Secret Love ลิขิตรัก

-

เขียนโดย PMIX

วันที่ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 เวลา 14.06 น.

  12 ตอน
  0 วิจารณ์
  10.93K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 3 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562 14.29 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) ดั่งมีม่านกั้นใจ /2

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

       

 

 

                      ท้ายสุด ชื่นกมล ก็ตามแดนดนัยมาถึงหอพัก สูงยี่สิบกว่าชั้นทาสีฟ้าสลับน้ำเงินตั้งอยู่ไม่ไกลนัก
             

       บริเวณนั้นร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ และสวนหย่อมที่มีดอกเข็มสีแดงสีส้มและชาทองสลับกัน มีม้านั่งหินอ่อน อยู่ใกล้ๆ น้ำพุรูปปั้นปลาพ่นน้ำอยู่ ใต้อาคารมีร้านอาหารสองร้าน และร้านเสริมสวย ร้านรับซักรีดเรียงกันไป

                 
                       
        "เป็นไงบ้างครับ?”แจ่มใสหันไปทางคนทัก ส่งยิ้มให้เขาแทนคำตอบ

         "น้องแจ่มไปดูตัวอย่างห้องพี่ก็ได้นะ ถ้าไม่รังเกียจ”

                    

                     
 "จะดีเหรอคะ?” เธอรู้สึกตะขิดตะขวงใจ แต่เอาเข้าจริงก็ได้แต่ตามหนุ่มรุ่นพี่ต้อยๆ

                   
                


        "ถ้าน้องแจ่มไม่สบายใจเปิดประตูห้องทิ้งไว้ก็ได้ ครับ”






            
 ห้องชายหนุ่ม..
    จัดไว้เป็นระเบียบเรียบร้อยกว่าที่เธอคิด โทรทัศน์จอยี่สิบเก้านิ้ว ตั้งวางบนโต๊ะปลายเตียงโครงเหล็ก ตู้ไม้ขนาดกลาง โต๊ะหนังสือจัดไว้มุมหนึ่งใกล้ๆกับโต๊ะคอมพิวเตอร์ และมีโต๊ะเขียนหนังสืออีกชุด ฟากตรงข้ามกัน ทุกสิ่งล้วนดูเป็นระเบียบเรียบร้อย

              

      
"ห้อง เย็นดีนะคะ เปิดแอร์ทิ้งไว้เหรอคะแจ่มใสพูดพร้อมกับเดินดูไปรอบๆ ก่อนสายตามาสะดุดที่ชายหนุ่มนั่งปลายเตียง ดูสะดุ้งนิดๆ
      
    เมื่อสายตาเธอ มาปะทะกับสายตาที่เขากำลังมองเธออยู่ด้วยสีหน้าที่เธอเองไม่เคยเห็น ก่อนจะเปลี่ยนเป็นยิ้มสดใส

                  
                       
    "อ๋อครับ พี่ลืมปิดแอร์นะจ๊ะ”เขายิ้มน้อยๆ

                      




       "เปลืองไฟนะคะ ควรจะปิดนะคะ” หลุดปาก ไม่ทันยั้งคิด.. ว่าไม่ใช่กงการของเธอ แต่ชายหนุ่มไม่ได้มีสีหน้าโกรธขึงอย่างที่วิตก

              
                        


        "ครับผม คราวหน้าพี่จะปิดครับ ขอบคุณนะครับที่เป็นห่วงพี่เขายังยิ้มออก จึงนึกโล่งใจ

                      
                     


          
       "ตึกนี้เป็นห้องแอร์หมดเลยหรือค่ะ คงแพง!!”เธอว่าทั้งที่ยังกวาดสายตา

        

                

          "ก็ไม่แพงเท่าไหร่นะครับ สามพันห้าร้อยบาท ต่อเดือน”เสียงนั้นว่าฟังสดใส เธอหันมามองเขายิ้มตอบ ยิ้มที่ส่งมาอยู่ก่อน

              
                 

                                     

       "เหรอค่ะ?” หล่อนกวาดตาไปรอบห้องอีกครั้ง

     "นี่ ถ้าเป็นที่เชียงใหม่อย่างดีคงแค่.. พันกว่าๆ เธอเสนอความคิด ชายหนุ่มยิ้ม
          
             
             
   “ใช่ครับ แต่ที่นี่ ราคานี้ก็ถือว่าไม่แพงนะครับ เพราะค่าครองชีพที่นี่ต่างจากบ้านเรามากนะครับ น้องแจ่ม”
    เธออยากจะแย้งแต่ก็ไม่อยากสืบความให้ยาวไป จะเป็นการเสียมารยาทกับคนที่เพิ่งจะรู้จัก

            
        "ตกลงว่าไงครับ!..สนใจไหมครับ น้องแจ่ม?” แจ่มใสทำท่าคิดไปงั้นๆ

                 
                       



       "ยังไง..ต้องขอไปดูหอพักหญิงอีกทีนะคะ!” เธอสังเกตุเห็นสีหน้าฝ่ายถามสลดลงไปเล็กน้อย

                 
                           

                             

         "อ๋อครับ!.. แล้วแต่คนอยู่ครับ”ชายหนุ่มยิ้มบางๆ
                     
                 
     
                        และดูไม่สดใสเหมือนที่เคย

                                                
                                @@@@@@@@@@@@@






 

        
     
     ชื่นกมล นำเรื่องมาปรึกษาป้าอิ่มใจ

         
       "แกก็อยู่หอเดียวกับพ่อดนัย..ก็ดีแล้วนะฉันว่า!”ป้าทรุดลงนั่งบนเตียง เธอก็เดินมานั่งตาม

                        
 
                                

        "มันแพงนะจ๊ะป้า มีแต่ห้องแอร์เท่านั้น ถ้าเป็นบ้านเราอย่างดีก็ไม่เกินพันห้า” ว่าพรางทำจมูกย่น

                     



      
       "ก็นี่มันกรุงเทพ จะให้เหมือนบ้านเราได้ยังไง แกนี่” ว่าว่าคิ้วย่นบ้าง เธอเองเถียงไม่ออกไม่ออก

                 


                                 
        นี่ตกลงป้าน่าจะเป็นป้าของรุ่นพี่นั่น มากกว่าจะเป็นป้าเรา แม้แต่ความคิดก็ยังเหมือนกันอีก

          
                   


      ป้ายังมองสู้ตา  "โธ่!เอ้ย~....นิดหน่อยน่า ฉันมีปัญญาส่งหลานสาวคนเดียวของฉันหรอก อย่าไปคิดมากเลย” แกว่า ถอนหายใจ
      
      
     “อีกอย่างพ่อดนัยเขาอยู่ที่นั้นด้วย ไอ้ฉันเองก็จะได้หมดห่วงแก”แกยกมือขึ้นกุมมือเธอ

                                   



                        
         "เอ๊ะป้า!!....นี่แจ่มถามจริงๆ เหอะ ทำไมถึงอยากจะให้แจ่ม ไปสนิทสนมกับเขานักนะล่ะจ๊ะ ไม่หวงไม่ห่วงหลานเลยหรือไง?เธอหันมาทั้งตัวเพื่อสังเกตุอาการป้า
                          




          ป้าอิ่มใจ นิ่งไม่ตอบ หลานสาวแสร้งทำเป็นงอน

             ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

           

 

 

                          พระอาทิตย์สาดแสงจ้า ฝุ่นตลบไปทั่วบริเวณสนาม นักศึกษาเข้าใหม่ต่างวุ่นหาคณะของตนเอง

             
    รุ่นพี่แต่ล่ะคณะร้องตะโกนเสียงหลงเพื่อเรียกน้องๆในคณะมารวมกัน หลังจากที่ปฐมนิเทศช่วงเช้า เสร็จสิ้นลง

          

    ไม่รีรอรีบมาดักพบน้อง บ้างเมื่อได้น้องครบก็พากันลงกลางสนาม บ้างก็ใต้ร่มไม้ใหญ่

            
         

     ชื่นกมล ประภากร ออกจากห้องประชุมก็มองหาป้ายคณะ ที่แดนดนัยบอกที่นัดวันนี้เอาไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ชายรุ่นพี่ยืนถือป้าย ‘คณะมนุษยศาสตร์’ฟากหนึ่งของห้องประชุม มองเห็นแต่ไกล รอบล้อมด้วยนักศึกษาชายหญิงกลุ่มใหญ่
             
             

     เธอเบียดกลุ่มคนที่ยังคงหาคณะของแต่ละคน เพื่อไปยังกลุ่มเพื่อนคณะของเธอ
            

               
   แจ่มใส กวาดสายตาไปรอบๆ จนสายตาไปสะดุดเข้ากับสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม ปากแดงนั้นยืนไม่ห่างจาก แดนดนัยนัก ไม่ต้องนึกเธอก็จำได้ พยายามหลบหลังคนนั้นทีคนนี้ที เพื่อไม่อยากให้สาวผมเปียสังเกตุเห็นในเวลานี้ และภาวนาอยู่ในใจลึกๆให้สาวเปียจำเธอไม่ได้

       
             
    ส่วนหญิงสาวคนนั้น มัวคุยหัวเราะคิกคักอยู่กับสองสาวท่าทางปราดเปรียวอย่างออกรสออกชาติ  สาวหนึ่งนุ่งกระโปรงค่อนไปครึ่งขา ส่วนอีกสาวเสื้อของหล่อนรัดแทบปริเลยทีเดียว

            
                         

        "เธอ เธอ...ชื่ออะไร หนะ?”

        
    แจ่มใส เหลียวหลังไปทางข้างหลังเจ้าของเสียงหวานกำลังสะกิดเธอยิกๆ เจ้าของเสียงนั้นเป็นหญิงสาวรูปร่างเพรียว ผอมบาง หน้าใสอย่างเป็นธรรมชาติ ส่งยิ้มมาให้ซะหวานจ๋อย  จนอดจะยิ้มตอบไม่ได้

                
                           

          "สวัสดี ฉันชื่นกมล ชื่อเล่นแจ่มใสจ๊ะ เรียกแจ่มเฉยๆก็ได้”เธอว่า ฝ่ายนั้นยิ้มกว้างกว่าเดิม ท่าทางตื่นเต้น

                  
                             


       "เค้าชื่อพิณหทัย” หน้านั้นยังส่งยิ้มไม่หุบ
  
    “เรียกเค้าว่าพิณก็ได้นะ”

                  
             
    หญิงสาวชื่อพิณหทัย สอดส่ายสายตาไปมา ก่อนจะยิ้มกว้างไปทางชายคนหนึ่ง พร้อมกวักมือเรียกอย่างคุ้นเคย

                      
                             


         "การณ์.. การณ์มานี่สิ” หนุ่มที่ถูกเรียก อยู่ไม่ไกลมาก กำลังคุยอยู่กับชายหนุ่มกลุ่มหนึ่งอยู่ หนุ่มที่ชื่อการณ์เป็นคนสูง หุ่นดี หน้าตาจัดว่าหล่อเข้มทีเดียว ชายหนุ่มยิ้มเขินๆ ก่อนเดินมาหาอย่างเชื่องช้า

             
    
     "แจ่มจ๊ะ!..นี่พิธานหรือจะเรียก.. การณ์ ก็ได้!” หล่อนเกาะแขนชายหนุ่มอย่างสนิทสนม “การณ์นี่แจ่ม”

           

                        


       "สวัสดีครับ ยินดีที่รู้จักนะครับ” ชายหนุ่มค้อมหัวนิดๆ หน้านั้นดูแดงระเรื่อ หูนั้นแดงไม่แพ้หน้า แจ่มใสยิ้มตอบรับไมตรีจิตของทั้งคู่

                 
                         



       "อ้อ เธอ นี่เองเหรอนึกว่าใครซะอีก?”เสียงแหลมเล็กคุ้นหูดังมาไม่ไกลจากเธอ
        
         
   แจ่มใสหันไปแทบจะพร้อมๆกับพิณหทัย พิธาน และชายหญิงอีกสามคนที่ยืนอยู่ไม่ไกลนักแล้ว ตอนนี้

                      
       "นี่ เธอเรียนคณะนี้กับเขาด้วยเหรอ”หญิงสาวทำสีหน้าเหยียด ลูกสมุนสองคนของหล่อนทำตามอย่างจงใจ แจ่มใสจำได้ดี เป็นสองสาวกลุ่มเดียวกับที่ขับรถแทบจะชนเธอกับป้าวันนั้น

                 

      "โลกมันช่าง....กลมจริงๆ!!” ฝ่ายนั้นจีบปากจีบคอพูด

               

                 
    "นั่น.. หนะสิ! เหมือนนิยายน้ำเน่า.. ถ้าจะให้เน่ากว่านี้เธอก็คงเรียนคณะนี้ล่ะสิ?”แจ่มใสว่าอย่างเหลืออด
          

             
    พิณหทัยทำสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก พิธานมองดูสองสาวเลิกลักอย่างงง งวย พอๆกับคนที่เริ่มมารุมสนใจพวกเธอแล้ว

                    

                   

     
       "ก็แน่ล่ะสิ ไม่น่าถามอะไรเสล่อๆ.. เลยนะ!!”พูดพร้อมกับหัวเราะอย่างน่าเกียจ สองสาวข้างๆเธอหัวเราะตาม หน้าอื่นๆยังดูงงกับเหตุการณ์

                    



   
       "แล้วเมื่อกี้ใครมา..เสล่อถามฉันก่อน?” แจ่มใสชักเดือด ฝ่ายนั้นหุบยิ้มแทบไม่ทัน สองสาวหน้าเจือนไปเล็กน้อย

         
    "นี่เธอยังปากดีเหมือนเดิมเลยนะ”

                 
                               



        "ปากฉันน่ะมันดีอยู่แล้วแหละ แต่ปากเธอนะสิมันแย่” แจ่มใสเริ่มรู้สึก หูร้อน ไม่ได้สนใจใครอีกแล้วในตอนนี้ ฝ่ายนั้นคงจะเหมือนกัน   ถึงได้ง้างมือเหมือนจะฟาด คงคิดว่าวันนี้หล่อนมีสองสาวกองหนุน

                

        "อ่ะ..อย่านะ!! ฉันก็มีมือนะ”แจ่มใสว่า หล่อนลดมือลง ทำท่าไม่พอใจอย่างเด็กยามไม่ได้ของเล่นที่อยากได้

        
           

     เธอพึ่งสังเกตว่าทุกคนในคณะต่างมามุงดูเป็นกลุ่มใหญ่เหมือนรุมดูโชว์ที่หน้า ตื่นตาตื่นใจ แดนดนัยถือป้ายคณะแทรกตัวเข้ามากลางวงกับรุ่นพี่อีกสามคน

            
                     
      "อะไรกันครับเนี้ย?” แดนดนัยมองเธอ และสาวผมเปียไปมา

                         


       "ก็แม่คนนี้น่ะสิคะ! เดินชนหนูเมื่อวันลงทะเบียน”หญิงสาวผมเปียทำท่าสำออย

                               



      "ฉันขอโทษเธอไปแล้วนี่นา!!" แจ่มใสค้าน

             
                                 

                                
       "เธอเดินหนีฉันไปเลย ไม่ใช่เหรอ?" หน้านั้นลอยหน้าลอยตาว่า

              
                             

       "นี่เธอ!!...”แจ่มใสแทบพูดไม่ออก เพราะคิดไม่ทันซะแล้ว

              

     "วันนี้ฉันก็แค่จะมาทักทายแค่นั้น เธอก็โมโหใส่ฉัน”ฝ่ายนั้นทำเป็นตีหน้าเศร้า

       
     แจ่มใส ยังคงหน้าชาฟังฝ่ายนั้นว่า ท่าทางหล่อนไม่ได้เป็นดังพูด ใครๆก็คงดูออก เธอคิด โดยเฉพาะพิณหทัยที่ตอนนี้อ้าปากหวอ พิธานส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อหู

                 
                     


       "เออ.. พี่ว่าน้องแจ่มกับน้องวรรณ มาจับมือเป็นเพื่อนกันดีกว่านะครับ ถึงยังไงก็ต้องเรียนร่วมกันอยู่แล้ว” แดนดนัยทำตัวเป็นพระเอกห้ามทับ

                       

      "ที่ ผ่านมาก็ให้มันแล้ว แล้วกันไปเถอะนะครับ

             
    เธอรู้สึกแปลกๆ.. ที่เขาไม่ได้เข้าข้างเธออย่างที่แอบหวังไว้ลึกๆ ตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไม ชอบเขาหรือ ไม่น่า ตอบตัวเองได้อย่างชัดเจน.. แต่มันเป็นความรู้สึก ที่ว่าไม่ได้มีความสำคัญไปกว่าวรรณณีเลยหรือทั้งเธอเป็นฝ่ายเจอเขาก่อน
         

    แต่นี่..กลับมีความสำคัญเท่ากับเด็กสาวคนที่เขาพึ่งเจอกันเป็นวันแรกเลยหรือ เธอยังวางตัวแย่ ฝ่ายนั้นก็เช่นกัน หล่อนยังคงทำหน้าเชิด ให้ดูระหงที่สุด

             
                        


        "ไม่ค่ะ!! จนกว่าแม่นี่ จะขอโทษหนูก่อน” หล่อนลอยหน้าว่า

                         



                       
        "ฉันก็บอกแล้วไง ว่าฉันขอโทษเธอไปแล้ว ในส่วนที่ฉันเดินไม่ดูทาง แต่เธอก็วิ่งมาชนฉันเอง ฉันไม่ขอรับผิดชอบในส่วนนั้น”เธอพยายามคุมเสียงและอารมณ์

                  



         "นี่เธอ..” ฝ่ายนั้นกัดริมฝีปากแน่นถมึงตา ที่กลมโต ให้โตขึ้นได้อีก

                      



    
       "พอเถอะครับ พอเถอะทั้งคู่" แดนดนัยทำเสียงดุ เป็นครั้งแรกที่แจ่มใสเห็นใบหน้าที่ไม่ยิ้มของแดนดนัย มันเป็นหน้าที่หน้ากลัวอย่างบอกไม่ถูก

             

     หญิงสาวฝั่งตรงข้าม ดูตกใจ เธอเองก็เหมือนกัน เธอไม่คิดว่าแดนดนัยจะมีมุมนี้ ด้วย เขาดูไม่เหมือนแดนดนัยคนที่เธอคุ้นเคย ฝ่ายนั้นดูจะเกรง และสะบัดหน้าล่าถอยอย่างทิ้งลาย

            
                      


         "เอาล่ะนะครับ” รุ่นพี่ชายคนหนึ่งยกโทรโข่งขึ้นมาประกาศเสียงก้อง

                         

      "ก่อน แยกย้ายกันทานข้าว พี่จะให้โอกาสทุกคนได้รู้จักกันโดยการที่พี่ๆจะแจกกระดาษให้ ให้น้องๆหาชื่อเพื่อน โรงเรียนเดิมให้ได้เยอะที่สุด แล้วตอนบ่ายพี่ๆจะมีกิจกรรมให้ได้ทำร่วมกันเกี่ยวกับรายชื่อที่ได้มา”
    
      



    แจ่มใส เริ่มทักทายเพื่อนๆ ซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้หญิงเสียเยอะ อดเหลือบมองไปที่สาวเปียไม่ได้ฝ่ายนั้นก็คงเช่นกันจึงเหลือบเห็น ตาเขียวปั้ด ส่งมาให้ เป็นระยะๆ

      
                 

    หลัง รับประทานอาหารเที่ยงที่เป็นข้าวกล่อง โดยที่เธอมีพิณหทัย พิธานและ เพื่อนใหม่อีกกลุ่มหนึ่งมานั่งทานด้วย ฝ่ายสาวเปียยังคงจับกลุ่ม ซุบซิบอยู่กับสองสาวเพื่อนตัวแสบของหล่อนอยู่

         
             
    กิจกรรม ช่วงบ่าย เป็นการแนะนำตัวกับเพื่อนๆ อย่างเป็นทางการ เมื่อเธอแนะนำตัว เธอเหลือบเห็นทั้งสาวสาวนั่งหัวเราะคิกคักอย่างน่าเกียจ
          

           

    หลายคนที่นั่งข้างดูจะเอือมกับพฤติกรรมของทั้งกลุ่ม เพื่อนๆในคณะเดียวกันต่างทยอยแนะนำตัวให้เพื่อนร่วมชั้นปีและรุ่นพี่ได้รู้จัก เมื่อถึง คราวของวรรณณีหล่อนลุกขึ้นเชิดอย่างระหง แนะนำตัวอย่างภาคภูมิใจกับตระกูล อริยภาส ของหล่อนซะเต็มประดา

         
    สองสาวก็ไม่แพ้กัน สายตาเหมือนดังเหยี่ยวที่จะคอยจ้องเหยื่อ และเธอเองดูจะเป็นเหยื่อให้กลุ่มสามสาวได้อีกพักใหญ่หลังจากนั้น

            

 
    แสง แดดเริ่มจัดจ้าในตอนบ่ายแก่ๆ กิจกรรมหลังจากนั้นแทบไม่มีความหมายนัก มีแค่การให้เข้ากลุ่มย่อยๆ เพื่อทำความรู้จักกัน แดนดนัยเองก็ดูจะใส่ใจเธอน้อยลง หรือเพราะสาวผมเปียที่ดูจะทำตัวสนิทสนมกับเขาจนออกนอกหน้า

  นานๆทีแดนดนัยจึงจะหันมาสนใจ และสิ่งยิ้มมาให้เธอ แต่มักจะตามมาด้วยสายตาเขียวปั๊ด ของสามสาว

       
             

    กิจกรรม ร้องเพลงผ่านไปจนเย็น แจ่มใสแอบชำเลืองไปที่วรรณณี สายตาของสาวตาโตจับจ้องที่แดนดนัยไม่วางตา และเธอเองก็ไม่ลืมที่จะสังเกตท่าทีของชายหนุ่มรุ่นพี่ เขาทำตัวได้เท่ห์ที่สุดในกลุ่มรุ่นพี่ทั้งหมด
        
           
   พี่อี๊ด รุ่นพี่ร่างอวบท่าทางห้าว เรียกวรรณณีออกไปเต้นร่วมกิจกรรม หล่อนกลับทำเป็นเฉย หูทวนลมอย่างนั้น สาวรุ่นพี่คว้าโทรโข่งย่างสามขุมผ่ากลางวงมาที่นั้น

            

                         
       "ออกไปเต้นเดี๋ยวนี้” หล่อนยื่นโทรโข่งตะเบงเสียงดัง วรรณณีมีท่าทางไม่พอใจรีบลุกปัดก้นเดินห่างออกไปจากวง มีสองสาวลูกคู่ตามไปด้วย
   
   



        ทุกคนต่างอึ้งกับเหตุการ์ณที่เพิ่งผ่านไปในไม่กี่วินาทีนั้น

         
       ๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑


    
         


 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา