ตลกร้ายใต้สะดือ

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 15.03 น.

  45 ตอน
  9 วิจารณ์
  46.05K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 มกราคม พ.ศ. 2562 15.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) ราวตกผ้าปริศนา

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

      บุญกอบเป็นหนุ่มวัยเบญจเพสจากนครราชสีมา ร่างสันทัดของเขาสูงราวๆ 170 เซนติเมตร ใบหน้าเกลี้ยงเกลา ไร้สิวฝ้า ผิวเหลืองแก่ออกไปในแนวคล้ำ เพราะกรำแดด ดวงตาเล็กเรียวแฝงแววซื่อ ส่วนบนศีรษะไว้ผมสั้นเกรียนที่ดำสนิท            

           

 

       แม้จะพูดได้ไม่เต็มปากว่าชายผู้นี้เป็นคนรูปหล่อ แต่ก็ดูสดใสและอ่อนกว่าวัยจนแฝงตัวไปเรียนกับเด็ก ม.ปลายได้อย่างสบาย จุดเด่นที่สุดคือความคล่องแคล่ว ว่องไว ด้วยในอดีต เขามีดีกรีเป็นถึงนักมวยไทยสมัครเล่น ซึ่งเคยตระเวนต่อยตามงานวัดมาแล้วหลายครั้ง  

           

 

      บุญกอบมีความฝันว่า………อยากหาเงินให้ได้ซักก้อน เพื่อนำไปสู่ขอ “หวาน” หญิงสาวข้างบ้านวัยเดียวกัน จึงเดินทางเข้ากรุงเทพ เมืองหลวงแห่งความเจริญและแหล่งแสวงโชคของชาวภูธร 

 

…………………….

           

      เวลา 12.30 น. อันเป็นเวลาที่แดดในแดนสยามส่องแสงแรงกล้าที่สุด ได้ปรากฏหนุ่มร่างสูงคนหนึ่ง เขามีใบหน้ายาว ดวงตาโต ผิวคล้ำ จมูกโด่งเป็นสัน โดยรวมให้ความรู้สึกหยาบกระด้างผสานสมาร์ท ประมาณพวกดาราผิวสีในฮอลลีวู้ด ชายผู้นี้กำลังยืนรอใครบางคน

            

 

      สถานที่ๆหนุ่มร่างสูงยืนรอนั้นกว้างขวางและคับคั่งไปด้วยผู้คน เสียงโวยวายเซ็งแซ่จนฟังไม่ได้ศัพท์ มีเคาน์เตอร์กระจกใสวางเรียงรายอยู่รอบนอก ป้ายพลาสติกที่ติดอยู่กับกระจกนั้นระบุถึงชื่อจังหวัดและค่าโดยสารที่ต้องจ่าย ทำให้เดาได้ไม่ยากว่าที่นี่คือ....อาคารรอรถโดยสารของ บ.ข.ส 

           

 

      สายตาของชายผู้นั้นมองไปยังลานจอดรถโซนกรุงเทพ-นครราชสีมา สลับกับดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือราคาถูก สีหน้าส่อแววร้อนใจ ปากก็เริ่มพล่ามบ่น 

 

“ นี่ก็เที่ยงแล้ว เมื่อไหร่เจ้าบุญกอบจะปรากฏตัว ไหนว่าจะมาถึงตอนห้าโมงเช้าไง ” 

           

 

       หนุ่มมาดเข้มดูร้อนรน เขาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง เพื่อหยิบโทรศัพท์มือขึ้นมา หวังจะต่อสายถึงบุญกอบ แต่ด้วยความเสียดายค่าโทร จึงยัดมันกลับที่เดิม ชายร่างสูงทำแบบนี้อยู่ห้ารอบ รถโดยสารสีแดงขาวก็เคลื่อนตัวเข้ามาจอดเทียบท่า  

 

“ อืม….น่าจะเป็นรถคันที่เจ้าบุญกอบนั่งมาแน่ ถึงซักทีนะ ไอ้เพื่อนเวร ” 

           

 

       ทันทีที่รถโดยสารจอดสนิท ผู้คนก็ทยอยกันลงมา พวกเขาสวมเสื้อผ้าที่ดูคล่องตัวอาทิเช่น เสื้อยืด กางเกงยีนส์ บนใบหน้ามีร่องรอยของชาวภูธรอย่างเต็มเปี่ยม

             

 

       ผู้โดยสารลงจากรถจนเกือบหมด แต่ชายมาดเข้มยังไม่เห็นเงาของเพื่อนซี้ ทำให้ความร้อนใจกลับมาเยือนอีกครั้ง 

 

“ เอ….หรือว่าจะตกรถ ไม่ก็นั่งรถผิดคัน มันยิ่งโง่ๆเซ่อๆอยู่ซะด้วย ” 

              

 

       เมื่อคิดได้ดังนั้น ชายร่างสูงจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เพื่อโทรหาเพื่อนรัก นับว่าเป็นการตัดสินใจที่กล้าหาญชาญชัย เพราะเขาต้องเสียค่าโทรอย่างน้อย 5 บาท แต่ไม่ทันได้กดเบอร์ หนุ่มคนหนึ่งก็ก้าวลงมาจากรถอย่างเชื่องช้า ใบหน้าดูงัวเงีย เสื้อเชิ้ตยีนส์แขนกุดก็ยับยู่ยี่ ประมาณว่าเพิ่งทะเลาะกับเตารีดมาหมาดๆ 

 

“ อ้าว เฮ้ย! ไอ้บุญกอบ เอ็งหรือนั่น ไปฝ่าดงตีนที่ไหนมาวะ ทำไมถึงได้มีสภาพทุเรศทุรังแบบนี้ ฮะๆ ” ชายหน้าเข้มร้องทัก พร้อมหัวเราะเบาๆ ด้วยขบขันสารรูปของเพื่อนรัก 

            

 

      หนุ่มร่างสันทัดจากแดนอีสานผู้มีนามว่า “บุญกอบ” ยกมือขวาขึ้นมาปาดคราบน้ำลายที่มุมปาก พร้อมสะบัดศีรษะไปมา เพื่อขับไล่ความมึนงง จากนั้นก็ตอบคำถามของเพื่อนซี้

 

“ ข้าเผลอหลับว่ะ แหม....น่าเสียดาย กำลังฝันว่าได้สอยสาวกรุงเทพถึงสิบคนรวด ฝันดีจนไม่อยากตื่นเลย ” 

 

“ ฮะๆ บ้ากามไม่เลิกเลยนะ มึง เป็นงี้ต่อไป อีหวานต้องแย่แน่ๆ ” ชายร่างสูงหัวเราะลั่น อันบ่งบอกว่าเขาน่าจะเป็นคนที่มีอารมณ์ขัน ผิดกับรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูเคร่งขรึม 

 

“ อ้าว ไอ้ห่า! น้องหวานจะแย่ได้ไง  มึงแช่งน้องเขาทำไมวะ ” คิ้วของบุญกอบเริ่มขมวด เพราะเขาไม่ยอมให้ใครมาแตะต้องสาวในดวงใจ ด้วยเวลานี้เป็นช่วงข้าวใหม่ปลามัน

 

“ แหมๆ  มึงไม่เก็ทมุกอีกแล้ว ข้าหมายความว่า....ถ้าเอ็งกับอีหวานแต่งงานกัน เอ็งก็จะโซเดมาคอมจนไม่เป็นอันนอน เพราะความบ้ากามติดระดับโลก ขนาดหลับ ยังเสือกฝันว่าไปสอยกับสาวในกรุงเทพตั้งหลายคน เข้าใจรึยังวะ ” ชายร่างสูงอธิบายด้วยใบหน้ายิ้มละไม เขาไม่ถือสาในความซื่อบื้อของบุญกอบ เพราะคุ้นชินกับความโง่งมอันโดดเด่น 

 

“ อ้อ…..แล้วไป ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ข้าจะจัดให้อย่างน้อยวันละสามสี่ดอกเป็นอย่างต่ำ ประมาณว่าทำจนกว่าจะเห็นท้องฟ้าเป็นสีเหลือง เหอๆ ” เมื่อบุญกอบพูดจบ เขาก็ทำหน้าหื่นและหัวเราะแปลกๆ 

 

“ เอ้า มัวแต่พูดกันอยู่นาน ไปบ้านของข้าก่อน มีอะไรให้ช่วยถือมั้ย ” ชายหน้าเข้มตัดบท พร้อมเอื้อไมตรี 

 

“ ไม่เป็นไรโว้ย ข้ามีกระเป๋าเป้มาแค่ใบเดียว” บุญกอบพูดจบ ก็ขยับเป้สีตุ่นขึ้นพาดบ่า

 

“ เออ ยังคงเป็นคนที่ง่ายเหมือนเดิมเลยนะ มึง หึ หึ หึ....” ชายร่างสูงหัวเราะเบาๆ เพราะรู้สึกเอ็นดู 

 

“ มึงก็กวนเบื้องต่ำเหมือนเคยเลยนะ ไอ้โมทย์ ” บุญกอบด่าเพื่อนรักหน้าเข้มผู้มีนามว่า “โมทย์” จากนั้นก็เดินทางกลับที่พัก 

 

……………………….

            

       ทั้งสองขึ้นรถเมล์แบบไม่ปรับอากาศ อันถือเป็นพาหนะที่มีค่าโดยสารถูกที่สุด ไม่นาน พวกเขาก็มาถึงห้องเช่าในตึกแถวคูหาเดียว ซึ่งอยู่ท้ายซอย

 

“ เอ้า ถึงแล้วโว้ย ไอ้บุญกอบ มึงจะอาบน้ำก่อนมั้ยวะ เสร็จแล้ว กูจะพาไปเลี้ยงต้อนรับ ” โมทย์กล่าวกับบุญกอบ พร้อมไขกุญแจ เพื่อเปิดประตูสู่ห้องพักราคาถูก 

 

“ กูยังไม่อาบ ร้อนนิดร้อนหน่อยเอง แค่นี้ไม่หยั่นหรอก ” บุญกอบตอบเนือยๆ แม้เขาจะรู้สึกร้อนมาก แต่ด้วยหัวจิตหัวใจนักสู้ที่ถูกบ่มเพาะมาตั้งแต่เด็ก เลยทำให้มีความอดทนสูงกว่าคนทั่วไป ทว่าในระหว่างที่เพื่อนรักกำลังสาละวนกับการไขประตู สายตาก็ดันเหลือบไปเห็นบางอย่างที่อยู่ข้างห้อง 

          

 

       สิ่งนั้นก็คือ…….ราวไม้แขวนเสื้อราคาถูกซึ่งมีเสื้อผ้าชายผู้หญิงแขวนอยู่ แต่ตัวที่อยู่ในโฟกัสของบุญกอบหนีไม่พ้น……กางเกงในผ้าบางสีขาวที่ไร้ลวดลาย ซึ่งอยู่คู่กับยกทรงสีเดียวกัน ที่สำคัญ เจ้าสองชิ้นนั้นดันตากอยู่บนสุด

            

 

       ด้วยอารมณ์ทางเพศที่รุนแรงของชายจอมอึด เลยทำให้ความแข็งเกร็งที่อวบใหญ่เกิดผงาด สายตาที่เพ่งมองไปยังอาภรณ์สวาทสองชิ้นนั้นดูฉ่ำเยิ้มและหยดย้อย

 

“ อ้าว เฮ้ย! ทำไมไขยากไขเย็นขนาดนี้ ” นายโมทย์เริ่มบ่นพึมพำด้วยความไม่สบอารมณ์ เพราะลูกกุญแจเจ้าปัญหาดันเก่าจัดจนสนิมจับ แต่เขาก็ทำใจรับสภาพที่แสนห่วยแตก ด้วยข้อดีของห้องเช่าแห่งนี้ก็คือ……ราคาถูก

             

 

       ผ่านไปไม่นาน ชายร่างสูงก็ไขประตูได้สำเร็จ นั่นทำให้เขาดีใจจนแหกปากร้องตะโกน 

 

“ เปิดได้แล้ว ยินดีต้อนรับสู่เคหสถานชั้นยอดของข้า เฮ้ย! เอ็งดูอะไรอยู่วะ ” โมทย์พูดจบ ก็หันไปถามบุญกอบ เพราะเห็นเพื่อนซี้กำลังจ้องราวตากผ้าอย่างขะมักเขม้น 

 

“ อะ...เอ่อ…อึ….อือ ” บุญกอบสะดุ้งโหยง เขาได้แต่อ้ำอึ้ง เพราะยังตั้งตัวไม่ทัน 

 

“ เอ้า จะว่าอะไร ก็พูดมาสิวะ เฮ้อ…..ช่างเถอะ มึงเอาของเข้ามาเก็บเลย กูไขห้องให้แล้ว ” โมทย์ส่ายหัวไปมาด้วยความรำคาญใจ แต่ไม่ทันได้คำตอบ เขาก็กล่าวตัดบท 

 

“ อ่อ…ดะ….ได้ ” บุญกอบรับคำแบบมึนๆ สายตายังแอบเหล่ชั้นในผืนบางที่แขวนอยู่บนราวตากผ้า ก่อนจะนำพากายสันทัดที่ปราดเปรียวเข้าสู่ห้องพัก  

           

 

      แวบแรกที่บุญกอบได้เห็นห้องพัก เขาก็รู้สึกว่า “ทำไมมันแร้นแค้นแบบนี้” เนื่องจากในนั้นแคบมาก ขนาดน่าจะไม่เกิน 4 คูณ 4 เมตร แถมยังไร้เฟอร์นิเจอร์ใดๆ มีเพียงเสื่อสีกระดำกระด่างปูพื้น ข้าวของเครื่องใช้เพียงหนึ่งเดียวก็คือ……ตู้เสื้อผ้าแบบพลาสติกขนาดย่อมที่วางตรงหัวมุม 

 

“ เออ….มึงเอาของไปเก็บที่มุมห้องก่อน เดี๋ยวกูขอตัวไปอาบน้ำ จากนั้นจะพาไปเลี้ยง ” โมทย์กล่าวเนือยๆ ซึ่งบุญกอบก็นึกสงสัยตั้งแต่เมื่อกี้ว่าเพื่อนซี้วัยเยาว์จะพาไปฉลองที่ไหน แต่สิ่งที่ติดใจยิ่งกว่าก็คือ……ทำไมถึงให้เขาไปนอนมุมห้อง ทั้งที่ตรงกลางมีฟูกนอนขนาดใหญ่วางกองอยู่ จึงลองเอ่ยถาม 

 

“ แล้วทำไมมึงถึงให้เอาของไปเก็บที่มุมห้องวะ ทำเหมือนจะให้กูไปนอนตรงนั้นคนเดียว พวกเรานอนด้วยกันตรงกลางห้องก็ได้นี่หว่า ” 

             

 

       โมทย์ทำหน้ายู่ยี่ด้วยความไม่พอใจ พร้อมด่ากลับเสียงขุ่น

 

“ ไอ้เวรตะไล กูจะนอนกับมึงได้ยังไง ในเมื่อกูนอนกับแหวว ” 

 

“ แหวว ใครวะ….” บุญกอบทำหน้างง เพื่อนรักหน้าเข้มจึงส่ายหัวเบาๆ พร้อมกระแทกเสียงใส่ 

 

“ เมียกูไง ” 

 

“ หา! เมีย มึงมีเมีย ” บุญกอบตะโกนดังด้วยความตกใจ มันเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์ที่เขาคาดไม่ถึง

 

 

สามารถติดตามงานเขียน  ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจJalandoนักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
9 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
10 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณชอบนิยายเรื่องนี้แค่ไหน

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา