สืบสู้ผี ภาค 1-2

8.7

เขียนโดย Jintanakorn

วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 09.18 น.

  73 ตอน
  3 วิจารณ์
  53.23K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562 13.11 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) ผมกับเจ๊ร้านขายของชำ

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

​นิ่งเงียบไปพักหนึ่ง ราวกับว่าเจ๊แกกำลังประเมินตัวผมอยู่ บางทีแกอาจจะกำลังคิดว่าผมได้รู้เรื่องราวของผีที่ต้นโพธิ์นั้นบ้างหรือเปล่า และถ้าเจ๊แกได้รู้ว่าผมได้พักอาศัยอยู่ที่บ้านแฝดนั้นด้วย แกจะตกใจขึ้นอีกแค่ไหนนะ... เพราะผมเองก็ยังไม่เคยบอกเรื่องนี้ให้เจ๊แกรู้เลย แค่เคยบอกว่าพักอยู่ใกล้ๆหมู่บ้านนี้แค่นั้นเอง ส่วนเจ๊แกก็ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกับผมสักเท่าไร เพราะนานๆทีผมถึงจะแวะมาซื้อของที่ร้านนี้สักทีหนึ่ง แต่ดีที่เจ๊เป็นคนคุยกับคนง่าย มีความเป็นกันเอง ผมถึงได้ข้อมูลจากแกมากขึ้นจากการพูดคุยกับแกในครั้งนี้

"นี่ สุดหล่อ..." เจ๊เอ่ยขึ้นหลังจากเริ่มดึงสติกลับมาได้ "อย่าบอกนะว่าเธอเข้าๆออกๆทางด้านนั้นตอนกลางคืนน่ะ นี่เจ๊จะบอกไรให้อย่างนะว่า ทางนั้นน่ะถึงจะใกล้ถนนใหญ่มากกว่าทางด้านนี้ แต่รู้ไม๊ว่า ตอนกลางวันน่ะยังแทบไม่มีใครอยากเดินผ่านเลยนะ"

"เหรอครับเจ๊..?" ผมแกล้งทำตาโตแปลกใจ "ถึงว่าทำไมผมถึงไม่ค่อยเห็นคนเดินสัญจรไปมาเหมือนทางด้านนี้เลย คือผมชอบเดินเข้าออกทางด้านนั้นเพราะเห็นว่ามันใกล้ถนนใหญ่ดีน่ะเจ๊ แล้วครั้งหนึ่งผมก็เห็นตาเมี้ยนแกกำลังยืนคุยหรือยืนด่าไปทางต้นโพธิ์นั้น เอ่อ... ตอนนั้นเป็นตอนกลางวันน่ะครับเจ๊ ผมก็เลยสงสัยว่าแกเพี้ยนหรือเปล่า แล้วตกลงทางด้านนั้นมันมีอะไรหรือครับ ทำไมคนถึงหลีกเลี่ยงไม่กล้าจะเดินผ่านกัน"

เจ๊ถอนหายใจแล้วก็ส่ายหัว "รู้ไม๊ว่าต้นโพธิ์ต้นนั้นน่ะ ทำคนสัญจรไปมาแทบจะช็อกตายไปตั้งหลายคนแล้วนะเธอ เฮ้อ... เรื่องนี้น่ะมัน..." เจ๊พูดอยู่แค่นั้นแล้วก็ส่ายหัวอีก

ผมสังเกตุว่าท่าทางของเจ๊ดูเหมือนจะไม่อยากเล่ารายละเอียดเรื่องนี้ให้ฟังสักเท่าไร และผมก็คิดว่าเรื่องนี้คงจะมีที่มาที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

"ต้นโพธิ์ต้นนั้นมันเป็นอะไรหรือครับ ?" ผมแสร้งทำหน้าสงสัย "มันก็แค่ต้นไม้ต้นหนึ่งไม่ใช่หรือครับเจ๊... มันไม่น่าจะมีอะไรที่ทำให้คนกลัวได้ไม่ใช่เหรอ ?" ผมพูดราวกับว่าไม่รู้เรื่องอะไรเลย

เจ๊หันมาจ้องหน้าผมแล้วกระพริบตาปริบๆราวกับกำลังตัดสินใจว่าจะเล่าเรื่องนี้ดีไหม

"เจ๊กลัว.. ที่จะเล่าเรื่องนี้เหรอครับ...? ผมถาม

"กลัวเหรอ...? ก็ไม่เชิงนะเธอ..." เจ๊ตอบ "ที่จริงร้านเจ๊อยู่ทางด้านนี้ ห่างจากตรงโน้นตั้งเยอะ แต่มันมีเรื่องบางอย่างที่น่ากลัวได้เกิดขึ้นแถวนั้นมาก่อนน่ะ เรื่องนี้มันก็นานมาแล้ว ใครผิดใครถูกเจ๊ก็ยังสงสัย แต่ที่แน่ๆเรื่องนี้เกี่ยวพันกับตาเมี้ยนโดยตรง เจ๊ไม่คิดว่าเธอจะถามเรื่องต้นโพธิ์ด้วย ไหนๆก็เล่าเรื่องตาเมี้ยนแล้ว ก็คงต้องเล่าเรื่องต้นโพธิ์ด้วย อ้อ... และก็เรื่องบ้านหลังนั้นด้วย บ้านที่เป็นบ้านแฝดร้างๆที่อยู่ไม่ไกลกันตรงนั้นน่ะเธอ เรื่องนี้เกี่ยวพันกันทั้งหมดเลยนะ"

ผมกลืนน้ำลายเสียงดังเอื้อกเบาๆ "เจ๊ครับ... คือผมได้มาเช่าอยู่ที่บ้านหลังนั้นได้ราวเจ็ดแปดเดือนแล้วล่ะครับ" ผมตัดสินใจบอกเจ๊ให้รู้เรื่องนี้ก่อนที่เจ๊จะเล่าเรื่องให้ผมฟัง

แต่เจ๊ร้านของชำกลับไม่ได้ร้องตกใจเหมือนก่อนหน้านี้ิแค่ดูตกตะลึงไปครู่หนึ่งเท่านั้น

"เธอนี่นะ..." เจ๊มองผมขึ้นๆลงๆ "ดูลักษณะไม่น่าจะเป็นคนใจกล้าเลย เฮ้อ... เจอบ้างหรือยังล่ะ ?"

"อ๋อ เจอบ้างแล้วครับ" ผมตอบอย่างเข้าใจความหมายของเจ๊ "เจอในความฝัน... เหมือนกับที่คนงานทำน้ำเสาวรสเจอน่ะครับ"

"นี่ถ้าเธอบอกเจ๊ให้รู้ตั้งแต่แรกว่าพักอยู่ที่นั่น เจ๊คงจะบอกให้เธอรีบย้ายออกมาก่อนที่จะหัวโกร๋นหรือหัวใจวายไปแล้วล่ะนะ

"ครับ แต่ผมก็อยู่มาได้ตั้งหลายเดือนกว่าจะมารู้ว่ามันมีเรื่องแบบนี้ ส่วนที่ต้นโพธิ์นั่นผมก็เจอมาแล้วครับ ตอนกลางคืน... ชัดเจนกับตาตัวเองเลยล่ะครับ"

"โอ๊ย..." เจ๊อดอุทานไม่ได้ "เธอเจอถึงขนาดนี้ยังอุตส่าห์อยู่ต่อได้ เธอก็ไม่ธรรมดาแล้วล่ะ" เจ๊พูดเสียงทึ่งๆ

"แต่จะว่าไแล้วนะ เจ๊อยากจะแนะนำให้เธอย้ายที่พักซะจะไม่ดีกว่ารึ ? เผื่อวันไหนผีนั่นอารมณ์หงุดหงิดขึ้นมา แล้วเผลอหักคอเธอไปจะไม่คุ้มกันนะ... อึ๋ยยย... เจ๊พูดแล้วยังขนลุกเองเลยเนี่ย..." เจ๊พูดแล้วก็โชว์แขนให้ดูว่าขนลุกจริงๆ

ผมยิ้มให้เจ๊แล้วก็ส่ายหัว "ผมคงยังไม่ย้ายในตอนนี้หรอกครับเจ๊... เพราะผมดันเกิดสงสัยอะไรขึ้นมาซะก่อน... ผมเคยได้ยินมาว่า บางทีที่ผีหรือวิญญาณมาเข้าฝันหรือปรากฏตัวให้เห็นนั้นก็ไม่ใช่ว่าเขาจะมาหลอกเราเสมอไปนะครับ คือบางทีเขาอาจจะต้องการที่จะสื่อสารหรือต้องการความช่วยเหลืออะไรบางอย่างจากเราก็ได้ แต่คนส่วนใหญ่คงจะตกใจกลัวกันซะก่อนมากกว่าจะเข้าใจว่าเขากำลังต้องการจะสื่อสารอะไร...

แล้วผมก็ขยับตัวไปใกล้เจ๊อีกหน่อยนึง และพูดให้เสียงเบาลงหน่อย "คืนนั้น... ก่อนที่ผมจะมาเจอตาเมี้ยนในวันที่แกมาด่าต้นโพธิ์... ผมได้เจอได้เห็นเขาชัดเจนอย่างที่ผมได้บอกเจ๊ไปแล้ว... แต่เขานั้นไม่ได้มีท่าทีที่จะมาหลอกหลอนอะไรให้ผมตกใจเลยนะครับเจ๊ ตรงกันข้าม กิริยาของเขาที่ผมเห็นนั้นดูสงบนิ่ง และแววตาของเขานั้นก็เหมือนจะมีแวววิงวอนอย่างประหลาดๆ คล้ายกับว่าเขาอยากที่จะสื่อสารอะไรบางอย่างออกมา แต่ก็ดันมีแมวดำตัวหนึ่งกระโดดมาข้างหน้าผมซะก่อน แล้วจากนั้นเขาก็หายตัวไปเฉยๆเลยล่ะครับเจ๊..."

"โอย... ตายแล้ว เธอนี่มัน...?" เจ๊มองผมคล้ายกับอัศจรรย์ใจเหลือประมาณ "นี่เธอ... นี่เธอไม่กลัวอะไรเลยรึนี่...?"

ผมยิ้ม "ที่จริง... ตอนแรก ผมก็กลัวอยู่บ้างเหมือนกันล่ะครับ แต่ผมว่าคนเรามักจะกลัวในสิ่งที่ไม่รู้ไม่เข้าใจและไม่ได้หาคำตอบจริงจัง ก็เลยยังกลัวอยู่อย่างนั้นมากกว่า แต่ก็อย่างที่ผมบอกเจ๊ล่ะครับ ว่าเขาไม่ได้มีทีท่าที่จะมาหลอกหลอนอะไรผมเลย มันเหมือนกับว่าที่เขามาปรากฏตัวก็เพื่อที่จะให้ผมเชื่อว่าเขามีตัวตนอยู่จริงๆ แค่เพียงแต่ว่าตัวตนของเขานั้นมีสถานะ.. เอ่อ... จะว่าไงดี คือเขามีอยู่ที่นั่นจริงๆ แต่แค่ไม่มีร่างกายเหมือนอย่างเราๆเท่านั่นเอง..." 

ผมหยุดไปเล็กน้อยแล้วมองหน้าเจ๊ "ในคืนวันนั้น เมื่อผมได้รู้ว่าเขามีอยู่จริงแล้ว ผมก็กลับเข้าบ้านไปนอนนครุ่นคิดอยู่เกือบทั้งคืนจนสรุปได้ว่า เขาไม่ได้มีเจตนาจะมาหลอกหลอนอะไรผมแน่ๆ และแววตาที่เหมือนจะวิงวอนของเขานั้น ดูแล้วเขาคงจะมีจุดประสงค์ที่จะสื่ิอสารอะไรบางอย่างกับผมหรืออาจจะต้องการความช่วยเหลืออะไรสักอย่างก็ได้ และนี่เองที่ทำให้ผมต้องตัดสินใจว่าจะลองสืบเรื่องราวของเขาดูว่าสมัยที่เขายังมีชีวิตอยู่นั้น เขาเป็นใครกันแน่...? และตอนหลังมาเสียชีวิตได้อย่างไร...? และทำไมเขาจึงยังไม่ไปสู่สุขคติ...?

ผมหยุดไปเล็กน้อย ขณะที่เจ๊ยังคงนิ่งอึ่งรอฟังผมพูดต่อ

"เจ๊ครับ.. ผมนั้นอยากจะไขปริศนาของเขา อยากจะรู้ที่มาที่ไปของเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเขาทั้งหมดให้ละเอียด... หากเจ๊เคยได้รู้เรื่องราวแต่หนหลังของเขามาไม่ว่าจะมากหรือน้อย ผมก็อยากจะขอความกรุณาเจ๊ช่วยเล่าเรื่องราวเหล่านั้นให้ผมฟังตั้งแต่แรกเลยได้ไม๊ครับ ไม่ว่าผมจะช่วยเขาได้หรือไม่.. ก็ขอให้ผมได้รู้ความจริง.. เพราะนิสัยของผมนั้น เป็นคนที่ชอบหาความจริงอย่างที่สุดล่ะครับเจ๊..."

 

"หาความจริงรึ...? เธอนี่พูดยังกับเป็นพวกนักข่าว...?" เจ๊เลิกคิ้วสงสัย ผมยิ้มแล้วก็ตอบอยู่ในใจว่าผมเป็นคนทำงานหนังสือ แต่ไม่ใช่นักข่าว

"แต่เอาเถอะ..." เหมือนเจ๊จะตัดสินใจ "เรื่องราวทั้งหมดแต่แรกน่ะ มันเริ่มขึ้นจาก..."

คุณแม่คร้าบ..." เสียงของเด็กคนหนึ่งดังขึ้น

"อ้าว.. ว่าไงจ๊ะลูก ?" เจ๊หันไปหาเด็กน้อยที่กำลังเดินเข้ามาหาเรา

"คุณพ่อให้บอกว่า จะคุยอะไรกันนักกันหนา ลูกค้าเข้าๆออกๆไม่มาช่วยกันบ้างเลย..." เด็กน้อยถ่ายทอดคำพูดออกมาด้วยดวงตาบ้องแบ๊ว

แล้วผมก็เหลือบไปเห็นสายตาพ่อของเด็กน้อยคนนี้เล็งมาจากในร้านขณะที่เขากำลังขายของให้กับลูกค้าบางคนอยู่ และผมก็ค่อยมารู้ตัวว่าชวนเจ๊แกคุยนานเกินไปแล้ว และมันคงต้องพักไว้แค่วันนี้ก่อน แพราะดูแววสายตาของเขาที่มองมาแล้วอาจจะต้องบวกความหึงหวงเข้าไปอีกด้วย

"เจ๊คงจะเล่าวันนี้ไม่ได้แล้วล่ะ..." เจ๊พูดเสียงกระดากๆ "คือเจ๊ต้องขอตัวเข้าไปทำงานในร้านก่อน คงจะไม่ว่ากันนะเธอ..."

"ครับๆ ไม่เป็นไรครับเจ๊ เอ้อ...แต่ว่า ผมคงจะต้องขอมารบกวนเจ๊ใหม่ในอีกเร็วๆนี้นะครับ ยังไงผมฝากขอโทษแฟนเจ๊ด้วยที่ผมมาชวนคุยซะนานเลย"

หลังจากยกมือไหว้กล่าวคำอำลากับเจ๊ไปแล้ว ผมก็คิดว่าครั้งหน้าผมคงต้องหาใครสักคนมาเป็นเพื่อนเพื่อกันคำครหาหรือความเข้าใจผิดที่อาจจะเกิดขึ้นได้เหมือนในวันนี้สักคนแล้วล่ะมั้ง ? แต่ใครล่ะจะมาเป็นเพื่อนผม เพราะแต่ล่ะะคนในที่ทำงานผมก็มักจะกลัวที่จะเกี่ยวข้องกับเรื่องผีเรื่องวิญญาณด้วยกันทั้งนั้น แต่แล้วผมก็นึกถึงคนๆหนึ่ง... เธอคนนี้ทำงานที่เดียวกับผมนี่เองแต่อยู่คนล่ะแผนกกัน ใช่ล่ะ... เธอเป็นผู้หญิงที่มักจะสนใจเรื่องผีๆสางๆ อยู่พอดี และเธอสวยทีเดียว คิดแล้วผมก็ยิ้มขึ้นมาได้...

 

 

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
8 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา