กุ่ยสิงเทียนเซี่ย หนึ่งหนู หนึ่งแมว ผ่าคดีปริศนา (ลิขสิทธิ์ สำนักพิมพ์ เรือนหอมหมื่นลี้ B2S)

10.0

วันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2561 เวลา 16.00 น.

  19 บท
  2 วิจารณ์
  24.14K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2561 16.26 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) บทที่ 1 ตอนที่ 1.6 ตำนานหม่าฟู่แห่งแม่น้ำอี

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

 

          คำว่า “รูปงาม” ที่เสี่ยวซื่อจึเปล่งออกมานั้น มันช่างเสียงดัง ราวกับจะสะเทือนภูผามหาสมุทรให้สั่นไหว เซียวเหลียงกดที่ไหล่ของเขาเบาๆ “เด็กน้อย อย่าตื่นเต้น”

          ผู้คนในโรงน้ำชาต่างพากันหัวเราะขึ้น ส่วนใหญ่จะรู้สึกว่าเสี่ยวซื่อจึน่ารัก เหล่าชาวยุทธ์ต่างก็รู้ดีว่าไป๋อวี้ถังเป็นจอมยุทธ์ผู้เก่งกาจ และยิ่งกว่านั้นก็คือไป๋อวี้ถังคือบุรุษที่มีรูปงามอย่างหาที่เปรียบมิได้

          แต่ทว่าชายชุดขาวที่อยู่ข้างหน้านี้ช่างดูธรรมดามากๆ หากจะเปรียบเทียบกันแล้ว จั่นเจายังรูปงามกว่ามากนัก

          

          ชายชุดขาวทั้งโกรธและทั้งอาย แผดเสียงด่าเสี่ยวซื่อจึ “ไอ้เด็กเลว!”

          เสี่ยวซื่อจึโกรธมาก หันกลับไปตอบโต้ทันควัน “ไอ้ผู้ใหญ่เลว!”

          “อั้ยหย่ะ!” เซียวเหลียงรีบปรามเขา “เด็กน้อย ด่าคนไม่ดีนะ” พูดจบก็หันไปทำเสียงคำรามกัดฟันด่าใส่ชายชุดขาวนั่น

           “กับเด็กเจ้ายังจะหาเรื่องอีกรึ ไอ้เดรัจฉานเอ้ย!”

          ……

          เสี่ยวซื่อจึหยีตายิ้ม มองเซียวเหลียง เวลานี้ รอบๆ มีผู้คนมามุงดูกันไม่น้อยเลยทีเดียว

          จั่นเจากระแอมขึ้นมา เอ่ยกับชายคนนั้นว่า “เจ้าปลอมตัวเป็นไป๋อวี้ถังไม่คุ้มหรอกนะ”

          ชายชุดขาวหันมามองจั่นเจาสีหน้างงๆ

                    “ไป๋อวี้ถังเป็นคนที่มีอารมณ์ขึ้นลงง่าย สร้างศัตรูไว้มากมาย การที่ปลอมตัวเป็นเขามาอยู่ในยุทธภพแห่งนี้ไม่คุ้มค่าแม้แต่น้อย แถมจะเป็นอันตรายเสียมากกว่า” จั่นเจากล่าวเตือนเขา “ถ้าไม่มีวรยุทธ์แบบเขา ก็อย่าได้มาสวมรอยเป็นเขาจะดีกว่า”

          “ท่านอย่ายุ่งเรื่องคนอื่นจะดีกว่า” เขาตอบกลับพร้อมยิ้มเยาะๆ “ไป๋อวี้ถังจะมีอะไรดี ก็แค่ผู้ที่พ่ายแพ้ต่อข้าเท่านั้น”

          ทันทีที่เขาตอบกลับเช่นนี้ รอบข้างก็เสียงเซ็งแซ่ขึ้นมาทันที

          ชายชุดขาวมองจั่นเจาขึ้นลง ตั้งแต่หัวจรดเท้า ยิ้มพร้อมเอ่ยว่า “ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีวรยุทธ์ไม่เลว”

          “อืม…. ที่แท้ไป๋อวี้ถังก็คือผู้ที่ไม่เคยเอาชนะเจ้าอย่างนั้นหรือ” จั่นเจาลูบคางพลางครุ่นคิด พลันเอ่ยขึ้นว่า “งั้นข้าน่าจะให้เจ้า…”

          ชายชุดขาวเบ้ปากถามกลับ “เจ้าคิดจะทำอะไร”

          จั่นเจายิ้มนิดๆ “ข้าจะปิดตาสู้กับเจ้า”

          ทันทีที่ได้ยินคำนี้ ไม่เพียงแต่ชายชุดขาวเท่านั้น แต่ผู้คนรอบข้างทั้งหมดต่างตกใจกันเป็นแถว

          เสี่ยวซื่อจึกระตุกแขนเสื้อเซียวเหลียงเบาๆ “เซียวเหลียง เมี้ยวเมี้ยวปิดตากับเปิดตามันต่างกันตรงไหน?”

          เซียวเหลียงยิ้มหึๆ “นั่นน่ะสิ……”

          ชายชุดขาวตัวปลอมโกรธมากที่จั่นเจาบังอาจดูถูกเขาเช่นนี้ ตะเบ็งเสียงกร้าวใส่ “เจ้ารนหาที่ตายเสียแล้ว” พลันก็ชักดาบลงมือทันที

          จั่นเจาปิดตา มือคว้าถุงผ้าสีดำที่มีดาบอยู่ข้างใน มาถือไว้ในมือ เค้ายังไม่คิดที่จะชักดาบนั้นออก ใช้เพียงมือๆ เดียวประลองกับเขา จนในที่สุดชายชุดขาวนั้นก็เพลี่ยงพล้ำต่อจั่นเจา

          ฝูงชนไม่เพียงแต่ตะโกนร้องชื่นชมว่าเยี่ยมเลย บางคนก็ยังกระซิบกระซาบกันด้วยว่า

          “โอ้! นี่ทำไมดูแล้ววรยุทธ์ของไป๋อวี้ถังไม่เท่าไหร่เลยนะ!”

          “……ใช่!”

          ไม่ทันถึงห้ายก ชายชุดขาวนั่นก็ไม่สามารถทรงตัวยืนอยู่ได้อีก เขาเซถอยหลังไปหนึ่งก้าว ในใจรู้สึกอยากจะออกจากสังเวียนนี้แล้ว แต่ทันใดเสียงลมพัดปังขึ้นที่ด้านหลัง แล้วก็รู้สึกทันทีว่ามีคนๆ หนึ่งเหยียบลงมาที่บ่าของเขาจนเขาโซเซล้มลง เมื่อแหงนหน้าขึ้นมอง ก็พบว่าชายชุดขาวอีกคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าแล้ว ก่อนที่เขาจะล้มลงที่ตรงหน้าของจั่นเจา

          จั่นเจาเอียงหูฟังรู้สึกผิดปกติแปลกๆ น้ำเสียงที่ได้ยิน ฟังแล้วเย็นชา แต่ก็คุ้นหูมาก “สู้กับข้าสิ”

          เซียวเหลียงตะลึง เพราะที่เห็นอีกด้านหนึ่งคือเสี่ยวซื่อจึกำลังกระโจนเข้าไปเพื่อหยุดเขาไว้ “ดีเลย เสี่ยวเหลียง”

          จั่นเจารู้สึกไร้ทางเลือก ผู้ที่ใช้น้ำเสียงเนือยๆ ด้วยความเบื่อหน่ายเอ่ยออกมาแต่กลับทำให้ผู้คนรู้สึกถึงความไพเราะเสนาะหู ใต้หล้านี้มีเพียงเขาผู้เดียวเท่านั้น “ไป๋อวี้ถัง” ดังนั้นจั่นเจาจึงต้องการหลบหนีออกจากเมืองไคเฟิงเพื่อไปเมืองฉวีซานเพียงลำพัง หากจะกล่าวถึงเหตุผลกันจริงๆ แล้วก็ไม่จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงปิดบังความจริงกับไป๋อวี้ถังเพราะนั่นถือเป็นการหลอกลวง เขาไม่ชอบที่จะให้ผู้อื่นเห็นว่าตัวเองต้องตกอยู่ในสภาพที่ดวงตามองไม่เห็น ชายชุดขาวที่อยู่ตรงหน้าเขา แท้ที่จริงแล้วก็คือ “ไป๋อวี้ถัง” เขาเพิ่งจะหลีกลี้หนีกลุ่มฝูงชนเพื่อที่จะไปโรงน้ำชาหาชาดื่มสักหน่อย ข้างหน้าเขากลับได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังขึ้น

          เมื่อเดินมาถึงกลุ่มฝูงชนที่อยู่ด้านนอกก็ได้ยินจั่นเจากำลังพูดกับคนที่ปลอมตัวเป็นตนเองว่า” ไป๋อวี้ถังเจ้าอารมณ์จึงสร้างศัตรูมากมาย” แล้วยังมีประโยคที่ว่า “ไป๋อวี้ถังผู้ที่ไม่เคยเอาชนะข้าได้ งั้นข้าอาจจะทำให้เจ้า……” ชั่วขณะนี้ตนก็ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี เจ้าแมวตัวนี้เป็นแมวตาบอดแล้วยังคิดจะเอาเปรียบผู้อื่นอีก

          “เจ้าเป็นใครกัน” ชายชุดขาวตัวปลอมยันกายขึ้นมาจากพื้นเริ่มมีโทสะเมื่อพบว่ากำลังจะมีปัญหาเกิดขึ้น เดิมทีก็รู้สึกหงุดหงิดอยู่แล้ว นี่กลับทำให้เขายิ่งมีอารมณ์มากขึ้นอีก

          “นี่ๆ”

          ชายชุดขาวตัวปลอมยังพูดไม่ทันจบก็เห็นเสี่ยวซื่อจึกกับเซียวเหลียงส่งสัญญาณโบกมือให้กับเขาอยู่

          ชายชุดชาวตัวปลอมรู้สึกไม่ค่อยจะเข้าใจเท่าใดนัก เพราะเห็นเด็กทั้งสองคนส่งสัญญาณโบกมือและขยิบตาให้กับเขา เด็กทั้งสองส่งสัญญาณเตือนชายชุดขาวตัวปลอม ให้รีบหนีไปเสียเถอะ เพราะผู้ที่มาใหม่นี้ ก็คือไป๋อวี้ถังตัวจริงเขาเป็นคนที่เจ้าอารณ์ ไม่เหมือนกับ จั่นเจาหรอกนะ ถ้าไม่รีบหนี ก็ระวังตัวเถอะระวังเขาจะฆ่าเจ้าตายเอาเสีย

          ไป๋อวี้ถังไม่ได้สนใจผู้ที่ร้องตะโกนอยู่ แต่หันกลับไปดูจั่นเจา เห็นเขายังคงหลับตา แล้วกล่าวว่า “ข้าไม่เอาเปรียบเจ้าหรอก ลืมตาสู้เถอะ”

          จั่นเจารู้สึกเขินนิดหน่อย แอบแลบลิ้นเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าจะถูกเขาได้ยินเข้าแล้ว

          เสี่ยวซื่อจึดึงแขนเสื้อของเซียวเหลียง “เสี่ยวเหลียงจึ ดูเหมือนว่าไป๋ไป๋จะไม่พอใจแล้วล่ะนะ”

          เซียวเหลียงลดเสียงเบาลงกระซิบข้างหูเสี่ยวซื่อจึว่า “เจ้าคิดสิ ลำบากไล่ตามมาจนทัน แล้วมาได้ยินพี่จั่นพูดว่าตัวเองไม่ดีอีก”

          “เฮ้ย” เสี่ยวซื่อจึกระพริบตาปริบๆ “แย่จังเลยอะ”

          “ก็ใช่น่ะสิ”

          จั่นเจามีทักษะการฟังเป็นเลิศ ได้ยินเรื่องราวชัดเจน เขายกมือขึ้นลูบจมูกเบาๆ พลันก็ได้ยินเสียงลมพัดแหวกอากาศ เขารู้ได้ในทันทีว่า

ไป๋อวี้ถังได้มาถึงแล้ว จึงตั้งรับต่อสู้

          ทักษะการเคลื่อนไหวของไป๋อวี้ถังได้เปรียบกว่าเจ้าตัวปลอมมากนัก ก็พอดีกลับที่ จั่นเจาได้ยินเสียงจึงรู้ว่าเขาอยู่ตรงไหนถึงสามารถออกท่ารับการต่อสู้ได้อย่างใจเย็น

          ในใจไป๋อวี้ถังนั้นก็แอบชื่นชมจั่นเจาอยู่ว่าเป็นผู้มีพรสวรรค์ในด้านวรยุทธ์ อาจจะเป็นเพราะจั่นเจามีนิสัยที่เผชิญสถานการณ์แบบไหนก็ยังคงสงบเยือกเย็นอยู่ได้ แต่ว่า ..ประสาทสัมผัสทั้งห้า การมองเห็น การรับรู้ด้วยกลิ่น การได้ยิน การลิ้มรส และการสัมผัส แม้จะสูญเสียไปอย่างหนึ่ง การจะเอาชนะตัวปลอมนั้นช่างง่ายดายนัก แต่หากจะเอาชนะ ไป๋อวี้ถังตัวจริง นั้นก็ไม่ง่ายเลย

          ทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างดุเดือด ผู้คนที่มุงดูก็กำลังดูกันอย่างคึกคักสนุกสนาน ไม่ไกลจากศาลอำเภอพวกมือปราบก็มาถึง ร้องตะโกนขึ้นว่า “ผู้ใดกันที่ก่อเหตุ”

          ไป๋อวี้ถังพุ่งตัวเหาะเหินขึ้นไปอยู่บนหลังคาบ้าน มองเห็นผู้คนดูกระจัดกระจายวุ่นวายไปหมด จั่นเจาฟังเสียงลมวิเคราะห์แยกกันระหว่างตัวจริงและตัวปลอม เมื่อแยกตำแหน่งทิศทางของตัวจริงได้ก็ไม่รอช้าพุ่งตัวเหาะเหินตามขึ้นไปทันที ทั้งสองคนต่อสู้กันอย่างต่อเนื่องอยู่บนหลังคา ผู้คนด้านล่างมองไม่เห็นการต่อสู้ของคนทั้งสองแล้วเห็นแต่มือปราบกำลังมา ผู้คนแตกฮือหนีกันจ้าละหวั่น

          เสี่ยวซื่อจึกับเซียวเหลียงเริ่มรู้สึกกระวนกระวานใจ ทั้งสองยังคงต่อสู้ไล่ล่าแล้วพากันหายเข้าไปในซอยเล็กๆ ที่ได้ยินแต่เสียงการต่อสู้หากแต่กลับมองไม่เห็นคนแล้ว

          “มองไม่เห็นแล้ว” เสี่ยวซื่อจึพยายามเขย่งเท้ามองหา

          เซียวเหลียงเอานิ้วมาสะกิดๆ เสี่ยวซื่อจึ “เด็กน้อย ข้าจะอุ้มเจ้านะ ลองดูซิว่าจะมองเห็นหรือไม่”

          “ตกลง” เสี่ยวซื่อจึยังคงใจลอย เซียวเหลียงกับเขาถ้าต่อตัวกันจะสูงพอหรือ? นั่นจะทำให้สามารถมองเห็นได้จริงหรือ เซียวเหลียวรีบกระวีกระวาดมาอุ้มเสี่ยวซื่อจึ.

          เสี่ยวซื่อจึก็ยังคงมองไม่เห็นอยู่ดี ส่วนเซียวเหลียงนั้นรู้สึกว่า เสี่ยวซื่อจึจ้ำมั่มน่ากอดมาก

          ส่วนสือโถวนอนเกาหูอยู่ข้างๆ ....นี่มันทำอะไรอยู่เนี่ย?  บนหลังคา จั่นเจากับไป๋อวี้ถังยังคงต่อสู้กันอย่างดุเดือด

          ไป๋อวี้ถังมองดูจั่นเจาใช้การป้องกันเป็นหลักในการโจมตี จั่นเจาโจมตีและก็ป้องกัน ทั้งโจมตีทั้งป้องกันเขาใช้วรยุทธ์ในการต่อสู้แบบโจมตีและป้องกันได้อย่างยอดเยี่ยม เพื่อไม่ให้ศัตรูเข้าถึงตัวได้โดยง่าย และเขาก็ไม่มีทางยอมแพ้อย่างเด็ดขาด

          ไป๋อวี้ถังจึงรำพันในใจว่า ‘เจ้าแมวตัวนี้ยังมีสุดยอดเคล็ดวิชาอยู่อีกหลายกระบวนท่าสินะ’ พวกเขาทั้งสองไม่ได้ใช้อาวุธ ใช้เพียงแค่มือเปล่า  ไป๋อวี้ถังแสร้งทำเป็นพลาดท่าเพื่อหลอกล่อจั่นเจาแล้วยังแสร้งทำเป็นว่าวรยุทธ์ของตัวเองเป็นรองเพื่อทำให้จั่นเจาเข้าถึงได้,

          จั่นเจาได้ยินเสียงลมพัดแหวกอากาศอันเกิดจากไป๋อวี้ถังที่ใช้ทักษะในการหลอกล่อ ลวงจั่นเจาให้รีบมาทางด้านซ้าย จั่นเจายกมือขึ้นสกัดตั้งรับ แต่ทว่าในมือซ้ายของไป๋อวี้ถังกลับเป็นดาบใหญ่ ไป๋อวี้ถังแสร้งกวัดแกว่งฟาดดาบใหญ่ในมือลงทำให้เกิดเสียงลมหวดฟ้า เขาไม่ได้ต้องการที่จะต่อสู้จริงๆ แต่ทำเพื่อให้จั่นเจาเสียสมาธิ จั่นเจาพุ่งตัวออกไปทางด้านซ้ายเพื่อสกัด ทางด้านขวาก็ยังได้ยินเสียงฝ่ามือทำให้เขาตื่นตระหนก คิ้วขมวดกันเล็กน้อย ทันใดนั้นเขาก็เข้าใจเจตนาของไป๋อวี้ถังแล้ว จั่นเจาพูดกับตัวเองในใจ ‘วรยุทธ์ของไป๋อวี้ถังนั้นหลอกล่อเพื่อหาจุดอ่อนของศัตรู เมื่อหาจุดอ่อนของศัตรูพบก็จะเข้าจู่โจมอย่างรุนแรงให้ถึงแก่ความตามทันที แย่ละสิ จุดอ่อนที่สุดของเขาก็คือ การต่อสู้แบบมองไม่เห็น โดนไป๋อวี้ถังค้นพบเข้าจนได้’

          ครั้งแรกที่ไป๋อวี้ถังลงมือเป็นเพียงแค่การลองเชิงเท่านั้น ยังไม่ได้ต่อสู้แบบจริงจังครั้งที่สองนั่นถึงจะเป็นของจริง จั่นเจาคำนวณอยู่ในใจไม่ง่ายเลยที่จะแยกเสียงลมได้ กระบวนท่าของไป๋อวี้ถังนั้นว่องไวมาก หลอกล่อด้วยมือขวา จากนั้นมือซ้ายจู่โจมจนเกิดเสียงดัง ทำให้จั่นเจาถึงกลับสับสนทันที

          กว่าจะจับทางได้ก็สายไปเสียแล้ว จั่นเจารู้สึกร้อนผ่าวที่ด้านหลังจึงร้องออกมา..อ๊ะ!

 

+++++โปรดติดตามตอนต่อไป อัพตอนใหม่ทุกวัน จันทร์ พฤหัส และเสาร์ ตอน 2ทุ่มครึ่งค่ะ+++++

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

 

ไม่มีแบบสำรวจ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา