โอม ตอนที่ 1 แรงอาฆาต
เขียนโดย Jalando
วันที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2561 เวลา 10.48 น.
แก้ไขเมื่อ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2561 19.32 น. โดย เจ้าของนิยาย
42) แรงกดดัน
อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความบทที่ 42 แรงกดดัน
“ เอ๊ะ เดี๋ยวนะ นายแค่ดูอัลบั้มภาพแล้วนายรู้ได้ไงว่ากุลสตรีจะเป็นคนที่มีชีวิตและความเป็นอยู่ในรูปแบบนั้น ” สารวัตรสิงห์ถามเพราะตัวเขาเองก็ยังไม่เข้าใจเหตุผลเหมือนกันว่าเด็กหนุ่มรุ่นน้องผู้นี้เอากฎเกณฑ์อะไรมาวัด
เด็กหนุ่มค่อยๆหย่อนกายลงนั่งบนเตียงนุ่มๆพร้อมเงยหน้ามองเพดานด้วยสีหน้าที่ดูเศร้าสร้อย อึดใจต่อมาเด็กหนุ่มก็เอ่ยปากตอบสารวัตรหนุ่มอย่างแผ่วเบา
“ อย่างแรกเลย ทั่วทั้งอัลบั้มภาพนั้นมีเพียงภาพของตัวกุลสตรี…..เพียงคนเดียวหาได้มีเพื่อน พี่น้องหรือคนอื่นๆปรากฏในอัลบั้มไม่ และในช่วงท้ายอัลบั้มก็ปรากฏเพียงพี่จิตหราเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ถ่ายคู่กับกุลสตรี บ่งบอกได้ว่าเธอมีคนที่สนิทน้อยมาก ”
เมื่อโอมพูดถึงตรงนี้ สารวัตรหนุ่มก็เริ่มคล้อยตามขึ้นมาบ้างแต่ด้วยความที่สารวัตรหนุ่มเป็นคนดื้อรั้นและไม่ยอมเชื่ออะไรโดยง่าย เขาจึงเอ่ยปากอ้างสมมุติฐานบางอย่างเพื่อพยายามมาหักล้างความคิดของโอม
“ ที่นายพูดมันก็มีเหตุผลนะ แต่มันจะเป็นไปได้มั้ยว่านี่จะเป็นอัลบั้มเดี่ยวที่เขาคัดมาแต่เฉพาะรูปของตัวเองมาใส่ลงไปเท่านั้น ส่วนรูปภาพญาติสนิทมิตรสหายคนอื่นๆของเขาอาจจะรวมเอาไว้ในอัลบั้มอื่นก็เป็นไปได้ ”
โอมยังไม่กล่าวตอบในทันที แต่เขาเงยหน้าขึ้นสบตากับสารวัตรหนุ่ม ดวงตากลมโตภายใต้แว่นตาทรงกลมของเขาฉายแววเศร้าอยู่ไม่ใช่น้อยจนสารวัตรหนุ่มอดประหลาดใจในตัวของเด็กหนุ่มไม่ได้ที่อยู่ๆเด็กหนุ่มเบื้องหน้าเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
“ เฮ้ๆ…. นายอาจคิดมากไปเองก็ได้ คนปกติธรรมดาที่ไหนจะโดดเดี่ยวถึงขนาดนั้น และมันก็ยากยิ่งกว่ายากที่คนสวยและเก่งอย่างเธอจะต้องเป็นแบบนี้ บางทีเธออาจจะฮ๊อตกว่าที่นายคิดก็ได้นะ ”
โอมก้มหน้าลงน้อยๆด้วยท่าทีที่เคร่งขรึมขึ้น ท่าทางของเขาดูเหมือนจะหลุดโลกและเศร้าซึมจนสารวัตรหนุ่มยังแอบระแวงไม่ได้ว่ามันจะเกิดอะไรที่แปลกประหลาดพิสดารขึ้นในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าหรือไม่ ด้วยความหลอนนิดๆ สารวัตรหนุ่มจึงก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างไม่รู้ตัวพร้อมจับจ้องไปที่ร่างผอมบางของเด็กหนุ่มแบบไม่วางตาเพื่อเตรียมตัวรับเหตุไม่คาดฝัน ทว่าเด็กหนุ่มก็ยังคงนั่งสงบอยู่ในท่านั้นอยู่ตลอดโดยไม่ไหวติงร่างกายแต่อย่างใดคล้ายกับว่าเด็กหนุ่มจะโดนสาปให้กลายเป็นหินไปซะแล้ว
“ เฮ้ย ทำไมหมอนั่นถึงนิ่งไปอย่างนั้นฟะ ท่าจะไม่ดีซะล่ะมั้ง ” สารวัตรสิงห์ขบคิดในใจด้วยความเป็นห่วงผสมหวาดระแวง ในระหว่างที่เขายังตัดสินใจไม่ได้ว่าควรจะทำอะไรต่อไปดี โอมก็เป็นฝ่ายกล่าวขึ้นมาเบาๆด้วยน้ำเสียงเรียบๆแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย
“ ผมว่าไม่ใช่อย่างที่พี่ว่าหรอก เธอโดดเดี่ยวจริงๆ ไม่เชื่อพี่ลองมองไปรอบๆห้องสิ ”
สารวัตรหนุ่มพยักหน้ารับคำเบาๆด้วยความรู้สึกโล่งอกที่เห็นโอมยังเป็นปกติดี หลังจากนั้นสารวัตรหนุ่มก็หันมองไปรอบห้องของสาวเจ้าตามคำบอกกล่าวของโอม ดวงตาคมกร้าวราวกับเหยี่ยวของสารวัตรหนุ่มเหลือบแลไปทั่วทุกจุดภายในห้องคล้ายจะไม่ยอมให้สิ่งใดเล็ดลอดสายตาของเขาไปได้
สิ่งที่เขาพบเห็นก็คือห้องนอนปกติทั่วไปของผู้หญิงที่ค่อนข้างเป็นระเบียบเรียบร้อยและมีรสนิยมชอบใช้ของราคาแพง ซึ่งถ้ามองเผินๆก็ไม่พบสิ่งใดที่ดูผิดปกติเลย แต่อึดใจต่อมาสารวัตรหนุ่มก็เริ่มขมวดคิ้วนิ่วหน้าลงเล็กน้อยเป็นเชิงให้ชวนสงสัยว่าเขาน่าจะพบเห็นสิ่งผิดปกติอะไรบางอย่าง
“ ใช่แล้วครับ ผู้หญิงคนนี้โดดเดี่ยวจริงๆ ” โอมกล่าวแทรกขึ้นมาเมื่อเห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปของสารวัตรหนุ่มรุ่นพี่
“ อืมๆ…..น่าจะจริงของนาย ทั่วทั้งเตียงนอนมีเครื่องนอนเพียงชุดเดียว ข้าวของเครื่องใช้ส่วนใหญ่ก็มีแค่ชุดเดียวเช่นกัน มันบ่งบอกได้ว่าห้องนี้มีคนอยู่อาศัยเพียงแค่คนเดียว ไม่เคยมีแขกเลย ” สารวัตรหนุ่มพยักหน้ารับพร้อมกล่าวตอบ คราวนี้เขาเริ่มเห็นด้วยกับเด็กหนุ่มเข้าบ้างแล้ว
“ ซึ่งมันผิดปกติมากที่เด็กสาวจากต่างจังหวัดคนหนึ่งผู้จากบ้านมาอยู่เมืองกรุงนับหลายปี จะไม่เคยมีใครมาอยู่เป็นเพื่อนเลยแม้แต่คนเดียว ” โอมกล่าวเสริม
สารวัตรหนุ่มนิ่งคิดถึงสมมุติฐานที่โอมตั้งขึ้น เขาขบคิดไปว่าสาเหตุที่เป็นเช่นนี้เพราะเธออาจเป็นคนที่เย่อหยิ่ง จองหอง หรือมีนิสัยแย่ๆบางอย่างที่ทำให้เธอต้องชะตากรรมแบบนี้ก็เป็นได้ ทว่าสารวัตรหนุ่มก็ยังไม่เห็นว่าเรื่องดังกล่าวมันจะเกี่ยวข้องกับประเด็นในคดีนี้อย่างไร สารวัตรหนุ่มจึงเอ่ยปากถามเด็กหนุ่มเพื่อล้วงลึกถึงสิ่งที่อยู่ในใจของโอม
“ ขอโทษที่ขัดนายอีกครั้งนะ แล้วตกลงเรื่องนิสัยใจคอส่วนตัวและความอ้างว้างของเธอคนนี้มันไปเกี่ยวข้องกับเหตุในคดีฆ่าตัวตายที่นายคิดว่าน่าจะมีพิรุธได้ยังไง ด้วยอุปนิสัยสลดหดหู่แบบนี้มันน่าจะตอกย้ำให้มีมูลเหตุจูงใจที่ทำให้เธอต้องการฆ่าตัวตายมากขึ้นกว่าเดิมซะอีก ”
โอมไม่ตอบคำในทันที แต่เด็กหนุ่มกลับมองตรงไปข้างหน้านิ่งๆ ดวงตากลมโตหรี่ต่ำเป็นเชิงขบคิดอยู่อย่างหนักหน่วงจนสารวัตรหนุ่มเริ่มจะหมดความอดทนและกำลังจะกล่าวให้ล้มเลิกปฏิบัติการครั้งนี้ แต่ก่อนที่สารวัตรหนุ่มจะออกปาก โอมก็กล่าวตอบกลับมาเรียบๆว่า……
“ แล้วพี่จะอธิบายยังไงกับต่างหูอีกข้างของกุลสตรีที่ตกอยู่บนดาดฟ้าล่ะ ”
“ มันก็อาจเป็นไปได้ว่าเธอจะทำตกหรือไม่ก็แกะออกมาโยนทิ้งด้วยอารมณ์หดหู่แบบคนที่กำลังจะฆ่าตัวตายทั่วไป ” สารวัตรหนุ่มกล่าวตอบทันที ทั้งที่ใจลึกๆของเขาก็นึกสงสัยในประเด็นนี้เช่นกันเพราะตามธรรมชาติคนที่กำลังจะฆ่าตัวตายทั่วไปนั้นไม่มีใครที่คิดจะทำอะไรซึ่งไร้สาระอย่างเช่นถอดต่างหูทิ้งไว้ข้างหนึ่งเป็นแน่แท้ อีกประการต่างหูข้างที่ถูกถอดทิ้งอันเป็นข้างที่โอมนำมาให้ดูก็มีรอยบิ่นขาดเล็กน้อยคล้ายกับว่าตอนที่เอามันออกน่าจะมีการกระชากอย่างรุนแรงมากกว่าถอดเบาๆด้วยความนิ่มนวลแบบธรรมดา
“ แล้วไหนจะเรื่องรอยเท้าของอีกคนที่เดินตามกุลสตรีไปติดๆล่ะครับ พี่จะให้เหตุผลว่าอย่างไร ” โอมกล่าวต่อไปอีก
“ เป็นไปได้มั้ยว่า….นายจะดูผิด ” สารวัตรหนุ่มตอบอ้อมแอ้มเพราะประเด็นที่ว่าโอมจะอ่านรอยเท้าพลาดนั้นแทบจะไม่น่าเป็นไปได้ เนื่องด้วยเขาประจักษ์ฝีไม้ลายมือในการอ่านรอยเท้าของเด็กหนุ่มมาตั้งแต่คดีก่อนหน้านั้นแล้ว
ถึงตรงจุดนี้มันทำให้เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นสบตากับสารวัตรหนุ่มอีกครั้ง ดวงตากลมโตของโอมลุกโชนด้วยอารมณ์พลุ่งพล่านอยู่แวบหนึ่งก่อนสงบลงตามเดิมอย่างรวดเร็ว แต่ช่วงเวลาที่ดวงตาสดใสของเด็กหนุ่มกำลังเปล่งประกายวาวโรจน์อยู่นั้น สารวัตรหนุ่มกลับรู้สึกเสียวที่สันหลังขึ้นมาวูบใหญ่จนสั่นสะท้านไปทั่วทั้งกายเพราะจากประสบการณ์ที่ผ่านมามันทำให้เขารับรู้ได้เลยว่าแววตาแบบนั้นมันคือแววตาของ……สัตว์ป่าที่สามารถสังหารผลาญชีวิตทุกสรรพสิ่งที่ขวางทางได้โดยไม่ลังเลใจโดยแม้แต่น้อย
โอมลุกขึ้นยืนหยัดเต็มกายอย่างช้าๆ หลังจากนั้นเขาก็เอ่ยปากพูดกับสารวัตรหนุ่มด้วยเสียงที่ราบเรียบโดยไม่ได้หันหน้ากลับมามองสารวัตรหนุ่ม
“ แล้วพี่สารวัตรสิงห์จะอธิบายเหตุการณ์ประหลาดที่ผ่านมาเมื่อครู่ยังไง อาทิเช่นเรื่องอาแปะประหลาดที่สารพัดรู้ไปซะทุกสิ่ง ประตูห้องของผู้ตายที่เปิดขึ้นมาเอง ลมเย็นวูบใหญ่จากภายในห้องและความกดดันที่ชวนให้พวกเรารู้สึกขนลุกอย่างในตอนนี้ ”
“ เอ่อๆ….. อืมๆ…..” ถึงตรงนี้สารวัตรหนุ่มถึงกลับจนใจที่จะตอบเพราะเรื่องดังกล่าวมันลึกลับและวิปริตผิดธรรมชาติเกินกว่าที่ความคิดมนุษย์ทั่วไปจะทำความเข้าใจกับมันได้
โอมหันกลับมายิ้มให้สารวัตรหนุ่มแวบหนึ่ง ก่อนที่จะเอ่ยปากสั้นๆด้วยน้ำเสียงที่สดใสคล้ายจะปลุกปลอบใจสารวัตรหนุ่ม
“ เราไปหาหลักฐานกันต่อเถอะครับ ถ้ามันจะเป็นคดีฆ่าตัวตายธรรมดา เราก็ไม่เสียหายอะไรนี่ครับ เสียอย่างเดียวคือเวลา แต่ถ้าคดีนี้มันไม่ใช่คดีฆ่าตัวตายธรรมดาก็เท่ากับว่าพี่กำลังช่วยดวงวิญญาณของผู้ตายที่น่าสงสารดวงหนึ่งและผู้คนที่เกี่ยวข้องอีกหลายคนให้พ้นวิบากกรรมได้เลยนะครับ ”
สารวัตรสิงห์นิ่งอึ้งไปในทันทีหลังรับทราบความคิดของเด็กหนุ่มหน้าเข้มมาดเซอร์ผู้นี้ สารวัตรหนุ่มถึงกลับกัดฟันกรอดใหญ่และยอมรับผิดในใจว่าที่ผ่านมาตนเองก็เกิดอาการขลาดกลัวกับสภาวะวิปริตผิดธรรมชาติที่ปรากฏมาอย่างต่อเนื่องจนพยายามนึกหาเหตุผลเข้าข้างตัวเองเพื่อจะได้ยกเลิกปฏิบัติการครั้งนี้เสียที แต่ถึงกระนั้นด้วยความดื้อรั้นตามสันดานเดิมของเขาจึงทำให้สารวัตรหนุ่มปฏิบัติตอบต่อเด็กหนุ่มด้วยการสบถเบาๆในลำคอ
“ เชอะ เรื่องแค่นี้ไม่ต้องให้นายมาสอนหรอกน่า เอ้าไปหาหลักฐานต่อได้ ”
สิ้นคำกล่าว สารวัตรหนุ่มก็มุ่งตรงเข้าค้นหาหลักฐานที่น่าจะเกี่ยวข้องกับคดีต่อในทันที โดยมีเด็กหนุ่มนามว่า “โอม” ยืนส่งยิ้มน้อยๆที่ด้านหลังของสารวัตรหนุ่มอย่างอ่อนโยนและอบอุ่น
ในขณะที่ทั้งสองกำลังค้นหาบางสิ่งบางอย่างที่น่าจะเกี่ยวข้องในคดีอยู่นั้น ทั้งสองหนุ่มต่างรู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกและอึมครึมจนชวนสะท้านกายและสลดหดหู่อยู่เต็มทรวง ทว่าก็ไม่มีใครเอ่ยปากออกมาแต่อย่างใด ในบางครั้งโสตประสาทของทั้งคู่ก็เหมือนจะแว่วเสียงกระซิบที่แผ่วเบาลอยมากลางความเงียบสงบภายในห้อง เสียงนั้นฟังจับใจความได้ว่า…..
“ ออกไป ออกไป ออกไป ”
ด้วยความรู้สึกถึงแรงกดดันอันมหาศาลที่ก่อเกิดมาจากความน่าสะพรึงกลัวที่มองไม่เห็น ทำให้คนกล้าอย่างสารวัตรสิงห์ถึงกลับหยุดชะงักการค้นหาและเงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่มมาดเซอร์ซึ่งจับจ้องมองมาที่เขาอยู่ก่อนแล้ว แต่ไม่ทันที่สารวัตรหนุ่มจะได้พูดอะไร เด็กหนุ่มมาดเซอร์ก็ชิงตอบออกไปว่า……
“ อย่าไปสนใจครับ ทำงานของเราต่อไป ตราบใดที่เหรียญครุฑดำยังอยู่กับกายของพี่ตราบนั้นสิ่งชั่วร้ายทั้งหลายทั้งมวลก็ไม่อาจทำอะไรพี่ได้ ”
สารวัตรสิงห์พยักหน้ารับคำช้าๆ แม้แววตาและสีหน้าจะยังนิ่งเฉยไม่ปรากฏความขลาดกลัวแต่ถ้ามองให้ดีก็จะพบว่าในประกายตาลึกๆข้างในเกิดอาการสั่นไหวอยู่เล็กน้อยด้วยความหวาดหวั่น
เมื่อทั้งสองหนุ่มทำความเข้าใจกันได้แล้ว ทั้งคู่ก็พยายามค้นหาพยานหลักฐานกันต่อไปอย่างต่อเนื่อง จนในที่สุดก็เป็นฝ่ายสารวัตรหนุ่มที่พบเจอบางสิ่งบางอย่างก่อน
“ เยี่ยม สิ่งนี้น่าจะใช้ได้นะ โอม ” สารวัตรหนุ่มร้องบอกเด็กหนุ่มมาดเซอร์ด้วยน้ำเสียงลิงโลดดีใจ
“ ไหนครับ พี่เจออะไร ” โอมรีบรุดกายเข้าไปหาสารวัตรหนุ่มอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่ปรากฏอยู่ในมือของสารวัตรหนุ่มในตอนนี้ก็คือ……สมุดปกหนาเล่มหนึ่ง ทั่วทั้งเล่มปรากฏว่ามีสีแดงสดฉาบไปทั่วจนมองคล้ายว่าเป็นสีของเลือด ตามขอบและสันปกมีลวดลายดอกไม้ที่ดูวิจิตรสวยงาม ส่วนด้านหน้าปกมีรอยสลักด้วยตัวอักษรสีทองที่ดูประณีตแกมบรรจงว่า…..
“ DIARY ”
“ นี่มันสมุดบันทึกประจำวันของกุลสตรีนี่ครับ ยอดไปเลย พี่สิงห์ ” เด็กหนุ่มถูมือไปมาแรงๆพลางยิ้มมุมปากด้วยความรู้สึกตื่นเต้นดีใจที่กำลังจะได้ค้นพบอะไรใหม่ๆที่สามารถเชื่อมโยงเหตุการณ์ต่างๆให้เกิดความสมบูรณ์
“ แน่ล่ะ ถ้าเราเปิดสมุดเล่มนี้อ่าน เราก็จะเข้าถึงรายละเอียดบางอย่างที่น่าจะทำให้เราเข้าใกล้ความจริงในคดีนี้ได้มากยิ่งขึ้น เรามาเปิดอ่านกันเลยดีกว่า ” สารวัตรสิงห์เอ่ยปากตอบด้วยอาการสั่นน้อยๆเพราะความตื่นเต้นที่แทบจะระงับเอาไว้ไม่อยู่
“ ครับ เอาเลย ” โอมตอบตกลงแบบไม่ต้องขบคิด
ในจังหวะที่สารวัตรหนุ่มกำลังจะพลิกสมุดเล่มหนาขึ้นเปิดดูนั้นเอง ก็บังเกิดลมปริศนาหอบใหญ่พัดพามาปะทะสมุดที่อยู่ในมือของสารวัตรหนุ่มอย่างรุนแรงจนทำให้สมุดเล่มนั้นหลุดออกจากมือและกลิ้งไปหลบอยู่ในใต้โต๊ะทำงานตัวใหญ่ภายในห้องอย่างรวดเร็ว
ทั้งสองหนุ่มมองหน้ากันเองแบบเงียบๆโดยที่ต่างฝ่ายไม่มีใครพูดอะไรต่อกัน ทั้งที่ดวงใจของสองหนุ่มล้วนแล้วแต่เต้นระทึกคึกโครมไปด้วยความตื่นกลัวที่ต้องประจักษ์ต่อสิ่งแปลกประหลาดซึ่งปรากฏอยู่ตรงหน้า และในอึดใจต่อมาก็เป็นฝ่ายสารวัตรหนุ่มที่หัวเราะแห้งๆพร้อมกล่าวแก้เกี้ยวเบาๆด้วยเสียงที่สั่นเทา
“ เหอๆ หลุดมือน่ะ เดี๋ยวขอตัวก้มลงไปเก็บก่อนนะ ”
โอมไม่ตอบประการใด เขายืนทำหน้านิ่งอยู่แบบนั้นจนไม่อาจคาดเดาอารมณ์ความรู้สึกได้ ส่วนสารวัตรหนุ่มร่างใหญ่ก็ค่อยๆย่อตัวลงนั่งชันเข่าแล้วก้มศีรษะลงเล็กน้อยเพื่อสะดวกในการเอื้อมมือไปควานหาสมุดบันทึกสำคัญที่ซ่อนตัวอยู่ใต้โต๊ะ ในจังหวะที่สารวัตรหนุ่มก้มตัวนั้นเองก็มีวัตถุบางอย่างหลุดร่วงออกมาจากกระเป๋าเสื้อยีนส์ของสารวัตรหนุ่มอย่างรวดเร็วชนิดที่เจ้าตัวยังไม่ทันมอง วัตถุสิ่งนั้นหล่นลงพื้นแล้วกลิ้งเป็นวงกลมตามความแรงของการตกกระทบไปหยุดอยู่ที่พื้นห้องซึ่งอยู่ไม่ห่างจากกายของสารวัตรหนุ่มมากนัก
“ เอ๊ะ พี่ มีอะไรหลุดออกมาจากกระเป๋าเสื้อของพี่น่ะ ” โอมผู้ตาไวกล่าวร้องทักสารวัตรหนุ่มในทันที
“ อ้าวเหรอ มัวแต่ก้มหาสมุดเลยทำของตัวเองร่วงซะงั้น ของอะไรกันนะที่มันหล่นหาย ” สารวัตรหนุ่มหยุดการค้นหาสมุดบันทึกชั่วขณะเพื่อเหลือบตาดูว่าสิ่งใดที่หล่นหาย และเมื่อสารวัตรหนุ่มได้เห็น เขาก็ปรากฏอาการตกตะลึงไปชั่วขณะ เพราะสิ่งที่มันตกอยู่ตรงพื้นเบื้องหน้านั่นก็คือ…..…..เหรียญครุฑดำ
สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจJalandoนักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ
https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter
คำยืนยันของเจ้าของนิยาย
✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง
คำวิจารณ์
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้

รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
โหวต
* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้
แบบสำรวจ