The Phoenix of Andromeda

-

เขียนโดย Jintanakorn

วันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 10.23 น.

  19 ตอน
  5 วิจารณ์
  15.14K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2562 13.26 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) คนทรยศแห่งแอนโดร่า

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

     ผ่านกลุ่มหมอกควันและเปลวเพลิงที่อยู่ข้างหน้าไปแล้ว อดีตขุนพลแห่งแอนโดร่าก็ได้พบกับภาพอันน่าตระหนกอยู่ที่เบื้องหน้า

บ้านกระโจมชนบทอันเป็นที่พักของเขาและบุคคลทั้งสามที่อยู่ในความคุ้มครองของเขานั้นบัดนี้ได้มอดไหม้เป็นเถ้าถ่านอยู่ในเปลวเพลิง และขณะนี้ควันไฟสีดำอันเกิดจากการเผาไหม้ของกระโจมก็ยังคงพวยพุ่งขึ้นสู่อากาศเบื้องบนอยู่เป็นระยะๆ

อดีตขุนพลแห่งแอนโดร่าพยายามสำเหนียกถึงสัญญาณชีวิตของคนทั้งสามแต่ก็หาได้พบสัญญาณชีวิตใดๆ ไม่

สายตาของเขากวาดมองไปทางซ้ายมือแล้วก็เห็นว่าหมู่บ้านที่มีบ้านกระโจมอยู่ราวยี่สิบหลังของชาวบ้านชนบทนั้นก็ตกอยู่ในเปลวเพลิงไม่ต่างจากบ้านกระโจมของเขาเอง แต่ทว่าเขาก็ไม่พบสัญญาณชีวิตใดๆ ของชาวบ้านที่เป็นเพื่อนบ้านเหล่านั้นเลยแม้แต่คนเดียวเช่นกัน

แล้วเขาก็กวาดตามองไปทางทิศตรงข้ามที่เต็มไปด้วยม่านหมอกของควันไฟสีเทาอันหนาแน่น จนไม่สามารถมองเห็นทัศนียภาพเบื้องหน้าได้ไกลสักเท่าไรนัก

'พวกมันน่าจะอยู่ทางด้านนี้ ยานอวกาศของมันน่าจะจอดอยู่ทางนี้แน่ๆ ...' เขาคิดแล้วก็พุ่งร่างฝ่าม่านหมอกของกลุ่มควันนั้นไปทันที 'รอก่อนนะมิลันด้า หวังว่าเธอคงจะยังไม่เป็นอะไรไปในตอนนี้นะ...? '

พ้นจากกลุ่มหมอกควันออกไปแล้ว เขาจึงได้เห็นยานอวกาศสีเงินขนาดใหญ่ปานกลางซึ่งเป็นยานในรูปแบบกึ่งรบกึ่งลำเลียง จอดอยู่ที่ทิศเบื้องหน้าในระยะราวสี่สิบเมตร และยานลำนี้นั่นเองที่เป็นที่มาของแสงสะท้อนสีเงินวิบวับที่เขาได้เห็นมาก่อนหน้านี้

และยานลำนี้ก็ปรากฏสัญลักษณ์ของอณาจักร'โบโรเธีย'อยู่ที่ด้านข้างของลำตัวยานอยู่อย่างชัดเจน...!

แล้วเขาก็สังเกตุเห็นว่ายานลำนี้ได้เปิดประตูลำเลียงด้านข้างกราบขวาของยานไว้ และตรงบันไดด้านหน้าประตูนั้นเขาก็ยังมองเห็นทหารหุ่นยนต์ที่มีสีเหลืองสลับดำสามสี่ตัวกำลังใช้อาวุธปืนพลังงานแสงขนาดย่อมจี้ดุนหลังคนสามคนให้ขึ้นไปบนยานนั้นอย่างดุดัน

และคนสามคนที่กำลังถูกจี้บังคับให้ขึ้นไปบนยานนั้นแท้ที่จริงก็คือเหล่าคนสำคัญที่เขากำลังเร่งตามหาอยู่ในขณะนี้นั่นเอง

'อา... พวกเขายังไม่เป็นอะไร' อดีตขุนพลแห่งแอนโดร่าเห็นแล้วก็คลายใจไปส่วนหนึ่ง จากนั้นเขาก็ยังมองเห็นบุคคลอีกผู้หนึ่งซึ่งยืนอยู่ทางด้านล่างของหน้าบันไดลำเลียงและได้ยืนหันหลังมาทางเขา กำลังยืนจับตามองการควบคุมตัวคนทั้งสามขึ้นไปบนยานนั้นอยู่อย่างสงบนิ่ง

บุคคลผู้นี้มีรูปร่างสูงไล่เลี่ยกับเขาแต่กลับมีความหนาล่ำของลำตัวน้อยกว่า เขาอยู่ในชุดเสื้อคลุมสีดำยาวอันน่าเกรงขาม และชุดนั้นก็ยังมีรูปแบบที่บ่งบอกได้ถึงความเป็นนักรบหรืออัศวินชั้นสูงของผู้สวมใส่อีกด้วย

แม้ว่าอดีตขุนพลแห่งแอนโดร่าจะรู้สึกเหมือนคลับคล้ายคลับคราว่าจะรู้จักบุคคลผู้นี้แต่ก็หาได้ให้ความสนใจเท่ากับความต้องการที่จะช่วยคนทั้งสามนั้นโดยเร่งด่วนไม่ หรือจะเรียกได้ว่าไม่ว่าจะมีศัตรูหรือมิตรหน้าไหนปรากฏตัวออกมาขวางหน้าเขาในขณะนี้ก็คงจะไม่อาจยับยั้งเขาไม่ให้บุกทะลวงเข้าไปช่วยคนของเขาออกมาให้ได้

"มิลันด้าาาาา.....!! " เขาจะโกนออกไปสุดเสียง พลางวิ่งตรงไปทางยานนั้นทันที

แล้วบุคคลชุดดำผู้นั้นก็พลันหมุนตัวหันหน้ามาทางเขาทันทีเช่นกัน

และเมื่อใบหน้าของบุคคลในชุดดำได้ปรากฏให้เขาได้เห็นอย่างชัดเจนแล้ว เขาก็ถึงกับต้องหยุดยั้งท่าร่างที่กำลังทะยานจะเข้าไปช่วยเหลือคนทั้งสามไว้โดยฉับพลัน

ก็เพราะว่าใบหน้าของบคคลที่ได้ยืนขวางอยู่ที่เบื้องหน้าของเขาในขณะนี้นั้น มันกลับมีความหมายกับเขายิ่งกว่าคำว่ามิตรหรือศัตรูใดๆ ในชีวิตของเขารวมกันทั้งหมด

ใบหน้านี้มันเป็นใบหน้าแห่งความกังขาและคลางแคลงใจที่ได้รบกวนอยู่ในจิตใจของเขามาได้ถึงสามปีพอดี

และต่อให้เขาตายเกิดไปอีกกี่ชาติเขาก็คงยังจดจำใบหน้านี้ได้อย่างไม่มีวันลืมเลือน เพราะมันเป็นใบหน้าของผู้ที่เขาได้เคยไว้วางใจอย่างที่สุดโดยมิได้ระแวงสงสัยในสิ่งใดที่เกี่ยวข้องกับตัวมันเลยแม้แต่น้อยนิด

และมันผู้นี้นี่แหล่ะที่เป็นผู้ต้องสงสัยว่าได้เป็นผู้ที่ทำให้เกิดวิกฤตความวุ่นวายสับสนขึ้นในอณาจักรแอนโดร่า จนแม้แต่องค์จักรพรรดิ์เองก็ถึงกับต้องสิ้นพระชนชีพไปกับเหตุการณ์นั้นอย่างไม่น่าจะเกิดขึ้น

และนั่นก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ตัวของของเขาเองที่เป็นถึงอดีตขุนพลผู้เกริกก้องแห่งอณาจักรแอนโดร่าต้องรับภาระกิจที่สำคัญที่สุดก่อนการสิ้นพระชนชีพขององค์จักรพรรดิ์ และเป็นสาเหตุที่ทำให้เขาต้องระหกระเหินหนีภัยมาซ่อนเร้นอยู่ที่ดาวโมอาอันห่างไกลแห่งนี้ในภายหลังด้วย

ณ.บัดนี้สิ่งที่เป็นความสงสัยคลางแคลงใจมาตลอดสามปีของเขาน่าจะได้จะได้รับการเฉลยณ.ที่นี้แล้ว

"บารามอส...?!! " ดวงตาของโคแวนเบิกโพลงขณะที่เรียกชื่อนั้นออกไป

"โคแวน... " ชายชุดดำนั้นเรียกชื่อเขากลับ "อาจารย์โคแวน..."

"พระเจ้าช่วย... พระเจ้าช่วย... ที่แท้ก็... ที่แท้ก็กลับเป็นเจ้าจริงๆ ..?!! "

อดีตขุนพลผู้ถูกเรียกว่าโคแวนแทบจะไม่เชื่อสายตาของตัวเองว่า ที่แท้ก็กลับเป็นมันผู้นี้จริงๆ ที่ได้หักหลังต่ออณาจักรแอนโดร่าอันเป็นที่รักของเขา หลังจากที่ตัวของมันเองนั้นกลับได้หายสาปสูญไปเมื่อก่อนหน้านั้นถึงหนึ่งปีเต็ม

"ที่แท้เจ้าก็เป็นคนของอณาจักรโบโรเธียจริงๆ สินะ...?! เจ้าเป็นคนของโบโรเธียมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้วใช่ไหม ตอบข้ามาสิบารามอส...?! " โคแวนถามซ้ำออกไปอีก

แต่ดวงหน้าของบุรุษชุดดำผู้ที่โคแวนเรียกว่าบารามอสกลับเรียบเฉย เขายังไม่ตอบคำถามของโคแวนออกมา แต่กลับค่อยๆ ชักอาวุธที่เป็นดาบชนิดหนึ่งออกมาจากฝักข้างเอวอย่างช้าๆ

และจากนั้นดวงตาของโคแวนก็แทบเหลือกถลน เมื่อได้เห็นดาบโค้งในมือของบุรุษชุดดำที่ได้ถูกชักออกมาเรียบร้อยแล้ว

ดาบโค้งยาวดุจดาบซามูไรแต่กลับมีประกายไฟสีฟ้าแล่บแปลบปลาบสถิตอยู่โดยรอบคมดาบนั้น

และนี่ก็คือหนึ่งใน 'ดาบห้าอัศวินแห่งโบโรเธีย' หนึ่งในยอดศาสตราวุธแห่งดาราจักรแอนโดรเมด้าที่มีชื่อเลื่องเลือจนสุดขอบดาราจักร

โคแวนจดจำดาบนี้ได้ดี เพราะดาบเล่มนี้นั่นเอง ที่ได้ปรากฏให้เขาได้เห็นเมื่อครั้งล่าสุดในคืนวันแห่งความวิกฤติที่ได้เกิดขึ้นกับอณาจักรแอนโดร่า

"ที่แท้... ก็เป็นเจ้าเองจริงๆ ที่ได้ลอบนำคนเข้าไปจนถึงวังชั้นในของวังหลวงแอนโดร่าเพื่อต้องการลักพาตัวโอรสขององค์พระจักรพรรดิ์ไปในตอนนั้น..."

ดวงตาของโคแวนราวกับถูกสุมรุมไปด้วยความรันทดใจผสมกับความเคียดแค้นชิงชังที่กำลังรอเวลาที่จะระเบิดออกมา

"คนที่ใส่หน้ากากสีเงินและใช้ดาบเล่มนี้ในตอนนั้นก็คือเจ้านี่เอง ใช่หรือไม่ บารามอส จงตอบข้ามาสิ...?!! " เสียงที่เต็มไปด้วยโทสะของโคแวนเริ่มระเบิดออกไป

บุรุษชุดดำกลับนิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะตอบโคแวน

"ใช่... เป็นข้าเอง... แต่นามที่แท้จริงของข้านั้นไม่ใช่บารามอสหรอกนะ นามที่แท้จริงของข้า ก็คือ..."

"เมธานอส..." เขาเน้นเสียงอย่างชัดเจน พลางกล้ำกลืนอารมณ์บางอย่างลงไปสู่ห้วงเหวอันดำมืด

'เมธานอส...' โคแวนทวนชื่อนี้อยู่ในใจ 'นามนี้ข้าเคยได้ยินมาว่า มันเป็นนามของหนึ่งในนักรบห้าอัศวินแห่งโบโรเธีย ข้าเองกลับไม่เคยคาดคิดมาก่อนเลยว่า มันจะกลับเป็นคนคนเดียวกับบารามอสไอ้คนทรยศไปได้เช่นนี้? '

ขณะนั้นกลุ่มทหารหุ่นยนต์ที่อยู่ด้านนอกตัวยานราวสิบกว่าตัว ก็ปรากฏออกมารายล้อมโคแวนไว้ทันที ทั้งหมดนั้นต่างเล็งปืนพลังงานแสงมายังร่างของเขาที่ยังคงยืนตระหง่านอยู่กับที่ราวกับไม่สะทกสะท้านต่อสิ่งใดๆ รอบด้าน

"โคแวน...!! " เสียงตะโกนเรียกนั้นดังมาจากบันไดหน้าประตูลำเลียงของตัวยาน และเป็นเสียงของสตรีที่ชื่อมิลันด้าผู้เป็นคนรักของโคแวนนั่นเอง ในวงแขนทั้งสองของนางนั้นก็ยังมีเด็กชายตัวน้อยสองคนอยู่ในอ้อมกอด แต่ด้านหลังของนางนั้นก็ยังคงถูกจี้ไว้ด้วยปืนพลังงานแสงจากพวกหุ่นยนต์

โคแวนเหลือบมองไปทางด้านนั้นอยู่ชั่ววูบ แต่การที่เขาถูกล้อมไว้ด้วยเหล่ากองกำลังหุ่นยนต์เช่นนี้ ก็หาได้ทำให้เขารู้สึกสะทกสะท้านเท่ากับความเป็นห่วงความปลอดภัยในตัวของคนทั้งสามนั้นไม่

แล้วเขาก็เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าราวกับจะนึกถึงเรื่องราวในหนหลังก่อนที่จะเกิดเรื่องขึ้นที่แอนโดร่า

"เสียดายนัก..." เขาเอ่ยขึ้น "เสียดายที่ก่อนหน้านั้นข้าได้เคยเอ็นดูเจ้าราวกับน้องชายแท้ๆ ของตัวเอง ไม่นึกเลย... ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะกลายเป็นคนทรยศของแอนโดรร่าไปได้เช่นนี้.."

"โคแวน..." เมธานอสกลับก้มหน้าหลบตาลงไป และพูดขึ้นเบาๆ "ข้า... ที่ข้าทำไปเช่นนั้น ก็เพราะมีความจำเป็นที่จะต้องทำ..."

"ความจำเป็นรึ...? " ขณะนี้ตัวของโคแวนกำลังสั่นด้วยความโกรธราวกับกำลังจะระเบิดออกมา

"ความจำเป็นของเจ้าก็คือการต้องฆ่าคนของแอนโดร่าอย่างงั้นรึ แถมคนที่เจ้าฆ่าก็คือคนที่เคยเป็นมิตรที่แสนดีกับเจ้า นั่นมันเป็นความจำเป็นที่อยู่เหนือสิ่งอื่นใดอย่างนั้นหรือ จงตอบข้ามาให้ชัดเจนสิ บารามอส?!! "

โคแวนยังคงเรียกเมธานอสว่าบารามอส และนั่นก็ทำให้เมธานอสต้องอึ้งไป และขณะนั้นเอง อาวุธที่คล้ายตรีสูรของโคแวนก็พุ่งทะลวงเข้ามาหาเขาราวกับสายฟ้าแล่บ!

เปรี้ยงงงงง......!!!!

สิ้นเสียงกัมปนาทที่ดังราวเสียงปืนใหญ่อาวุธตรีสูรของโคแวนก็ถูกเบี่ยงทิศทางไปทันที พร้อมๆ กับมีเสียงเปรี๊ยะๆ และประกายไฟสีฟ้าเขียวเต้นวูบวาบออกมาจากตรีสูรราวกับว่ามันได้ปะทะกับพลังงานอันรุนแรงสุดขั้วชนิดหนึ่ง

แล้วโคแวนก็รีบหันไปมองทางทิศที่น่าจะเป็นต้นทางของวิถีพลังงานนั้นทันที

ไม่ไกลเท่าไรจากทิศทางเบื้องขวาของเขานั้น มีบุคคลผู้หนึ่งกำลังเดินเข้ามา บุคคลผู้นี้สวมเสื้อคลุมสีแดงเลือดนกและมีหน้ากากสีเงินที่เต็มไปด้วยลวดลายคล้ายลายสักสีแดงสวมปิดหน้า ที่แขนขวาของบุคคลผู้นี้นั้นเป็นโลหะสีเงินทั้งแขน แต่ที่ปลายแขนตรงข้อมือนั้นกลับไม่มีส่วนที่เป็นมือและนิ้วใดๆ ทั้งสิ้น เพราะตรงข้อมืออันห้วนกุดนั้นกลับเป็นปากกระบอกปืนใหญ่สีเงินแวววาว และปากกระบอกปืนนั้นก็ยังยกเล็งมาที่โคแวนอยู่อย่างไม่ยอมลดละ

"โคแวนที่รัก... " เสียงของบุคคลที่มีแขนเป็นปืนนั้นกลับแหลมเล็กราวอิสตรี "ท่านเองก็คงยังจดจำข้าได้ด้วยกระมัง...? "

และเมื่อได้ยินเสียงนั้น... ดวงตาของโคแวนก็พลันลุกโพลงขึ้นมาอย่างตื่นตะลึง...!

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา