สลักใจจอมทัพ

-

เขียนโดย Xiaobei

วันที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2562 เวลา 19.52 น.

  23 บท
  0 วิจารณ์
  16.23K อ่าน

แก้ไขเมื่อ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2562 11.50 น. โดย เจ้าของนิยาย

แชร์นิยาย Share Share Share

 

8) บทที่ 2-4

อ่านบทความตามต้นฉบับ อ่านบทความเฉพาะข้อความ

เวลาอาหารเที่ยง คนที่อัดแน่นแทบทะลักนอกโรงเตี๊ยมหนานเทียน และหัวข้อสนทนาตามมาติดๆ

“ได้ยินว่าตระกูลฮวงที่เพิ่งเกิดเรื่องไม่นานนั้น เหมือนจะมีคนจากราชวังมาตรวจสอบแล้วนะ” ชายชุดเขียวแทะเมล็ดแล้วพูดไป

ชายอีกคนหนึ่งที่มีท่าทางเป็นคนค้าขายเล็กๆ น้อยๆ ก็พยักหน้า “ข้าก็เห็น ตอนนั้นข้าหาบผลไม้ผ่านบ้านตระกูลฮวง ก็เห็นชายคนหนึ่งที่มีกลิ่นอายชั้นสูงถูกผู้ติดตามประคองเข้าบ้านตระกูลฮวง ข้ายังได้ยินว่าเขาเรียกชายคนนั้นว่าท่านด้วยนะ”

“คนคนนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร”ชายชุดเขียวจ้องตาเป็นประกายด้วยความอยากรู้

“คนคนนั้นมีสีหน้าขาวซีดเหมือนกับคนป่วย อย่างกับว่าอีกไม่นานก็จะกลับบ้านเก่าเสียอย่างนั้น” ชายขายของส่ายหน้าหัวเราะแล้วถอนหายใจ “ไม่รู้ว่าเป็นท่านมาจากไหน ถึงได้อ่อนแอเช่นนี้”

ได้ยินถึงตรงนี้ คนสองคนที่อยู่ตรงมุมก็มีเหงื่อไหลลงจากหน้าผากหยดหนึ่ง ในใจร้องแย่แล้วไม่หยุด

“จริงๆ แล้วก็ไม่ได้ใหญ่มาจากไหน  ก็แค่ภายนอกดูดีเท่านั้น ไม่แน่คนในวังล้วนแกล้งทำตัวดูดีทั้งหมดกระมัง ฮ่าฮ่าฮ่า”  “ข้าก็คิดว่าอย่างนั้น...” ชายขายของพยักหน้าเห็นด้วยไม่หยุด

“แต่ว่าท่านที่มาจากในวังก็ไม่เห็นสืบคดี เอาแต่เดินเที่ยวเล่นไปทั่ว ดูไปแล้วก็แค่รับคำสั่ง แล้วมาเที่ยวที่เมืองหนานหยางของพวกเราเท่านั้น คดีที่ลูกชายผู้เฒ่าฮวงนี้คิดว่าก็คงจมอยู่ในทะเลแล้วกระมัง”

ขณะที่คนเหล่านั้นคุยกันอย่างสนุกปาก จนพูดไปถึงไหนต่อไหนก็ไม่รู้นั้นผู้คนที่ตอนแรกยังเสียงดังเอะอะราวกับจู่ๆ ก็เห็นเรื่องอะไรที่ชวนตกใจเสียอย่างนั้น ต่างทำตาโต สีหน้าที่บูดบึ้งทำเอาเสียวสันหลังไม่หาย

“นี่...นี่ไม่ใช่ว่าเป็น...”

“ใช่! คนคนนั้นก็คือท่านที่มาจากในวังที่ข้าเห็นตรงบ้านตระกูลฮวง!”

ณ เวลานี้คาเชวี่ยและเฟิ่งอี้ที่นั่งอยู่ตรงมุมต่างมองหน้ากัน เหมือนกำลังยืนยันสิ่งที่อีกฝ่ายคิดว่าจะเหมือนกับที่ตัวเองคิดอยู่หรือไม่ และก็พยักหน้าพร้อมกับรีบเบือนหน้าหนีกลัวว่าจะถูกท่านผู้นั้นเห็นเข้า

“ไม่รู้ว่าองค์ชายหกได้เจอท่านนั้นหรือยัง? หวังว่าจะยังนะ”

“แต่ก็ไม่แน่ เพราะองค์ชายหกไปมาไม่เห็นแม้แต่เงา ไม่แน่ว่าจริงๆ แล้วอาจจะได้เจอกันแล้วก็ได้” คาเชวี่ยก็อดนึกถึงผลที่ร้ายที่สุดในใจอย่างอดไม่ได้

“ยังไม่ได้เจอจริงๆ แต่กลับได้เจอพวกเจ้าเสียก่อน”

เฟิ่งอี้และคาเชวี่ยได้ยินเสียงที่ลอยมา ก็ตัวแข็งทื่อไม่กล้ามองไปข้างๆ ได้แต่เหงื่อตกมองตากันเอง

“หืม? ทำไมถึงไม่ทักทายล่ะ แค่กแค่ก เห็นพวกเจ้าที่นี่ทำเอาดีใจไม่น้อยเลยนะ” เซ่าเจินไม่สนสายตาที่ประหลาดใจและอยากรู้ของคนอื่น แล้วนั่งลงระหว่างพวกเขาโดยไม่เอ๋ยถามอะไร

พอนั่งลงหู่พั่วก็ส่งตะเกียบให้เขา “แต่ก็ไม่เป็นไร อยู่ที่นี่ก็ไม่สะดวกจะเปิดเผยขนาดนั้น” เขายื่นมือคีบเนื้อตงพัว[1]เข้าปากลองชิม

พอสิ้นเสียงลงคาเชวี่ยและเฟิ่งอี้ก็ผลักเก้าอี้ออกคุกเข่าที่พื้นกะทันหัน ขณะที่จะทำความเคารพอยู่นั้นก็ถูกหู่พั่วห้ามไว้ แต่การที่จู่ๆ ก็คุกเข่าแบบนี้ทำเอาคนที่อยู่ข้างๆ ต่างตกใจไม่น้อย

“ลุกขึ้นเถอะ บอกแล้วว่าห้ามเปิดเผยไม่ใช่หรือ” เขาคีบอาหารแสนอร่อยบนโต๊ะแล้วพูด

ได้ยินแบบนี้ ทั้งสองคนก็ลุกขึ้นยืนอยู่ข้างๆ ไม่กล้านั่งลง แล้วก็ได้ยินเขาพูดอีกว่า “นั่งเถอะ พวกเจ้าไม่ใช่ผู้ติดตามของข้า อีกอย่างอาหารพวกนี้ก็เป็นพวกเจ้าที่สั่งมาก็ควรจะกินให้หมด”

ขณะที่กำลังจะปฏิเสธ ก็เห็นแววตาและมุมปากที่เผยอขึ้นเล็กน้อยเต็มไปด้วยการเชื้อเชิญอย่างจริงใจ “นั่ง!” เขาสองคนตกใจจึงได้แต่ฝืนนั่งลงบนที่นั่งในตอนแรกและไม่กล้าสบตาเขา

เคยได้ยินว่าองค์ชายสี่ไม่สนอำนาจใดๆ เรื่องอะไรก็ไม่สน สนแต่เรื่องของตัวเอง ดังนั้นมีอายุจนถึงป่านนี้ก็ยังไม่มีตำแหน่งอะไร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่มีความสามารถเลย เพียงแต่ตั้งแต่ที่เขาเกิดมาก็กอดขวดยามาแล้ว มักมีหมอหลวงบอกว่าเขาจะมีอายุอยู่ไม่ถึงเท่านั้นเท่านี้ทว่าจนถึงตอนนี้เขาก็ยังมีชีวิตอยู่ได้ เพียงแค่โรคที่ติดตัวอยู่ยังรักษาไม่หายเท่านั้น แต่นิสัยก็เปลี่ยนแปลงไปตามอายุที่มากขึ้น แม้จะไม่พอใจแต่รอยยิ้มที่เผยออกมายังคงจริงใจ ก็เหมือนกับกระต่ายที่มีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวแต่กลับไม่รู้ว่ากำลังคิดแผนอะไรอยู่

เซ่าเจินไม่สนใจพวกเขาตั้งใจทานอาหารต่อ ส่วนคนที่อยู่รอบๆ ยังคงมองชนชั้นสูงที่จู่ๆ ก็มาเยือนด้วยความอยากรู้ ทว่าถึงจะมองอย่างไรก็เห็นแค่เขาคีบอาหารกินอย่างเงียบๆ คนที่อยู่รอบๆ เห็นว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นจึงต่างหันกลับมากินอาหารที่โต๊ะตัวเองแล้วคุยกันต่อ ก็มีแค่ไม่กี่คนที่ยังจ้องไม่หยุด จนผู้ติดตามคนนั้นจ้องกลับอย่างเหี้ยมโหดถึงหันกลับไปไม่กล้าแอบมองอีก

จนกว่าเขาจะกินอิ่มคาเชวี่ยและเฟิ่งอี้ก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา

ผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม เซ่าเจินถึงวางตะเกียบลงอย่างหนำใจแล้วรับผ้าที่หู่พั่วส่งมาให้และเช็ดมือ

“ข้าว่าอาหารของโรงเตี๊ยมนี้สมคำล่ำลือจริงๆ พวกเจ้าว่าไหม?” เขายิ้มแล้วพูดขึ้น

“ขอรับ” ทั้งสองคนตอบพร้อมกัน ภายในใจยังคงตึงเครียด

เขาค่อยๆ หันกลับมามองพวกเขาทั้งสองคน  เอามือเท้าคางแล้วพูดว่า “ในเมื่อกินอิ่มขนาดนี้แล้ว เงยหน้ามาคุยเรื่องจริงจังกันเสียหน่อยเป็นไง?”

“เรื่องจริงจัง?” คาเชวี่ยเงยหน้ามองเขา จะมีเรื่องจริงจังอะไรที่จะคุยกับผู้ติดตามสองคน

เขาพยักหน้าพูดว่า “พวกเจ้ารู้จุดประสงค์การมาของข้าหรือไม่?”

“ทราบขอรับ”

“รู้ก็ดีแล้ว งั้นเจ้านายพวกเจ้ารู้หรือยัง?” เขากดเสียงต่ำลงเล็กน้อย

“คือ...” คาเชวี่ยมองเฟิ่งอี้ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่ เห็นเขาค่อยๆ ส่ายหน้าแล้วพูดกับเซ่าเจินว่า “พวกเราถูกรับสั่งไม่ได้รับอนุญาติให้ติดตามอยู่ข้างกายองค์ชาย ดังนั้นจึงไม่ทราบว่าองค์ชายหกรู้เรื่องที่องค์ชายสี่มาที่เมืองนี้หรือยัง” แน่นอนว่าถ้าหากโม่ฉิงหลิงเจอกับองค์ชายหกแล้ว ก็ต้องรู้ข่าวการมาขององค์ชายสี่

ได้ยินคำตอบแบบนี้เขาก็ไม่ใส่ใจ “งั้นเจ้านายของพวกเจ้าได้สั่งให้พวกเจ้าทำอะไรไหม?”

“ไม่ขอรับ” พวกเขาตอบโดยไม่คิด

พอได้ยินคำตอบแบบนี้เขาก็ใช้ความคิดขึ้นมา ในเมื่อรู้ว่าผู้ติดตามของตัวเองอยู่ที่นี่แต่ไม่ได้สั่งให้ทำอะไร ถ้าไม่ใช่ยังคิดไม่ออกว่าจะเคลื่อนไหวอย่างไร ก็คือเรื่องทั้งหมดเคลื่อนไหวคนเดียวก็เพียงพอแล้ว? ถ้าอย่างนั้นถามอะไรพวกเขาสองคนก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา งั้นก็นิ่งเฉยดูสถานการณ์ไปก่อนแล้วกัน

เขาหยิบแก้วขึ้นมาเล่นด้วยท่าทางไม่ใส่ใจ พูดเสียงเบาว่า “เรื่องนี้ก็ไม่ได้รีบร้อนอะไรไม่ต้องสนใจก็ได้ หู่พั่ว เจ้าไปบอกบ้านตระกูลฮวงว่าข้าจะพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมนี้ แล้วขอบคุณการดูแลของพวกเขาในหลายวันที่ผ่านมาเถอะ” พอนึกถึงว่าจะต้องอยู่ในที่ที่มีแต่ความเศร้าหมองตลอดเวลาก็ทำเอาเขาไม่สบายใจ บรรยากาศแห้งเหี่ยวหดหู่แบบนั้นแทบจะทำให้อาการป่วยของเขาหนักขึ้นไปอีก

“ขอรับ” หู่พั่วรับคำสั่ง

สายตาเคลื่อนไปทางคนสองคนที่มีสีหน้าเคร่งเครียด เขาฉีกยิ้มแล้วพูดขึ้น  “งั้นตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปพวกเราก็จะเป็นเพื่อนบ้านกันแล้วโปรดชี้แนะด้วย” เขายิ้มอย่างสบายใจ  ทว่าสองคนนั้นกลับมีสีหน้าเศร้าหมอง เต็มไปด้วยความทุกข์ที่ไม่อาจระบายออกมาได้

--------------------------------------------------------------------

 

[1] เนื้อหมูสามชั้นที่มีมันครึ่งหนึ่งเนื้อแดงครึ่งหนึ่งหั่นเป็นลักษณะก้อนสี่เหลี่ยมนำมาตุ๋นจะมีสีแดงเข้ม

 

คำยืนยันของเจ้าของนิยาย

✓ เรื่องนี้นำมาจากแหล่งอื่นและได้รับการอนุญาตจากเจ้าของแล้ว

คำวิจารณ์

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถเขียนวิจารณ์ได้


รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
คำวิจารณ์เพิ่มเติม...

โหวต

เนื้อเรื่องมีความน่าสนใจ
0 /10
ความถูกต้องในการใช้ภาษา
0 /10
ภาษาที่ใช้น่าอ่าน
0 /10

* ต้องล็อกอินก่อนครับ ถึงสามารถโหวดได้


แบบสำรวจ

คุณคิดยังไงกับนิยายเรื่องนี้

* สามารถกรอกแบบสำรวจโดยไม่ต้องเป็นสมาชิกก็ได้ครับ

 

อ่านนิยายเรื่องอื่น

 
รอสักครู่กำลังโหลดข้อมูล
ข้อความ : เลือกเล่นเสียง
สนทนา