เทพตกสวรรค์ ทัณฑ์นิรันดร์กาล

9.3

เขียนโดย 秋冬夢春

วันที่ 2 เมษายน พ.ศ. 2562 เวลา 22.05 น.

  14 ตอน
  2 วิจารณ์
  17.56K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 6 เมษายน พ.ศ. 2565 18.17 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

7) ปีใหม่

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

          “นะ…นายหญิงครับ ขออภัยสำหรับการเสียมารยาทของกระผมเมื่อคืนด้วยครับ” นากาโนะตรงดิ่งเข้ามาขอโทษขอโพยกับคิสึเนะเป็นการใหญ่ จนนางมึนงง

 

ย้อนกลับไปเมื่อ 10 นาทีก่อน

          “ท่านรุ่นที่สองครับ…เอ่อ…กระผมเผลอหลับไปเมื่อใดกันครับ?” นากาโนะเดินเข้ามาถามนาการะที่นั่งทำงานภายในห้อง ก่อนที่ชายหนุ่มจะเงยหน้าขึ้นมามองหน้าเจ้าของเสียง

          “เจ้าหลับไปบนตักของนาง” นาการะกล่าว “ไปขอโทษนางด้วย นางดูจะไม่พอใจเจ้า” ก่อนจะหันกลับไปสนใจงานตรงหน้าต่อ และนี่เองเป็นสาเหตุที่ทำให้นากาโนะต้องรีบมาขอโทษคิสึเนะเป็นการใหญ่

          “?????” หญิงสาวทำหน้าสงสัย “เจ้าทำอะไรไม่ดีงั้นหรือ?” ก่อนจะเอ่ยปากถาม นางจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนเด็กหนุ่มตรงหน้าทำอะไรถึงต้องมาขอโทษเช่นนี้

          “กะ…ก็เรื่องที่กระผมหนุนตัก……” นากาโนะกล่าวเสียงอ่อย

          “เรื่องแค่นั้นเอง” นางยิ้ม “ใยเจ้าต้องเป็นกังวลด้วยเล่า?”

          “กะ…ก็ท่านรุ่นที่สองบอกว่า นายหญิง…ไม่ค่อยพอใจ” เด็กหนุ่มกล่าว

          “ฮึๆ เจ้าคงโดนเขาอำเสียแล้วล่ะ…ข้าไม่ได้รู้สึกไม่พอใจเจ้าเสียหน่อย” นางกล่าวพร้อมกับเอื้อมมือมาลูบศรีษะของนากาโนะ “ข้าเข้าใจเจ้าดีถึงการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รัก เช่นนั้นไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เจ้าคิดถึงพวกเขา เจ้าสามารถมาหาข้าได้ทุกเมื่อเลยนะ” นางกล่าวอย่างเอ็นดูเด็กหนุ่ม

          นางเข้าใจถึงการสูญเสียดี เพราะตลอด 5000 ปีที่ผ่านมา นางเองก็สูญเสียคนรอบตัวไปไม่น้อยเช่นกัน

          “จะเรียกข้าว่า ท่านแม่ ก็ย่อมได้นะ” คิสึเนะกล่าวเย้านากาโนะ “ไหนเจ้าลองเรียกข้าว่า ท่านแม่ซิ”

          “คงไม่เหมาะกระมังครับ” เด็กหนุ่มหน้าขึ้นสีชมพูฝาด ด้วยความเขินอาย

          “พวกเจ้านี่น้า เวลาเขินอาย ช่างเหมือนกันเสียจริง” นางกล่าว ทั้งสองช่างเหมือนกันเสียจริงเวลาเขินอาย โดยเฉพาะเวลาที่ใบหน้าอันเฉยชานั่นขึ้นสีชมพูฝาด ช่างดูน่าเย้าแหย่เหมือนกันไม่มีผิด

          “ไปเถิด ข้าไม่ได้ติดใจอันใด” คิสึเนะแย้ม ก่อนจะหันไปสนใจหนังสือตรงหน้า

          “ครับ” นากาโนะรับคำ

          เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มออกไปแล้ว จึงหันไปสนใจหนังสือต่อ นางอ่านหนังสือเพื่อทำความเข้าใจโลกมนุษย์ในยุคสมัยใหม่ให้มากขึ้น นางอ่านหนังสือทุกชนิดตั้งแต่ บทกวี หนังสือนำเที่ยว ความรู้ต่างๆ รวมไปถึงแคตาล็อคเครื่องใช้ภายในบ้าน นางก็อ่านจนหมดสิ้น

          รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นในยามบ่าย “ก๊อกๆ”

          “นั่นใคร?” คิสึเนะเงยหน้าจากหนังสือ ก่อนจะเอ่ยถาม

          “ข้าเอง” เป็นนาการะนั่นเองที่เป็นเจ้าของเสียงเคาะ

          “เข้ามาได้” นางกล่าวอนุญาต ก่อนที่จะปรากฏร่างของชายหนุ่มย่างเท้าเข้ามาภายในห้อง “มีเรื่องอันใดเช่นนั้นหรือ?”

          “เปล่า ข้าเพียงพึ่งเสร็จงานของข้า เลยแวะมาดูว่าเจ้ากำลังทำสิ่งใดอยู่?” นาการะกล่าว

          “ข้าหรือ? ข้าก็กำลังอ่านหนังสือเพื่อทำความเข้าใจโลกมนุษย์ในยุคนี้อยู่น่ะสิ” คิสึเนะกล่าวยิ้มแย้ม ก่อนจะชี้ไปที่หนังสืองานเทศกาลต่างๆ ที่กำลังอ่านอยู่

          “……” ชายหนุ่มพยักหน้า “ไหนๆ สิ้นเดือนนี้ก็จะเป็นวันขึ้นปีใหม่ เจ้าจะไปศาลเจ้ากับข้าได้หรือไม่?” ชายหนุ่มชักชวนหญิงสาว

          “จริงสิ! อีกไม่นานก็วันขึ้นปีใหม่แล้วนี่นา” นางพูดอย่างคิดขึ้นได้ “ถ้าเป็นที่หมู่บ้านล่ะก็ช่วงเวลาแบบนี้ข้าก็คงจะต้องเข้าเฝ้าเทพีอมาเตระสึสิน้า~” นางพึมพำอยู่คนเดียว

          “พึมพำอะไรของเจ้ากัน?” นาการะถาม

          “เปล่าๆ ว่าแต่เจ้าจะไปที่ใดกันเล่า?” คิสึเนะถาม

          “ศาลเจ้ายาซากะ” ชายหนุ่มพูดขึ้น

          “เอ……ที่นั่นมัน……” นางพูด “ประเดี๋ยวนะ ข้าจำได้ว่าข้าเคยอ่านผ่านตา อา นี่ไง!”

          “ศาลเจ้ายาซากะ ศาลเจ้าสำหรับขอพรเรื่องความรัก ถ้าข้าจำไม่ผิด ผู้ดูแลศาลเจ้านี้คือ ซูซาโนโอะโนะมิโคโตะสินะ” นางกล่าวพร้อมกับใช้ความคิด

           “ซูซาโนโอะโนะมิโคโตะเช่นนั้นหรือ?” นาการะกล่าวถามพลางเลิกคิ้วขึ้นสูง ถึงแม้เขาจะไปมาหลายปี แต่ก็ไม่ยักรู้ว่าคนที่คอยดูแลศาลเจ้าแห่งนี้เป็นเทพซูซาโนโอะ

          ในช่วงมหาสงครามชายหนุ่มได้มีโอกาสใกล้ชิดเทพซูซาโนโอะ ด้วยเคยอยู่สนามรบเดียวกันมาก่อน นาการะจำได้ว่า เทพซูซาโนโอะ ซึ่งเป็นพระอนุชาของเทพีอมาเตระสึนั้น คอยบัญชาการกองทัพสวรรค์ที่ 3 หรือกองทัพแห่งลมวายุ ซึ่งเป็นกองทัพที่ได้รับฉายาว่าบ้าระห่ำ และ มุทะลุที่สุดในสรวงสวรรค์ตามนิสัยของผู้เป็นนาย ไฉนเลยจึงมาเกี่ยวข้องกับเรื่องแห่งความรักนี้ได้เล่า?

          “นี่!…นาการะ!…เจ้าฟังข้าอยู่หรือไม่?” คิสึเนะเรียกเสียงดัง ดึงให้นาการะหลุดออกมาจากภวังค์แห่งความคิด

          “……เจ้าพูดว่าอะไรนะ?” ชายหนุ่มถามอีกครั้ง

          “อ๊า! โถ่! ตั้งใจฟังข้าหน่อยสิ!!” คิสึเนะแสดงท่าทีแง่งอน “ข้าถามว่ามีชุดให้ข้าสวมใส่หรือไม่?” หญิงสาวเอ่ยถาม

          “ย่อมมีอยู่แล้ว!” ชายหนุ่มกล่าว “ข้าสั่งให้คนเตรียมชุดให้เจ้าโดยเฉพาะ” แม้มันจะเป็นคำพูดที่ดูเรียบง่าย หากแต่ออกมาจากปากชายหนุ่มตรงหน้า นางเริ่มชักจะสนใจอยากจะเห็นชุดนั้นแล้วสิ

          “งั้นก็ดี แล้วข้าจะรอสวมนะ~” นางเย้า “มีเหตุใดอีกหรือไม่? หากไม่มีแล้ว ข้าจะได้อาบน้ำชำระกาย” คิสึเนะยิ้มให้ชายหนุ่ม

          “……” นาการะส่ายหน้า ก่อนจะเดินออกไปและปิดประตูเสียงดัง “ปัง!”

          “เอาล่ะ~ ได้เวลาอาบน้ำ~” นางเอ่ยพึมพำคนเดียวอย่างมีความสุข หากจะกล่าวว่าส่งที่ทำให้นางมีความสุขมากที่สุดก็คือการได้แช่น้ำร้อนเช่นนี้ ก่อนจะเดินหายลับเข้าไปหลังประตูห้องอาบน้ำ

          หญิงสาวอาบน้ำล้างตัว ตามด้วยการลงมาแช่น้ำเป็นการปิดท้าย

          “ฮู่ววว~~ สบายตัวจัง” คิสึเนะพึมพำ “ชุดสำหรับนายหญิงงั้นเหรอ~ หน้าตามันจะเป็นเช่นไรกันนะ?”

 

31 ธันวาคม 20xx

          “นายหญิงเจ้าคะ นายท่านส่งพวกเรามาเพื่อนำท่านไปแต่งตัวยังห้องแต่งตัวเจ้าค่ะ” องเมียวจิหญิงกลุ่มหนึ่งมายืนรอนางหน้าห้อง

          “นำข้าไปเถิด~” นางกล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆ

          “เจ้าค่ะ” ก่อนที่ทั้งหมดจะนำคิสึเนะไปยังห้องแต่งตัว ซึ่งเป็นที่ที่ชุดของนายหญิงประจำตระกูลรอคอยนางให้สวมมันอยู่

          “ถึงแล้วเจ้าค่ะ” องเมียวหญิงกล่าว

          เมื่อก้าวเท้าเข้าไปด้านใน นางจึงพบกับชุดกิโมโนแบบอิโระ โทโมโซเดะ สีดำน้ำหมึกราวกับท้องฟ้ายามราตรี ร้อยด้วยเส้นไหมสีทองสร้างภาพดวงจันทร์ ตัดด้วยไหมสีขาวอันสื่อถึงก้อนเมฆ และที่ขาดไม่ได้ย่อมเป็นรูปสลักของดวงดาราทั้งสามดวงที่ลอยเด่นเป็นสง่าใต้จันทราบนหน้าอก อันสื่อถึงตระกูลแห่งดวงดารา

          “ว้าว! นี่น่ะเหรอชุดของข้า…ช่างสวยงาม” คิสึเนะกล่าว นางอดชมถึงความสวยงามของมันมิได้

          “เจ้าค่ะ ชุดนี้เป็นชุดสำหรับนายหญิงของตระกูลโดยเฉพาะเจ้าค่ะ” องเมียวหญิงคนหนึ่งอธิบาย

          “……” นางพยักหน้าอย่างยินดี ก่อนที่การแต่งตัวจะเริ่มขึ้น

          การแต่งตัวใช้เวลาราวๆ 1 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ เมื่อแล้วเสร็จคิสึเนะจึงยืนส่องตนเองหน้ากระจก ในตอนนี้หากจะเปรียบนางราวกับเทพีบนสรวงสวรรค์ก็คงจะไม่ไปไหนไกลนัก ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มนั้นสวยงามจนเกินกว่าจะหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบ

          และเมื่อลงมายังด้านล่างแล้ว นางก็พบกับนาการะและนากาโนะที่อยู่ในชุดกิโมโนพร้อมชุดคลุมฮาโอริและฮาคามะสีดำน้ำหมึก เมื่อแรกพบหน้า ทำเอานาการะถึงกับตกตะลึงในความงดงามของนางเลยทีเดียว

          “อะแฮ่ม!…กระผมเกรงว่าเราคงจะต้องรีบแล้วล่ะครับ” นากาโนะพูดขัดจังหวะที่นาการะตกอยู่ในเสน่ห์ของนาง พลางชูนาฬิกา หากจะไปให้ทันรับปีใหม่ คงต้องรีบออกกันหน่อยแล้ว มิเช่นนั้นอาจไม่ทันการณ์

          “……” ทั้งสองพยักหน้าพร้อมกัน ก่อนจะเดินไปขึ้นรถที่ถูกเตรียมไว้คอยท่าก่อนแล้ว

          เมื่อมาถึงศาลเจ้ายาซากะ ทั้งสามจึงพบว่ามีกลุ่มคนต่างพากันเดินทางมาขอพรรับปีใหม่เป็นจำนวนมาก

          “ถ้าข้าเป็นเทพซึซาโนโอะ ข้าคงไม่ทำอะไรแบบนี้เป็นแน่” คิสึเนะพึมพำเมื่อเห็นจำนวนคนมากมายด้านนอกรถ

          “อย่าลืมร่ายเวทย์พรางหูและหางของเจ้าด้วย มิเช่นนั้นฝูงชนจะแตกตื่นเอา” นาการะกล่าวย้ำ เพื่อไม่ให้ลืมสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะไม่เช่นนั้นแล้วฝูงชนย่อมแตกตื่นเป็นแน่

          “เรียบร้อย~” นางกล่าว

          “เช่นนั้นก็ไปกันเถิด” นาการะเปิดประตูรถ

          “รับทราบ~” คิสึเนะพูดอย่างตื่นเต้น

          ทั้งสามเดินเข้าไปภายในตัวศาลเจ้า ที่มีคนเนืองแน่น ด้วยเป็นสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์และนิยมในการขอพรต้อนรับปีใหม่ของเกียวโต ชายหนุ่มจับมือหญิงสาวเอาไว้เสียแน่นด้วยกลัวจะพลัดหลงกันในฝูงชน ก่อนที่นากาโนะจะขอแยกตัวไปเดินกับกลุ่มเพื่อนที่อยู่โรงเรียนเดียวกัน ที่บังเอิญเจอกันที่หน้าศาลเจ้า

          ดูเหมือนว่าความงดงามของคิสึเนะจะถูกตาต้องใจชายหนุ่มในที่แห่งนั้นหลายคนเลยทีเดียว และทางนาการะเองก็ถูกตาต้องใจหญิงสาวที่อยู่รายรอบเช่นกัน หากว่าทั้งสองไม่ได้เดินเคียงคู่กัน ก็คงจะมีชายหนุ่มและหญิงสาวมากมายแวะเวียนเข้ามาพูดคุยด้วยเป็นแน่

          “นี่! ไม่ต้องจับมือข้าแน่นขนาดนั้นก็ได้” คิสึเนะกล่าว

          “ไม่ได้ เดี๋ยวเจ้าหายไปแล้วข้าจะทำเช่นไร” นาการะเอ่ยตอบกลับ

          “ข้าไปไม่หนีเจ้าไปไหนหรอกน่า……” คิสึเนะพูด “ข้าอยู่ตรงนี้เสมอ”

          “อืม……ไปเขียนเอมะกันเถิด” นาการะจูงมือนางเดินไปยังหน้าสถานที่ที่เขียนเอมะ (แผ่นไม้เขียนคำอธิษฐาน)

          “ถ้าเป็นท่านซูซาโนโอะและท่านคุชินาดะฮิเมะ ก็ต้องเป็นความรักสินะ~” คิสึเนะพึมพำ “แล้วข้าจะขออะไรดีล่ะ?” นางนึกถึงคำอธิษฐาน ก่อนจะก้มหน้าลงเขียนเมื่อนึกขึ้นได้แล้ว

          ทั้งสองก้มหน้าเขียนสักพัก ก่อนจะนำแผ่นไม้ไปแขวนเพื่อขอพร และเดินกลับไปยังรถยนต์ที่จอดรออยู่ ไม่นานนักนากาโนะจึงตามมา

          “ขออภัยที่ต้องให้พวกท่านรอครับ” นากาโนะค้อมหัวน้อยๆ อย่างรู้สึกผิดที่ต้องให้ทั้งสองรอ

          “……” นาการะโบกมือประหนึ่งว่าไม่ต้องคิดมาก “กลับกันเถิด…” ชายหนุ่มกล่าว

          “ขอรับ” สิ้นเสียงนากาโนะ รถยนต์จึงเคลื่อนที่ออกจากศาลเจ้าอย่างช้าๆ มุ่งหน้ากลับสู่คฤหาสน์

 

บนรถ

          “นี่! นาการะ เจ้าขอพรว่าเช่นไร?” คิสึเนะเอ่ยถามไถ่นาการะ

          “………” ชายหนุ่มเงียบไม่ตอบ นั่นยิ่งสร้างความอยากรู้อยากเห็นให้แก่นางเป็นอันมาก

          “นี่~ ตอบข้าหน่อยสิ~” หญิงสาวรบเร้าชายหนุ่ม

          “ถ้าหากข้าบอกเจ้าไป พรมันจะไม่ศักดิสิทธิ์” นาการะกล่าวพลางมองหน้านาง

          “โถ่~ แต่ข้าอยากรู้ นะ นะ นะ บอกข้าหน่อย~” คิสึเนะพยายามรบเร้าชายตรงหน้าอีกครั้ง

          “ไม่ก็คือไม่” ชายหนุ่มพูดตัดบท ต้องทำใจให้แข็งเข้าไว้ ไม่หลงกลไปตามการรบเร้าของนาง

          “จิ๊ส์ ข้าไม่อยากรู้ด้วยแล้ว…” เมื่อเห็นว่าชายตรงหน้าไม่ยอมบอก หญิงสาวจึงแง่งอน ก่อนจะเลิกรบเร้าชายหนุ่ม จวบจนกระทั่งถึงคฤหาสน์

          ความจริงแล้วมิใช่ชายหนุ่มกลัวพรจะไม่ศักดิสิทธิ์ แต่เป็นนาการะเองต่างหาก ที่เขินอายเสียจนไม่กล้าบอกถึงคำอธิษฐานของตนให้รู้ ด้วยคำอธิษฐานนั้นเขียนถึงหญิงสาวตรงหน้าที่ตนเองพึงใจมากที่สุด

 

ณ ที่ราบแดนสวรรค์

พระราชวังสวรรค์ที่ประทับของเทพซูซาโนโอะโนะมิโคโตะ และ คุชินาดะฮิเมะโนะมิโคโตะ

          “เสด็จพี่เพคะ หม่อมฉันได้รับป้ายเอมะมาจากโลกมนุษย์เพคะ” เบื้องหลังผ้าม่านสีเขียวอ่อน ปรากฏร่างของหญิงสาวผู้สูงศักดิ์นางหนึ่งผู้เป็นต้นกำเนิดของเสียง ผู้มีนามว่า คุชินาดะฮิเมะโนะมิโคโตะ

          “ไหนขอข้าดูหน่อย” เทพร่างใหญ่โตกล่าว เมื่อเห็นแผ่นป้ายเจ้าปัญหาจึงเอ่ยขึ้น “แผ่นป้ายนี้ก็เป็นเพียงหนึ่งในแผ่นป้ายนับพัน ไฉนชายาของข้าจึงสนใจนักเล่า?” แท้จริงแล้วเทพผู้นี้คือเทพซึซาโนโอะ พระสวามีของคุชินาดะฮิเมะโนะมิโคโตะ

          “พระองค์ลองทอดพระเนตรเถิดเพคะ~” คุชินาดะฮิเมะแย้มสรวลเล็กๆ

          “ไหนข้าขอดูหน่อยสิ” พระองค์หยิบแผ่นเอมะมาจากชายาของตนเอง ก่อนจะเปิดดูด้วยความสงสัยใคร่รู้

          “เจ้านี่……ข้าว่าข้ารู้จักนะ…” เทพซูซาโนโอะเอ่ยขึ้น “โฮชิ คายาเสะ นาการะ”

          เมื่อเห็นถึงคำอธิษฐานของนาการะ เทพซูซาโนโอะจึงหัวเราะขึ้นพร้อมกับตบโต๊ะเสียงดัง “ปัง!”

          “ฮ่าๆๆ ในที่สุดเจ้าหนุ่มหน้าตายนั่น ก็มีความรักเหมือนชาวบ้านเขาเสียที!” พระองค์กล่าว

          “หม่อมฉันเองก็ได้รับแผ่นป้ายของหญิงสาว ผู้ที่น่าจะเป็นคู่ของเขามาด้วยเช่นกันเพคะ” คุชินาดะฮิเมะกล่าวพร้อมพยักหน้า

          “เช่นนั้นรบกวนเจ้า ส่งแผ่นป้ายทั้งสองให้เทพีเบนไซเทนจัดการต่อ” เทพซูซาโนโอะสั่งชายาของตน

          “เพคะ” คุชินาดะฮิเมะรับคำ มิบ่อยนักที่พระสวามีของพระองค์จะให้นำแผ่นป้ายไปให้เทพีเบนไซเทนโดยตรง แสดงว่าจะต้องมีความสำคัญมากเป็นแน่ บนแผ่นป้ายอธิษฐานที่อยู่บนฝ่ามือขอคุชินาดะฮิเมะนั้น ต่างเขียนถึงคำอธิษฐานแทนใจของผู้เป็นเจ้าของทั้งสองคน

 

“ขอให้ข้าและคิสึเนะ ได้อยู่ด้วยกันตลอดไป จากนี้ตราบจนนิจนิรันดร์”

โฮชิ คายาเสะ นาการะ

 

“ขอให้ข้าและนาการะ ได้อยู่ด้วยกันตลอดไป”

ซาซานาเอะ เรียวกะ คิสึเนะ

*เนื่องจากตอนนี้เขียนช่วงปีใหม่ที่ผ่านมา เลยอยากจะปรับให้เข้ากับสถานการณ์ช่วงนั้นมากที่สุดจ้า


หากใครนึกภาพตราประจำตระกูลของพระเอกไม่ออก มีตัวอย่างให้ดูตามรูปจ้า แต่จินตนาการสีตามคำบรรยายเอานะ5555555

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
10 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
9 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
9 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้?

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา