สลักใจจอมทัพ

-

เขียนโดย Xiaobei

วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 19.52 น.

  23 บท
  0 วิจารณ์
  16.56K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2562 11.50 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

1) บทที่ 1-1

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

บนสนามรบที่ฝุ่นควันฟุ้งกระจาย ทหารวิ่งปะทะกันไปมานับไม่ถ้วน ไม่ว่าจะเป็นมิตรหรือศัตรูล้วนสละชีพเพื่อปกป้องบ้านเมือง มีเพียงตรงกลางสนามรบ ชายที่สวมชุดคลุมยาวสีจันทร์ยวงกลับไม่คิดเช่นนั้น

ดวงตาคู่ที่ลึกดั่งบ่อน้ำไร้คลื่นใด ทำให้มองสิ่งที่เขาคิดอยู่ในใจไม่ออก แต่จากการกระทำของเขาแล้วดูออกว่าเขากำลังสนุกกับมัน การฆ่าคน

เขาเอามือข้างหนึ่งไขว้หลัง ยืนตัวตรงมองทหารศัตรูที่พุ่งมาหาเขาจากด้านหน้า เผยอมุมปากเล็กน้อยโดยไม่เกรงกลัว ทันใดนั้น ทหารศัตรูก็ตัวสั้นลงคืบหนึ่งล้มอยู่กับพื้นต่อหน้าเขา

เซ่าหย่งที่ยืนอยู่บนแท่นบัญชาการนำการรบในครั้งนี้ มองภาพนี้ด้วยสีหน้าบูดบึ้ง “ถึงเขาจะช่วยให้ทหารข้ามีโอกาสชนะมากขึ้น แต่เขาไม่ใช่แค่ไม่เหลือศพไว้ดีๆ ยังตัดสองขา สองแขนอีกฝ่ายแล้วปล่อยให้พวกเขาร้องโหยหวนอยู่ตรงนั้น ทั้งเขายังสามารถหัวเราะชอบใจได้ขนาดนี้ ช่างน่าขนลุกเสียจริง”

“ศึกนี้สำคัญ ขอให้ท่านแม่ทัพตั้งใจกับการสู้รบเป็นพอ ส่วนความชอบขององค์ชายเจิ้นที่หกก็ช่างมันเถอะ” รองแม่ทัพอาโท่วเค่อพูดขึ้น

เซ่าหย่งกระตุกมุมปาก เส้นเลือดเขียวปูดบนหน้าผาก พูดด้วยความโกรธเคืองว่า “ข้าก็ไม่อยากจะยุ่งหรอก แต่เจ้าไม่เห็นเหรอว่าทหารของข้าก็กลัวเขาแทบตายเหมือนกัน”

อาโท่วเค่อมองสนามรบแล้วพูดไม่ออก แม้ว่าตัวเองจะอยู่ในสนามรบชายแดนมาหลายปี และชินจนไม่สะทกสะท้านกับความหวาดกลัวของการเข่นฆ่า แต่พอได้เจอกับองค์ชายหกที่ฆ่าคนอย่างไร้ความปราณีเช่นนี้ แม้แต่พวกเขาที่มีจิตใจเข้มแข็งดั่งเหล็กกล้าก็ยังอดไม่ได้ทั้งตกใจและหวาดผวา

ในสนามรบที่ทั้งสองฝ่ายปะทะกัน ทหารศัตรูนายหนึ่งค่อยๆ เข้าใกล้เซ่าเหยียนจากด้านหลัง เขายังไม่สังเกตเห็นว่าที่ด้านหลังมีคนอยู่ แต่ขณะที่หอกยาวนั้นกำลังจะแทงเข้าด้านหลังของเขาพลันมีแสงลำหนึ่งแหวกอากาศดั่งฝนดาวตก กวาดผ่านหน้าศัตรูคนนั้น วินาทีถัดมาหอกยาวหักลง ผมและกะโหลกตั้งแต่คิ้วขึ้นไปของทหารศัตรูถูกผ่าออกเหมือนผ่าแตงโม สมองที่ยังเต้นอยู่กระตุกตรงหน้า ความเคลื่อนไหวยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น กระบี่ในมือเสียบเข้าไปที่ศีรษะอย่างแม่นยำ ทำให้ทหารศัตรูผู้นั้นเลือดออกทวารทั้งเจ็ดและพ่นเลือดออกมามากมาย แล้วตายในที่สุด

เมื่อมององค์ชายเจิ้นที่หกที่ตั้งแต่ต้นจนจบไม่เคยขยับแม้แต่ก้าวเดียว รอยยิ้มตรงมุมปากที่เพลิดเพลินของเขาทำให้ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างรู้สึกขนลุก  ทว่าตัวเขากลับไม่สังเกตว่ารอยยิ้มกับการกระทำจากน้ำมือของเขาช่างไม่เข้ากันเสียเหลือเกิน

“สวรรค์ ใครก็ได้พาเขาไปจากที่นี่ที”

ทุกคนล้วนทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถทำให้ชายที่สนุกอยู่ออกไปจากที่นี่ได้ นอกจากท่านอ๋องจะมีราชโองการเรียกให้กลับไป หรือศึกครั้งนี้ชนะ ไม่อย่างนั้นพวกเขาก็น่าจะต้องอยู่กับเขาตลอด

“รายงาน!” จู่ๆ ก็มีทหารส่งสารนายหนึ่งถือธงหลวงวิ่งมาหาพวกเขา

เซ่าหย่งมองทหารส่งสารผู้นั้นด้วยสีหน้าไม่ดีแล้วพูดว่า “มีเรื่องอะไร?”

“วังหลวงมีสารถึงองค์ชายเจิ้นที่หก”

ได้ยินดังนั้น เฟิ่งอี้ที่ยืนอยู่ข้างๆ ไม่ไกลพวกเขาก็เคลื่อนสายตามองมา  ในใจของเซ่าหย่งอดชื่นชมทหารองครักษ์ที่นิ่งเงียบไม่พูดอะไรคนนี้ไม่ได้ สามารถมองทุกการกระทำของเซ่าเหยียนบนสนามรบโดยไม่สะทกสะท้าน ไม่มีทีท่าหวาดกลัวใดๆ

เซ่าหย่งส่งสายตาไปว่า “เจ้าจะเรียกเขามาที่นี่ หรือว่าจะเอาจดหมายไปให้เขาด้วยตัวเอง”

พอเฟิ่งอี้รับจดหมายลับแล้วขยับปลายเท้าวิ่งแทรกเข้าไปในฝูงทหาร  ไม่นานก็มาถึงข้างตัวเซ่าเหยียน

“ทำไมเสื้อผ้าของเขาถึงได้สะอาดเช่นนี้เสมอ ? ทั้งๆ ที่เขาฆ่าคนอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลยสักนิด  แต่ทำไมเลือดถึงไม่กระเด็นบนตัวเขาเลย ?” เซ่าหย่งรู้สึกสงสัยอย่างมาก

“บางทีท่านถามองค์ชายเจิ้นที่หกตรงๆ น่าจะได้คำตอบเร็วกว่า” ตามด้วยเซ่าหย่งเบ้ปาก ทำหน้ายังไงก็ไม่ถามคำถามที่รนหาเรื่องตายแบบนี้เป็นอันขาด

ไม่ทันไรเฟิ่งอี้ก็กลับมาถึงตรงหน้าพวกเขา

“เขาว่ายังไง?”

“องค์ชายหกบอกว่ามีธุระอะไรรอให้เขาจัดการธุระให้เสร็จก่อนแล้วค่อยว่ากัน” เขาเล่าออกมาไม่ขาดแม้แต่คำเดียว

“ทำธุระเสร็จ?” เซ่าหย่งจงใจลากเสียงสูง “อยากรู้จริงๆ องค์ชายเขามีธุระอะไร? ก็แค่เหวี่ยงกระบี่ทรมานฆ่าคนอย่างสนุกเท่านั้น นี่ก็ถือว่าเป็นธุระจริงจังด้วยหรือ?”

“ความหมายขององค์ชายหกก็เป็นแบบนั้น ไปถามอีกครั้งก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง”

“ช่างเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองจริงๆ” เขาเบ้ปากมองท้องฟ้า “อีกไม่กี่ชั่วยามพระอาทิตย์ก็จะตกดินแล้ว ออกคำสั่งบังคับให้พวกเขาถอยทัพ ศึกยืดเยื้อที่น่าเบื่อสู้ไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา แล้วส่งทูตไปเจรจาให้พวกเขายอมแพ้ด้วย”

อาโท่วเค่อรับคำสั่งและสั่งให้ทหารตีกลองเปลี่ยนกลยุทธ์การรบ เตรียมกลับกระโจมใหญ่หาลือคนที่จะเป็นทูต ทว่าหลังจากที่เข้าสู่ยามวิกาล เซ่าเหยียนที่ไม่ได้รับคำสั่งก็ข้าไปในกระโจมของเซ่าหยงโดยพลการขัดการหาลือของพวกเขา

“ตอนนี้ฟ้าดินกลับด้านหรือไง? เข้ากระโจมใหญ่ของข้าก็ไม่แจ้ง ที่นี่ข้าเป็นแม่ทัพ!” เซ่าหย่งจ้องมองเขาอย่างกรุ่นโกรธ พร้อมทั้งชักกระบี่จากเอว ชี้ไปที่เขาด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความโมโห

อาโท่วเค่อเห็นสถานการณ์ตรงหน้าไม่ดีจึงรีบเข้าไปขวางข้างหน้า “ท่านแม่ทัพ องค์ชายเจิ้นที่หกอาจจะมีเรื่องด่วนมารายงาน”

ได้ยินดังนั้น  เขาคิดก็ไม่คิด และด่าไปตรงๆ ว่า“ช่างมันด่วนหรือไม่ด่วน ที่นี่เป็นค่ายทหารไม่ใช่อยู่ในวังที่จะให้เขาทำอะไรตามใจชอบได้!” ว่าแล้วก็ผลักอาโท่วเค่อพุ่งตรงไปข้างหน้า

นึกไม่ถึงว่าแม้กระบี่จะจี้คออยู่ คนตรงหน้ากลับยังคงทำหน้าจริงจังยื่นจดหมายในมือ ไม่มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย

“พี่สามอยากทำเสียเรื่องเหรอ?” คำพูดที่เย็นชาดั่งน้ำแข็ง บวกกับแววตาที่นิ่งเฉยดั่งบ่อน้ำมองไปที่เซ่าหย่ง

“ทำไม? เจ้าจะมาตำหนิที่ข้าขัดจังหวะความสุขการฆ่าคนของเจ้างั้นหรือ!” กระบี่ที่กำแน่นอยู่ในมือยังคงไม่ลดลง

“วังหลวงมีคำสั่งให้ไปจัดการย้ายน้องหกออกจากค่ายทหาร”

“วังหลวงให้เจ้าไปทำ ไม่ใช้ให้ข้าไปทำเสียหน่อย”

เขาไม่ตอบ เพียงแต่ดีดนิ้วเบาๆ กระบี่ที่จี้คออยู่เคลื่อนไปหนึ่งชุน[1] ตามด้วยเงาร่างที่เคลื่อนไปตรงม่านของกระโจม แล้วมองท้องฟ้ายามค่ำคืนที่ไร้แสงดาว “น่าจะเบื่อนัก”

“เบื่อหรือ?” เขาทำหน้าสงสัย

การสนทนาของพวกเขามันเกี่ยวกับน่าเบื่อได้เสียที่ไหน?

“พี่สามก็น่าจะรู้ว่าสถานการณ์การรบที่นี่ยืดเยื้อเกินไป นอกจากไม่มีประโยชน์แล้วยังน่าเบื่ออีก”

หลังจากที่เข้าใจความหมายในคำพูดแล้ว เซ่าหย่งก็พูดขึ้นอย่างไม่อ้อมค้อมว่า “ข้าตั้งใจจะส่งทูตไปกล่อมให้พวกเขายอมแพ้แล้ว ก่อนหน้าที่เจ้ายังไม่พุ่งพรวดเข้ามาได้คัดเลือกทูตเอาไว้แล้ว”

“โน้มน้าวให้พวกเขายอมแพ้งั้นหรือ?" เขาขมวดคิ้ว

ท่าทางที่ไม่เห็นด้วยทำให้เซ่าหย่งนึกว่าเข้าใจผิด “ทำไม? ในเมื่อเจ้าเบื่อแล้ว ยังคิดจะสู้อีกหรือ?”

“หลังจากนี้สามวันเก็บค่ายกลับวัง” พูดจบ เขาก็เอามือไขว้หลังออกจากกระโจมหายไปในความมืดยามค่ำคืน

ไม่ต้องเดามากเกินไปก็เข้าใจความหมายของเซ่าเหยียน จากนั้นก็เก็บกระบี่แล้วหันไปพูดกับอาโท่วเค่อและเฟิ่งอี้ว่า “ข้าควรจะดีใจที่เขาลอบเข้าค่ายศัตรูตอนกลางคืนฆ่าแม่ทัพของอีกฝ่าย เพื่อไม่ต้องมีขั้นตอนขอให้ยอมแพ้หรือ?”

ทั้งสองคนพูดไม่ออก แต่ในใจเฟิ่งอี้รู้ดี องค์ชายหกตั้งแต่ต้นจนจบเป็นการทำตามที่วังหลวงสั่งไม่ใช่ทำตามใจตัวเอง

---------------------------------------------------------------------------------------------

[1] 一寸 (อี้ชุน) แปลว่าหนึ่งนิ้ว

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา