สืบสู้ผี ภาค 1-2

8.7

เขียนโดย Jintanakorn

วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.18 น.

  73 ตอน
  3 วิจารณ์
  53.60K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562 13.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

51) สถานการณ์สุดระทึก !

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

  แต่แล้วเมื่อสายตาของผมได้มองไปทางเนินทุ่งหญ้าทางฝั่งเรา ผมก็ค่อยๆเห็นอะไรบางอย่างกำลังเคลื่อนที่มาทางด้านนี้ด้วยความเร็วที่ค่อนข้างสูง !

 จากระยะราวสองร้อยเมตรจนขยับเข้ามาในระยะราวร้อยห้าสิบเมตร ผมก็ค่อยมองเห็นชัดว่าสิ่งนั้นเป็นสัตว์สองตัวที่มีรูปร่างคล้ายกับกวางพาหนะอย่างที่สองทหารลาดตระเวณได้ขี่เข้ามาเมื่อก่อนหน้านี้ และที่บนหลังของมันก็ยังมีคนสองคนควบขับมาอย่างรีบเร่ง และหนึ่งในคนขับที่อยู่บนหลังสัตว์พาหนะนั้นก็กำลังยกธนูเล็งไปที่จุดปะทะของทหารปิศาจกับทหารของท่านจ้าว
  "มูติชาห์...?!!"
  เสียงอุทานของไอริณดังขึ้น ทำให้ผมต้องกระพริบตาอีกครั้ง แล้วก็เห็นว่าคนที่กำลังยกธนูเล็งมาจากหลังสัตว์พาหนะนั้นก็คือ 'มูติชาห์'จริงๆ
  อา... ที่แท้ก็เป็นเขานี่เอง เขานี่เองที่เป็นเจ้าของดอกธนูสีรุ้ง...!
  แต่... แต่มันช่างไม่น่าเชื่อเลยสักนิด ว่าก่อนหน้านี้เขาจะสามารถยิงดอกธนูสีรุ้งไปทะลุหัวของหนึ่งในทหารที่ติดเชื้ออสูรดำนั้นได้...? เพราะในตอนนั้น เขาต้องอยู่ห่างจากตรงนี้ไปไม่ต่ำกว่าสองร้อยเมตรเลยนะนั่น...?!
  และคนที่ควบขับสัตว์พาหนะอีกตัวขนาบมาข้างๆเขาก็ไม่ใช่ใคร เป็นสิงห์ที่อยู่ในร่างของนุชนั่นเอง !
  ไม่ว่ามูติชาห์จะมีความสามารถยิงทหารปิศาจนั้นได้อย่างไร แต่การกลับมาของเขาในตอนนี้นั้น มันดูราวกับว่าเขานั้นเป็นเทพเจ้าผู้มากอบกู้วิกฤติให้กับทุกๆคนเลยทีเดียว
  เจ้าทหารปิศาจที่เหลืออยู่ตัวเดียวนั้นถึงกับมีอาการตระหนกขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่มันได้เห็นพิษสงของดอกธนูสีรุ้งที่ได้เจาะหัวเพื่อนปิศาจของมันไป จนกระทั่งแม้แต่ร่างนั้นก็ยังต้องเปื่อยสลายลงไปอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นเศษผงสีดำๆกองอยู่กับพื้นใกล้ๆ
  ทหารกองหน้าของท่านจ้าวแห่งมิตทราห์ที่เพิ่งได้เข้าประจัญบานกับทหารปิศาจ บัดนี้ก็ค่อยๆถอยห่างจากจุดนั้นไปทันที เพราะพวกเขากับท่านจ้าวก็คงจะมองเห็นแล้วว่าผู้ที่กำลังควบพาหนะตรงดิ่งเข้ามานั้นเป็นใคร ขณะที่เจ้าทหารปิศาจนั้นยังยืนทำอะไรไม่ถูก จนกระทั่งไอ้งูนรกสีดำก็เลื้อยเข้ามาอยู่ใกล้ๆมัน และจากนั้นมันทั้งสองก็ต่างส่งเสียงคำรามไปทางทิศที่มูติชาห์และสิงห์กำลังเคลื่อนเข้ามา
  "พี่น้องของข้า..." มูติชาห์เอ่ยขึ้นเมื่อสัตว์พาหนะที่เป็นกวางของเขาเคลื่อนไปจนใกล้พวกมันจนหยุดยั้งอยู่ตรงหน้าพวกมันห่างไปไม่กี่ก้าว และเขาก็ยังคงยกคันธนูเล็งไปที่หัวของเจ้าทหารปิศาจ "ข้าไม่เคยคิดว่าจะต้องมาสังหารพวกเดียวกันเลย ไม่สิ... ตอนนี้พี่น้องของข้าที่อยู่ในร่างนี้ก็คงได้ถูกกลืนกินวิญญาณจนเหลือแต่จิตของอสูรร้ายที่ได้เข้าควบคุมร่างนี้อยู่เท่านั้นเอง ยังไงก็ตาม ร่างนี้ก็ถือได้ว่า เคยเป็นร่างที่เคยบริสุทธิของพวกเราชาวมิตทราห์ ข้ารู้สึกเสียใจอยู่ไม่น้อยที่จะต้องเป็นผู้ทำลายร่างนี้ไปเพื่อที่จะได้ปลดปล่อยจิตวิญญาณเดิมของพี่น้องเราให้ไปสู่สรวงสวรรค์ของพวกเราชาวมิตทราห์..."
  เจ้าทหารปิศาจถึงกับแยกเขี้ยวเมื่อฟังถึงตรงนี้ แล้วมันกับเจ้างูยักษ์สีดำก็พุ่งทะยานเข้าหามูติชาห์ทันที !
  เสียงดัง ฉั๊วะ ! เมื่อดอกธนูสีรุ้งดอกที่สองได้เจาะหัวกะโหลกของมันขณะที่ตัวของมันลอยอยู่กลางอากาศโดยที่มือของมันพยายามจะคว้าก้านคอของมูติชาห์ และความแรงของดอกธนูนั้นก็กลับส่งร่างของมันให้ลอยกลับไปยังพื้นข้างล่างทันที !
  แต่ทว่ามูติชาห์นั้นก็ไม่สามารถตั้งหลักยิงดอกธนูดอกที่สามไปที่ึเจ้างูนรกที่ได้ดีดตัวพุ่งเข้ามาหาเขาได้ทันเวลา เขาจึงรีบเบี่ยงตัวหลบคมเขี้ยวของมันไปได้อย่างน่าหวาดเสียว ในขณะที่เจ้างูนั้นเมื่อรู้ตัวว่าผิดเป้าหมายมันก็วกหัวกลับมาอย่างรวดเร็ว และก็ใช้ลำตัวช่วงล่างของมันตวัดรัดเข้าที่ลำตัวของสัตว์พาหนะของเขาเพื่อใช้เป็นแรงส่งในการตวัดหัวเข้าฉกร่างเขาอีกครั้ง
  แต่มูติชาห์หลังจากที่เบี่ยงตัวหลบคมเขี้ยวในตอนแรกของเจ้างูได้แล้ว เขาก็ดีดตัวออกจากสัตว์พาหนะของเขาทันที เขาหมุนตัวกลางอากาศหนึ่งรอบ พร้อมๆกับที่ลูกธนูสีรุ้งดอกที่สามของเขาก็พุ่งออกจากคันธนูตรงเข้าไปเจาะเพดานปากของเจ้างูจนทะลุออกหลังหัวของมันทันที !
  แล้วเสียงราวกับเนื้อไหม้ไฟก็ดังขึ้น ก่อนที่หัวและลำตัวของเจ้างูจะค่อยๆเปื่อยสลายลงไปกองเป็นเถ้าสีดำอยู่ที่พื้นใกล้ๆกับสัตว์พาหนะของมูติชาห์
 "สุดยอดไปเลยแม่จ้าว...!" เสียงจันตะโกนออกมา พร้อมกับกระโดดดีใจ "นี่มันยังกับหนังแอ็คชั่นดีๆเลยนะ โอ... ไม่น่าเชื่อเลยแม่จ๋า อยากให้แม่มาได้เห็นจริงๆนะเนี่ย"
  แต่ไม่มีใครจะโต้ตอบอะไรกับจันในตอนนี้ เพราะผมกับไอริณรวมทั้งพี่เมฆกำลังจับตามองมูติชาห์กับสิงห์อย่างไม่วางตา แล้วสิงห์ก็เดินมาที่พวกเราขณะที่มูติชาห์ตรงเข้าไปหาท่านจ้าว
  และก็เหมือนเคย ใบหน้าของสิงห์ในร่างนุชไม่ได้ยิ้มแย้มหรือบึ้งตึง แต่กลับมีสีหน้านิ่งๆราวกับเป็นคนอารมณ์ตายด้านจนพวกเราเริ่มจะชินกันแล้ว แต่บางครั้งผมเองก็อดจะคิดไม่ได้ว่า ใบหน้าสวยๆของนุชนั้นจะดูน่ารักขนาดไหนหากว่าได้แย้มยิ้มออกมา แล้วผมก็สลัดความคิดอันไร้สาระนี้ออกจากหัวไปในทันที เพราะคนที่อยู่ข้างหน้านี้ยังไงก็เป็นชายที่ชื่อสิงห์ก็ย่อมจะเป็นนุชไปไม่ได้เลย
  สิงห์ขยับปากอันไร้เสียงคุยกับพี่เมฆอยู่หลายคำ ก่อนที่พี่เมฆจะหันมาทางผมกับไอริณ
  "สิงห์บอกว่า พวกเราจะมัวมาโอ้เอ้ตากลมชมทุ่งกันอยู่ตรงนี้ไม่ได้แล้ว จะต้องรีบตามท่านจ้าวเข้าไปในหมู่บ้าน เพราะศัตรูของพวกมิตทราห์บางกลุ่มได้เริ่มประชิดเข้ามาจนใกล้บริเวณนี้ทุกขณะแล้ว และคราวนี้พวกศัตรูก็เข้มแข็งร้ายกาจขึ้นมากกว่าเดิมด้วย ก็อย่างที่พวกเราได้เห็นกันนั่นล่ะ"
  เมื่อสิงห์ได้บอกเรื่องนี้ผ่านพี่เมฆแล้ว พวกเราก็รีบพากันเดินเข้าไปรวมกับพวกของท่านจ้าวทันที และหลังจากพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่งแล้ว ก็ทำให้ผมได้รู้ว่า ดอกธนูสีรุ้งนั้นเป็นอาวุธลับที่มหาดบสคนที่ท่านจ้าวได้กล่าวถึงไว้ในครั้งก่อนได้ประดิษฐ์และมอบให้มูติชาห์ไว้ใช้ในตอนฉุกเฉินหากว่าอาวุธอื่นๆนั้นใช้กับพวกศัตรูไม่ได้ผลอีกต่อไปแล้ว 
  เมื่อพวกเราทั้งหมดกำลังจะเริ่มออกเดินทางกลับหมู่บ้านของท่านจ้าว ขณะที่กำลังจะก้าวผ่านซากร่างที่ล้มของสัตว์พาหนะที่คล้ายกวางของหน่วยทหารลาดตระเวณของท่านจ้าวที่ได้เสียชีวิตไปหมดแล้ว สิ่งที่พวกเราไม่ทันได้คาดคิดก็ดันพลันเกิดขึ้น !
  เมื่องูนรกสีดำทมิฬอีกสองตัวได้โผล่พรวดออกมาจากปากของสัตว์พาหนะที่นอนจมกองเลือดนั้นอย่างทันทีทันใด !
 และนั่นก็อยู่ในจังหวะที่ไอริณกับจันเดินผ่านและอยู่ใกล้ซากที่สุดพอดี !
 เจ้างูนรกตัวหนึ่งได้พุ่งเข้ามาม้วนตัวตวัดร่างของไอริณไว้อย่างรวดเร็วจนเธอต้องร้องกรี๊ด
 ขณะที่งูนรกอีกตัวก็พุ่งเข้ามาตวัดร่างของจันให้เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดอันรัดแน่นของมันทันทีเช่นกัน !
 "โอ๊ยตายแล้วแม่จ๋า...!!โอ๊ยตายแล้วแม่จ๋า...!! อ๊ากกก ใครก็ได้ช่วยจันของแม่จ๋าด้วยยย...!!" จันตะโกนแหกปากออกมาสุดเสียง ขณะที่ผมและคนอื่นๆที่เพิ่งจะหันกลับมาเห็นเหตุการณ์ต่างก็แทบจะช็อกและตะลึงกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน...!
  "ไอริณ...!!" ผมรีบถลาเข้าไปที่เจ้างูตัวที่รัดร่างของเธอไว้ ขณะที่ในใจก็ร้อนรนดังถูกไฟเผาอีกครั้ง และอดหวาดกลัวไม่ได้ว่าทำไมไอริณถึงได้ซวยซ้ำซวยซ้อนอย่างนี้นะ ?!
  เจ้างูนรกน่าเกลียดโยกหัวไปมาและถลึงตาใส่ผมที่ได้ทะยานเข้าไปอยู่ข้างหน้ามันแล้ว มันยังคงรัดร่างของไอริณไว้ขณะที่ไอริณก็ทำท่าดิ้นสุดกำลัง แต่ก็ไม่เกิดผลอันใดทั้งสิ้น
 เหงื่อเม็ดโป้งๆไหลซึมออกมาเต็มหน้าผม โดยที่ผมก็ไม่อาจจะขยับหรือเคลื่อนไหวร่างกายต่อไปอย่างไรได้ ขณะที่ผมก็ยังแว่วเสียงร้องโวยวายของจันอยู่อีกทางหนึ่ง
  "ใช้ดอกธนูสีรุ้งเร็วๆเข้ามูติชาห์...!" เสียงของท่านจ้าวที่อยู่เลยไปทางด้านหลังผมพูดออกมาเร็วปรื๋อ
  ขณะที่ท่านจ้าวสั่งอย่างนั้น ผมเองก็ยังไม่กล้าหันกลับไปมองใครที่ทางด้านหลัง เพราะผมกำลังแหงนหน้าจ้องประสานสายตากับเจ้างูนรกอยู่ โดยกลัวว่าหากผมไม่จ้องตามันไว้ มันก็อาจจะงับหัวของไอริณทันที ?!
 "พ่อจ้าว...!" เสียงของมูติชาห์ที่ดังมาจากข้างหลังราวกับจะเป็นความหวัง แต่สุดท้ายเขาก็บอกว่า "พ่อจ้าว ดอกธนูสีรุ้งเหลืออีกเพียงดอกเดียวเท่านั้น แล้วเราจะช่วยใครดีล่ะ...?!"
  คุณพระ... ให้ตายสิ ! หัวใจของผมแทบจะขาดแหลกสลายลงไปตรงนั้น...!!
 
 

   (โปรดติดตามในบทต่อไป เร็วๆนี้นะครับ)

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา