สาบสมิง

-

เขียนโดย ลูกคนเดียว

วันที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2562 เวลา 10.39 น.

  30 ตอน
  3 วิจารณ์
  22.28K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2562 11.58 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) บทที่แปด

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

               อีกหนึ่งสัปดาห์ต่อมาค่ายเยาวชนร่วมระหว่างโรงเรียนและอุทยานแห่งชาติก็เริ่มขึ้นอย่างคึกคัก ลูกเสือยุวกาชาดเกือบร้อยคนทยอยเดินทางเข้ามาจนเต็มพรึ่บทั้งสนามหญ้าบริเวณลานกางเต็นท์ติดกับชายป่าโปร่ง กัมปนาทในชุดลายพรางกล่าวเปิดการจัดค่ายในครั้งนี้ หลังจากเปิดกองเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทั้งหมดก็แบ่งแยกตามกลุ่มเข้าฐานให้ความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติสลับกับฐานบรรยายเรื่องระเบียบและเงื่อน พอบ่ายคล้อยก็มีกิจกรรมสันทนาการกลางแจ้ง ก่อนจะจบลงด้วยการที่ชานนท์สาธิตวิธีกางเต็นท์นอนให้แก่เหล่าลูกเสือรวมทั้งคุณครูผู้ควบคุมดูแล เต็นท์พักแรมจะเป็นเสมือนห้องนอนตลอดเวลาที่อยู่ในค่ายนี้ หลังจากขลุกขลักเล็กน้อยการจัดการเรื่องที่พักก็เสร็จเรียบร้อย หกโมงเย็นทั้งเด็กและครูก็ถือถาดอาหารมานั่งกินอย่างสงบภายในร้านอาหารสวัสดิการของอุทยานแห่งชาติ

                สุพรยังคงชวนชายหนุ่มคุยอย่างสนุกเหมือนเคย ผิดไปจากเพื่อนสนิทของหล่อนที่เงียบขรึมจนเขาสังเกตได้ ช่วงหนึ่งสุพรลุกขึ้นไปหาน้ำดื่ม เขาจึงถามกับหญิงสาวที่จมกับความคิดบางอย่าง

                “คุณขวัญเป็นอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมดูเงียบๆ”

                จอมขวัญยิ้มส่ายหัว

                “สงสัยขวัญจะเหนื่อยค่ะ เมื่อคืนขวัญไม่ค่อยได้นอน”

                “ทำไมครับ”

                “ขวัญตื่นเต้นที่จะได้ทำค่ายนะคะ”

                หล่อนตอบแต่เขารู้ดีว่าไม่ใช่เพราะเหตุผลนี้ ดวงตาของหล่อนมีแววปิดบังบางอย่าง จอมขวัญก้มลงตักอาหารเข้าปาก หล่อนไม่รับรู้รสชาติของอาหาร หล่อนกำลังนึกย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ร่างดำทะมึนพร้อมเสียงหัวเราะแหบห้าวดังสนั่นในความทรงจำ มันกลับมาอีกแล้วหลังจากหายไปเนิ่นนาน กลับมาเพื่อหลอกหลอนให้หล่อนผวาจนนอนไม่หลับ หลับตาทีไรต้องเห็นภาพร่างเงานั้นแต่คราวนี้ร่างนั้นกับชัดเจนจนพอจะมองออกว่าเป็นร่างของชายวัยฉกรรจ์ซึ่งอยู่ในชุดยาวรุ่มร่ามแปลกประหลาด มันคุกคามหล่อนและก็เหมือนเช่นทุกครั้ง มันจะถูกพลังงานบางอย่างกระชากจนหายลับไป ทิ้งไว้เพียงเสียงหัวเราะสะใจ จอมขวัญยังคงจมอยู่ในภวังค์จนไม่ได้สนใจสิ่งรอบตัว

                ชานนท์เห็นหล่อนนิ่งถือช้อนค้างอยู่นานจึงเอ่ยขึ้น

                “ผมว่าคุณขวัญควรจะพักผ่อนให้มากนะครับ คุณขวัญดูไม่ค่อยสบายเลย”

                เท่านั้นหล่อนจึงรู้สึกตัว

                “ค่ะงั้นขวัญขอตัวก่อนนะคะ เดี๋ยวเจอกันช่วงบรรยายภาคค่ำค่ะ”

                “ครับ ถ้ามีอะไรคุณขวัญบอกผมได้เลยนะครับ”

                จอมขวัญลุกผละไปพร้อมกับที่สุพรทิ้งตัวนั่งลง หล่อนมองเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ

                “ขวัญเป็นอะไรคะคุณนนท์”

                “คุณขวัญไม่ค่อยสบายนะครับ ผมเลยบอกให้ไปพักผ่อน”

                “แปลกช่วงนี้ขวัญดูใจลอยพิกล”

                “นั่นสิครับ คุณขวัญเธอเป็นอย่างนี้บ่อยมั้ยครับ”

                “ตอนยังเด็กขวัญเป็นบ่อยมากค่ะ คุณนนท์คงยังไม่รู้ว่าขวัญเป็นโรคละเมอเดิน”

                “โรคละเมอเดิน”

                เขาทวนคำ สุพรหันจิ้มฝรั่งส่งเข้าปากแล้วพูดต่อ

                “ใช่ค่ะ ตอนยังเด็กขวัญละเมอเดินแทบทุกคืน แต่เหมือนว่าพอโตขึ้นโรคจะกำเริบนานๆครั้ง”

                “สาเหตุเกิดจากอะไรครับ”

                “โรคละเมอเดินทั่วไปเกิดจากการพักผ่อนน้อยหรือว่าเป็นโรคบางอย่างร่วม แต่สำหรับขวัญ ไม่มีใครรู้ว่าเพราะอะไรค่ะ”

                “น่าแปลกนะครับ”

                “ไม่แปลกเท่าเรื่องของนายแสงหรอกค่ะ คุณนนท์ยังไม่ได้เล่าให้พรฟังเลย ถามยัยขวัญก็เล่าแบบไม่เต็มใจ สรุปว่านายแสงเจอเสือจริงเหรอคะ”

                ชานนท์เพียงยิ้มแล้วเล่าแบบเร็วๆก่อนจะสรุปปิดท้าย

                “ผมยังไม่เห็นหลักฐานที่บอกว่าเป็นเสือครับ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่ได้ชี้ชัดว่ามันจะใช่หรือไม่ใช่”

                “ไม่แน่นะคะ มันอาจจะเป็นเสือสมิงก็ได้” พูดจบหล่อนก็หัวเราะอย่างขบขัน

 

                ตลอดเวลาที่เดินกลับเต็นท์ที่พัก จอมขวัญรู้สึกถึงการถูกจ้องมองจากในส่วมมืดครึ้มใต้เงาไม้ใหญ่ หล่อนขนลุกอย่างประหลาดพร้อมกับได้กลิ่นสาบสางลอยตามลม หญิงสาวหันมองรอบตัวแต่ก็ไม่พบเจอสิ่งผิดปกติใดๆ เต็นท์พักแรมของหล่อนอยู่วงนอกสุดติดกับด้านชายป่าโปร่งๆนั้น หล่อนเป็นคนเลือกเอง ถึงแม้สุพรจะท้วงติงว่าควรจะให้ครูผู้ชายนอนบริเวณนี้ แต่เหมือนมีบางอย่างกระซิบบอกว่าหล่อนต้องนอนตรงนี้เท่านั้น จอมขวัญมุดตัวเข้าเต็นท์แล้วนอนหงาย ดวงตาทั้งคู่หลับลงอย่างอ่อนเพลีย ทันทีที่หลับตาเสียงหัวเราะพร้อมคำพูดในภาษาประหลาด็ดังขึ้น

                “อีกไม่นานเจ้าต้องมาปลดเปลื้องพันธนาการแห่งข้า เจ้าต้องมาเพื่อรับรู้ถึงความเจ็บปวดนานนับพันปี ความเจ็บปวดที่เจ้าเป็นผู้ก่อ ความทรมานที่ข้าเป็นผู้รับ เหอเหอเหอ”

                “แกเป็นใคร”

                หล่อนกลั้นใจตะโกนถามออกไป

                “ร้อยภพพันชาติที่เจ้าถือกำเนิดทำให้เจ้าหลงลืมทุกสิ่ง แต่อีกไม่นานเจ้าจะได้รู้ จะได้รู้เรื่องทุกอย่าง”

                “แกต้องการอะไร”

                แล้วหล่อนก็ได้เห็นร่างเงานั้นปรากฎตัวขึ้นภายในเต็นท์ มันยืนสูงตะหง่าน คราวนี้ร่างนั้นชัดเจนขึ้นแต่เค้าหน้ายังเลือนลาง มีเพียงดวงตาราวนัยน์ตาอสรพิษเท่านั้นที่มองเห็นชัดเจน มันจ้องมองหล่อนอย่างเยือกเย็น แต่เพียงครู่เดียวก็กลายเป็นเงาร่างเลือนลางดุจเดิม

                “ข้ายังแข็งแรงไม่พอ พลังชีวิตของสัตว์พวกนั้นช่างเล็กน้อยนัก” มันหยุดพูดแล้วมองหล่อน พลันอำนาจบางอย่างก็สะกดจนจอมขวัญขยับร่างกายไม่ได้ “ใกล้จะถึงเวลาแล้วสินะ แต่ว่าข้าจะหาร่างได้จากที่ไหน ร่างไหนกันที่จะเหมาะสม”

                หญิงสาวพยายามต่อสู้กับแรงกระทำประหลาดที่สะกดร่างกายทุกส่วนของหล่อนให้หยุดนิ่ง

                “หรือข้าจะใช้ร่างเจ้า ไม่ดีกว่า เจ้ามีบางสิ่งที่พิเศษกว่านั้น บางสิ่งที่สำคัญกับข้า”

                แล้วมันก็ทำเหมือนเช่นทุกครั้ง เอื้อมมือเหี่ยวแห้งหมายจะสัมผัสตัวหล่อน อีกเพียงคืบเดียวจะถึงร่างกายของหญิงสาว พลังงานทรงพลังก็กระชากจนเงานั้นปลิวถอยหลังหายออกจากเต็นท์ไปพร้อมกับที่จอมขวัญกระชากตัวเองลุกขึ้นนั่งเหงื่อท่วมตัว ลูกสาวคนเล็กของตระกูลจอมไม่แน่ใจนักว่าสิ่งที่หล่อนเพิ่งเผชิญหน้าเมื่อครู่เป็นความฝันหรือว่าความจริง หล่อนถอนหายใจเฮือกใหญ่ หูก็สดับรับเสียงดังแกรกกรากเหมือนเสียงฝีเท้าเดินวนเวียนอยู่รอบเต็นท์ จอมขวัญมองที่ผนังเต็นท์ แสงไฟจากลานกางเต็นท์ส่องต้องร่างหนึ่งให้หล่อนเห็น เงาใหญ่มหึมาเดินสี่ขาวนไปมาอยู่ด้านนอก เงามนุษย์ร่างหนึ่งเดินเคียงคู่ จนกระทั่งเงาร่างมนุษย์หยุดยั้งลงบริเวณด้านหน้าของเต็นท์ กลิ่นสาบสางลอยอบอวลจนหล่อนหายใจไม่ออก มีเสียงรูดซิบดังขึ้นแล้วร่างดำๆร่างหนึ่งก็โผล่พรวดเข้ามา ครูสาวยกมือปิดตากรีดร้องดังลั่นจนคนที่เพิ่งเข้ามาผงะหงายหลัง

                “เป็นอะไรไปจอมขวัญ”

                เมื่อหล่อนเปิดตา ใบหน้าอันคุ้นเคยของสุพรก็มองมาอย่างห่วงกังวล ส่วนถัดออกไปชานนท์นั่งคุกเข่ามองหล่อนด้วยสีหน้ากังวลใจกึ่งสงสัย จอมขวัญไม่ตอบ ชะเง้อมองออกนอกเต็นท์สลับกับกวาดตามองรอบด้าน ไม่มีเงาประหลาดนั้นแล้ว

                “มองหาอะไรขวัญ”

                สุพรมองตามแต่ทุกสิ่งยังคงปกติอย่างที่ควรจะเป็น

                “ก่อนแกเข้ามา แกเห็นอะไรแปลกๆมั้ย”

                หญิงสาวถามละล่ำละลัก

                “ไม่มีนะ ถ้าจะมีอะไรที่แปลกก็แกนี่แหละ”

                “แน่ใจนะ”

                “แน่ใจสิ ไม่เชื่อแกลองถามคุณนนท์อีกคนก็ยังได้” สุพรบุ้ยปากไปยังชายหนุ่ม ชานนท์พยักหน้ารับ

                “ทุกอย่างปกติครับคุณขวัญ”

                จอมขวัญผงกหัวอย่างอ่อนเพลีย

                “ฉันว่าจะมาตามแกไปช่วยดูการสอนตอนค่ำ แต่ถ้าแกไม่ไหวพักผ่อนก่อนก็ได้นะ”

                “ไม่เป็นไร ฉันยังไหว” หญิงสาวรีบตอบพร้อมขยับตัว เพื่อนสนิทของหล่อนมองอย่างเป็นกังวลแต่ก็รู้ดีว่าจอมขวัญก็เหมือนกับคนในตระกูลจอมทุกคน พวกนี้เป็นคนดื้อ ต่อให้ไม่ไหวก็จะบอกว่าไหวอยู่เสมอ พอออกมายืนสูดอากาศบริสุทธิ์หน้าเต็นท์ครู่เดียว ใบหน้าอันซีดเซียวของจอมขวัญก็ค่อยมีสีเลือดขึ้น

                “ไปกันเถอะ”

                หล่อนบอกกับทั้งคู่ ชานนท์จึงออกเดินนำหน้า สุพรคล้องแขนเพื่อนรักเดินตามหลัง แวบหนึ่งลูกสาวเสี่ยใหญ่หันกลับไปมองความมืดบริเวณราวป่า นัยน์ตาเหลืองเข้มมองตอบก่อนจะหลบหายไป จอมขวัญตัวสั่นสะท้าน เร่งฝีเท้าให้ไวขึ้น

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้ฉันแต่งขึ้นเอง

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา