เทพตกสวรรค์ ทัณฑ์นิรันดร์กาล

9.3

เขียนโดย 秋冬夢春

วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2562 เวลา 22.05 น.

  14 ตอน
  2 วิจารณ์
  17.21K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2565 18.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

2) แรกพบ 1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

         ณ ตำแหน่งทิศเหนือของเกาะโอกินาวาที่ซุกซ่อนในหุบเขาที่เต็มไปด้วยแมกไม้อันเขียวขจี เป็นที่ตั้งของตระกูลจิไรเสะ ตระกูลผู้พิทักษ์ผนึกในลำดับที่ 6 ซึ่งก็คือ ผนึกโอกานาระ ทว่าในปัจจุบันนั้น ตระกูลจิไรเสะได้ล่มสลายลงเนื่องจากถูกภูติปริศนาเข้าโจมตีจนถึงขั้นที่ “ถูกกวาดล้างทั้งตระกูล” ไร้ซึ่งผู้รอดชีวิต กระทั่งตัวของ จิไรเสะ อิเซคาว่า  ผู้นำตระกูลคนปัจจุบันก็ตามที

          นาการะในฐานะหัวหน้าของตระกูลองเมียวจิทั้ง 6 จำเป็นต้องเดินทางจากเกียวโตลงไปยังโอกินาวาด้วยตนเอง เพื่อสืบหาและกำจัดภูติต้นตอของการล่มสลายครั้งใหญ่ของผนึกโอกานาระ มิเช่นนั้นตระกูลอื่นอาจจะตกที่นั่งลำบากไปด้วย

 

เวลาบ่ายแก่

          “ถึงแล้วขอรับ!” เสียงขององเมียวจินายหนึ่งกล่าวกับเขา

          นาการะเงยหน้าขึ้นจากหนังสือตอบรับเสียงเรียกนั้น

          ภาพที่เขาเห็นเมื่อมองออกไปนอกหน้าต่างคือ คฤหาสน์ไม้หลังใหญ่ ที่ตั้งตระหง่านท่ามกลางหุบเขา ทุกอย่างดูเงียบสงบ แต่ทว่าก็แฝงไปด้วยอันตรายที่พร้อมจะสังหารคนที่ย่างกรายเข้าไปทุกเมื่อ

          รถยนต์ได้หยุดสนิทในบริเวณใจกลางค่ายขนาดย่อมขององเมียวจิจากตระกูลทั้ง 5 ที่ถูกสร้างขึ้นหลังการล่มสลายของตระกูลจิไรเสะ เพื่อยับยั้งการรั่วไหลของภูติพรายในโทงาระ

          “นี่มัน......เงียบเกินไป.....” เขาพึมพำออกมาเบาๆ เพราะเมื่อประตูรถเปิดออก เขากลับไม่ได้ยินแม้แต่เสียงนกร้อง หรือสัตว์ป่าอื่นใดเลย ราวกับว่าเป็นป่าต้องมายา

          “เช่นไรนะขอรับ?” องเมียวจิคนสนิทไต่ถามผู้เป็นนาย

          แต่ก็ไร้ซึ่งเสียงตอบรับจากอีกฝ่าย ซึ่งก็เป็นปกติของชายหนุ่มที่มักจะไม่ตอบใครหากไม่จำเป็น จะมีก็เพียงบรรยากาศรอบตัวเขาที่น่าขนลุก รวมไปถึงดวงตาสีฟ้าครามภายใต้หน้ากากรูปจิ้งจอกนั่น ที่ราวกับห้วงสมุทรที่ไม่อาจหยั่งประมาณที่เป็นตัวแทนคำพูด

          “พวกเจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้ ข้าจะเข้าไปสำรวจด้านใน” นาการะกล่าวออกมา ยังมิทันที่องเมียวจินายอื่นจะทันพูดหรือถามประการใด นาการะก็หายตัวไปจากตรงจุดที่ยืนอย่างรวดเร็วราวกับวิญญาณ

 

ภายในคฤหาสน์ของตระกูลจิไรเสะ

          “นายหญิงเจ้าคะ เมื่อครู่ เรนะสึ พึ่งตรวจพบการเคลื่อนไหวที่ผิดปกติภายในคฤหาสน์เจ้าค่ะ” เสียงของสตรีปริศนาตนหนึ่งดังขึ้น นางรายงานต่อเงาปริศนาที่นั่งอยู่หลังฉากกั้นเบื้องหน้า

          “อีกแล้วเหรอ? เรนะสึ!! คราวนี้ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ได้จำผิดพลาดเหมือนครั้งก่อนนะ!”

          เงานั่นตอบกลับมา พร้อมกับน้ำเสียงตำหนิเล็กน้อย

          “มะ...ไม่ใช่นะเจ้าคะ!! คราวนี้เรนะสึมั่นใจจริงๆ!!” 

          เสียงเล็กแหลมนั่นกล่าวขึ้น พลางเถียงผู้เป็นนายอย่างเจือยแจ้ว

          “เอาเถอะๆ คราวนี้ข้าจะเชื่อเจ้าอีกสักครั้ง...ไหนดูสิ?......อาา!....เป็นเจ้านี่เอง ที่ทำให้ภูติรับใช้ของข้าเถียงข้าเช่นนี้” เงาปริศนาพึมพำเบาๆ เมื่อเห็นนาการะที่กำลังเคลื่อนไหวผ่านทางดวงไฟวิญญาณของนาง

          “ไปกันเถอะ เรนะสึ แล้วก็ไปตาม อายากะ มาให้ข้าด้วย ข้าจะออกไปต้อนรับแขกของเราเสียหน่อย.....” เงาปริศนานั่นพูดขึ้น ก่อนที่จะผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ของตน

          “เจ้าค่ะ!!” เรนะสึรับคำ ก่อนที่จะหายออกไปทางประตูปล่อยให้นายหญิงของตนอยู่ตามลำพังในห้อง

          หลายนาทีผ่านไป เรนะสึก็กลับมาพร้อมกับอายากะผู้เป็นพี่สาวของตน เมื่อร่างนั้นโผล่พ้นออกจากฉากกั้นก็ปรากฏใบหูจิ้งจอกสีขาวคู่หนึ่ง พร้อมหางสีขาวทั้งเก้าที่กวัดแกว่งอยู่เบื้องหลัง แท้จริงแล้ว สตรีผู้นี้คือ “จิ้งจอกเก้าหาง” และบริวารตัวน้อยทั้งสองที่กลายเป็นอาวุธของนาง คือ ลูกแก้ววิญญาณ และ ปิ่นปักษา ที่นางพกติดตัวเป็นประจำ และก็ไม่ลืมที่จะพก “ป้าย” ของนางไปด้วย

         “ไปกันเถอะ!!” สิ้นเสียงนางก็หายวับไปยังทิศทางที่นาการะพุ่งเข้ามา

 

ตัดมาที่นาการะ

          เขากำลังสะกดรอยตามกลิ่นอายพลังปริศนาที่ตรวจพบ พุ่งทะยานลึกเข้าไปในตัวคฤหาสน์ โถงทางเดินแลดูราวกับหนทางอันยาวไกลไม่มีที่สิ้นสุด มันทำให้เขารู้ตัวแล้วว่าได้ล่วงเข้ามายังอาณาบริเวณเขตอาคม “เส้นทางวิญญาณ” ของภูติบางตนเข้าแล้ว

          สำหรับมนุษย์ธรรมดาที่ไร้พลังเวทย์ หรือกระทั่งองเมียวจิระดับล่างเอง ไฉนเลยจะสามารถออกจากอาณาเขตนี้ได้ มีเพียงเหล่าผู้นำตระกูลและเหล่าผู้อาวุโสเพียงเท่านั้นที่จะสามารถแก้เขตอาคมเส้นทางวิญญาณนี้ได้ ซึ่งในที่นี้นาการะเพียงตวัดมือของตนเพียงเล็กน้อย ก็สามารถทำลายอาคมเส้นทางวิญญาณนี้ลงได้อย่างง่ายดาย เมื่ออาคมสลายลง สิ่งที่อยู่หน้าชายหนุ่ม คือ หญิงสาวนิรนามที่เขาไม่เคยรู้จักมาก่อน ยืนยิ้มให้เขาอยู่ไม่ห่างไปเท่าใดนัก มองปราดเดียวก็ทราบได้ทันทีว่านางไม่ใช่มนุษย์

          หูสองข้างที่มีขนสีเทาหม่นที่กระดิกตามแรงสั่น ปอยผมสีขาวราวกับหิมะ ดวงตาที่มีสีฟ้าใสดุจอัญมณีเลอค่า ไหนจะหางที่กระดิกไปมานั่นอีก ยิ่งทำให้ชายหนุ่มมั่นใจว่าสตรีตรงหน้ายอมมิใช่มนุษย์เป็นแน่

          “เจ้า…เป็นใคร?” นาการะยกคาตานะชี้หน้าสตรีปริศนา

          “เจ้าช่างมารยาทต่ำเสียเหลือเกิน!! รู้ไหมนายหญิงของพวกข้าคือใคร!!!” ภูติน้อยที่ชื่อเรนะสึตะคอกขึ้น

          “นายหญิงเจ้าคะ ให้ทำเช่นไรกับบุรุษผู้นี้ดีเจ้าคะ?” ภูติอีกตนที่ชื่ออายากะดูจะใจเย็นกว่าพูดขึ้น

          “ข้าไม่สนว่าพวกเจ้าเป็นใคร…ตอบคำถามข้ามา มิเช่นนั้นก็ตาย” นาการะพูดเสียงเรียบ แววตาเพชรฆาตพร้อมปลิดชีพสตรีทั้งสามตรงหน้า

          “เอาล่ะๆ พวกเจ้าช่วยใจร่มๆกันก่อนนะ” สตรีปริศนายื่นมือสีขาวดุจไข่มุกจับปลายคาตานะ พร้อมกับยิ้มอย่างอ่อนโยน

          “ตอบคำถามข้ามา…เจ้าเป็นใคร” นาการะยังยืนคำเดิม

          “จิส์…เจ้านี่นะ ก็ได้ๆ ข้ามีนามว่า ซาซานาเอะ เรียวกะ คิสึเนะ เป็นจิ้งจอกเก้าหางภายใต้สังกัดเทพีอินาริ” สตรีปริศนาแนะนำตัวอย่างนอบน้อม

          “ป้ายของเจ้าเล่า?” นาการะถามหาถึงป้าย อันเป็นสัญลักษณ์ระบุตัวตนของจิ้งจอกที่อยู่ภายใต้การดูแลของเทพีอินาริ ซึ่งเป็นเทพีแห่งเกษตรกรรมซึ่งมีรูปร่างเป็นจิ้งจอก ในดินแดนของเทพใช้ระบุถึงสังกัดที่ตนเองสังกัดอยู่

          “เอ้า! เชิญเจ้าทรรศนา” คิสึเนะโยนป้ายให้นาการะดู

          ป้ายมีลักษณะเป็นแผ่นทองคำขนาดเล็ก สลักลวดลายเป็นชื่อของเจ้าของป้าย อายุ และสังกัด

 

ชื่อ : ซาซานาเอะ เรียวกะ คิสึเนะ (จิ้งจอกเก้าหาง)

อายุ : 5000 ปี

สังกัด : เทพีอินาริ

 

          “…” นาการะโยนป้ายคืนให้นาง พร้อมกับลดดาบลง

          “เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” นาการะเอ่ยปากถามด้วยความสงสัย เพราะเท่าที่เขาจำได้ คนจากหมู่บ้านจิ้งจอกไม่ควรจะมาอยู่บนโลกมนุษย์ หากแต่ควรจะอยู่ที่ที่ราบแดนสวรรค์มากกว่า

          “ข้าก็อยากจะตอบอยู่นะ แต่ข้าว่าเราควรจะหาที่นั่งคุยที่เหมาะกว่านี้เสียหน่อย” คิสึเนะยิ้มตอบ 

          “เชิญนำทางไปเถิด” นาการะพูด

          .

          .

          ทั้งสองเดินไปตามทางเดินของคฤหาสน์ของตระกูลจิไรเสะ จนกระทั่งถึงห้องรับรองของคฤหาสน์ อันเป็นที่พักชั่วคราวของคิสึเนะ ดูจากสภาพภายในห้องพัก นางน่าจะอยู่กับภูติรับใช้ทั้งสอง ณ ที่แห่งนี้เป็นเวลาร่วมสองสัปดาห์เป็นอย่างต่ำ เพราะ ข้าวของภายในดูสะอาดสะอ้าน แตกต่างจากข้างนอกที่มีฝุ่นเกาะหนาตา ซึ่งก็น่าแปลกตรงที่เหล่าองเมียวด้านนอกไม่ได้รับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกนางเลย แสดงว่าระดับพลังของสตรีตรงหน้าคงมิใช่ระดับเด็กอมมือเสียแล้ว

          “เชิญนั่งเถิด ทำตัวตามสบาย คิดเสียว่าที่นี่คือบ้านเจ้าแล้วกัน” คิสึเนะผายมือ ชั่วครู่เดียวเรนะสึก็นำชามาเสิร์ฟให้ กลิ่นไอชาหอมกรุ่น ชวนให้รู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก

          “เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” นาการะเปิดประเด็นอีกครั้ง

          “ข้ากลับมายังโลกมนุษย์ ตามบัญชาของเทพีอินาริ ให้มาตามล่าจิ้งจอกโลกันต์ นามว่า อินุกิ เพื่อนำตัวกลับไปรับโทษยังหมู่บ้านจิ้งจอกมันหลบหนีมายังโลกมนุษย์แห่งนี้ ข้าได้ตามรอยมันลงมาจนมาถึงคฤหาสน์แห่งนี้ และได้เข้าปะทะกับมันหลังจากที่มันสังหารคนที่อยู่ที่นี่ไปจนหมด หากแต่มันกลับหลบหนีข้าไปได้” คิสึเนะอธิบาย

          “เหตุผลของการตามล่าคือ…?” นาการะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย 

          “มันได้สังหารบริวารของเทพีอินาริไปตนหนึ่ง โทษทัณฑ์ของมันสมควรถูกขับไล่ไปยังแดนสนธยาเป็นเวลา 10 ปี หากแต่ก่อนวันรับโทษมันได้หลบหนีออกจากที่คุมขัง ข้าในฐานะที่เป็นผู้ดูแลหมู่บ้านจิ้งจอกแทนเทพีอินาริ จำเป็นต้องลงมาตามหามันอย่างที่กล่าวไว้เบื้องต้น หากแต่ในตอนนี้โทษทัณฑ์ของมันคงเพิ่มอย่างทวีคูณด้วยเหตุที่มันสังหารมนุษย์ล้มตายเป็นจำนวนมาก” คิสึเนะอธิบายพร้อมยกถ้วยชาขึ้นจิบ

          “ถ้าเป็นเช่นที่เจ้าว่า การมีอยู่ของอินุกิย่อมหมายถึงงานของข้าด้วยเช่นกัน เพราะมันเป็นตัวการของการล่มสลายของตระกูลภายใต้การดูแลของข้า และน่าจะขโมยเอาผนึกภูติพรายใต้การดูแลของตระกูลนี้ไปด้วยเป็นแน่” นาการะพูดด้วยท่าทีที่นิ่งสงบและเยือกเย็น หากแต่แววตาสีฟ้าครามนั่นดูเป็นกังวลมิใช่น้อย 

          หากเป็นเช่นที่นางว่าจริง นี่ย่อมหมายถึงภัยพิบัติที่กำลังคืบคลานมาสู่ตระกูลที่เหลือเป็นแน่ เพราะในผนึกภูตินั้นมีพลังของจอมภูติราชันย์ทั้งหกอยู่ด้วย พลังที่มากเพียงพอจะทำลายเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างโลกมนุษย์และโทงาระ ไม่สิ อาจจะมากพอที่จะชักนำมหาสงครามเช่นในอดีตกาลหวนกลับมาอีกครั้ง จะเรียกว่านั่นหมายถึงการประกาศสงครามกับเหล่าเทพก็มิผิดนัก

          “แต่ก่อนอื่น…เจ้ามีนามว่าอะไร? ข้าเองก็อยากจะรู้จักเจ้าเช่นกันนะ!” คิสึเนะเอ่ยถาม

          “โฮชิ…โฮชิ คายาเสะ นาการะ เรียกข้าว่า นาการะเฉยๆก็ย่อมได้” ชายหนุ่มพูดขึ้น แววตาจ้องมองสตรีตรงหน้าอย่างจริงจัง ชื่อนี้เสมือนความภาคูมิใจของตระกูลชายหนุ่มที่สืบเชื้อสายมาจากเทพเจ้าแห่งดวงดารา

          “ย่อมได้ นาการะ นั่นเป็นชื่อที่ดีนะ เจ้าว่าไหม” คิสึเนะแย้มน้อยๆอย่างเป็นมิตร

          “เช่นกัน คิสึเนะ นั่นก็เป็นชื่อที่ดีสำหรับเจ้าเช่นกัน” นาการะตอบกลับ

          ทั้งสองสนทนากันประมาณหนึ่งเพื่อทำความรู้จักกัน ภายใต้สายตาของอายากะและเรนะสึที่คอยดูผู้มาเยือนแบบไม่ห่างสายตา และจากการสนทนาก็ทำให้นาการะได้รู้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับคิสึเนะมาด้วย

          นางเป็นจิ้งจอกเก้าหางหวนคืนพิภพ ภายใต้สังกัดของเทพีอินาริ ณ ที่ราบแดนสวรรค์ นางมีหน้าที่คอยตามล่าจิ้งจอกผู้กระทำผิดกฎของหมู่บ้านจิ้งจอก เพื่อนำตัวกลับไปลงโทษ และ ยังเป็นหนึ่งในสามผู้อาวุโสสูงสุดของหมู่บ้านจิ้งจอกที่ใกล้ชิดเทพีอินาริมากที่สุด

          นาการะเองก็จำได้ว่าในช่วงมหาสงครามเอง เทพีอินาริก็ช่วยในการสงครามมากพอสมควร พระองค์เป็นหัวหน้าฝ่ายเสบียงหลวงแห่งสวรรค์ เนื่องจากเป็นเทพีแห่งการกสิกรรมและไม่ค่อยสันทัดในการรบเท่าใดนัก หากแต่ถ้าพระองค์จำต้องรบจริงๆ ด้วยร่างจำแลงแห่งบุรุษเพศ ฝีมือพระองค์นับว่าน่ากลัวเลยทีเดียว

          ทางด้านคิสึเนะเองก็ทราบข้อมูลของชายหนุ่มเช่นกัน นาการะเป็นชายผู้ครอบครองเพลิงประหารเทพ ผู้คุ้มครองตะกูลที่ครอบครองผนึกทั้งหกบนโลกมนุษย์ เพื่อป้องกันมหาสงครามเช่นในอดีต หากแต่อาจจะเป็นเพราะฝีมืออินุกิที่ทำให้ตระกูลหนึ่งล่มสลายลง ส่งผลให้เขตแดนแห่งนี้ล่มสลายลง ซึ่งนับว่าอันตรายเป็นอย่างมาก 

          “ดูเหมือนว่าเราสองคน คงจะต้องร่วมมือกันตามล่าตัวการในครั้งนี้เสียแล้ว…” คิสึเนะพูด พร้อมจิบชาอึกสุดท้าย น้ำเสียงนางดูเด็ดขาดและจริงจัง

          “ข้าเห็นด้วย” นาการะตอบ

           แต่ลึกๆแล้วยังคงไม่คลายความกังวล เพราะถ้าชายหนุ่มจำไม่ผิด ผนึกโอกานาระ จะเป็นผนึกที่มีอำนาจในการควบคุมมิติสูงสุดในบรรดาผนึกทั้งหก เพราะผนึกสิ่งนั้นเอาไว้ และเป็นผนึกเพียงอันเดียวที่คอยควบคุมเขตใต้สุดของเขตแดนยามาโตะแห่งนี้

          “นี่นาการะ เหตุใด? เจ้าจึงทำสีหน้าเคร่งเครียดเช่นนั้นเล่า?” เสียงใสของคิสึเนะดังขึ้น ดึงให้นาการะหลุดจากภวังค์ความคิด 

          “เปล่า…ข้าไม่…ไม่มีเหตุอันใด” นาการะรีบปฏิเสธ ก่อนจะรีบถอยตัวออกมา เพราะใบหน้าของคิสึเนะที่เข้ามาใกล้เสียจนชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของนาง

          “เช่นนั้นก็แล้วไป…จริงสิ! เจ้าหิวหรือเปล่า?” คิสึเนะถามขึ้นมาด้วยเห็นว่าเป็นเวลาคล้อยจะพลบค่ำแล้ว

          “ข้า…ไม่……” ไม่ทันที่ชายหนุ่มจะปฏิเสธ หญิงสาวก็รีบชิงตัดหน้าเสียก่อน “อายากะ เรนะสึ พวกเจ้าจงไปเร่งจัดสำรับอาหารมาต้อนรับแขกเถิด” 

          “แต่ข้า……// คติของหมู่บ้านข้าคือแขกผู้มาเยือนต้องได้รับการต้อนรับอย่างดีที่สุด นี่คือกฎที่หมู่บ้านจิ้งจอกพร่ำสอนข้ามา” คิสึเนะพูดขัดเขาที่ทำท่าอึกอัก

          ความประสงค์ของนาการะคือจะอยู่เพียงชั่วประเดี๋ยวแล้วจึงจะกลับออกไป หากแต่สตรีตรงหน้ากลับฉีกความประสงค์ของเขาแล้วโยนทิ้งไปด้วยรอยยิ้ม

          ภูติรับใช้สองตนนั้นเดินออกจากห้องไป ทั้งห้องจึงเหลือเพียงชายหนุ่มและหญิงสาวสองต่อสอง เมื่อทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ คิสึเนะจึงเป็นฝ่ายชวนคุยนาการะคุย ซึ่งประเด็นที่ชวนคุยนั้น ทำเอานาการะกระอักกระอ่วนใจไม่น้อย

          “นี่…เจ้ามีเคยมีคู่ครองหรือแบบว่าที่มนุษย์สมัยนี้เขาเรียกว่าแฟนอะไรแบบนั้นบ้างหรือเปล่า?”

          “……” ไร้ซึ่งเสียงใดๆจากชายหนุ่ม มีเพียงการสั่นศรีษะเล็กน้อยเท่านั้นที่เป็นคำตอบ

          “เหรอ……สมัยนี้เขาเรียกว่าเช่นไรนะ อา หนุ่มซิง สินะถ้าข้าจำไม่ผิด” นางพูด มีครู่หนึ่งที่นาการะจับสังเกตว่านางมีประกายของความเสน่หาอยู่ปะปนเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ลงใจมากมาย เพราะอย่างไรเสียนี่ก็เป็นนิสัยปกติของเผ่าพันธุ์จิ้งจอก

          “……” ชายหนุ่มชักสีหน้า แต่ก็จริงนับตั้งแต่จำความได้เมื่อ 5000 ปีก่อน นาการะไม่เคยมีคู่ครองคนใดมาก่อน หากนับจริงๆ นี่คงเป็นครั้งแรกเสียด้วยซ้ำที่ได้อยู่ในห้องกับสตรีสองต่อสอง

          “ข้าชักจะสงสัยแล้วสิ” คิสึเนะเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นว่านาการะเริ่มไม่สบอารมณ์ “เจ้ามีชีวิตอยู่มานานเท่าใดกันแน่?” นางถามเพราะความอยากรู้ตามประสาของจิ้งจอกที่มักจะอยากรู้อยากเห็น

          “มากพอๆกับเจ้า” นาการะตอบ “แล้วนี่? เราจะไม่คุยเรื่องการตามล่าหาตัวอินุกิเช่นนั้นรึ?” ก่อนจะเปิดประเด็นถามบ้าง

          “อินุกิเป็นจิ้งจอกโลกันต์ หากมันคิดจะหยิบยืมใช้พลังหยินบนโลกแห่งนี้ ข้าเกรงว่ามันจะเป็นการยากของพวกเราเสียสักหน่อย ที่จะตามล่ามัน” คิสึเนะกล่าว พร้อมกับตวัดมือขึ้นไปบนอากาศ เปลวไฟสีฟ้าอ่อนก่อตัวเป็นรูปร่างตามประสงค์ของนาง

          “เหตุที่การตามล่าหาตัวมันทำได้ยากยิ่ง เพราะมันปกปิดร่องรอยได้แนบเนียนดุจหายไปในอากาศธาตุ หากแต่การตามหาตัวมันว่ายากแล้ว การต่อกรกับมันนับว่ายากยิ่งกว่า เพราะจิ้งจอกโลกันต์ เป็นจิ้งจอกที่ใช้พลังงานหยินจากโลกมนุษย์และโยมิ ยิ่งมีพลังงานหยินเข้มข้นเท่าใด ตัวมันก็จะยิ่งมีความแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น แตกต่างจากข้าซึ่งเป็นจิ้งจอกเก้าหางหวนคืนพิภพหรือจิ้งจอกตนอื่นๆ ที่ใช้พลังงานหยางจากแดนแห่งเทพเป็นส่วนใหญ่” คิสึเนะอธิบาย

          “พวกนอกคอกสินะ” นาการะเอ่ยปากเบาๆ “ข้าเองก็เคยได้ยินเมื่อครั้งมหาสงครามว่ามีพวกจิ้งจอกนอกคอกเกิดขึ้นมาราวกับดอกเห็ดผุด มันคือเรื่องจริงสินะ” ชายหนุ่มนึกย้อนไปถึงจิ้งจอกตัวล่าสุดที่ตนฆ่า มันเองก็นับว่าเป็นพวกนอกคอกด้วยเช่นกัน เพราะมันคอยตามเสพความเสน่หา อันเป็นพลังหยินที่แข็งแกร่งที่สุดบนโลกมนุษย์

          “ถูกต้อง! หัวเจ้าเองก็ไวดีนี่” คิสึเนะตบมือเบาๆ 

          “……” นาการะมองค้อนเล็กน้อย ออกอาการไม่พอใจเล็กๆ แต่ก็มิได้เอ่ยปากอะไรออกมา

          “การที่จะตามหามันมีทางเดียวคือต้องให้มันเผยหางของตนออกมาก่อน เราถึงจะสามารถแกะรอยมันได้ มิเช่นนั้นก็คงทำได้แค่ควานหามัน เสมือนงมเข็มในมหาสมุทร” คิสึเนะอธิบาย “แต่ก็ยังดี ด้วยความสามารถของข้าสามารถจับได้ว่ามันเริ่มเคลื่อนไหวเมื่อใด” 

          พูดจบนางก็ทำหน้าประหนึ่งว่า ชมข้าสิ ข้าเก่งไหม ชมข้าเยอะๆสิ

          “…(น่าหมั่นไส้)…” นาการะคิดในใจ “ข้าคาดว่ามันคงจะทำไปเพื่อรวบรวมพลังหยินจากราชันย์แห่งภูติทั้งหก เพื่อจุดประสงค์บางอย่าง สังเกตได้จากการที่มันเข้าโจมตีผนึกโอกานาระ ที่อยู่ภายใต้การดูแลของตระกูลจิไรเสะ” นาการะกล่าว

          “เจ้าเองก็…ฉลาดเหมือนกันนี่นา” คิสึเนะพูด พร้อมกับคิดตามที่นาการะว่า

          “…เช่นนั้น! มันย่อมหมายถึงอันตรายต่อโลกใบนี้” นาการะกล่าวปิดท้าย

          “(ครืด)…ขออนุญาตเจ้าค่ะนายหญิง อาหารพร้อมรับประทานแล้วเจ้าค่ะ จะให้ยกขึ้นโต๊ะเลยไหมเจ้าคะ?” 

          อายากะเปิดประตูเรียกทั้งสองให้หลุดออกจากการสนทนา

          “……” คิสึเนะพยักหน้าเป็นคำตอบ อายากะและเรนะสึจึงยกสำรับอาหารขึ้นเสิร์ฟให้แก่ทั้งสองคนได้รับประทาน

          .

          มื้ออาหารนับว่าน่าประทับใจ ด้วยรสชาติอาหารที่ถูกปากชายหนุ่ม จนถึงขั้นที่ต้องเอ่ยปากชม

          “ขอบคุณสำหรับอาหารมื้อที่น่าประทับใจเช่นนี้” นาการะเอ่ย “รสชาติของอาหารถูกปากข้านัก” 

          คิสึเนะแย้มน้อยๆ พร้อมกับหันไปชมภูติรับใช้ของตน “พวกเจ้าทำได้ดีมากอายากะ เรนะสึ” 

          “หามิได้เจ้าค่ะ นายหญิง มันเป็นหน้าที่ของอายากะที่ต้องต้อนรับแขกของนายหญิงให้ดีที่สุด” อายากะพูดด้วยความนอบน้อม พร้อมกับค้อมหัวลงเล็กน้อย

          “เรนะสึด้วยเจ้าค่ะ” ผู้เป็นน้องพูดอย่างเจือยแจ้ว เรียกรอยยิ้มจากคิสึเนะได้อีกครั้ง

          “แล้ว……เจ้าจะทำเช่นไรต่อไป?” นาการะเอ่ยปากถามคิสึเนะ

          “ไม่รู้สิ ข้าก็อาจจะพำนักที่นี่ไปสัก……” นางพูดแต่แล้วก็ชะงักกลางคัน

          “มีเหตุอันใดหรือ?” นาการะถาม “มันเคลื่อนไหวแล้ว อินุกิเคลื่อนไหวแล้ว” คิสึเนะพูด 

          “ตำแหน่งล่ะ?” ชายหนุ่มถาม “ข้าไม่ทราบ สัมผัสนั้นเบาบางเสียจนข้าระบุตำแหน่งของมันไม่ได้เลย แต่น่าจะกำลังมุ่งหน้าขึ้นไปทางตอนเหนือ” นางสัมผัสได้ถึงพลังหยินที่ก่อตัว ถึงแม้จะเบาบางก็ตามที

          “ตอนเหนือ?” นาการะเอ่ย “ให้ข้าคาดเดา ข้าคาดว่าต่อไปที่ที่มันจะปรากฏตัว คือที่ตั้งของ ผนึกคาเมระ เพราะเป็นสถานที่ต่อไปที่ใกล้ที่นี่มากที่สุด” นาการะกล่าว 

          ถ้าเป็นเช่นนั้นเขาจะมัวช้าอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว เพราะทุกวินาทีที่เสียไป คือ ความเสี่ยงที่ตระกูลทาวะระจะถูกโจมตีจนถึงขั้นล่มสลายเช่นเดียวกับตระกูลจิไรเสะ

          “ขอบคุณสำหรับข้อมูลมาก เช่นนั้นข้าคงต้องขอตัว!” นาการะลุกขึ้นและกำลังจะจากไป

          “ประเดี๋ยวก่อน!……” คิสึเนะรั้งแขนของชายหนุ่มเอาไว้

          “มีเหตุอันใด?” นาการะเอ่ยถาม 

          “ข้าขอติดตามเจ้าไปด้วยได้หรือไม่? เพราะงานของข้าคือการควบคุมตัวอินุกิกลับไปยังหมู่บ้านจิ้งจอก เพื่อรับบทลงโทษ” นางกล่าว 

          ชายหนุ่มมีสีหน้าลังเล สองจิตสองใจว่าจะให้นางติดตามไปด้วยดีหรือไม่

          “ขอร้องล่ะ~” คิสึเนะอ้อนวอนพร้อมกอดแขนเขาเอาไว้แน่น

          “……” เมื่อเจอลูกอ้อนของหญิงสาว ชายหนุ่มจึงใจอ่อนยวบลง

          “ย่อมได้” มันก็ไม่เสียหายอะไร เขาเพียงแต่จะไปนำผนึกภูติราชันย์กลับมาเพียงเท่านั้น ส่วนอินุกินั้นเชื่อว่าโทษทัณฑ์ที่รอมันที่หมู่บ้านจิ้งจอกก็น่าจะสาหัสพออยู่แล้ว

          “ขอบคุณเจ้ามาก” คิสึเนะยิ้มแก้มปริ “อายากะ เรนะสึ กลับมานี่ เราจะออกเดินทางกัน!!” นางเรียกชิกิคามิทั้งสองให้กลับเป็นรูปแบบดังเดิม ก่อนที่นางจะรีบเดินตามนาการะออกไป


writer : เนื่องจากไรต์พึ่งจะกลับมารีไรต์นิยายใหม่ ทำให้ตอนจะอัพเดตช้ากว่าแอพอื่นไปเยอะ(มากกกก) ไรต์จะทยอยลงให้วันละตอนจนกว่าจะตามแอพอื่นทัน และจะเพิ่มเป็นสองตอนในทุกวันอังคารและศุกร์ แต่หากค้างคาอยากอ่านต่อ สามารถอ่านได้ที่แอพ Dek D หรือ readAwriteได้เลยจ้าาา

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้?

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา