The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.

  174 LV
  22 วิจารณ์
  141.69K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

169) ยังไหวอยู่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เครดิตภาพจาก  https://www.peakpx.com

 

      แต่ไม่ทันที่เทพศาสตราจะตกลงใจ มารร้ายก็พุ่งเข้าจู่โจมอีกครั้ง พร้อมเสียงหัวเราะร่าที่ดังสนั่น ราวอสุนีบาต 

 

“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า………” 

 

“ บ้าชะมัด มันมาอีกแล้ว ” เทพศาสตราไหวทัน จึงเหวี่ยงท่อนไม้ยาวใส่มารร้ายที่พุ่งเข้ามา ทว่าอาวุธจำเป็นกลับทะลุร่างที่เสมือนอากาศธาตุ ทำให้เฒ่าชำนาญศึกรู้ทันทีว่า……ตนกำลังตกหลุมพราง 

 

“ เอ๊ะ! นี่มันเงาจำแลงนี่นา แล้วตัวมันล่ะ ” 

       

 

       เหมือนเทพศาสตราจะไหวตัวช้าเกินไป แต่สัญชาตญาณนักสู้สั่งให้เขาเหลียวมองไปทางซ้าย ทำให้พบกับมารร้ายที่ยืนกางสองฝ่ามืออยู่ไม่ห่าง ใบหน้าเรียวยาวแลบ้าคลั่ง 

 

“ ฮ่า ฮ่า ฮ่า เสร็จแน่ เจ้าแก่ ” สิ้นเสียงของมารร้าย แสงเลเซอร์แบบเมื่อครู่ก็พุ่งออกมาจากสิบนิ้วของอมนุษย์ ทุกเส้นวิ่งตรงไปที่จุดต่างๆบนร่างของเทพศาสตรา ทำให้เขาต้องเร่งหลบสุดกำลัง

 

“ อึบ……” 

 

“ ชิ้ว ชิ้ว ชิ้ว……..” 

       

 

        แสงสีอำพันพุ่งผ่านร่างของเทพศาสตราครั้งแล้วครั้งเล่า เพราะยอดยุทธ์อาวุโสพลิกหลบได้อย่างเฉียดฉิว เว้นแต่…..ลำแสงเส้นสุดท้าย 

 

“ ปึก…..อึก…..” เทพศาสตราผงะไปข้างหลัง เพราะถูกแสงมารพุ่งปะทะที่หัวไหล่ขวา ความเจ็บปวดวิ่งแล่นไปทั่วร่างกาย พร้อมอาการอ่อนเปลี้ยเพลียแรงที่คืบคลานเข้ามา แต่ด้วยหัวจิตหัวใจที่เข้มแข็ง จึงทำให้นักสู้อาวุโสยันกายอยู่ได้ พร้อมเหลียวมองไปที่บาดแผล ทำให้พบว่า…ฉกรรจ์ไม่น้อย 

 

“ ฮึ่ม…..โดนเข้าจนได้ แม้ไม่ทะลุ แต่เนื้อหนังก็เกิดรอยไหม้ แทบยังรุนแรงจนแทบจะทำให้กระดูกหัก เราจะใช้แขนข้างนี้ไหวมั้ย ” เทพศาสตราพยายามประเมินความเสียหาย แต่ก่อนจะได้ข้อสรุป มารร้ายก็แทรกเข้ามาด้วยคำชม 

 

“ เยี่ยมมาก เจ้าแก่ ทีแรกข้าคิดว่าเจ้าน่าจะโดนซัก 3-4 ที ที่ไหนได้ กลับหลบหลีกจนเกือบหมด โดนไปแค่ทีเดียวเท่านั้นเอง สุดยอดจริงๆ ” มารร้ายสรรเสริญจบ ก็ปรบมือให้หลายที ทว่าเทพศาสตราไม่นึกภูมิใจ แต่กลับรู้สึกหนักในทรวง 

 

“ ฮึ่ม……หรือว่าเราจะต้องใช้เจ้านั่นจริงๆ ” 

       

 

       แม้มารร้ายจะได้เปรียบ แต่อมนุษย์ก็ไม่ได้บุกต่อ กลับเอาแต่จ้องหน้านิ่ง จากนั้นก็เอ่ยถามดื้อๆ 

 

“ เฮ้ย…..ในเมื่อมีของดี ทำไมไม่ใช้ออกมา จะกลัวว่าสิ่งนั้นทำลายล้างโลกไปทำไม คิดเล็กคิดน้อยเหมือนหลานบุญธรรมของเจ้าเลย ” มารร้ายพูดจบ ก็หันหน้าไปมองอากิเนะ เป็นนัยจะบอกว่าเด็กสาวคือหลานบุญธรรมที่กล่าวถึง

        

 

        เหมือนมีสายฟ้าฟาดลงมากลางใจ โลกที่แสนสวยงามของอากิเนะแทบจะพังทลาย เพราะเชื่อมาตลอดว่าเทพศาสตราคือปู่โดยสายเลือด แต่อยู่มาวันนึง ก็มีมารร้ายมาเปิดเผยความจริงว่าเธอเป็นแค่….เด็กที่เก็บมาเลี้ยง ดังนั้น รีแอคชั่นแรกที่บังเกิดก็คือ……..ไม่เชื่อ 

 

“ ที่เจ้าพูดมาหมายความว่าไง มันไม่ใช่ความจริงใช่มั้ย ท่านปู่ ” เริ่มมีน้ำใสคลอบนขอบตากลมโตของอากิเนะ เธอหันมาถามเทพศาสตรา หวังได้ยินคำปลอบประโลมจากท่านปู่ ผู้เป็นญาติเพียงหนึ่งเดียว แต่สิ่งที่ได้รับกลับมา เป็นเพียงประกายตาที่หมองเศร้าและความจริงที่ถูกปิดบังมาอย่างยาวนาน 

 

“ มันคือความจริง มารตนนี้ไม่ได้พูดโกหก ” 

        

 

        อากิเนะถึงกับเคว้งไปหลายอึดใจ ช่วงเวลานั้นเอง เธอหวนนึกถึงภาพเหตุการณ์ในอดีต ไม่ว่าจะเป็นความสุขในยามที่ถูกท่านปู่โอบกอด ตุ๊กตาผ้าที่ญาติเพียงหนึ่งเดียวทำให้ แต่แล้ว ทุกความอ่อนโยนที่แล้วมา ถูกคำว่า…..หลานบุญธรรมเกลื่อนกลืนไป ทว่ามารร้ายกลับไม่อินด้วย 

 

“ เฮ้อ…..ทำไมพวกมนุษย์ถึงดราม่ากันนัก กะอีกแค่ถูกเก็บมาเลี้ยง ไม่น่าแยแสขนาดนั้น เราจะโตมายังไง มีพ่อแม่มั้ย ไม่เห็นมีความสำคัญเลย ” 

        

 

        พอได้ฟังน้ำคำที่ไร้ความเป็นคน อากิเนะก็ถึงกับฉุนขาด พร้อมตอกกลับอย่างดุเดือด 

 

“ แล้วเจ้าจะสนใจไปทำไม เหล่ามารก็ดีแต่รบราฆ่าฟันกันเอง ในหัวใจมีความมืดมน ไม่มีผู้ใดให้ห่วงใย ” 

 

“ ก็ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง ท่านก็ควรเลิกละเมอเพ้อพกได้แล้ว เพราะท่านเองก็มาจากเผ่ามารเช่นข้า ถอดความเป็นมนุษย์ออก แล้วปลดปล่อยตัวตนที่แท้จริงซะ ” มารร้ายตอบกลับทันควัน น้ำเสียงและสีหน้าแลจริงจัง ทำให้อากิเนะสะอึกแรง ในใจเริ่มลังเล 

 

“ เอ๊ะ! หรือว่าเราควรจะ……ทำอย่างที่มารตนนี้บอก ” 

        

 

        ก่อนที่อากิเนะจะเริ่มคล้อยตามไปมากกว่านี้ เทพศาสตราก็เหมือนจะรู้ใจของหลานสาว จึงแจงถึงความจริงที่เก็บซ่อนมาอย่างยาวนาน ทำให้สองชีวิตที่อยู่บริเวณนั้น หันมามองเป็นตาเดียว 

 

“ แม้อากิเนะจะเป็นเด็กที่เก็บมาเลี้ยง แต่ข้าก็รักและทะนุถนอม ราวกับสายเลือดแท้ๆ ดังนั้น หลานข้าไม่ต้องปล่อยตัวตนออกมา ถ้าจะมีใครกลายเป็นปีศาจ ปู่ก็ขอรับบทบาทนั้นเอง ” พอพูดจบ ดวงตาของเทพศาสตราก็เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีขาวขุ่น ออร่าสีทองหดหายไป พร้อมปล่อยบรรยากาศที่ชวนอึดอัดออกมา แต่ไม่ทันได้คืบหน้า มารร้ายก็ตรงเข้าไปสกัดดาวรุ่งด้วยการพุ่งเข้าไปสับศอกใส่

 

“ ปึก ” 

       

 

       เทพศาสตรากระเด็นไกลไปกระแทกต้นไม้ใหญ่ มันเป็นการโจมตีที่หนักหน่วง ไม่ต่างจากลูกกระสุนปืนใหญ่ ทำให้พฤกษาขนาดสามคนโอบ หักกลางในทีเดียว ลำต้นมหึมาล้มลงบนพื้นจนก่อให้เกิดเสียงดังสนั่นไปทั่วบริเวณ 

 

“ โครม…..” 

 

“ หึ หึ หึ ข้าไม่ให้ใช้สิ่งนั้นหรอก แม้จะรู้ว่าศาสตรานั่นจะสร้างความสนุกไม่ใช่น้อย ทว่าเวลานี้ ข้าอยากวัดฝีมือกับท่านมากกว่า ดังนั้น ปล่อยตัวตนที่แท้จริงออกมา ” มารร้ายเย้ยหยันเทพศาสตรา จากนั้นก็เหลือบแลไปที่อากิเนะ 

        

 

       ความสิ้นหวัง กดดันและโกรธเกรี้ยวผุดขึ้นมาในใจของอากิเนะอย่างมากมาย เพราะได้เห็นท่านปู่ผู้เป็นที่รักถูกทำร้าย เธอจึงตะโกนดัง ใบหน้าสวยใสแปรเปลี่ยนเป็นถมึงทึง 

 

“ แก………” 

 

“ ซูม……..” ออร่าสีรุ้งพวยพุ่งรุนแรงอีกครั้ง กระแสของมันเข้มข้นขึ้นมากจนเกือบจะเปลี่ยนเป็นสีแดงอมม่วง ดวงตากลมโตเปล่งประกายแวววาวและอุดมไปด้วยไฟแค้น แต่ก่อนที่ทุกสิ่งจะเตลิดไกล เทพศาสตราก็รีบลุกขึ้นยืน พร้อมร้องห้ามเสียงดัง 

 

“ อากิเนะอย่าปล่อยมันออกมา ปู่ยังไหวอยู่ ” 

        

 

       ทันทีที่ได้ยินเสียงร้องห้าม อากิเนะก็พลันได้สติ ออร่ากลับมาเป็นสีรุ้งสดใสอีกครั้ง ใบหน้างามคลายอาการตึง พร้อมปล่อยประกายห่วงใยออกมา

 

“ ทะ…ท่านปู่ มะ…ไม่เป็นไรนะคะ ” 

 

“ อืม…แค่บาดเจ็บเล็กน้อย ยังสู้ต่อได้ ” เทพศาสตราว่าอย่างนั้น แต่รอยแผลลึกตรงหน้าผากจนเลือดโชกไม่ได้เห็นด้วย แถมกายสูงโปร่งก็เริ่มยืนโงนเงน 

        

 

      อากิเนะอยากเข้าไปรักษาบาดแผลให้เทพศาสตราใจจะขาด เพราะเธอรู้ดีว่าท่านปู่ใกล้ถึงขีดจำกัด แต่สองแขนกลับถูกมัดติดกับโซ่เวทมนตร์ จึงทำได้แค่ร้องบอก

 

“ ท่านปู่เอาตัวรอดไปก่อน อากิเนะรับมือเจ้ามารร้ายตนนี้ได้ อีกประการ มันไม่สังหารหลานแน่ ” 

        

 

       ทว่าสิ่งเทพศาสตราตอบกลับมามีเพียงรอยยิ้มจางๆ ซึ่งแลอบอุ่นเหมือนเคย พร้อมน้ำคำที่นิ่มนวล 

 

“ หลานไม่ต้องกลัว ปู่จะไปช่วยหลานและไม่หนีไปไหน ” 

 

“ ไม่ ไม่นะ ปู่อย่าทำแบบนั้น ” น้ำตาสีใสหลั่งไหลจากดวงตาคู่งามของอากิเนะอีกครั้ง แต่ไม่ทันจะเกิดบทซึ้งระหว่างสองปู่หลาน เจ้ามารร้ายก็ขัดจังหวะด้วยการหายตัวไปอยู่ข้างหลังเทพศาสตรา จากนั้นก็ง้างหมัดขวา กะเสียบให้ทะลุแผ่นหลัง 

 

“ ยังไม่ถึงเวลาเล่นบทโศกโว้ย ไอ้มนุษย์ ตายไปซะ ” 

        

 

       แต่เทพศาสตราก็ไม่ใช่หมูให้ใครเชือดง่ายๆ เขาจึงเหวี่ยงท่อนไม้ในมือขวาออกไปจนปะทะขมับของมารร้ายเข้าอย่างจัง ก่อให้เกิดเสียงดังสนั่น ราวภูผาหินถล่ม 

 

“ เปรี้ยง……” 

      

 

       ร่างเล็กบางของมารร้ายเซถอยหลังไปหลายก้าว ก่อนจะยืนนิ่งอยู่อึดใจ จากนั้นก็หันกลับมายิ้มให้ 

 

“ หึ หึ หึ สมกับเป็นเทพศาสตราจริงๆ ขนาดย่ำแย่แบบนี้ ยังโต้กลับได้รุนแรงถึงใจ นี่ถ้าข้าเป็นมารทั่วไป หัวคงแหลกคาไม้ของเจ้าไปแล้ว ”

 

 

สามารถติดตามงานเขียน ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา