ถูกอัญเชิญไปต่างโลกด้วยความสามารถสุดเทพ

-

เขียนโดย CNS26

วันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2562 เวลา 21.50 น.

  6 ตอน
  0 วิจารณ์
  5,822 อ่าน

แก้ไขเมื่อ 20 มกราคม พ.ศ. 2562 11.35 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) 'ยูคิ เซทสึ'

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

    วันศุกร์คือวันที่ใครหลายๆคนรักมากที่สุดในสัปดาห์เพราะมันเปรียบเสมือน ‘วันศักสิทธ์’ ของ ‘ใครหลายๆคน’ เลย  แต่ก็อย่างที่ได้กล่าวไว้ ‘ใครหลายๆคน’ มันก็ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะชื่นชอบมัน  และหลังฐานก็คือ

“เฮ้ออออ...วันนี้อีกแล้วสินะ”

    เด็กหนุ่มวัย 17 ปีชั้นม.5กำลังบ่นสิ่งที่เขาคิดกับเพื่อนสนิทของเขา ‘ริว’ เมื่อได้ยินดังนั้นเขาเลยมองหน้า ‘เซทสึ’ สีหน้าบ่งบอกได้ถึงความทุกข์เหมือน ‘วันโลกาวิวัศ’ แล้วช่างคนละความหมายกับ ‘วันศักสิทธ์’ จริงๆ

“สวนกระแส?”

“ไม่ใช่โว้ย!”

    ริวได้ถามคำถามกับเซทสึ แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือการปฏิเสธเสียงแข็งทำให้ริวทำหน้างงยิ่งกว่าเดิมเสียอีกแล้วจึงเริ่มถามต่อ

“ถ้าไม่ทำไมถึงทำหน้างั้นวะ? วันนี้มัน ‘วันศักสิทธิ์’ นะเพื่อน?”

“นั้นแหละ ที่ไม่อยาก”

“ทำไมวะ...”

“นึกออกแล้วสินะ”

“ชิบหายแล้ว!!!แล้วทำไมนายถึงยังใจเย็นอยู่ละ?!”

“กูขอยอมรับชะตากรรมวะ”

“หึ้ย!นึกออกแล้วลาหยุดน่าจะทันอยู่นะ... ‘กริ๊ง’ ”

“…..”

“NOOOOOOOOOOO!!!  ไอ้ออดเวร”

     ช่วงแรกริวนั้นยังคงดีใจใน ‘วันศักสิทธิ์’ อยู่และพอได้ยินคำพูดของเซทสึแล้วหน้าของเขาก็ซีดขึ้นมาในทันที  แถมตอนนั้นยังเสนอให้หนีอีกด้วยสาเหตุคือ

“เอาละ ทุกคนนั่งที่ได้แล้วโฮมรูมเริ่มแล้วนะ”

“ไม่ทันแล้ววะเซทสึ”

“ทำใจสะเพื่อน”

     คนที่ยืนอยู่หน้าห้องคือ ‘อาจารย์คิมูระ’ ที่เป็นทั้งอาจารย์ที่ปรึกษาและอาจารย์สอนวิชาคณิตศาสตร์  เธอเป็นอาจารย์ที่เพิ่งย้ายเข้ามาเมื่อปีที่แล้ว 

     ส่วนสูงอยู่ที่ 170 ซม. ไว้ทรงผมโพนี่เทลล์มาพร้อมกับดวงตาที่เหมือนเหยี่ยวและหน้าอก

คัพ D ทำให้โดยร่วมแล้วออกมาเป็นอาจารย์สุดเท่ที่อยู่ฝ่ายปกครอง 

     เธอนั้นโดดเด่นตั้งแต่วันที่เธอมาทำงานที่โรงเรียนนี้ครั้งแรกแต่เราจะยังไม่ขอกล่าวถึงมัน 

เพราะมันไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้เซทสึกับริวกังวลแม้ว่าอาจารย์คิมูระจะอยู่ฝ่ายปกครองก็ตามสาเหตุมาจากการสอนที่ขึ้นชื่อของเธอ

“เอาละ  มาส่งการบ้านที่ครูสั่งตั่งแต่อาทิตย์ที่แล้วที่หน้าห้อง”

“!!!!!”

     ใช่แล้วอาจารย์คิมูระมีสไตร์การสอนที่นักเรียนเกือบทั้งโลกเกลียดก็คือการสั่งงานที่เยอะสุดๆ  ตามความคิดของคนภายนอกแล้วการที่ทำการบ้านไม่เสร็จภายในระยะ1สัปดาห์แล้วก็คงคิดว่าขาดความรับผิดชอบ  แต่เมื่อมาลองนั่งเรียนพร้อมกับโดนสั่งงานทุกๆสัปดาห์ด้วยปริมาณที่เห็นแล้วแถบจะเป็นลมเพราะนอกจากจะสั่งมากมายแล้วยังมีแต่โจทย์ยากๆทั้งนั้นเลยด้วย(ในความคิดของนักเรียนทุกคนที่เรียนกับอาจารย์คิมูระแล้วมักจะเกิดคำถามว่า “นี้มันใช่โจทย์ของม.ปลายเหรอ?”)  แล้วถ้าไม่ส่งการบ้านก็จะโดนทำโทษในแบบของอาจารย์ฝ่ายปกครองด้วย

     มันเลยทำให้ทุกคนได้ที่ทำตัวไม่ถูกเวลาบอกให้ส่งการบ้านเลยได้แต่เงียบๆและ ‘เตรียมกายเตรียมใจ’ ให้พร้อม 

      “เฮ้อ”  ถึงจะเป็นเพียงแค่การถอนหายใจของอาจารย์คิมูระแต่มันกลับมีพลังที่ทำให้คน  ‘เกือบทั้งห้อง’  สะดุ้งเลยที่เดียว  ตอนนี้ภายในใจของทุกคนคือ  “ใครมันจะไปทำทันเล้าครับ/ค่ะ!!!”  ก็เป็นเรื่องปกติมันคงจะมีแต่ยอดมนุษย์เท่านั้นแหละที่สามารถเคลียงานของอาจารย์คิมูระพร้อมกับอาจารย์ท่านอื่นๆ(แต่เมื่อเทียบกับอาจารย์คิมูระแล้วมันก็ไม่ต่างกับหินข้างทางเลย)  แล้วมันก็ดันมียอดมนุษย์อยู่จริงแถมยังอยู่ในห้องนี้อีกด้วยนั้นคือ

“อาจารย์ครับขออนุญาติส่งงาน”

“ขออนุญาติส่งงานค่ะ”

“ขออนุญาติส่งงานด้วยค่ะ”

     ‘ยอดมนุษย์’  ที่หมายถึงก็คือสามคนนี้มีชื่อว่า ‘ทาคากิ ไดซึเกะ’,‘อารารากิ ยูกะ’  และ ‘อาคิยามะ ชิโอริ’  งั้นเรามาเริ่มแนะนำทั้งสามคนจากความคิดเห็นของเซทสึ

       คนแรกคือ  ‘ทาคากิ ไดซึเกะ’  ถ้าให้พูดคงจะเป็น ‘มหาเทพลงมาจุติ’  เพราะว่าตัวของไดซึเกะนั้นสูงถึง 180 ซม. หน้าตาที่ดูหล่อเหลาและรับรู้ได้ถึงความอบอุ่น(ความคิดเห็นของผู้หญิง)กับร่างกายที่แค่มองดูก็รู้แข็งแกร่ง  ส่วนการเรียนของเขาก็อยู่อันดับ  ‘1’  ของชั้นมาโดยตลอด  ทางด้านกีฬาก็ไม่ได้ด่อยไปกว่าการเรียนเลยเพราะเขาเป็นถึงตัวแทนเคนโด้ระดับประเทศเลยที่เดียว  มันเลยทำให้เขาดังและป๊อปมากเลยทั้งในและนอกโรงเรียนถึงขนาดว่ามีนักเรียนหญิงโรงเรียนอื่นมารอหน้าโรงเรียนและสารภาพรักเลย  มันเลยทำให้นักเรียนชายคิดว่า  “นี้มันพระเอกในนิยายหรือการ์ตูนหรือไงฟระ”

       คนต่อมาคือ  ‘อารารากิ ยูกะ’  เธอมีส่วนสูง 175 ซม.  มีดวงตาที่คมกริบกับใบหน้าที่เรียวสวยงาม  ผมสีดำที่ยาวมาถึงแผ่นหลังแล้วเวลาเรียนหรือกีฬาเธอก็จะมัดผมเป็นทรงโพนี่เทลล์สัดส่วนของเธอนั้นอยู่ในระดับที่แค่มองด้วยตาเปล่าก็สามารถดูออกว่าเธอเป็นคนที่สุดยอดขนาดไหนแต่ไม่มีใครรู้สัดส่วนเลยไม่สามารถเปิดเผยได้  ถ้าพูดถึงโดยร่วมแล้วเธอมีอะไร ‘หลายๆอย่าง’ คล้ายอาจารย์คิมูระถึงขนาดมีคนพูดว่า  “พี่น้องต่างสายเลือด?”  แล้วก็จะโดนทั้งอาจารย์คิมูระและยูกะมองด้วยสายตาที่เย็นชาใส่  ส่วนตัวของยูกะนั้นก็มีผลการเรียนที่ยอดเยี่ยมไม่แพ้ไดซึเกะทำให้บางครั้งเธอก็เป็นที่1พร้อมกับไดซึเกะแต่ส่วนใหญ่เธอจะได้ที่2สะมากกว่า  ส่วนด้านกีฬานั้นที่บ้านของเธอเปิดสำนักสอนเคนโด้  ‘อารารากิ’  ตั้งแต่สมัยรุ่นทวดมีจุดเด่นตรงที่พริ้วไหวดั่งสายน้ำแต่กลับล้ำลึกเหมือนก้นมหาสมุทร  แล้วยังเป็นเพื่อนสมัยเด็กของไดซึเกะจากการที่เขามาเรียนเคนโด้ที่สำนักของเธอตั่งแต่สมัยเด็กอีกด้วย  ด้านเคนโด้เธอก็ได้รับรางวัลชนะเลิศยูโดระดับประเทศมาแล้ว  แต่พ่อของเธอก็ไม่ได้สืบทอดเจ้าสำนักเพราะเขามาทำธุรกิจส่วนตัวในชื่อ ‘อารารากิ จำกัด’ แต่เราจะเอามาพูดกันในอนาคต  มันเลยทำให้เธอนั้นดังและมีคนชอบทั้งในและนอกโรงเรียนเหมือนกับไดซึเกะ  และถ้าไดซึเกะคือเทพส่วนเธอคงจะเป็นซามูไรนั้นเอง(จากลักษณะภายนอกของเธอ)

       ส่วน ‘อาคิยามะ ชิโอริ’ ถ้า ‘เพื่อนสมัยเด็ก’ ทั้ง 2 ของเธอคือเทพ และ ซามูไร เธอก็จะเป็น ‘เทพธิดา’ ตัวเธอนั้นมีส่วนสูงอยู่ที่ 170 ซม. ทำให้เธอตัวเล็กที่สุดในกลุ่ม  ดวงตาอ่อนช้อยแสดงถึงความอบอุ่นและอ่อนโยนกับใบหน้าที่เรียวสวยเข้ากับดวงตา เธอปล่อยผมยาวสีดำยาวลงมาถึงเอว ด้านการเรียนและกีฬาเธอนั้นด้อยกว่าทั้งไดซึเกะและยูกะ เพราะอย่างนั้นเธอเลยได้ที่รองจากยูกะเสมอแต่เธอก็ไม่เคยใส่ใจเพราะเธอนั้น “ทำสุดความสามารถแล้ว” คือสิ่งที่เธอบอกตอนมีคนมาถามความรู้สึกของเธอ ด้านกีฬาเธอนั้นแตกต่างจากทั้ง 2 คน เพราะเธออยู่แค่ในระดับปกติเท่านั้นส่วนเรื่องราวในการพบเจอกันก็จะเว้นไว้ก่อน  เพราะจุดเด่นจริงๆของเธอก็คือความใจดีและความเอาใจใส่ผู้อื่นเพราะว่าเธอจะยิ้มแย้มทุกครั้งที่มีคนมาคุยด้วยแถมเวลามีคนเอางานมาให้เธอทำเธอก็ไม่บ่นสักคนพร้อมกับทำด้วยความเต็มใจและก็จะพูดว่า “ไม่เป็นไรหรอกนะถ้าฉันช่วยได้ฉันก็อยากที่จะทำมันนะ” ช่างเป็นเทพธิดาอะไรอย่างนี้!  เธอให้ความรู้สึกที่ ‘แตกต่าง’ จากทั้ง 2 คนโดยสิ้นเชิง ด้วยลักษณะโดยร่วมแล้วทำให้เธอก็เป็นที่ต้องการจากนักเรียนชายในโรงเรียนในโรงเรียนอย่างมากล้นด้วยเช่นกัน

“สุดยอดเลยน้า~ 3 คนนั้นนะ”

“ใช่แล้วโดยเฉพาะยูกะซังกับชิโอริจังนี่สุดยอดเลยละ”

“หยาบคายย่ะ!ไดซึเกะคุงต่างหากละที่สุดยอด”

       นี้คือบทสนทนาที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่ทั้ง 3 คนออกมาส่งงานกับอาจารย์คิมูระทางฝั่งนักเรียนชายก็จะคอยชม (ออกไปทางจีบแต่ทั้ง 2 คนไม่สนใจ)ยูกะและชิโอริ  ส่วนฝั่งนักเรียนหญิงก็จะคัดค้านแล้วพูดถึงไดซึเกะ  มันเป็นเรื่องที่ปกติจนอาจารย์คิมูระมักจะทำหน้าไม่สนใจแต่ในที่นี้ก็ไม่ได้มีแต่อาจารย์คิมูระเพราะยังมีอีก 2 คนที่เป็นเหมือนกันและแน่นอนว่านั้นคือ

“เฮ้อ~นี้จะพูดประโยค ‘เดิม’ จนจบการศึกษาเลยรึไงกัน?”

“กูขอเป็นคนหนึ่งที่ภาวนาว่าอย่าเลยได้โปรด”

       ช่างแตกต่าง!!!ทั้งๆที่ทั้งโรงเรียนนั้นต้องคิดอย่างอย่างเดียวกันแต่กลับมี ‘3 คน’ เท่านั้นที่แตกต่าง  จนอยากจะพูดว่าสปีชีย์เดียวกัน?เลยที่เดียว  หรือว่านี้จะเป็น ‘นักสวนกระแสระดับชาติ!’ แต่เรื่องนั้นมันไม่จำเป็นเลยไม่ขอกล่าวละกัน  ถ้าพูดถึงเหตุผลของอาจารย์คิมูระก็คงจะเป็นเพราะเธอค่อนข้างเคร่งคลัดก็เลยไม่สนใจบทสนทนาอัน ‘น่าเบื่อ’ นี้(อาจารย์นั้นห้ามแล้วห้ามอีกจนขี้เกียจแล้วนั้นแหละ)  ส่วนทางเซทสึกับริวก่อนอื่นก็คงต้องบอกว่าพวกเขานั้นเป็น ‘ผู้ชายแท้’ แน่นอน 100%!!!  แต่สิ่งที่แตกต่างจากคนอื่นคือความรู้สึก ‘ชอบ’ ยูกะและชิโอริถึงแม้พวกเขาจะมองว่ายูกะนั้นเท่และสง่างามส่วนชิโอรินั้นทั้งสวยและใจดีแต่พวกเขาก็ไม่มีความรู้สึก ‘พิเศษ’ ต่อทั้ง 2 คนอยู่ดีสาเหตุก็มาจากที่พวกเขานั้นไม่ได้มีความสัมพันธ์กับทั้งห้อง ‘โดยเฉพาะ’ กลุ่มของ ‘3 คนที่เป็นที่ชื่นชอบเป็นพิเศษ’  เลยเพราะพวกเขานั้นชอบความสงบเลยไม่ค่อยพูดคุยกับคนอื่นเท่าไหร่แม้แต่คนที่นั่งใกล้ๆยังมีบทสนทนาอันน้อยนิดเท่านั้น  ทำให้สถานะของพวกเขากับคนในห้องคือ ‘เพื่อนร่วมชั้น’ เท่านั้น

       แต่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญเพราะเซทสึได้รู้ถึงความ ‘ผิดปกติ’ ของอาจารย์คิมูระเพราะโดยปกติแล้วเธอจะเริ่มบอกให้คนที่ไม่ส่งการบ้านออกมาทำโทษแต่ตอนนี้กลับทำท่าครุ่นคิดอะไรสักอย่างอยู่  เมื่อเพื่อนร่วมชั้นสักเหตุก็เริ่มเหงื่อแตกและคิดว่า “อย่าบอกนะว่าจะทำโทษโหดกว่าปกติ!!!”  แต่สิ่งที่พวกเขาคิดก็ถูกปัดทิ้งไปแล้วแทนที่ด้วยควมสบายใจ  เพราะดูเหมือนว่าอาจารย์คิมูระจะเขาใจคำว่า ‘วันศักสิทธิ์’ แล้ว!!!

“เฮ้อ~เอาละหลังจากที่อาจารย์ดูปฏิกิริยาของพวกเธอร่วมถึงห้องที่ครูได้สอนทำให้คิดได้ว่าอาจารย์อาจจะเห็นแก่ตัวไปหน่อย  หลังจากนี้ครูจะสั่งการบ้าน ‘น้อยลง’ และให้โจทย์ที่ ‘ง่ายขึ้น’ ละกัน  ขอโทษนะเป็นเพราะอาจารย์เพิ่งเขามาสอนปีแรกขอสัญญาว่าจะพัฒนาให้สามารถสอนได้มีประสิทธิภาพกว่านี้”

“!!!”

“หือ?”

“เย้~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~!!!!!!!!!!!!”

“ ‘วันศักสิทธิ์’ จงเจริญโว้ยยยยยยยยยย!!!!!!”

“น้ำตาจะไหลขอแชร์นะค่ะ”

“ขอขอบคุณเทพเจ้าทุกองค์บนโลกใบนี้”

“เห้ยๆ!!! มึงดูดิกูขนลุกไปทั้งตัวเลยวะ”

“เหมือนกันเลยวะหรือว่านี้จะเป็นความฝัน!!! ถ้าเป็นงั้นขออย่าตื่นอีกเลยนะขอร้องละ”

       ถึงอาจารย์คิมูระจะเขาใจถึงความรู้สึกดีใจ  แต่เธอก็กระตุกแก้มทุกครั้งที่นักเรียนบรรยายความรู้สึกอออกมา  แล้วเธอก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆและรอให้ทุกอย่างสงบลงก่อนค่อยเริ่มการสอน

       ใช้เวลาไม่ถึง 1 นาที นักเรียนทุกคนก็กลับสู่ความสงบ  ส่วนสีหน้าในตอนนี้นั้นกำลัง ‘ยิ้ม’ อยู่!!!  ซึ่งมันไม่เข้ากับวิชาคณิตศาสตร์เลยสักนิด  ทางด้านของเซทสึกับริวนั้นก็กำลังยิ้มอยู่แต่ไม่เท่าเพื่อนร่วมร่วมชั้น  ถ้าให้พูดก็คงแค่ ‘ยิ้มมุมปาก’ ไม่ใช่ ‘ยิ้มแบบมองเห็นความสงบสุขของโลกหลังจบสงคราม’ นับว่าเป็นการเรียนที่มี ‘ความสุข’ ที่สุดตั้งแต่เรียนมา

       ถึงแม้อาจารย์คิมูระจะกำลังสอนแล้วพยายามไม่สนใจ  แต่ก็มีอาการ ‘กระตุกทุกครั้งที่หันมามอง’ แต่ก็ทำได้เพียงพูดในใจว่า ‘อย่าสนใจๆ’ ต่อไป

       ความจริงแล้วหลังจากนั่งเรียนกันก็มีการกระซิบกระซาบถึง ‘การเปลี่ยนแปลง’ ของอาจารย์บางคนก็พูดว่า “หรือว่าอาจารย์แกป่วยวะ?” หรือกระทั่ง “แกอาจเจอคนที่ใช่แล้วหรือเปล่า?” แต่ไม่ว่าจะเป็นอันไหน(โดยเฉพาะอันหลัง)ถือว่าเป็นคำที่รุนแรงอย่างมากเลยโดนอาจารย์แกจ้องมาด้วยสายตาว่า “อยากนอนโล่งเย็นไหม?”  แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถหยุด ‘รอยยิ้ม’ ของทุกคนได้

‘อะไรนะ?’

       ในระหว่างที่เซทสึกำลังตั้งใจเรียนที่สุดตั้งแต่ขึ้นม.ปลาย มานั้นเขาก็สังเกตเห็นวงกลมสีขาวอันเล็กอยู่กลางห้องเมื่อสังเกตดีๆจะพบกับภาษาที่แปลกปละหลาด  ในขณะที่เขากำลังมองมันอยู่นั้นสิ่งนั้นก็เริ่มขยายออกและเริ่มมีรูปเรขาคณิตปรากฎณ์ขึ้นมาพร้อมกับตัวหนังสือที่แค่มองดูก็รู้ว่าละเอียดขนาดไหน

“อะไรวะนั้น?!”

“เห้ย! มันกำลังขยายใหญ่ขึ้น!”

       ทุกคนเริ่มสังเกตเห็น ‘สิ่งนั้น’ ขยายไปทั่วห้อง  ด้วยความตกใจทำให้นักเรียนหลายคนเริ่มอุทานขึ้นมาด้วยความตกใจและเริ่มแตกตื่นลุกขึ้นจากที่นั่ง

       ในวินาทีที่อาจารย์คิมูระสังเกตุเห็นก็แสดงสีหน้าออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มสั่งให้นักเรียนรีบออกจากห้อง  แต่มันสายเกินไปแล้วสิ่งนั้นกลับขยายตัวอย่างรวดเร็วกว่าเดิมหลายเท่าและส่องแสงสว่างขนาดที่ว่าถ้าไม่หลับตาอาจทำให้ตาบอดได้สิ่งที่เหลือหลังจากนั้นคือห้องที่ไม่เหลือคนอยู่เลยสักคน

       หลังจากสิ่งนั้นหรือก็คือ ‘วงเวทย์’ ก็หยุดปล่อยแสงมันค่อยๆหดเล็กลงและกลับไปเท่ากับวงกลมในตอนแรกและค่อยๆสลายไปอย่างช้าๆ

*

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา