The Dark World มหาสงครามออนไลน์กู้ปฐพี

9.7

เขียนโดย Jalando

วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 19.53 น.

  174 LV
  22 วิจารณ์
  139.27K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2566 01.31 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

32) ไงครับคุณยาย

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เครดิตภาพจาก  https://unsplash.com

 

         มาวินรู้สึกเบื่อหน่ายกับการเดินทาง เขาพยายามจะเล่นทายคำหรือคุยเรื่องสนุก แต่สิ่งที่สะท้อนกลับมามีแต่ความเงียบ ด้วยเหมยลี่ไม่ยอมพูดอะไร ถ้าไม่จำเป็น พอมองไปรอบๆ ก็พบแต่ทุ่งหญ้ากว้าง มีป่าใหญ่อยู่ทางซ้าย ส่วนทางขวาคือภูเขาหินสูงชัน

 

" เฮ้อ…..น่าเบื่อจังเลย " เด็กหนุ่มจอมทโมนนั่งหงอยเหงาอยู่บนหลังเจ้าสังกะสี

        

 

        พอตะวันเริ่มคล้อยต่ำ เหมยลี่ก็เอ่ยถามอย่างฉับพลัน ทำให้มาวินที่กำลังหลับคาหลังม้า สะดุ้งตื่นในทันที

 

" ตอนนี้กี่โมงแล้ว "

 

" อ่ะ…..เอ่อ น่าจะประมาณห้าโมงเย็นล่ะมั้ง " เด็กหนุ่มตอบตะกุกตะกัก

      

 

        เหมยลี่หยุดม้า เธอหันรีหันขวางอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ตรงไปทางขวา ใช้เวลาไม่นาน ก็พบกับทางลาดที่นำพาไปยังถ้ำแห่งหนึ่ง เมื่อถึงหน้าปากถ้ำ เด็กสาวก็กล่าวกับมาวิน

 

" วันนี้เราจะพักกันที่นี่ "

 

" อ่อ.....ได้ " มาวินรับคำแบบงงๆ เขารู้สึกสงสัย ทำไมเหมยลี่ถึงรู้ว่าแถวนี้มีถ้ำใหญ่ที่เหมาะแก่การตั้งแคมป์

       

 

        สองวัยรุ่นช่วยกันจัดสถานที่ ทุกสิ่งดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เพราะเหมยลี่มีความจัดเจนในการใช้ชีวิตกลางป่า ส่วนมาวินก็อยู่ในป่ามาตั้งเดือนเศษ เลยทำให้คล่องตัวอยู่พอสมควร เพียงพริบตา กองไฟขนาดใหญ่และปลาย่างสี่ตัวก็ขึ้นหิ้ง แน่นอนว่าพวกเขาฟาดหมดภายในสามนาที

        

 

        ด้วยความเหนื่อยอ่อนจากการเดินทาง ประกอบกับโดนจางสินเล่นงานจนอดนอนมาทั้งคืน เลยทำให้มาวินหลับใหลอย่างง่ายดาย

        

 

        เหมยลี่มองภาพมาวินนอนหลับ รอยยิ้มน้อยๆเริ่มปรากฏที่มุมปาก เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็ขยับเข้าไปใกล้ ดวงตาคมเข้มแลอ่อนโยนลง จากนั้นเด็กสาวร่างสูงก็บรรจงห่มผ้าให้เพื่อนร่วมทางอย่างแผ่วเบา

 

.............................

      

         เช้ามืดในวันรุ่งขึ้น มาวินก็ต้องตกใจตื่น เมื่อรู้สึกว่ามีของแข็งพุ่งปะทะใบหน้า

 

" โอ๊ย..... ใคร อะไร ที่ไหน ยังไง " เด็กหนุ่มรีบลุกขึ้นมาโวย แต่แทนที่จะเห็นสงครามหรือการทะเลาะวิวาทอย่างที่ควรจะเป็น กลับเจอแต่เหมยลี่ ผู้กำลังนั่งอยู่บนขอนไม้อย่างสบายอารมณ์

 

" ได้เวลาฝึกแล้ว เจ้าลิงหัวเขียว " เหมยลี่พูดสั้นๆ สีหน้าเรียบเฉย

 

" อ้าว.....เช้าแล้วเหรอ น่าจะยังไม่เช้าดีนะ เพราะฟ้ายังมืดอยู่เลย ขอนอนต่ออีกหน่อยดิ " มาวินมองท้องฟ้าที่ยังขมุกขมัว ใจนึกขี้เกียจจนอยากนอนต่อ ทันใดนั้นเอง เหมยลี่ก็ใช้นิ้วมือดีดบางอย่าง เจ้าสิ่งนั้นพุ่งกระทบหน้าผากของเด็กหนุ่ม

 

" โอ๊ย.... อะไรกันฟะ " ตอนนี้มาวินรู้แล้วว่า.....เขาตกใจตื่นเพราะอะไร

 

" ก็หินกรวดที่ตกอยู่ตามพื้นไง และถ้าคิดจะนอนต่อ นายต้องโดนแบบนี้อีกหลายก้อน ลุกขึ้นมาฝึกเดี๋ยวนี้ " เด็กสาวกล่าวเรียบๆ แต่แฝงแววขู่เข็ญ

 

" เฮ้อ…..ฝึกก็ฝึก ว่าแต่ต้องฝึกอีกนานแค่ไหน " พอมาวินพูดจบ เขาก็ส่ายหัวไปมา ท่าทางดูเซ็งๆ

 

" ตลอดการเดินทาง " เด็กสาวตอบสั้นๆ

 

" หา……ถ้าเดินทางหลายเดือน ชั้นก็อานน่ะสิ " เด็กหนุ่มร้องเสียงหลง ท่าทางหัวเสีย เพราะต้องพบกับการฝึกหฤโหดตลอดการเดินทาง

 

" จะบ่นอะไร ก็บ่นไป ถึงยังไง นายก็ต้องฝึกอยู่ดี " สีหน้าของเหมยลี่เริ่มบึ้งตึงขึ้นมาเล็กน้อย

 

" ไม่เอาน่า ชั้นเก่งโคตรๆแล้ว ขนาดกลุ่มโจรร่วมร้อย ชั้นก็จัดการมาแล้ว เธอก็เห็นนี่ " มาวินพยายามต่อรอง

 

" เจ้าโง่ " เหมยลี่ตวาดสุดเสียง กระแสที่เปล่งออกมา กังวานไกล

 

" อึ้ย...... " มาวินสะดุ้งโหยง เขาเริ่มหน้าเสียและเงียบกริบอย่างฉับพลัน เพราะรู้ว่าอาจารย์สาวเริ่มโกรธขึ้นมาจริงๆ

        

 

        เหมยลี่กอดอก พลางมองเด็กหนุ่มที่ยืนหงอ ก้มหน้านิ่ง สายตาของเด็กสาวดูแข็งกร้าวและเย็นชา เวลาผ่านไปครู่หนึ่ง เธอก็ปรับอารมณ์ให้สงบจนกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงปกติ

 

" คิดว่าตัวเองเก่งแล้วหรือ ว่ากันตามจริง นายยังไม่ได้เอาชนะด้วยฝีมือเลย มันแค่อาศัยดวง สถานที่และการวางแผน ถ้าวัดกับพวกมันตรงๆ นายตายตั้งแต่โดนรุมแล้ว นี่แค่ระดับพวกโจรกระจอกเท่านั้นนะ ถ้าไปเจอยอดฝีมือตัวจริง ก็ตายตั้งแต่กระบวนท่าแรก ในโลกนี้ยังมีคนเก่งชั้นอยู่อีกมาก "

      

 

         ทีแรกมาวินฟังด้วยอาการสงบ แต่พอถึงข้อความสุดท้าย เขาก็ถึงกับขนลุก ดวงตาเบิกโพลง พร้อมตื่นตัวในทันที

 

" หา……เมื่อกี้เธอพูดว่า.....มีคนเก่งกว่าเธออีกมาก ใช่มั้ย " เด็กหนุ่มร้องเสียงหลง

 

" ใช่แล้ว อย่างชั้น มันก็แค่นักสู้ปลายแถว " เด็กสาวเน้นย้ำ

 

" ถ้าเธอพูดจริง ชั้นก็......" มาวินเริ่มรู้ชะตากรรมของตัวเอง

 

" กระจอกสุดๆไง หรือจะเรียกว่าพวกกากก็ได้นะ " เด็กสาวขยี้ปมด้อยให้หนักเข้า

       

 

         ทันทีที่ได้ยินคำนี้ มาวินก็ออกอาการฮึดฮัดจนใบหน้าแดงก่ำ เขาร้องบอกเหมยลี่อย่างดุดัน

 

" มาฝึกกันต่อเลย ยัยโย่ง ชั้นต้องขยับหนีให้พ้นจากตำแหน่งกากให้ได้ ฮึ่ม..... "

       

 

         เด็กสาวซ่อนยิ้ม พลางคิดในใจว่า……กับเจ้าบ้านี่ ต้องเล่นไม้นี่แหละ ถึงจะตั้งใจฝึก

 

.............................

       

         ทั้งคู่ประจันหน้ากัน ดวงตาของมาวินดูแน่วแน่และสุขุมจนเหมยลี่อดสงสัยไม่ได้ว่า……นี่คือเจ้าลิงหัวเขียวคนเดิมหรือไม่

 

" กระบวนท่าแมวป่าที่นายเรียนไป เป็นวิทยายุทธ์ขั้นพื้นฐาน ยังไม่มีอานุภาพมากมายนัก " เด็กสาวอธิบาย

 

" อืม...... " มาวินพยักหน้ารับ

 

" ส่วนวิชาที่จะสอนต่อไปนี้ เหนือล้ำกว่าเพลงหมัดแมวป่า และเป็นกระบวนท่าที่ชั้นชำนาญมากที่สุด " เหมยลี่สาธยายต่อ

         

 

          เหมยลี่แอบชำเลืองมาที่มาวิน เธอประหลาดใจมาก เพราะเด็กหนุ่มยังไม่เผลอหลับ มิหนำซ้ำยังตั้งใจฟังแบบสุดๆ นี่ถือเป็นนิมิตหมายอันดี ถึงกระนั้น เด็กสาวก็ตัดบทและหันไปอธิบายด้วยการกระทำ

 

" เอาล่ะ คอยดูให้ดี ชั้นจะสอนซักหนึ่งกระบวนท่า " เด็กสาวเริ่มตั้งท่า

       

 

          เหมยลี่งอเข่าลงเล็กน้อย พร้อมยื่นกำปั้นคู่ออกไปข้างหน้า วินาทีต่อมา แววตาก็เปล่งประกายฆ่าฟัน ร่างเพรียวพุ่งทะยาน จังหวะนั้นเอง หมัดขวาตรงก็ถูกปล่อยออกมาอย่างรุนแรง ดอกสองคือหมัดซ้ายที่พุ่งแหวกอากาศ

      

 

         เหมยลี่สืบเท้าไปข้างหน้า พร้อมปล่อยหมัดซ้ายสลับขวา เพียงไม่กี่ที เธอก็กระโดดขึ้นไปกลางอากาศ ก่อนลิ่วลงมาปล่อยหมัดคู่กระแทกใส่พื้น พลังทำลายจากกระบวนท่า ก่อให้เกิดเสียงดังกัมปนาท

 

" ตูม "

      

 

         กลุ่มควันลอยฟุ้งไปทั่วบริเวณ เด็กสาวนั่งชันเข่าอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะลุกขึ้นยืน จากนั้นก็หันมากล่าวกับมาวิน

 

" กระบวนท่านี้เป็นวิทยายุทธ์สายความเร็วที่ออกแนวดุดัน มีพลังทำลายค่อนข้างสูง มันมีชื่อว่า…..เสือดาวไล่เหยื่อ "

      

 

         มาวินถึงกับตะลึงงัน เพราะเท่าที่เคยเจอมา นี่คือกระบวนท่าที่รุนแรงที่สุด แต่สุดท้าย เขาก็ตื่นจากภวังค์ เมื่อได้ยินเสียงร้องทักของเด็กสาว

 

" เฮ้ นายได้ยินชั้นมั้ย "

 

" เอ๊ะ อ้อ ได้ยินแล้ว โทษที มัวแต่ตกใจน่ะ " มาวินตอบตะกุกตะกัก

 

" จำกระบวนท่านี้ได้มั้ย " เด็กสาวขมวดคิ้ว

 

" อ้อๆ จำได้ " มาวินตอบล่กๆ สายตาเหลือบไปเห็นหลุมใหญ่ขนาดเท่ากำปั้นที่เกิดจากกระบวนท่าเมื่อครู่ ดูไปดูมา คล้ายหลุมลึกที่ถูกลิ้มตอกอย่างไม่มีผิดเพี้ยน

 

" งั้นลองทำ " เด็กสาวสั่ง

 

" อืม..... " มาวินพยักหน้ารับคำ พร้อมขยับกายตั้งท่าในทันที

       

 

         มาวินงอเข่าลงนิดหนึ่ง วินาทีต่อมา เขาก็พุ่งทะยานไปข้างหน้าและปล่อยหมัดขวา ตามด้วยการสืบเท้า พร้อมออกหมัดซ้าย จังหวะถูกต้องอย่างไม่มีผิดเพี้ยน ปิดท้ายด้วยการทะยานขึ้นไปกลางอากาศ แล้วทิ้งตัวลงมากระแทกหมัดคู่ใส่พื้นดินสุดกำลัง

 

" พลั๊ก "

       

 

         เสียงดังเหมือนมีอะไรหนักๆกระแทกพื้น แม้กระแสจะไม่เท่าตอนที่เหมยลี่ทำ แต่ก็ดังจนคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆได้ยินอย่างชัดเจน อึดใจต่อมา เด็กหนุ่มก็เสริมความน่ากลัวให้กับกระบวนท่า ด้วยการกระโดดโลดเต้น พร้อมแหกปากร้อง

 

" โอ๊ย...... เจ็บมือ ข้อมือช้าน……. "

       

 

          ท่าทางเพี้ยนๆของมาวินดูตลกขบขำจนทำให้เด็กสาวมาดขรึมถึงกับอมยิ้ม เหมือนเธอจะสงสารหรือยังไงไม่ทราบได้ จึงกล่าวเสียงสั่นๆ คล้ายคนกลั้นหัวเราะ

 

" อืม...... ใช้ได้ ทำต่อไป เอ่อ ลืมบอกไปอย่าง ต่อไปนายไม่ต้องเอาหมัดกระแทกพื้นจริงๆก็ได้ แค่ทำท่าทางให้เหมือนก็พอ ฮะๆ "

 

" อู้ย... แล้วไม่บอกแต่แรก ชั้นเลยต้องขุดดินซะจนมือถลอก " มาวินบ่น พลางยกสองมือที่แดงเถือกขึ้นมาดู

 

" เอ้า เริ่มฝึกใหม่ ขั้นแรกเราเน้นความถูกต้องของท่วงท่าก่อน จำไว้ กระบวนท่านี้มีเคล็ดลับอยู่สองประการ นั่นก็คือ….ความเร็วและความดุดัน ทันทีที่ใช้มัน นายต้องล้มศัตรูให้ไวที่สุด " เด็กสาวตบมือเป็นสัญญาณให้ฝึกใหม่

       

 

         มาวินฝึกกระบวนท่าเสือดาวไล่เหยื่อต่ออีกหลายสิบรอบ โดยมีเหมยลี่ยืนคุมอยู่ไม่ห่าง ในบางจุดที่ผิดพลาด เธอจะสั่งให้หยุดและแนะนำการออกกระบวนท่าที่ถูกต้องให้เด็กหนุ่มรับรู้

       

 

        การฝึกผ่านไปได้ 2 ชั่วโมงเศษ ก็ปรากฏว่าท้องฟ้าเริ่มสว่าง เหมยลี่จึงสั่งให้หยุดฝึก หลังจากนั้น ทั้งคู่ก็กินเนื้อตากแห้ง อันเป็นอาหารมื้อแรก

 

" ฟู่……การออกกระบวนท่าของชั้นเป็นยังไงมั่ง " มาวินนั่งแผ่หลากับพื้น ปากก็เป่าระบายความร้อน

 

" ค่อนข้างถูกต้องและแม่นยำ ทว่ากระบวนที่ปล่อยออกมายังขาดพลังและความชำนาญ เอาไปใช้สู้จริงไม่ได้ " เหมยลี่อธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบตามสไตค์ของเธอ

       

 

         มาวินรู้สึกตงิดใจ ในความคิดของเด็กหนุ่ม…..กระบวนท่าเสือดาวไล่เหยื่อไม่เห็นจะยากเลย ดูด้วยตาแค่ไม่กี่ครั้ง ก็เลียนแบบได้เหมือนเปี๊ยบ ดังนั้น มันควรจะเอาไปใช้ต่อสู้ได้

       

 

         ทั้งสองใช้เวลาพักผ่อนไม่นาน ก็ออกเดินทาง เส้นทางยังคงเป็นทุ่งหญ้าที่มีป่าไม้อยู่ทางซ้าย ภูเขาอยู่ทางขวา จากการสังเกตของมาวิน เขารู้สึกว่าการเดินทางในวันนี้ เด็กสาวน่าจะพาเยื้องไปทิศตะวันตก

        

 

         การเดินทางผ่านไปราวๆ 5 ชั่วโมง มีแต่ความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าและเบื่อหน่าย (เพราะไม่มีเพื่อนคุย) ไม่นานนัก ทั้งสองก็มาถึงแม่น้ำที่ยาวจนสุดลูกหูลูกตา ความกว้างประมาณ 20 เมตร กระแสดูเชี่ยวกรากอยู่พอสมควร

       

 

         มาวินรีบลงจากหลังม้า แล้วเดินไปสำรวจ พอเห็นชัดถนัดตา ก็บอกเด็กสาวผู้เป็นเพื่อนร่วมทาง

 

" น้ำเชี่ยวมาก ขี่ม้าลุยไปไม่ได้แน่ๆ น่าจะมีสะพานข้ามนะ "

 

" เท่าที่จำได้ ก็มีอยู่หลายจุด ที่ใกล้สุด น่าจะต้องควบต่ออีก 2 กิโล " เด็กสาวตอบ สีหน้าเรียบเฉยดุจเดิม

 

" ดี งั้นไปกันเถอะ แถวนี้ร้อนบรรลัยเลย "มาวินร้องบอก พลางกระโดดขึ้นหลังเจ้าสังกะสี

        

 

          ทั้งสองขี่ม้าเลียบริมฝั่งแม่น้ำ ในที่สุด ก็เจอสะพานไม้ แต่มันกลับขาดกลางจนไม่สามารถใช้งาน

 

" อ้าว....เฮ้ย อะไรกันเนี่ย ทำไมสะพานขาดแบบนั้น แล้วพวกเราจะข้ามไปได้ยังไง " มาวินโวยวาย

      

 

          เด็กสาวเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะตอบเรียบๆว่า.....

 

" คงต้องหาสะพานอื่น "

 

" เฮ้อ…… " เด็กหนุ่มถอนหายใจยาว แต่ก่อนจะออกเดินทาง สายตาอันฉับไวก็เหลือบไปเห็นคนผู้หนึ่งที่ยืนสงบอยู่ริมน้ำ คนๆนั้นเป็นหญิงชราร่างเล็กในชุดผ้าคลุมยาวสีเทา

 

" เดี๋ยวก่อน ยัยโย่ง ดูนั่นซิ " มาวินร้องทัก

 

" นั่นคนแก่นี่ ท่าทางเหมือนจะพยายามข้ามแม่น้ำอยู่นะ " เหมยลี่สันนิษฐาน

 

" เราเข้าไปดูแกหน่อยดีกว่า " มาวินตอบกลับ

 

" ไป " เด็กสาวรับคำสั้นๆ ก่อนควบม้าเข้าไปหาหญิงชรา

       

 

         พอทั้งสองเข้าใกล้เป้าหมาย มาวินก็พบว่าหญิงชราร่างเล็กดูคล้ายกับใครคนหนึ่งที่เคยรู้จัก แต่ก็จำไม่ได้ เขาจึงร้องทักเสียงดัง

 

" ยายมาทำอะไรตรงนี้ "

        

 

          คุณยายผู้ชราค่อยๆหันกลับมามอง ดวงตาฝ้าฟางดูขุ่นมัว ใบหน้าเหี่ยวย่น เส้นผมยาวสีขาวลอดผ่านฮู้ดเทาที่สวมใส่ เธอมองสองวัยรุ่นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่แหบพร่า

 

" ยายอยากข้ามฟากไปฝั่งโน้น เพื่อกลับหมู่บ้านน่ะ "       

      

 

          เหมยลี่รู้ในทันทีว่าที่นั่นคือหมู่บ้านอะไร เธอจึงเอ่ยถามหญิงชรา

 

" ที่นั่นคือหมู่บ้านลูกากู ตอนนี้กำลังมีปัญหา เนื่องจากมีอันธพาลกลุ่มหนึ่งตามคุกคามชาวบ้านอยู่ ยายจะกลับไปที่แบบนั้นทำไม "

         

 

           หญิงชราดูซึมลง พร้อมตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย

 

" เพราะหลานของยายป่วยหนัก จึงไม่สามารถอพยพ ย้ายถิ่นฐาน นี่ยายออกมาหาสมุนไพรในเมือง หวังจะเอาไปรักษา ขากลับบังเอิญเจอสะพานขาด เห็นทีคงต้องรอให้คนในหมู่บ้านมาซ่อมสะพานซะก่อน ถึงจะกลับได้ "

      

 

           มาวินมองเหมยลี่เป็นเชิงปรึกษา ซึ่งเธอก็พยักหน้าเป็นนัยจะบอกให้จัดการตามที่สมควร เขาจึงหันกลับไปพูดกับหญิงชรา

 

" เอางี้มั้ย เดี๋ยวพวกชั้นจะพายายข้ามแม่น้ำ แล้วไปส่งที่หมู่บ้านเอง "

 

 

สามารถติดตามงานเขียน  ณ.ปัจจุบันและในอนาคตของผมได้ที่เพจ Jalando นักเขียนดาร์คไซด์ได้ที่ลิงค์ด้านล่างครับ

https://www.facebook.com/Jalando.darksidewriter

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
10 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา