ย แก้มกลมๆ ปลาบู่รึเปล่า หึหึ”

 

          “โอ๊ยยย คิน เจ็บๆๆ ปลาบู่ที่ไหนจะน่ารักขนาดนี้เล่า! เจ็บน้า ปล่อยเรย์ก่อน” มือเล็กตบแขนใหญ่ที่หยิกแก้มตนรัวๆ แต่ร่างสูงหาได้สะเทือนไม่ แต่ก็ยอมละมือออกมาก่อนหน้าเล็กจะเบี้ยวไปมากกว่านี้

 

          “โห หลงตัวเองซะ”

 

          “ใช่ แล้วก็รอคนแถวๆ นี้หลงด้วย”

 

          “มุกนี้โคตรขำ” คินหัวเราะ เรย์เห็นดังนั้นจึงหน้ามุ่ย

 

          “เล่นมุกกลับหน่อยก็ไม่ได้” มือเล็กบิดเนื้อตรงต้นแขนใหญ่ด้วยความหมั่นไส้แบบไม่ออมมือ

 

          “อูย” มือใหญ่ลูบตรงที่โดนหยิกเบาๆ “แผลหายแล้วซ่าเชียวนะ”

 

          ตาคมกวาดสำรวจตามเนื้อตัวของเรย์ ผิวขาวๆ ที่เคยมีบาดแผลเพราะโดนเศษแก้วบาดหายไปจนเกือบหมด

 

           “หายที่ไหน นี่ไง ยังมีแผลอยู่ตรงขาเลย ตรงแขนก็มีนะ” มือเล็กรีบชี้ตรงที่บอก “โดยเฉพาะตรงนี้อ่ะ คินดูสิ”

 

          คินชะงักเพราะเรย์ชี้ตรงมุมปากที่เคยแตก แต่แน่นอนว่าผ่านมาหลายวัน แถมเขาก็คอยทายาให้ทุกวัน ตอนนี้เลยเป็นแค่แผลตกสะเก็ดสีแดงจางๆ ถ้ามองไกลๆ ไม่มีใครสังเกตเห็นแน่นอน

 

 

          เมื่อมองแผลที่มุมปากแล้วก็พลันนึกถึงรอยนิ้วมือที่เคยประทับอยู่ข้างแก้มก็จางหายไปเหมือนกับมันไม่เคยมีอยู่มาก่อน ถ้าไม่เห็นก็ไม่อยากจะเชื่อว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันนั้นชะเอมจะเป็นคนทำจริงๆ ร่างบางคนเดิมที่เขารู้จักน่ารักน่าเอ็นดู ไม่เคยมีนิสัยก้าวร้าวแบบนี้มาก่อน

 

 

          คนเดิมที่เขาเคยรู้จักอาจจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

 

 

          ตั้งแต่ขึ้นมหาลัยเขากับชะเอมก็เริ่มห่างๆ กัน เพราะนอกจากจะเรียนคนละคณะกันแล้ว ยังมีเรื่องที่เคยทะเลาะกันเรื่องของเรย์มาแล้ว ช่วงก่อนขึ้นปีสาม ทะเลาะกันเรื่องว่าเรย์บอกชอบเขา ซึ่งคินก็ตกใจเพราะไม่คิดมาก่อนว่าเพื่อนที่สนิทใกล้ชิด ทั้งเรียนและทำงานมาด้วยกันจะรู้สึกกับตนแบบนี้ แต่แน่นอนเขาห้ามความรู้สึกของใครไม่ได้ แต่กับสิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ทำให้ความสัมพันธ์ของคินกับชะเอมกระท่อนกระแท่น จนเกือบถึงขั้นแตกหัก

 

            เขาเจอเรย์ตอนเข้ามามหาวิทยาลัยใหม่ๆ ตั้งแต่รับน้องก็อยู่ด้วยกันมาตลอด เรย์เป็นคนร่าเริง นิสัยดี น่ารัก ยิ้มแย้มแจ่มใส เอาใจใส่เพื่อน ไม่น่าจะมีอะไรที่ไปขัดแย้ง ขัดใจชะเอมได้

 

          คินไม่เข้าใจเลยว่าทำไมชะเอมถึงต้องทำกับเรย์รุนแรงถึงขนาดนั้น... ถึงกับต้องทำร้ายร่างกายกันจนบาดเจ็บ

 

 

          “แต่ก็ดีขึ้นเยอะแล้วน่า ไหนพูดนักหนาว่าตัวเองน่ารักไง แผลแค่นี้จะกลัวอะไรฮึ” ร่างสูงเลิกคิ้ว มองคนตัวเล็กกว่ามองมาตัดพ้อพูดเสียงเศร้า

 

          “ไม่ต้องน่ารักก็ได้”

 

          “หืม?”

 

          “ก็ถ้าเรย์หายดี คินก็ไม่สนใจเรย์แล้วใช่มั้ยล่ะ” แม้เสียงพูดของอีกคนจะเบาแต่คินก็ได้ยิน เขาชะงัก

 

 

          ‘เรย์ชอบคิน ชอบมาตั้งแต่ปีหนึ่งแล้วนะ’

 

 

          นั่นสินะ เขาจะลืมได้ยังไงว่าเรย์รู้สึกกับตัวเองแบบไหน ตั้งแต่นั้นมาที่เขาต้องทะเลาะกับชะเอม แต่ว่านะ...

 

          “ถ้างั้นคินจะคอยดูแลเรย์จนกว่าจะหายเลยดีมั้ย”

 

          “แค่หายเท่านั้นเหรอ”

 

          เพราะว่าชะเอมทำให้เรย์เจ็บ เขาจึงอยากชดใช้ให้เรย์แทนชะเอม

 

          ต้องเป็นอย่างนั้นแน่ๆ...

 

 

          “อ่ะๆ จะอยู่ด้วยจนกว่าจะพอใจเลย โอเคยัง” ร่างสูงพยักหน้า เสียงทุ้มพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน มือใหญ่ลูบหัวทุยเล็กขนาดพอดีมือ

 

          “จริงนะ ห้ามโกหกเรย์นะ” คนตัวเล็กยิ้มดีใจ แต่ในใจเป็นหลุมดำมืดเต็มไปด้วยความอิจฉาและริษยา

 

 

          ไม่พอ...

          ได้แค่นี้น่ะ...ยังไม่พอหรอก

            “นี่ พรุ่งนี้คิน...ไปกินข้าวกับพ่อใช่ป่ะ”

 

            ร่างสูงที่เดินอยู่ชะงักกึก หันขวับมามองคนพูดทันที

 

            “เรย์รู้ได้ยังไง” เสียงทุ้มเอ่ยเย็นชา ไม่มีเค้าอ่อนโยนอีก

 

            “คือ...” ร่างบางหน้าเสีย แต่กลบเกลื่อนด้วยความกล้า “คือว่าเรย์ไปเห็นตอนไลน์มันเด้งน่ะ ไม่ได้ตั้งใจจะยุ่งนะ ตะ แต่...” เรย์พูดอะไรไม่ออก

 

 

          ร่างบางโกหก เขาเองแหละที่เป็นคนปดรหัสเข้าเครื่องตอนร่างสูงนอนหลับไม่รู้ตัว

 

          เขารู้ว่าคินไม่ชอบคนยุ่งเรื่องของตัวเอง แต่เขาต้องการรู้เรื่องคินทุกอย่าง ไม่อยากให้คินมีความลับกับเขาแม้แต่เรื่องเดียว

 

            บรรยากาศอึดอัดเกิดขึ้นนานหลายนาที จนไฟแดงเปลี่ยนเป็นไฟเขียว คินเปลี่ยนเกียร์ออกรถ เหลือบมองเห็นหน้าซึมๆ แล้วถอนหายใจ ใจมันโกรธได้ไม่นาน

 

          เหมือนภาพมันซ้อนทับกับ...ใครบางคน

 

 

            “เอาเถอะ เพราะงั้นพรุ่งนี้เรย์คงต้องอยู่คนเดียววันนึง” คินยิ้มบางเมื่อเห็นอีกคนทำปากยื่น “เดี๋ยวคินรีบกลับ”

 

            เรย์หลับตาพริ้มรับสัมผัสเบาของมือใหญ่ที่ลูบศีรษะ ยิ่งโยกหัวเข้าหาเมื่อรู้สึกว่าสัมผัสนั้นจะละออก

 

            ร่างบางยิ้ม รู้สึกดีใจที่คินไม่โกรธเขาเรื่องก้าวก่ายสิทธิ์ส่วนบุคคล ถ้าเป็นคนอื่นคินคงเย็นชาไม่พูดด้วยไปหลายวัน และเขาไม่ใช่คนอื่นสำหรับคิน

 

 

          บางทีคินน่าจะ...ชอบเขามากกว่าที่คิด

 

          เรย์คิดเข้าข้างตัวเองแล้วใจลิงโลด

 

            “แล้วถ้าพรุ่งนี้...เรย์ขอไปด้วยได้ไหม เรย์อยากรู้จัก อยากคุยกับพ่อของคินมานานแล้ว”

 

 

          ...จะได้ ฝากเนื้อฝากตัว กับ(ว่าที่)พ่อสามี

 

            “ไม่ดีมั้ง” ร่างสูงละมือออก

 

            “ทำไมล่ะ พ่อคินดุเหรอ...” ร่างเล็กหน้าสลดอย่างแนบเนียน “หรือว่าคินไม่อยากให้คนนอกอย่างเรย์ไป...”

 

            “มันไม่ใช่อย่างนั้น” คินอึกอักไม่อยากบอก แต่สุดท้ายก็พูดออกไป “พรุ่งนี้ชะเอมเขามาด้วยนะ”

 

            คินมองสีหน้าของร่างเล็ก เขาเข้าใจว่าเจ็บตัวแบบนั้นมาก็คงไม่น่าจะอยากไปเจอกับคนที่ทำร้ายตัวเองหรอก และดูเหมือนเขาจะเข้าใจถูก เพราะเรย์สีหน้าเหยเก แววตาที่สบก็ฉายแววสั่นกลัว

 

            “จริงเหรอ” ปากบางสั่นระริก “มะ ไม่เป็นไรหรอก ก็ถ้าคินกับพ่อคินไม่ว่าอะไร เรย์อยากไป แล้วเรย์ก็อยากคุยกับเอมให้เข้าใจด้วย วันนั้นเอมต้องเข้าใจอะไรเรย์ผิดสักอย่าง”

 

            คินขมวดคิ้วมุ่น ยังคงขับรถด้วยมือข้างเดียว อีกข้างปล่อยวางอยู่ตัก

 

            “ให้เรย์ไปนะ ถ้าเป็นอย่างนี้ต่อไปจะไม่สบายใจกันทั้งสามคนเปล่าๆ” พอเห็นสีหน้าชั่งใจ สองแขนเล็กก็รีบคว้าแขนใหญ่มากอดพูดเสียงออดอ้อน ช้อนตามองและทำท่าทางที่คิดว่าน่ารักที่สุด “นะคิน...เรย์อยากสนิทกับเอมจริงๆ อย่างน้อยเอมเขาก็เป็นแฟน(เก่า)คินนี่นา” คำนั้นละไว้ในใจ แอบหัวเราะเยาะคนที่สามที่แม้จะอยู่ในบทสนทนาแต่ก็ไม่ได้มีตัวตนอยู่ข้างคินแล้วในตอนนี้

 

          หลักฐานก็คือคินเลือกที่จะอยู่กับเขาไงล่ะ

 

          “น้าคิน นะๆ”

 

           “แต่คินกลัวว่าจะเป็นแบบวันนั้นอีก”

 

          “ไม่เป็นไร เรย์เป็นผู้ชายนะ เป็นแผลเดี๋ยวก็หาย เรย์ไม่เจ็บหรอก” เรย์หัวเราะคิก ยกนิ้วจิ้มจึ้กๆ เข้าที่อกแน่นข้างซ้าย “คินรู้จักชะเอมดี เอมเขาไม่ใช่คนที่ไร้เหตุผลแบบนั้น ถ้าได้คุยกันดีๆ ต้องเข้าใจแน่”

 

   เรย์พูดตะล่อมด้วยน้ำเสียงหวาน แล้วในใจก็ลิงโลดเมื่อได้ยินคำพูดที่ต้องการ

 

          “อืม พ่อคินไม่ว่าอะไรหรอก ถ้าเรย์อยากไปก็ไปพร้อมคินก็แล้วกัน” คินพยักหน้าจำใจ

 

          ไม่ใช่แค่เรย์ เขาก็อยากจะเคลียร์กับชะเอมเหมือนกัน

 

          ร่างบางยิ้มกว้าง เรย์รู้...รู้ว่าร่างสูงยังตะขิดตะขวงใจเรื่องเหตุการณ์ในวันนั้นอยู่

 

          ใช่แล้ว คินน่ะรู้จักชะเอมดี...แต่ว่าคินก็ยังไม่เคยเห็นด้านร้ายๆ ของมัน เขาจะเผยธาตุแท้ของมันเอง เขาจะทำให้หลายๆ อย่างมันชัดเจนขึ้นในวันพรุ่งนี้

 

          ชะเอม...กูรอมาตลอดสองปี สองปีที่คอยอยู่เคียงข้างคิน แม้จะอยากได้เขามากแค่ไหน ก็มีกาฝากอย่างมึงมาคอยรั้งเขาเอาไว้ กูจะทำให้คินเป็นอิสระจากมึงให้ได้

 

          และมึงต้องโดนทิ้ง

 

          คินเขาจะต้องเป็นของกู

 

 

          ของกู...คนเดียว

 

 

 

 

 

          ************************Whose fault? ************************

 

 

 

 

            อีเรย์มันร้าย(มาก)ค่ะทุกโค้น

            จริงๆ ตอนแรกอยากเขียนแสดงความรู้สึกของคินมากกว่านี้

     แต่ยังคิดไม่ออก คินมันก็เป็นผู้ชายคนหนึ่ง ชอบให้คนเอาอกเอาใจ พอเจอความก้าวร้าวของชะเอมเข้าไป(แบบไม่เคยเจอมาก่อน) มันเลยงงๆ บวกโลเล เลยขออยู่กับเรย์ไปก่อนดีกว่า (สบายใจกว่าด้วย)

            อารมณ์ของแต่ละตัวละคร จะมาแบบตอนละนิดละหน่อย ก็ขอให้ติดตามกันไปนะคะ

            ใครแอบกรี๊ดแอบเชียร์คู่สินดิน หรือ เอกน้ำตาล ก็มีลุ้นตอนพิเศษ

            รักทุกคนนะคะ เจอกันตอนหน้า

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้เป็นบทความเก่า ยังไม่ได้ทำการยืนยัน

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา