The Last Love รักครั้งสุดท้าย

-

เขียนโดย ศรุตา

วันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 22.08 น.

  9 ตอน
  0 วิจารณ์
  9,001 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 18 มกราคม พ.ศ. 2562 22.16 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

5) บทที่ 4 Return (1/2)

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บทที่ 4

Return

 

วันนี้เป็นวันที่เจ็ดที่เอริย้ายมาอยู่ห้องพักเล็ก ๆ ด้านในมีเพียงเตียง ตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำในตัว

นับจากวันที่ถูกไล่ออกจากบ้าน ไม่เคยมีเลยสักวันที่ไม่คิดถึงเจ้าของนัยน์ตาสีฟ้าครามมองแล้วอบอุ่นหัวใจคู่นั้น ครั้นให้กลับไปขอคืนดี อ้อนวอนขอให้เธอกลับไปอยู่ที่นั่น บอกได้คำเดียวว่า ‘ไม่มีทาง’ เอริหยิ่งในศักดิ์ศรีของตนพอ ๆ กับการยึดมั่นคำสัญญา

ถามว่าโกรธเมย์ไหมที่ทำรุนแรงปานนั้น ตอบไม่ได้เหมือนกันว่าโกรธหรือเปล่า รู้เพียงว่าเมย์มีอิทธิพลต่อใจของเธอมากเหลือเกิน ไม่มีใครทำให้เสียใจและปวดร้าวได้เท่าอาจารย์คนนี้อีกแล้ว มันเป็นความรู้สึกทรมานอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้น และไม่เคยมีใครทำให้รู้สึกเช่นนี้มาก่อนด้วย

“เฮ้ออออ...” เสียงถอนหายใจหนักหน่วง ราวกับผู้เป็นเจ้าของมีเรื่องคิดไม่ตก กลุ้มอกกลุ้มใจ

ใช่แล้ว... เจ้าของเสียงถอนหายใจกำลังกลุ้ม เอรินั่งวิตกกังวลอยู่บนเตียงมาร่วมชั่วโมง เพราะวันนี้ต้องเข้าเมืองคเวเซอร์ไปหาศาสตราจารย์วินเบิร์ก

ตั้งแต่กลับมายังไม่ได้ไปรายงานตัว รู้แก่ใจว่าศาสตราจารย์โอลเว่นคงเข้าพบและรายงานผลของงานที่ทำเรียบร้อยแล้ว ไม่มีความจำเป็นอันใดต้องรายงานเพิ่มเติม แต่เพราะเป็นสิ่งที่ควรกระทำ และเหนือสิ่งอื่นใดคือเธอมีเรื่องสำคัญต้องพูดกับศาสตราจารย์วินเบิร์กให้ได้ อย่างไรเสียก็ต้องไป ไม่ช้าก็เร็ว

สิ่งที่สร้างความกลัดกลุ้มไม่ใช่การไปอาคารรูปทรงแปลกตา หากเป็นสิ่งที่ต้องกระทำ และสถานที่ที่จำเป็นต้องไปหลังจากนั้นต่างหาก

กลัว... กลัวเหลือเกินว่าอาจต้องเจอใครบางคน คนที่ยังไม่พร้อมเผชิญหน้า คนที่ทำให้หัวใจแหลกสลาย

“เอาเถอะ อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิด” ปลอบใจตัวเองก่อนลุกจากเตียง เปิดประตู ก้าวออกไปทำตามความตั้งใจ

 

 

ตอนนี้เอริยืนอยู่หน้าห้องทำงานของเจ้าของอาคารรูปทรงแปลกตา เธอตัดสินใจเคาะประตู รอเสียงตอบรับจากด้านใน

“ใครน่ะ?”

“เอริค่ะ”

“เข้ามาสิ”

สิ้นเสียงการอนุญาต เอริเอื้อมมือบิดลูกบิด ก้าวเข้าด้านในเพื่อพบกับคนที่ตั้งใจมาหา

“นั่งก่อนสิ”

“ขอบคุณค่ะ”

วินาทีที่เด็กสาวก้าวเข้ามาในห้องจนกระทั่งนั่งลงเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ทุกอากัปกิริยาอยู่ในสายตาของหญิงสูงวัย สายตาบ่งบอกความเอ็นดูและห่วงใย

“เป็นอย่างไรบ้าง... เอริ”

“สบายดีค่ะ”

“ให้เมย์ดูแผลให้รึยัง”

“เอ่อ... ยังค่ะ... ยังไม่ได้ให้ดูเลยค่ะ คือ... คือตอนนี้ไม่ค่อยรู้สึกเจ็บแล้ว เลยคิดว่าไม่ต้องให้ดูก็ได้ค่ะ”

ฟังคำตอบของคนตรงหน้า พอเดาได้ว่าต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างศิษย์กับอาจารย์คู่นี้ เพียงแต่ไม่อาจรู้ว่ามันรุนแรงขนาดทำให้สองคนนี้ไม่พูดจา และไม่ได้อยู่ด้วยกันนานหนึ่งสัปดาห์เต็ม

เอมิเลียจำเป็นต้องย้ำกับเอริอีกครั้งด้วยความปรารถนาดี

“เอริ... บาดแผลที่เราได้รับน่ะ ไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ ให้เมย์ดูหน่อยจะดีกว่า”

“ค่ะ” เอริรับคำสั้น ๆ ก่อนเอ่ยธุระสำคัญที่ทำให้ดั้นด้นมาถึงนี่

“ศาสตราจารย์วินเบิร์กคะ”

“มีอะไรก็พูดมาได้เลยเอริ ไม่ต้องเกรงใจ” น้ำเสียงยังคงอ่อนโยนและเปี่ยมด้วยความเอ็นดูต่อเด็กสาวไม่เปลี่ยนแปลง

“คือ... คือหนู... หนู... หนูอยากขอร้องให้งานที่ส่งหนูไปทำครั้งล่าสุดเป็นงานสุดท้ายเกี่ยวกับเนรอนเทคโนโลยีที่หนูต้องทำค่ะ คือว่า... หนูต้องการปฏิเสธคำร้องขอที่ให้ความร่วมมือขัดขวางการทดลองของคนกลุ่มนั้น”

เอมิเลียระบายยิ้ม ด้วยเข้าใจเหตุผลของคำปฏิเสธ จึงหยอกเย้ากลับไป

“ทำไมเหรอเอริ กลัวว่าตกลงแล้วจะทำให้เมย์ต้องยอมตามเธอไปด้วยอย่างนั้นหรือ ห่วงอาจารย์ตัวเองขนาดนั้นเชียว ไม่สิ... ต้องบอกว่าเป็นห่วงไม่เคยเปลี่ยนเลยถึงจะถูก ฉันพูดถูกไหม”

เอริไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ ได้แต่เงียบ เพราะรู้แก่ใจว่าไม่มีประโยคไหนที่ไม่เป็นความจริง สาเหตุที่ทำให้ตัดสินใจปฏิเสธคำร้องขอของศาสตราจารย์วินเบิร์กคือ ‘เมย์’ เอริมั่นใจว่าหากเธอตกลง ไม่มีทางที่เมย์ยอมอยู่เฉยแน่ ต้องยอมรับตามเธอไปด้วย

ทว่าในใจลึก ๆ ตอนนี้ยังมีความคลางแคลงใจ ไม่มั่นใจว่า ณ สถานการณ์ปัจจุบัน อาจารย์ที่ปรึกษายังคิดแบบเดียวกันอยู่หรือไม่

เห็นอีกฝ่ายเงียบไปนาน เอมิเลียจึงพูดเพื่อคลายความกังวล

“เอริ... ฉันไม่ได้บังคับหรอกนะ ถ้าไม่อยากทำก็ไม่ต้องหรอก แค่งานครั้งล่าสุดที่ช่วยจนตัวเธอเองบาดเจ็บขนาดนี้ มันมากเกินพอแล้วเด็กน้อย”

“ขอบคุณที่เข้าใจหนู เอ่อ... หมดธุระแล้ว หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ”

ก่อนเอริก้าวพ้นประตู เธอหันกลับมาพูดกับเจ้าของห้องซึ่งยังคงนั่งอยู่ที่เดิม

“เอ่อ... มีอีกเรื่องนึงค่ะ... สัญญาที่ศาสตราจารย์ให้ไว้กับหนูก่อนหน้านี้...”

“ฉันไม่ลืม สบายใจได้ แล้วอย่าลืมให้เมย์ดูแผลให้นะ”

“ค่ะ” รับคำสั้น ๆ พร้อมกับเดินจากไป แต่ยังไม่ทันไปไหนไกล ต้องพบกับใครคนหนึ่ง

ครั้งแรกที่พบกันคือตอนทำงานครั้งล่าสุดให้ศาสตราจารย์วินเบิร์ก ตลอดระยะเวลาที่ร่วมงาน ยอมรับว่าประทับใจในคน ๆ นี้ไม่น้อย ไม่ว่าความสามารถและนิสัยใจคอ

บุคคลผู้นี้เปรียบเสมือนมือขวาของศาสตราจารย์วินเบิร์ก นอกจากทำงานให้เป็นการส่วนตัวแล้ว ยังทำงานให้กับเนรอนเทคกรุ๊ปในตำแหน่งผู้ช่วยและเลขา ชื่อของคน ๆ นี้คือ ‘ศาสตราจารย์เฮย์ลี่ จาซินด้า (Hayley Jacinda) ’

ความสามารถด้านเนรอนเทคโนโลยีของเฮย์ลี่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าบรรดาผองเพื่อน แต่เธอขาดคุณสมบัติบางประการ ทำให้ไม่ได้รับการจัดอันดับเฉกเช่นเพื่อนของเธอ แต่เฮย์ลี่ไม่เคยเสียใจ กลับดีใจเสียด้วยซ้ำที่ไม่ต้องมีตำแหน่งบ้า ๆ นั่นผูกติดตัวตลอดชีวิต

 

 

“ไงเอริ... มาหาเอมิเลียเหรอ”

“ค่ะ”

“แผลเป็นยังไงบ้าง ยังเจ็บอยู่รึเปล่า”

“ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ขอบคุณนะคะที่เป็นห่วงหนู” เพราะสายตาและน้ำเสียงเปี่ยมด้วยความห่วงใยจากคนนัยน์ตาสีเขียวมรกต ส่งผลให้เอริรู้สึกอบอุ่นหัวใจ และตอบคำถามกลับไปพร้อมรอยยิ้มอันเป็นเอกลักษณ์ประจำตัว รอยยิ้มทำให้ใครก็ตามที่มองเห็นพลอยรู้สึกสดชื่น เบิกบาน อดไม่ได้ที่ต้องยิ้มตามไปด้วย

เฮย์ลี่ยิ้มให้กับท่าทางน่ารัก น่าเอ็นดู ก่อนสนทนาต่อ

“ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วล่ะ ฉันขอตัวก่อนนะ มีธุระกับเอมิเลียน่ะ กลับบ้านดี ๆ นะเอริ”

“ค่ะ” รับคำสั้น ๆ พร้อมส่งรอยยิ้มละลายใจคนมองอีกครั้ง

 

 

ห้องทำงานของเอมิเลียตอนนี้ คนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเจ้าของห้องไม่ใช่เจ้าของนัยน์ตาสีดำ แต่เป็นเจ้าของนัยน์ตาสีเขียวมรกต

“เอริมาพบเหรอคะ”

“อืม... เจอกันเหรอ?”

“ค่ะ แถวหน้าห้อง เมื่อสักครู่นี้”

“อ้อ” พูดพร้อมพยักหน้ารับรู้

“แล้วเอริมาพบเรื่องอะไรคะ”

เฮย์ลี่ถามจุดประสงค์การมาเยือนของเด็กสาวอย่างสนใจใคร่รู้ เธออยากทำความรู้จักกับเอริให้มากขึ้นนับตั้งแต่ได้ร่วมงานกัน สารภาพตามตรงว่าประทับใจในความสามารถ ความดี ความน่ารัก และตัวตนของเด็กคนนี้

“ก็มารายงานตัวตามปกติน่ะ แต่จุดประสงค์หลักก็คือการปฏิเสธคำขอร้องของฉัน”

“คำขอร้องที่ให้ช่วยรับมือและขัดขวางการทดลองที่กำลังดำเนินอยู่ใช่ไหมคะ”

“อืม”

เฮย์ลี่ต้องหัวเราะออกมาเบา ๆ ด้วยความขบขันและเอ็นดูบุคคลในหัวข้อการสนทนาระหว่างเธอและเอมิเลีย

“เหตุผลคงไม่พ้นเมย์ใช่ไหมคะ”

เอมิเลียยิ้มรับแทนคำตอบ

“เจ้าคนเย็นชานั่น จะรู้บ้างไหมนะว่าลูกศิษย์ตัวเองเนี่ยหายใจเข้า หายใจออกเป็นอาจารย์ไปเสียหมด”

เอมิเลียระบายยิ้มอีกครั้งกับคำพูดของคู่สนทนา ก่อนน้ำเสียงเจือความกังวลหลุดออกจากปาก

“เฮย์ลี่...”

“คะ?”

“จากที่คุยกับเอริเมื่อกี้นี้ เหมือนเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขาสองคนนะ”

“อะไรทำให้คิดแบบนั้นคะ”

“จนป่านนี้เอริยังไม่ยอมให้เมย์ดูแผลเลยน่ะสิ”

สิ้นเสียงเอมิเลีย ทั้งคู่ต่างเงียบและกังวลกับบางสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเมย์และเอริ

 

 

หลังเสร็จธุระที่อาคารรูปทรงแปลกตา เอรินั่งรถประจำทางสู่ใจกลางเมืองคเวเซอร์ เพื่อทำธุระลำดับต่อไปซึ่งเป็นสิ่งสุดท้ายตามแผนที่ต้องทำวันนี้

ตอนนี้เธอยืนอยู่ ณ สถานที่แห่งนี้เป็นที่เรียบร้อย ‘โรงพยาบาลคเวเซอร์’ สถานที่สร้างความวิตกกังวลตั้งแต่รู้ว่าต้องมาเยือนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงขั้นต้องรวบรวมความกล้าเพื่อมา เพราะมันเป็นสถานที่ทำงานของเมย์

เหตุผลคงหนีไม่พ้นบาดแผลที่ได้รับจากงานที่เพิ่งทำครั้งล่าสุด ยาสำหรับใช้รักษาหมด ประสบการณ์ในการดูแลบาดแผลประเภทนี้ก็ไม่มี แทนที่จะดีขึ้น กลับอักเสบยิ่งกว่าเดิม เพราะเอริเป็นนักเรียนต่างชาติจึงต้องทำประกันสุขภาพกับโรงพยาบาลคเวเซอร์ อีกทั้งประวัติการรักษาทั้งหมดอยู่ที่นี่ อย่างไรเสียคงไม่สามารถไปรับการรักษาที่อื่นได้

ความสามารถเฉพาะตัวเกี่ยวกับเนรอนเทคโนโลยีที่มีเพียงแค่เมย์และเอริทำได้ ไม่ใช่ว่าไม่มีข้อเสีย ปกติการหยุดการทำงานของอาวุธจากการใช้เนรอนเทคโนโลยีประดิษฐ์ขึ้นมานั้น จำเป็นต้องศึกษาหาข้อมูลให้ดีเสียก่อน เริ่มต้นจากสารเคมีที่ใช้เป็นองค์ประกอบตลอดจนขั้นตอนการสร้างอาวุธ เมื่อทราบรายละเอียดที่กล่าวมา สิ่งที่ต้องทำต่อคือหาสารเคมีมีคุณสมบัติเหมาะสำหรับหักล้างกัน ซึ่งอาจมีเพียงชนิดเดียวหรือหลายชนิดก็ได้

เมื่อหาสารเคมีสำหรับหักล้างได้แล้ว จะต้องบรรจุลงในแท่งแก้วทรงกระบอกใส ความยาวราวครึ่งฟุต เส้นผ่านศูนย์กลางหนึ่งนิ้ว ภายในแท่งแก้วถูกบรรจุด้วยสารเคมีอีกชนิดหนึ่งรอไว้ สารเคมีนี้ถูกทำให้อยู่ในรูปของเจลใสสีฟ้า มีคุณสมบัติเป็นตัวผสานสารเคมีที่ใช้ทำการหักล้างให้รวมตัวเป็นเนื้อเดียวกัน กลายเป็นสารเคมีชนิดใหม่มีคุณสมบัติยับยั้งการทำงานของอาวุธ

เจลใสสีฟ้ามีชื่อเรียกว่า ‘เนรอนเจล’ ส่วนแท่งแก้วบรรจุเนรอนเจลในสภาพพร้อมใช้งานเรียกว่า ‘เนรอนเซลล์’

บุคคลผู้ทำการยับยั้งการทำงานจำเป็นต้องนำเนรอนเซลล์ไปใส่ไว้ในตำแหน่งที่เหมาะสมภายในอาวุธ หากพลาด... นอกจากไม่สามารถหยุดได้ ยังเพิ่มอานุภาพการระเบิดให้แรงขึ้นกว่าเท่าตัว และเป็นไปไม่ได้เลยที่บุคคลนั้นจะมีชีวิตรอด

ตรงกันข้าม... หากทำสำเร็จ... อาวุธยังคงเกิดการระเบิดเช่นเดิม แต่ถูกจำกัดขอบเขตให้อยู่ภายใต้กรอบแคบ ๆ เป็นเพียงเส้นตรงพุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ก่อนตกลงมาโดยไร้ร่องรอย อันตรายซึ่งเป็นข้อเสียของผู้เป็นเจ้าของความสามารถอยู่ตรงจุดนี้

จังหวะก่อนการระเบิดหลังใส่เนรอนเซลล์เพียงไม่กี่วินาที หากสามารถนำพามือของตนออกมาได้ทัน ผลคือโชคดีที่ไม่ได้รับผลกระทบใด ๆ แต่ถ้าไม่ทัน... คงต้องวัดดวงกันจากความร้ายแรงของอาวุธ และความไวของบุคคลนั้น เบาะ ๆ ก็แค่แผลเหมือนโดนน้ำร้อนลวก ขั้นสาหัสสากรรจ์คงไม่พ้นบาดแผลที่เอริมีอยู่ตอนนี้ ลักษณะคล้ายถูกไฟไหม้ผสมถูกสารเคมีจำพวกกรดหรือด่างลวก มีอาการปวดแสบปวดร้อน หนักหนาสุดคือแรงปะทะจากการระเบิดจนตัวกระเด็นออกมา

บาดแผลบนร่างกายเอริจัดอยู่ในความรุนแรงระดับ 2 จากทั้งหมด 3 ระดับ ค่อนข้างสาหัสพอสมควร ส่งผลให้ต้องพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาลประจำเมืองที่เธอไปช่วยผู้บริสุทธิ์นานถึง 3 วันเต็มก่อนออกมาดูแลด้วยตนเองต่อ

หากสงสัยว่าเหตุใดเอมิเลีย เรย์น่า และเฮย์ลี่ยอมให้เอริออกจากโรงพยาบาลก่อนเวลาอันควร นั่นเพราะทั้งสามคนต้องการให้เมย์ ผู้มีความเชี่ยวชาญการรักษาบาดแผลประเภทนี้เป็นคนรับช่วงดูแล

รู้อยู่เต็มอกว่าอาจารย์ของตัวเองเก่งในการรักษาบาดแผลจากเนรอนเทคโนโลยีชนิดหาตัวจับยาก ทว่าไม่กล้าไปให้รักษาให้ อย่าว่าแต่เรื่องรักษาเลย แม้แต่หน้า เธอยังไม่อยากโผล่ไปให้เห็นด้วยซ้ำ เอริปักใจเชื่อตั้งแต่วันที่ถูกไล่ออกจากบ้านว่าเมย์เกลียดเธอเข้าไส้ ไม่อยากเห็นหน้าค่าตากันอีกต่อไป

 


 

ชอบหรือไม่ชอบ อยากติชม หรือพูดคุยกับศรุตา เชิญได้ตามด้านล่างเลยค่ะ รออยู่นะคะ
Email: saruta.map@gmail.com
Facebook: https://www.facebook.com/saruta.map

สำหรับคนที่ไม่อยากรอ ต้องการอ่านแบบรวดเดียวจบ อุดหนุนศรุตาได้ตามนี้ค่ะ
The Last Love

 

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา